แชร์

บทที่ 188

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
มันคืองูตัวใหญ่ที่มีขนาดเท่าถังน้ำ ดวงตาของงูตัวใหญ่เหลืองคล้ายดั่งโคมไฟสองดวง

ตัวของงูพันเอาไว้รอบเอวของซือเจ๋อเยว่ รัดจนนางรู้สึกปานเอวจะหัก

ยามที่นางถูกงูรัดและถูกยกขึ้นกลางอากาศ เยียนเซียวหรานก็จับมือของนางเอาไว้

เขากระโดดขึ้นสูง กระบี่ในมือฟาดฟันไปที่งูตัวใหญ่อย่างแรง

กระบี่นั้นโดยปกติสามารถฟันคนขาดครึ่ง แต่เมื่อฟันลงบนตัวของงูตัวใหญ่ กลับทำได้เพียงสร้างรอยเล็ก ๆ บนเกล็ดของมันเท่านั้น

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เยียนเซียวหรานหน้าถอดสี

ซือเจ๋อเยว่รู้เรื่องความสามารถในการต่อสู้ของเยียนเซียวหราน แต่กระบี่เล่มนี้กลับฟันงูตัวใหญ่ไม่ขาด

งูตัวนี้ทำจากอันใดกัน หนังหนาเกินไปแล้ว!

งูตัวใหญ่จ้องมองเยียนเซียวหรานอย่างดูถูก หัวของมันหันกลับ มองไปทางซือเจ๋อเยว่

งูตัวใหญ่อ้าปาก เผยให้เห็นเขี้ยวคมภายใน กลิ่นที่เหม็นเน่าทำให้ซือเจ๋อเยว่แทบอาเจียน

นางบีบจมูกแล้วเอ่ยขึ้น "เจ้าไม่รักษาความสะอาดเลยหรือ ไม่แปรงฟันหรืออย่างไร?"

เยียนเซียวหราน "..."

งูตัวใหญ่กำลังจะกินนาง แต่ยามนี้นางกลับเอ่ยเรื่องแปรงฟันกับงู เหมาะสมแล้วหรือ?

เขาอยากจะดึงนางออกมา แต่ตัวของงูรัดนางเอาไว้แน่นเกินไป หากเขาดึงนางออกม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
ttjiwan
ตลก มาลงเยอะๆค่ะ
goodnovel comment avatar
benya2999
สนุกมากๆๆๆ รออ่านตอนใหม่ๆๆๆๆ อัพเดทเยอะๆๆๆๆ นะคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 189

    ทั้งสองร่วมมือกันได้อย่างลงตัว ทุกครั้งที่งูตัวใหญ่มีแนวโน้มจะขยับ ซือเจ๋อเยว่ก็จะประสานมุทราสะกดมันเอาไว้เยียนเซียวหรานรับหน้าที่ตำแหน่งเจ็ดนิ้วหลังหัวของงูตัวใหญ่ เกล็ดงูตัวนั้นแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ทนต่อการถูกฟันที่คล้ายดั่งว่ามันเป็นเพียงตอไม้เช่นนี้ได้หลังจากฟาดฟันหลายรอบเช่นนี้ แผลบนตัวงูตัวใหญ่ก็ลึกขึ้นเรื่อยๆงูตัวใหญ่ที่เคยดูถูกในตอนต้น ยามนี้กลับกลายเป็นหวาดกลัว เวลาผ่านไปเพียงชาครึ่งถ้วยเท่านั้นยามนี้มันรู้แล้วว่ามนุษย์สองคนนี้คือพวกคนบ้า โหดเหี้ยมจนน่ากลัว!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะฆ่ามันได้จริง!ซือเจ๋อเยว่จ้องมองมันอย่างดูถูก "ดุนักหรือ ข้าจะฆ่าเจ้า!"งูตัวใหญ่สั่นกลัว เมื่อเทียบกับเยียนเซียวหราน มันกลัวซือเจ๋อเยว่มากกว่า นางชั่วร้ายเกินไป!เยียนเซียวหรานใช้กระบี่ฟันเข้าไปเต็มกำลัง กระบี่นี้ฟันเข้าที่ตำแหน่งเจ็ดนิ้วหลังหัวของงูตัวใหญ่จนเปิดเป็นรอยราวหนึ่งฉื่อเมื่อกระบี่นี้ฟันลงไป เขาแทบไม่มีแรงเหลือ เหงื่อเย็นไหลออกจากหน้าผากซือเจ๋อเยว่ใช้มือประสานมุทราหลายครั้ง กำลังของนางก็หมดไปไม่น้อยครั้งนี้นางประสานมุทราช้าไปเล็กน้อย เมื่องูตัวใหญ่สามารถขยับได้ ก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 190

    ผลลัพธ์นี้ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกท้อแท้ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้น "ในเมื่อออกไปไม่ได้ ไม่มีอันใดทำแล้ว ข้าจะทำลายค่ายกลนี้ก็แล้วกัน!"แม้ว่าวิญญาณของโครงกระดูกเหล่านี้จะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงจนหมดแล้ว แต่ในฐานะหัวหน้าของสำนักเต๋า เมื่อเห็นเรื่องเช่นนี้ ก็จะต้องทำอันใดสักอย่างวิญญาณเหล่านั้นไม่มีแล้ว นางไม่สามารถทำพิธีปลดปล่อยให้พวกเขาได้ แต่นางสามารถทำลายค่ายกลนี้ เพื่อสงบความอาฆาตแค้นที่กระจายอยู่โดยรอบเยียนเซียวหรานถามนาง "ร่างกายขององค์หญิงไหวหรือไม่?"ซือเจ๋อเยว่กะพริบตา "ดูคล้ายจะไม่ค่อยไหว น้องสามกอดข้าหน่อยได้หรือไม่ จะได้เป็นการมอบพลังให้กับข้าหน่อย?"เยียนเซียวหรานปรายตามองนาง แล้วหันหน้าไม่มองนางอีกนางไม่สนใจ หัวเราะออกมาเสียงเบาการทำลายค่ายกลต้องใช้เครื่องมือ นางรู้ว่าการมาที่จวนหนิงกั๋วกงวันนี้จะไม่สงบ จึงนำเครื่องมือบางอย่างมาด้วยกระบี่ไม้ท้อของนางใหญ่เกินไปจึงไม่สะดวกพกพา นางจึงนำระฆังเรียกวิญญาณและเครื่องมือเล็ก ๆ มาระฆังเรียกวิญญาณสามารถใช้ได้ แต่ยังไม่พอนางมองไปรอบ ๆ สิ่งที่สามารถใช้ได้ในที่แห่งนี้ก็มีเพียงท่อนไม้ที่ใช้เป็นอาวุธเท่านั้นซือเจ๋อเยว่ไปดึงไม้หลายอั

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 191

    ซือเจ๋อเยว่โบกมือกล่าว “พวกเจ้าไปเถอะ!”เมื่อนางพูดประโยคนี้จบ แสงดาวเหล่านั้นวนรอบตัวของนางสองรอบ จากนั้นก็กระจัดกระจายไปคนละทางหลังจากที่รอให้แสงดาวเหล่านั้นสลายจนหมดสิ้น เปลวไฟทั้งสี่ด้านของแท่นบูชาทั้งหมดก็สว่างขึ้นดัง ‘พรึ่บ’มือข้างหนึ่งของเยียนเซียวหรานกำลังค้ำซือเจ๋อเยว่ มืออีกข้าวหนึ่งถือกระบี่ชี้ไปทั่วทุกสารทิศซือเจ๋อเยว่จับมือของเขาเบา ๆ แล้วกล่าว “เปลวไฟเหล่านี้สว่างขึ้นพร้อมกัน วิชาที่ใช้ก็คือวิชาของสำนักเต๋า ที่นี่ไม่มีคน”นางพูดจบก็คลานขึ้นมาจากบนตัวของเยียนเซียวหราน จ้องมองไปรอบ ๆ อย่างละเอียด แค่นหัวเราะทีหนึ่งเยียนเซียวหรานถาม “ทำไมหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “คนพวกนี้ของจวนหนิงกั๋วกงช่างไร้คุณธรรมจริงๆ”“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจมาตลอดว่า หลังจากที่พวกเขาทำค่ายกลที่ชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่งอันนั้น จะถ่ายโอนพลังงานอย่างไร”“เมื่อเห็นโลงศพเหล่านี้ข้าถึงเข้าใจ พวกเขาใช้วิญญาณของบรรพบุรุษของตนเองเป็นสื่อกลาง”เยียนเซียวหรานยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ มือของนางทำมุทราแล้ววาดผ่านที่ด้านหน้าของเขา “เจ้าดูเอาเองก็แล้วกัน”หลังจากมือของนางพาดผ่าน ภาพที่เขามองเห็นแตกต่างจากเมื่

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 192

    ซือเจ๋อเยว่เห็นลูกธนูแหลมดอกนั้นแล้ว เพียงแต่ด้วยฝีมือของนางไม่สามารถหลบได้พ้นมือข้างหนึ่งโอบเอวของนางจากทางด้านข้าง แล้วดึงนางไปทางด้านข้าง ธนูดอกนั้นเฉียดผ่านตัวนางแล้วลอยออกไป ปักเข้ากับกำแพงหินที่อยู่ด้านข้างมีคนวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน เมื่อเห็นสภาพโลงศพไม้ที่อยู่ตรงหน้าเละเทะ กระดูกกระจัดกระจายเต็มพื้น ก็กล่าวด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”“ช่างไร้เหตุผลเสียจริง จับตัวพวกมันมาให้ข้า!”เป็นไปตามคาดซือเจ๋อเยว่วิ่งไปที่ข้างกายของเยียนเซียวหราน คนที่พุ่งตัวเข้ามาด้วยท่าทางดุร้ายพวกนั้นถูกเขาถีบจนกระเด็นออกไปในเวลานี้ ซือเจ๋อเยว่ก็มองเห็นท่าทางของพวกเขาอย่างชัดเจนคนหนึ่งเป็นผู้ชายอายุยี่สิบกว่าปีกับผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีคนหนึ่ง ข้างกายของพวกเขามีคนรับใช้ร่างกายกำยำอีกสิบกว่าคนติดตามมาด้วยผู้ชายสองคนนั้นมีหน้าตาคล้ายกับอวิ๋นเยว่หยาง บนตัวของสองคนนี้ปกคลุมไปด้วยพลังสีม่วง พลังสีม่วงประเภทนี้เห็นได้มากที่สุดในผู้ที่เป็นประมุขตระกูลเมื่อครู่นี้นางไม่เห็นพลังสีม่วงบนตัวของอวิ๋นเยว่หยางกับหนิงกั๋วกงฮูหยิน คงจะเป็นหนิงกั๋วกงกับซื่อจื่ออวิ๋นเยว่

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 193

    หนิงกั๋วกงคิดว่าหากนางใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักเต๋าตลอด ไม่มีทางส่งผลกระทบรุนแรงกับจวนหนิงกั๋วกง การลอบสังหารยังล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงคร้านที่จะสนใจนางอีกครั้งนี้อวิ๋นไท่เฟยให้นางกลับมายังเมืองหลวงก็เพื่อให้แต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อแทนองค์หญิงสาม และไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากเขาด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ค่อยพอใจสักเท่าใดนัก จึงระวังมาตลอดว่าซือเจ๋อเยว่จะส่งผลไม่ดีต่อจวนหนิงกั๋วกงหรือไม่นางกลับมายังเมืองหลวงหลายเดือนแล้ว จวนหนิงกั๋วกงไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยวางเรื่องนี้ลงเนื่องจากซือเจ๋อเยว่ก็เป็นเพียงสาวน้อยที่บอบบางคนหนึ่ง คงก่อเรื่องอะไรไม่ได้ดังนั้น เมื่อวันก่อนอวิ๋นเยว่หยางพูดว่าเขาเชิญซือเจ๋อเยว่มาที่จวนกั๋วกง หนิงกั๋วกงก็ไม่ได้สนใจสักเท่าใดนักจนกระทั่งเมื่อครู่นี้ตอนอยู่ในห้องเขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เทวรูปที่บูชาไว้ในจวนก็แตกอย่างกะทันหัน เขาถึงได้ตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบพาอวิ๋นเยว่ปิงมาที่นี่ด้วยความรีบร้อนคิดไม่ถึงว่าคำพูดของราชครูสวรรค์เมื่อหลายปีก่อนจะเป็นจริงในวันนี้ตอนนี้เขาอยากจะฟันเจ้าโง่อวิ๋นเยว่หยางที่ชักศึกเข้า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 194

    เดิมทีหนิงกั๋วกงก็ถูกหางงูตบจนได้รับบาดเจ็บไม่น้อยแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนางก็รู้สึกหายใจไม่ออก ก็หมดสติไปทันทีเมื่ออวิ๋นเยว่ปิงเดินไปถึงข้างกายของเขาก็ประคองเขาลุกขึ้นมาแล้วยื่นมือไปกดตรงกลางริมฝีปากของเขา “ท่านพ่อ!”มือของหนิงกั๋วกงสั่นเทาเล็กน้อยชี้ไปที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานกล่าว “ฆ่าพวกมัน!”เมื่ออวิ๋นเยว่ปิงเห็นคนรับใช้ที่นอนกองอยู่บนพื้นลุกขึ้นไม่ได้ ก็หันไปมองเยียนเซียวหรานกับซือเจ๋อเยว่ที่ยังสบายดีอยู่ แรงอาฆาตในดวงตาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ประคองหนิงกั๋วกงลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกเยียนเซียวหรานรีบลากซือเจ๋อเยว่เดินตามไปทันทีอวิ๋นเยว่ปิงกับหนิงกั๋วกงเดินออกมาก่อน ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตู ก็กดปุ่มกลไกทีหนึ่งตอนที่เขาลงไป ในใจของซือเจ๋อเยว่ก็เกิดสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ แรงกดดันมหาศาลก็เพิ่มขึ้นจากอุโมงค์ ขวางทางออกของพวกเขาตลอดหลายปีมานี้ซือเจ๋อเยว่ติดตามอาจารย์ทั้งหลายขึ้นเหนือล่องใต้ ประสบกับเรื่องราวแปลกประหลาดต่าง ๆ มากมาย แต่กลับไม่เคยรู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนถึงแม้ว่าตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าข้างในมีอะไ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 195

    ทว่ากระบี่ในมือของเยียนเซียวหรานในเวลานี้แทงเข้าไปในเงาดำแล้ว จากนั้นก็แปะยันต์หลายแผ่นที่บนกระบี่ด้วยความรวดเร็วเงาดำนั่นมองเขาด้วยความดูถูกก่อนแวบหนึ่ง ไม่ได้เห็นยันต์พวกนั้นอยู่ในสายตาเพียงแต่ครู่ต่อมา ยันต์นั่นถูกกระตุ้น ฟ้าร้องและฟ้าผ่าผสมกับไฟและลมกระโชกแรงพัดเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งฟ้าร้องก่อให้เกิดไฟ และลมก็ช่วยให้เกิดฟ้าร้อง เพียงชั่วพริบตา พื้นที่ทั้งหมดก็เต็มไปด้วยสายฟ้าและเปลวเพลิงซือเจ๋อเยว่ “...”เมื่อครู่นี้นางนำยันต์ให้เยียนเซียวหรานครึ่งหนึ่ง เป็นเพราะสถานการณ์คับขัน นางไม่ได้มองว่าเป็นยันต์อะไรบ้างยันต์ที่นางวาดอานุภาพทรงพลัง แต่ละแผ่นประสิทธิผลดียิ่ง ต่อให้เป็นตัวนางเอง ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้ยันต์สักเท่าไหร่ร่างกายของนางในเวลานี้โงนเงน ออกแรงตะโกน “หมอบลงไป!”เยียนเซียวหรานมองเห็นเปลวเพลิงและสายฟ้าที่โหมกระหน่ำนั่นไม่จำเป็นต้องให้ซือเจ๋อเยว่บอก ก็หันหลังกระโจนตัวเข้ามา กดนางเอาไว้ใต้ตัว ใช้ร่างกายของเขาขวางสายฟ้าและเปลวเพลิงที่ทรงพลังให้นางซือเจ๋อเยว่ “...”นางให้เขาหมอบลง ไม่ได้ให้เขาหมอบลงแบบนี้แต่ว่าเป็นเพราะการเข้าใกล้ของเขา นางสัมผัสได้ชัดเจนว่าพล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 196

    เยียนเซียวหรานตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยความเหลือเชื่อเล็กน้อยในตอนนี้นางกำลังลืมตาทั้งสองข้างมองเขา มองอย่างค่อนข้างชัดเจน ท่าทางไม่เหมือนกับเสียสตินางลงมือกับภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะเกินไปหน่อยหรือไม่?เขากล่าวเสียงเย็นชา “องค์หญิง โปรดระวังการกระทำของท่านด้วย”เขาพูดจบก็ยื่นมือออกไปกำลังจะผลักนางออก แต่นางกลับโอบลำคอของเขาเอาไว้แน่นกล่าวใกล้กับริมฝีปากของเขา “รอเดี๋ยว ข้าอธิบายได้!”เยียนเซียวหรานไม่รู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางจะอธิบายอะไรได้หรือจะพูดอีกอย่างว่า ไม่ว่านางจะอธิบายอย่างไร ทั้งสองคนใกล้ชิดกันขนาดนี้นั้นคือเรื่องจริงเขากำลังสับสน ว่าจะสะบัดนางออกไปตรง ๆ เลยดีหรือไม่ซือเจ๋อเยว่รู้สึกถึงความแน่นตึงของร่างกายเขารวมทั้งอารมณ์ที่ใกล้จะระเบิด นางยกมือขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานไม่เข้าใจเหตุผลอยู่เล็กน้อย นางกล่าวออกมาทันที “ดูเส้นสีแดง”สายตาของเยียนเซียวหรานหยุดอยู่ที่เส้นสีแดงบนข้อมือของนาง ในเวลานี้เส้นสีแดงนั้นมีเพียงท่อนสั้น ๆ เท่านั้นก่อนหน้านี้เขารู้ว่านางจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงอายุสิบแปดปี เส้นสีแดงเส้นนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 359

    นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตอนนั้นเขาเข้าไปในค่ายกลแล้ว ตกอยู่ในภาพลวงตา เหมือนเช่นเยียนเซียวหรานในตอนนี้ตัวประหลาดนั่นโหดเหี้ยมน่ากลัวเกินไป ภายในร่างกายกักขังเศษวิญญาณเอาไว้มากมายขนาดนั้นนางไม่จำเป็นต้องเดา เศษวิญญาณที่ตัวประหลาดกักขังเอาไว้ภายในร่างกายพวกนั้น เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นองครักษ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อเมื่อนางนึกถึงเรื่องศพอันไม่สมบูรณ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ถูกขนกลับมายังจวนเยียนอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้โดนสัตว์ป่ากัดเอา ทว่าถูกตัวประหลาดนี้ฉีกนางไม่สามารถจินตนาการได้ เยียนอ๋องซื่อจื่อและกลุ่มคนถูกขังอยู่ภายในค่ายกลนี้ ตอนที่ถูกตัวประหลาดฉีกกินทั้งเป็น จะน่าเวทนาและหมดหนทางมากขนาดไหน!ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่ต้องการฆ่าปิดปากพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นตาค่ายกล ถูกกักขังระหว่างหยินกับหยางตลอดไป กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ต่อให้วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์จะหนีไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ หากไม่โง่ ปัญญาอ่อน ก็จะอายุสั้น เพราะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ ได้รับความทุกข์ทรมานเพราะกลับชาติมาเกิดคนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ!พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งถึงได้หยุดลงแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 358

    ตัวประหลาดจับลูกธนูดอกนั้นไว้แล้วโยนใส่พวกเขาเยียนเซียวหรานหลบด้วยความรวดเร็ว ธนูดอกนั้นลอยเฉียดหัวของเขาไปซือเจ๋อเยว่ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาเบา ๆ พลังสังหารของตัวประหลาดตัวนี้มากเสียจนน่าหวาดกลัวสีหน้าของเยียนเซียวหรานเองก็ค่อนข้างดูแย่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปอยากจะยิงให้ถูกตัวประหลาดอีกก็คงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากตอนที่ซือเจ๋อเยว่เห็นตัวประหลาดไล่ตามมา พลังชั่วร้ายสีดำที่แผ่ซ่านออกมาจากมือ นางจึงมีวิธีการแล้วนางหยิบลูกธนูดอกหนึ่งขึ้นมาแล้วติดยันต์ที่ด้านบน ให้เยียนเซียวหรานยิงอีกครั้งตัวประหลาดในเวลานี้อยู่ใกล้กับพวกเขามาก เยียนเซียวหรานทำได้เพียงหลบไปก่อน แล้วค่อยยิงธนูดอกนั้นออกไปตัวประหลาดตัวนั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเขา ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาแวบหนึ่ง ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อจับธนูดอกนั้นเพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่มันจับลูกธนูดอกนั้นเอาไว้ ทันใดนั้นยันต์ห้าอัสนีบาตรก็ทำงาน ภายในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ฟ้าผ่ามันจนไหม้เกรียมเยียนเซียวหรานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทำแบบนี้น่าจะผ่าจนตัวประหลาดตายแล้ว ทว่าครู่ต่อมา ตัวประหลาดก็ขยับอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 356

    ตอนนี้สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ก็คือสัตว์ยักษ์สีแดงที่สูงประมาณหนึ่งจั้งตัวหนึ่งสัตว์ยักษ์ตัวนั้นมีดวงตาสีดำที่คล้ายกับระฆัง ไม่มีคิ้ว ไม่มีขนตาจมูกมีเพียงรูจมูกสองรู ปากไม่มีริมฝีปาก ปรากฏให้เห็นฟันแหลมคมเต็มปาก ภายใต้ฟันอันแหลมคม เวลานี้ยังมีของเหลวสีเหลืองไหลย้อยออกมาเพียงแค่พวกนี้ก็พอทนแล้ว ร่างกายของเขายังมีตุ่มสีแดงเต็มตัวตุ่มพวกนั้นห้อยอยู่บนร่างกายของสัตว์ยักษ์ ปกคลุมร่างกายของมันที่เดิมทีเต็มไปด้วยขนสีดำ มองดูน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ซือเจ๋อเยว่ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนมีความรู้กว้างขวางมาโดยตลอด กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้ชื่อปาเลี่ยร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ “นี่มันตัวบ้าอะไรกันเนี่ย!”นี่เป็นคำถามที่เยี่ยมมากจริง ๆ ซือเจ๋อเยว่เองก็อยากรู้เช่นกันว่านี่มันคือตัวบ้าอะไรสัตว์ยักษ์ที่กำลังน้ำลายไหลตัวนั้นเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขา ทันทีที่มันเข้าใกล้ กลิ่นคาวกลุ่มนั้นก็รุนแรงขึ้นซือเจ๋อเยว่สะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก!ตอนที่เยียนเซียวหรานมองเห็นสัตว์ยักษ์ตัวนั้น เสียงเตือนภายในใจของเขาก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งตอนที่สัตว์ยักษ์ตัวนั้นเดินเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 355  

    นางมีแววตาเปล่งประกายล้ำลึก “ช่างเป็นฝีมือที่สูงส่งยิ่งนัก!”  เยียนเซียวหรานมองนาง นางจึงเอ่ยต่อ "ฟ้าคือหยาง ดินคือหยิน ยามหยินหยางกลับตาลปัตร สรรพสิ่งพลิกผัน กฎแห่งฟ้าดินถูกตัดขาด!"  “แต่สิ่งใดที่หลอกลวงได้ชั่วคราว ย่อมไม่อาจปิดบังไปชั่วชีวิต!”  “เหล่าดวงวิญญาณผู้ซื่อสัตย์แห่งสนามรบ ท่านทั้งหลายที่คืนสู่แผ่นดิน ณ ที่แห่งนี้ โปรดร่วมมือกับข้ากำจัดภาพลวงที่ปกคลุมโลกใบนี้ จงสลายม่านมายา! ทำลายมันเสีย!”  นางฟาดฝ่ามือลงกับพื้นดิน สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงแตกร้าวดังมาจากรอบทิศ  ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น พื้นดินสีดำสนิทรอบตัวก็พลันหายไป อาการหายใจที่ยากลำบากบัดนี้กลับมาเป็นปกติ  ต้นไม้ที่เคยหายไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายและความเสื่อมสลาย  ขุนเขาเช่นนี้ หาได้มีภาพของทัศนียภาพอันงดงามเหนือจินตนาการอย่างที่ชื่อปาเลี่ยที่เคยบอกเอาไว้ไม่  แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็นดินแดนรกร้างที่ไร้ซึ่งชีวิต!  เกรงว่าภาพที่เยียนอ๋องเห็นในอดีตก็คงจะเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น เพียงแค่นางยังไม่เข้าใจเหตุผล ผู้ที่วางค่ายกลนี้ เหตุใดจึงต้องสร้างภาพลวงเช่น

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 354  

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่อากาศโดยรอบเริ่มบางเบาจนผิดปกติ  พวกเขาเพียงแค่เดินตามปกติ แต่กลับรู้สึกหายใจติดขัด  ชื่อปาเลี่ยอ้าปากหอบหายใจ พลางเอ่ยด้วยความตระหนก “นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดข้าหายใจไม่ออก?”  ซือเจ๋อเยว่เอ่ยเสียงเบา “เราก้าวเข้าสู่ค่ายกลของผู้อื่นแล้ว”  ชื่อปาเลี่ยเอ่ยด้วยความสงสัย “แต่เมื่อครู่ยามที่เข้ามา ท่านได้ทำลายค่ายกลไปแล้วไม่ใช่หรือ?”  ซือเจ๋อเยว่ตอบไป “นี่คือค่ายกลซ้อนค่ายกล ผู้วางค่ายกลนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง ฝีมือในด้านค่ายกลไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย” “แม้แต่ยามที่ก้าวเข้ามาครั้งแรก ข้าเองก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ” “ในเมื่อเราตกเข้ามาแล้ว ยามนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาทางทำลายค่ายกลนี้”  ชื่อปาเลี่ยรีบถาม “ทำอย่างไรจึงจะทำลายได้?”  ซือเจ๋อเยว่กวาดตามองโดยรอบแล้วเอ่ยขึ้น “หากต้องการทำลายต้องหาแกนกลางค่ายกลให้พบ ขอเพียงหามันเจอ การทำลายค่ายกลนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง”  “ส่วนเรื่องที่ว่ามันอยู่ที่ใด ยามนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ชัด เราต้องหาต่อไป”  ยิ่งพวกเขาก้าวไปข้างหน้าเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าการหายใจยากลำบากเท่านั้น พื้นดินรอบตัวกลายเป็นสีดำไหม้ ฟ้า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 353  

    ราชครูมองเห็นโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกงกระจัดกระจาย ก่อนที่มันจะรวมตัวขึ้นอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  เขายกนิ้วขึ้นคำนวณบางสิ่ง แต่เมื่อได้ผลลัพธ์ เขากลับแย้มยกริมฝีปากแล้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “นี่มันตัวอันใด!”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเอ่ยถาม “ท่านราชครู เป็นอันใดไปหรือขอรับ?”  ทว่าราชครูกลับตอบไม่ตรงคำถาม “ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนมีเหตุและผลของมัน”  “มีบางเรื่องที่ข้าสามารถแทรกแซงได้ แต่บางเรื่องต้องปล่อยให้นางเป็นผู้จัดการเอง”  “นางคนนั้นมีชะตาชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น เมื่อยามทุกข์ก็ทุกข์อย่างแท้จริง” “แม้ข้าจะสงสารนางเพียงใด แต่เรื่องบางเรื่องก็มีแต่นางที่ต้องเผชิญด้วยตนเอง”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวเอ่ยถาม “ท่านกำลังเอ่ยถึงชะตากรรมใดกัน? หรือว่าท่านกำลังเป็นห่วงศิษย์พี่หญิง?”  ราชครูหยิบไม้ขนไก่ข้างตัวขึ้นมาแล้วหวดลงไปที่หลังของเด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวทันที “ผู้ใดสนใจนางกัน?!”  “ชะตาชีวิตของนางเป็นชะตาที่ต้องตาย แม้แต่มหาเทพเซียนมาเองก็ไม่อาจช่วยนางได้!”  “ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะนาง ข้าแก่ขึ้นไปตั้งเท่าใด ข้าจะไปสนใจนางเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 352  

    ดังที่ซือเจ๋อเยว่คาดการณ์ไว้ อดีตหนิงกั๋วกงพลันกระอักเลือดออกมา  เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างเคียดแค้น “ซือเจ๋อเยว่!”  ตลอดหลายวันผ่านมานี้ เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกง  สมบัติวิเศษล้ำค่าที่เขาเสาะหามานานหลายปีล้วนถูกใช้ไปจนหมดสิ้น จึงจะประคับประคองไว้ได้อย่างยากลำบาก ครั้งก่อนที่ไป๋จื้อเซียนบุกเข้าไปยังห้องลับ และกลืนกินดวงวิญญาณของบรรพบุรุษคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ทำให้อดีตหนิงกั๋วกงเริ่มรู้สึกถึงความสั่นคลอนของพลัง  แม้เวลานั้นสถานการณ์จะอันตราย แต่ค่ายกลใหญ่แห่งชายแดนยังไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์  หากสามารถจัดการพลังที่หลงเหลือได้อย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถต่อเวลาของโชคชะตาในจวนหนิงกั๋วกงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อรู้ว่าซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานออกจากเมืองหลวง เขาจึงเร่งวางแผนเพื่อกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก เดิมทีเขาคิดว่าหากสามารถสกัดซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานเอาไว้ที่ด่านอวิ๋นหลิ่งได้ ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา  ทว่าเมื่อครู่ เขาได้รับสารลับจากนกพิราบส่งข่าวจากด่านอวิ๋นหลิ่ง  ข้อความในจดหมายบอกเอาไว้ว่าที่ด่านอวิ๋นหลิ่งนั้น เกิดหิมะตกหนัก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 351  

    ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนจากบุรุษผู้ซื่อสัตย์ กลายเป็นคนหยาบกระด้างและไม่สนใจเหตุผลใด ๆ อีกต่อไป  เขาชินเสียแล้วกับสายตาของผู้คนที่มองเขาปานสิ่งสกปรก เขาใช้ชีวิตอย่างเมามายไร้จุดหมายไปวัน ๆ  แต่เมื่อวาน ยามที่ไป๋จื้อเซียนคิดจะสังหารเขา ซือเจ๋อเยว่กลับทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยชีวิตเขา  ยิ่งไปกว่านั้นแววตาที่นางใช้มองเขา ก็หาได้แตกต่างไปจากการมองคนอื่นไม่ ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความดูแคลน  เขาจึงรู้สึกว่าสตรีในโลกนี้ ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นมารดาหรือสตรีที่เขาเคยหมายปองในอดีต  เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณชายสาม หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ท่านพอจะพาข้าไปเมืองหลวงได้หรือไม่?”  เยียนเซียวหรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เจ้าคิดจะไปเมืองหลวง?”  ชื่อปาเลี่ยตอบไป “ใช่ขอรับ ข้าไม่อยากอยู่ที่ชายแดนอีกต่อไปแล้ว ที่นี่ทุกคนล้วนรู้เรื่องของข้า หากข้าไม่เลือกเป็นอันธพาลก็ต้องเป็นเพียงคนไร้ค่า” “แต่ข้าไม่อยากเป็นอันธพาลและไม่อยากเป็นคนไร้ค่า ข้าเพียงแค่อยากเป็นคนธรรมดา”  “ข้าต้องการพึ่งพาความสามารถของตนเอง มีชีวิตที่ดี และแต่งงานกับสตรีดี ๆ สักคน เพื่อใช้ชีวิตอย่างปกติสุข”  เยียนเซียวหรานเอ่ย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status