Share

บทที่ 139

Author: เจียงหนานเยียน
เขารู้ว่าสถานการณ์แบบเขาในตอนนี้ เป็นไปได้สูงที่เป็นเพราะถูกซือเจ๋อเยว่เบิกตาทิพย์

เขาเคยได้ยินคนพูดว่า การเบิกตาทิพย์เป็นเรื่องที่ยากมากเรื่องหนึ่ง พอเป็นนาง เพียงแค่โบกมือก็ทำให้เรื่องราวสำเร็จได้

ทุกอย่างที่ได้ยินและได้เห็นในคืนนี้ ได้ทำลายสามมุมมองและความรู้ของเขาจนพังทลาย

คืนนี้ซือเจ๋อเยว่เบิกตาทิพย์ให้เขาแบบนี้ เพียงเพราะแค่อยากจะบอกเขาว่าจ้าวซือหว่านเกี่ยวพันธ์กับสิ่งชั่วร้ายจริง ๆ ถึงได้ถูกฟ้าผ่าตาย

เพียงแต่สายฟ้านี้อยู่ในยันต์ของซือเจ๋อเยว่ นางกำลังขจัดความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน

เดิมทีเหวยอิ้งหวนก็กำลังคาดเดาว่าซือเจ๋อเยว่เป็นผู้สังหารจ้าวซือหว่าน ครั้งนี้นับว่ามั่นใจอย่างสมบูรณ์แล้ว

เพียงแต่วิธีการสังหารคนของซือเจ๋อเยว่ อยู่เหนือที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้

เรื่องราวในค่ำคืนนี้ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมากจริง ๆ เขาอดทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เขาไม่ได้พาคนมาด้วย ไปที่จวนเยียนอ๋องเพียงลำพัง

ตอนที่เขามาถึง ประตูห้องก็ได้นำเขาตรงไปยังแท่นดาราของจวนอ๋อง

แท่นดาราเป็นลานกว้างขนาดประมาณสองตารางเมตร ที่นั่นสามารถมองเห็นทั่วทั้งจวนอ๋อง

ตรงกลางของแท่นดาราในเวลานี้มีโต๊ะหนึ่งตัววางอยู่ บน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 140

    ซือเจ๋อเยว่พูดจบกำลังจะลงมืออีกครั้ง เหวยอิ้งหวนรีบกล่าว “ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ!”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปหาเขา เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของตนมากเกินไปหน่อยจริง ๆ รีบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง เพื่อให้ตนสงบสติขึ้นเล็กน้อยเขากระแอมเสียงเบาแล้วกล่าว “ความหมายของข้าคือไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้ ข้าเชื่อคำพูดขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตาหยี “ขอบคุณในความเชื่อมั่นของใต้เท้า”“ข้าขออธิบายเรื่องหยกแขวนชิ้นนี้กับใต้เท้าเสียหน่อย รอยดำด้านบนคิดว่าใต้เท้าน่าจะมองเห็น”“ตอนนี้ใต้เท้าไม่มีตาทิพย์ มองเห็นอะไรได้ไม่มากนัก แต่ข้ารู้ว่าใต้เท้าสามารถสัมผัสได้”เหวยอิ้งหวนสัมผัสได้จริง ๆ หยกแขวนชิ้นนั้นทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบาย แสดงออกถึงความชั่วร้ายเขากล่าวเสียงขรึม “หลังจากที่องค์หญิงทำลายค่ายกลของหยกแขวนชิ้นนี้ คำเชิญของจ้าวซือหว่านครั้งนี้อันที่จริงคือการลองหยั่งเชิง และองค์หญิงวางแผนซ้อนแผน?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ไม่ผิด แต่ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจ้าวซือหว่านจะลงมือวันนี้”“นางคิดจะสังหารน้องสาม ข้าผู้เป็นพี่สะใภ้คนโตไม่สามารถทนยืนดูอยู่เฉย ๆ ได้ ดังนั้นจึงลงมือ”“แต่ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่านา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 141

    เยียนเซียวหรานเหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะกล่าว “บิดาและพี่ชายตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ในฐานะที่ข้าเป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในจวนเยียนอ๋อง ย่อมมีหน้าที่ของตนที่ต้องรับผิดชอบ”“ข้ารู้ว่าใต้เท้าเหวยเจตนาดี ทว่าเรื่องนี้ข้ามิอาจทำตามที่ใต้เท้าเหวยบอกได้”“ข้าสามารถสืบคดีกับใต้เท้าเหวย แม้บิดาและพี่ข้าจะตายไปแล้ว ทว่าจวนเยียนอ๋องก็ยังมีข้าอยู่!”เขากล่าวจบก็ชี้นิ้วไปทางลานสวนด้านหน้าพลางพูด “ท่านย่าชราภาพแล้ว ท่านแม่ร่างกายมิสู้ดีนัก พี่สะใภ้รองก็ตั้งครรภ์”“ข้าเป็นบุรุษในจวนเยียนอ๋อง ก็ต้องแบกรับจวนเยียนอ๋องไว้”เหวยอิ้งหวนทอดถอนลมหายใจเสียงยาวออกมาแล้วเอ่ย “หากคุณชายสามดึงดันจะสืบให้จงได้ ข้าก็จะไม่ขัดขวาง”“เพียงแค่อยากขอให้คุณชายสามโปรดระวังตัวด้วย เมื่อประสบกับเรื่องยุ่งยาก ก็มาหาข้าได้เลย”คนทั้งสองประสานมือคารวะซึ่งกันและกัน จากนั้นเหวยอิ้งหวนตั้งท่าเดินจากไปขณะถึงปากทางบันไดเขาพลันหันกลับมาเอ่ยต่อซือเจ๋อเยว่ “องค์หญิง กระหม่อมหวังว่าต่อไปจะไม่ได้เห็นของพวกนั้นอีก”ซือเจ๋อเยว่เอ่ยอย่างเชื่อฟัง “ได้”เหวยอิ้งหวนเอามือไพล่หลังข้างหนึ่ง แล้วสาวเท้ายาวเดินจากไป

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 142

    เยียนเซียวหรานไม่มีทีท่าว่าจะสนใจนาง เคลื่อนไหวฝีเท้าเดินหน้าอย่างไม่มีหยุดพัก เสื้อคลุมพลิ้วไหวในยามราตรี แผ่รังสีสง่างามและสุขุมซือเจ๋อเยว่เอามือกอดอก บึนปากเล็กน้อยนางรีบถกแขนเสื้อขึ้นดูเส้นสีแดงบนข้อมือ เป็นดังที่นางคาดไว้ เส้นสีแดงยาวขึ้นอีกนิดแล้วนางหัวเราะอย่างมีความสุข ที่แท้เข้าใกล้เขาในระยะประชิดแบบนี้ ก็ต่อชีวิตของนางได้เช่นนั้นต่อไปนางแค่หาโอกาสเข้าใกล้เขา ก็ไม่ต้องลำบากลำบนหาหนทางหลับนอนกับเขาอีกแล้วนี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากสำหรับนาง!เพราะเข้าใกล้เขาง่าย ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขานั้นยากแสนยากนักแววตาที่นางมองเขาพลันเป็นกระกายลุกวาวในพริบตาเดียวเขาก็คืออุปกรณ์ต่อชีวิตเคลื่อนที่ของนางดี ๆ นี่เอง!จากนี้นางต้องหาโอกาสเข้าใกล้เขาให้มาก ๆ จะได้สะสมเวลาชีวิตไว้เยอะ ๆเยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงแววตาร้อนแรงของนาง เขาพลันเกิดความรู้สึกสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือว่านางชอบเขา?หลังจากความคิดนี้แล่นปราดเข้ามาในหัว เพลิงราคะราวกับถูกจุดขึ้นให้ลุกโชนเขาสูดลมหายใจเข้าลึกติดต่อกันหลายที พร่ำบอกตนเองว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ นางคงแค่เย้าแหย่เขาอยู่เท่านั้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 143

    เยียนเซียวหรานกล่าวพึมพำ “เมื่อสองปีก่อน เวลาช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน”สองปีที่แล้วก็คือช่วงเวลาที่เขาถูกสตรีลึกลับทำเรื่องอย่างว่าที่ตำบลนั้นสัญชาตญาณบอกเขาว่าเรื่องนั้นอาจมีความเกี่ยวข้องอยู่บ้างกับการที่จู่ ๆ อารามเต๋าก็ประกอบพิธิสะเดาะเคราะห์ยิ่งใหญ่แต่เขาก็มิอาจล่วงรู้ได้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรฉางซานกล่าวต่อ “ส่วนลายปักดอกกล้วยไม้บนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ก็เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในตำบลนั้นขอรับ”“ร้านเย็บปักในตำบลต่างเย็บลวดลายนี้เป็นกันทั้งนั้น”“ข้าน้อยได้สอบถามโดยละเอียดแล้ว ต้นแบบแรกเริ่มของลายปักดอกกล้วยไม้นั้นมาจากองค์หญิงขอรับ”อารามเต๋าแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ประเภทแรกคืออารามสำหรับให้บุรุษฝึกฝนวิชา ส่วนอีกประเภทก็คือสำหรับสตรีซือเจ๋อเยว่กลับเติบโตมาในอารามเต๋าซึ่งเป็นสถานที่ฝึกฝนวิชาสำหรับบุรุษ ทั้งยังไม่ใช่นักพรตหญิงอย่างเต็มตัว เดิมทีนี่ก็ถือว่าแปลกมากอยู่แล้วชาวบ้านแถวนั้นไม่รู้ฐานะองค์หญิงของนาง กลับรู้ว่านางเป็นสตรีเพียงคนเดียวในอารามเต๋า นางรู้จักมักคุ้นกับคนแถวนั้นและเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านเยียนเซียวหรานได้ยินเช่นนี้ พลันนึกถึงคำพูดที่นางได้เอ่ย

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 144

    เยียนเซียวหรานไม่รู้ ยามนี้ก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะจัดการด้วยวิธีที่ดีที่สุดเหมือนว่าเขาคงต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องนี้ แล้วปฏิบัติต่อนางเหมือนเช่นที่ผ่านมาเพียงแต่เพิ่งมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา เขาก็นึกถึงค่ำคืนอันแสนงดงามอย่างหาที่สุดมิได้นั้นอีกครั้งบัดนี้เขารู้แล้วว่าซือเจ๋อเยว่ก็คือสตรีผู้นั้น ภาพในค่ำคืนนั้นจึงซ้อนทับกับภาพเมื่อไม่กี่คืนก่อนอย่างสมบูรณ์เดิมทีเขาจำได้ไม่ชัดเจนนัก แต่กลับนึกขึ้นมาได้เพราะเรื่องนี้เยียนเซียวหรานสบถเสียงค่อย “คนลวงโลกที่หาความจริงจากปากไม่ได้เลย!”ซือเจ๋อเยว่ยามนี้กำลังจัดวางค่ายกลอยู่ที่ห้องของนาง เกิดจามดังลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ “ใครกันที่กำลังด่าข้า?”นางเอ่ยจบก็หัวเราะ “คงจะเป็นตาแก่นิสัยแย่ไร้มโนธรรมพวกนั้นแน่นอน”นางเติบโตขึ้นมาโดยมีอาจารย์ทั้งเก้าคอยเลี้ยงดู แม้พวกเขาล้วนไม่ใช่คนจริงจังอะไรมากนัก และดูไม่ค่อยเหมือนนักพรตที่น่าเคารพนับถือแต่ภายในใจของนาง แม้พวกเขาจะน่ารำคาญ ทว่าก็เป็นคนใกล้ชิดที่นางไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุดนางคิดถึงท่าทางไม่สนใจไยดีต่อสิ่งใดของพวกเขา เดาว่ายามนี้ก็คงกำลังหลอกลวงผู้คนอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นแน่ นา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 145

    เขาบันดาลโทสะ ยกเท้าถีบเข้ายอดอกของบ่าวรับใช้คนนั้นพร้อมพ่นคำสบถ “ไสหัวไป!”บ่าวรับใช้รีบจากไปด้วยท่าทางล้มลุกคลุกคลานอวิ๋นเยว่หยางถามนักพรตรูปนั้น “นักพรตจื่อหยาง เรื่องนี้ท่านมองว่าอย่างไร?”นักพรตจื่อหยางตอบ “ข้าไม่เห็นศพของแม่นางจ้าว จึงไม่รู้สถานการณ์ของนาง”“แต่ดูจากคำบอกเล่าเมื่อครู่นี้ น่าจะมีคนใช้ยันต์ห้าอัสนีบาตกับนางแล้ว”เขาคือนักพรตฝีมือเลิศล้ำที่อวิ๋นเยว่หยางทุ่มเงินมหาศาลเชิญตัวมาเขาเป็นหนึ่งในนักพรตผู้มีอาคมแก่กล้าที่สุดในสำนักเต๋าทั้งปวง แต่ถึงเขาแก่กล้าวิชา กระนั้นกลับมีจิตใจชั่วร้ายไม่ตรงไปตรงมาปีนั้นอาจารย์ของเขามีความประสงค์จะมอบตำแหน่งเจ้าอาวาสอารามเต๋าให้กับศิษย์น้องที่มีวิชาอาคมสู้เขาไม่ได้ เขาก็วางแผนฆ่าศิษย์น้องคนนั้นทันที แล้วกลายเป็นเจ้าอาวาสคนใหม่อารามเต๋าที่เขาอยู่เป็นหนึ่งในอารามที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นต้าฉู่ และเขามองว่าตนเองเป็นนักพรตที่เก่งกาจที่สุดรองจากประมุขลัทธิเต๋าเท่านั้นส่วนประมุขลัทธิเต๋าไม่ปรากฏกายมาหลายปีแล้ว เขาจึงไม่ใส่ใจประมุขลัทธิเต๋าที่ว่านี้นัก“ยันต์ห้าอัสนีบาต?” อวิ๋นเยว่หยางถามด้วยความฉงน “มันคือสิ่งใดกัน?”นักพรตจื่อหยาง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 146

    สามวันต่อมา ทานด้านศาลต้าหลี่ได้สรุปสำนวนคดีการตายของจ้าวซือหว่านออกมาแล้ว ซึ่งสำนวนความสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพอสรุปออกมาก็เป็นเพียงประโยคเดียวจ้าวซือหว่านถูกฆ่าตายโดยผู้ใช้คาถามนตร์ดำ ทางราชสำนักจะสืบสวนลัทธิชั่วร้ายนี้อย่างเข้มงวดซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำสรุปสำนวนคดีนี้แล้ว มุมปากกระตุกเล็กน้อยก่อนนี้นางคิดว่าเหวยอิ้งหวนเป็นคนเที่ยงตรง ตอนนี้ดูแล้วเขาก็ไม่เห็นจะเที่ยงตรงอย่างที่คิดไว้นักนางรู้สึกว่าบางทีคืนนั้นนางคงเปิดเนตรวิเศษให้เขามากไปหน่อย มันกระตุ้นเขาเข้า จึงโยงไปถึงลัทธิชั่วร้ายอย่างนี้ทว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ นับว่านางและเยียนเซียวหรานถูกลบออกจากสมการแล้ว นางคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วเพียงแต่เมื่อนางนึกถึงเยียนเซียวหราน ก็รู้สึกขึ้นมาว่าหลายวันนี้พอเจอนางเขามีท่าทางแปลก ๆ ชอบกลแต่นางก็บอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน มันเป็นแค่สัญชาตญาณบอกเท่านั้นเหมือนกับตอนนี้ นางทำท่าจะเข้าไปพูดกับเขาใกล้ ๆ ทว่านางยังไม่ทันขยับตัว เขาก็ถอยหลังไปก้าวใหญ่เขาเอ่ยเสียงเรียบ “องค์หญิงมีเรื่องอันใดก็พูดดี ๆ เถิด”เมื่อครั้งอยู่ที่แท่นดาราคราวก่อนซือเจ๋อเยว่ค้นพบว่าแค่เข้าใกล้เขา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 147

    ซือเจ๋อเยว่ “…”เรื่องนี้เข้าใจยากอยู่บ้างนางจึงแต่งเรื่องขึ้น “ก็หมูตัวนั้นกระดูกหัก ด้านในเลยเป็นสีดำทั้งหมด พอแล่หนังออก ก็เป็นขาหมูสีขาวตัดสลับกับสีดำอย่างไรเล่า!”เยียนเหนียนเหนียนเอ่ยอย่างสงสัย “แล้วอยู่ดี ๆ พี่ชายข้ากลายไปเป็นหมูที่กระดูกหักได้อย่างไร?”ซือเจ๋อเยว่ “…”อันนี้เหมือนว่าคงจะแถไม่ได้แล้วเยียนเหนียนเหนียนกลับคิดจนเข้าใจเอาเองแล้ว “วันนั้นเขาถูกจ้าวซือหว่านขังไว้ในค่ายกล หากมิใช่เพราะองค์หญิงลงมือ เกรงว่ากระดูกเขาคงไม่หักเพียงจุดเดียว”“เขาลงมือกับจ้าวซือหว่านโดยไม่รั้งรอจนกว่าพวกเราจะไปถึง นั่นจึงเป็นคนที่โง่เหมือนหมู องค์หญิง อธิบายเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ “…เหนียนเหนียนอธิบายได้ถูกต้อง!”นางว่าแล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้เยียนเหนียนเหนียนเยียนเหนียนเหนียนยิ้มด้วยความเคอะเขิน “เมื่อก่อนพี่สามเอาแต่รังแกข้า ก่อนนี้ข้าเห็นองค์หญิงสนิทสนมกับเขา เลยไม่กล้าพูดถึงเขาในแง่ไม่ดีต่อหน้าองค์หญิง”“ข้าเพิ่งรู้ตอนนี้ ที่แท้องค์หญิงก็มองเขาแล้วไม่เจริญตามานานแล้วเช่นกัน! จากนี้ในที่สุดจวนอ๋องก็มีคนด่าเขาไปด้วยกันกับข้าแล้ว!”ซือเจ๋อเยว่ “…”คำพูดนี้ทำเอานางไ

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 359

    นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตอนนั้นเขาเข้าไปในค่ายกลแล้ว ตกอยู่ในภาพลวงตา เหมือนเช่นเยียนเซียวหรานในตอนนี้ตัวประหลาดนั่นโหดเหี้ยมน่ากลัวเกินไป ภายในร่างกายกักขังเศษวิญญาณเอาไว้มากมายขนาดนั้นนางไม่จำเป็นต้องเดา เศษวิญญาณที่ตัวประหลาดกักขังเอาไว้ภายในร่างกายพวกนั้น เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นองครักษ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อเมื่อนางนึกถึงเรื่องศพอันไม่สมบูรณ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ถูกขนกลับมายังจวนเยียนอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้โดนสัตว์ป่ากัดเอา ทว่าถูกตัวประหลาดนี้ฉีกนางไม่สามารถจินตนาการได้ เยียนอ๋องซื่อจื่อและกลุ่มคนถูกขังอยู่ภายในค่ายกลนี้ ตอนที่ถูกตัวประหลาดฉีกกินทั้งเป็น จะน่าเวทนาและหมดหนทางมากขนาดไหน!ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่ต้องการฆ่าปิดปากพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นตาค่ายกล ถูกกักขังระหว่างหยินกับหยางตลอดไป กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ต่อให้วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์จะหนีไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ หากไม่โง่ ปัญญาอ่อน ก็จะอายุสั้น เพราะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ ได้รับความทุกข์ทรมานเพราะกลับชาติมาเกิดคนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ!พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งถึงได้หยุดลงแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 358

    ตัวประหลาดจับลูกธนูดอกนั้นไว้แล้วโยนใส่พวกเขาเยียนเซียวหรานหลบด้วยความรวดเร็ว ธนูดอกนั้นลอยเฉียดหัวของเขาไปซือเจ๋อเยว่ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาเบา ๆ พลังสังหารของตัวประหลาดตัวนี้มากเสียจนน่าหวาดกลัวสีหน้าของเยียนเซียวหรานเองก็ค่อนข้างดูแย่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปอยากจะยิงให้ถูกตัวประหลาดอีกก็คงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากตอนที่ซือเจ๋อเยว่เห็นตัวประหลาดไล่ตามมา พลังชั่วร้ายสีดำที่แผ่ซ่านออกมาจากมือ นางจึงมีวิธีการแล้วนางหยิบลูกธนูดอกหนึ่งขึ้นมาแล้วติดยันต์ที่ด้านบน ให้เยียนเซียวหรานยิงอีกครั้งตัวประหลาดในเวลานี้อยู่ใกล้กับพวกเขามาก เยียนเซียวหรานทำได้เพียงหลบไปก่อน แล้วค่อยยิงธนูดอกนั้นออกไปตัวประหลาดตัวนั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเขา ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาแวบหนึ่ง ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อจับธนูดอกนั้นเพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่มันจับลูกธนูดอกนั้นเอาไว้ ทันใดนั้นยันต์ห้าอัสนีบาตรก็ทำงาน ภายในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ฟ้าผ่ามันจนไหม้เกรียมเยียนเซียวหรานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทำแบบนี้น่าจะผ่าจนตัวประหลาดตายแล้ว ทว่าครู่ต่อมา ตัวประหลาดก็ขยับอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 356

    ตอนนี้สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ก็คือสัตว์ยักษ์สีแดงที่สูงประมาณหนึ่งจั้งตัวหนึ่งสัตว์ยักษ์ตัวนั้นมีดวงตาสีดำที่คล้ายกับระฆัง ไม่มีคิ้ว ไม่มีขนตาจมูกมีเพียงรูจมูกสองรู ปากไม่มีริมฝีปาก ปรากฏให้เห็นฟันแหลมคมเต็มปาก ภายใต้ฟันอันแหลมคม เวลานี้ยังมีของเหลวสีเหลืองไหลย้อยออกมาเพียงแค่พวกนี้ก็พอทนแล้ว ร่างกายของเขายังมีตุ่มสีแดงเต็มตัวตุ่มพวกนั้นห้อยอยู่บนร่างกายของสัตว์ยักษ์ ปกคลุมร่างกายของมันที่เดิมทีเต็มไปด้วยขนสีดำ มองดูน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ซือเจ๋อเยว่ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนมีความรู้กว้างขวางมาโดยตลอด กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้ชื่อปาเลี่ยร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ “นี่มันตัวบ้าอะไรกันเนี่ย!”นี่เป็นคำถามที่เยี่ยมมากจริง ๆ ซือเจ๋อเยว่เองก็อยากรู้เช่นกันว่านี่มันคือตัวบ้าอะไรสัตว์ยักษ์ที่กำลังน้ำลายไหลตัวนั้นเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขา ทันทีที่มันเข้าใกล้ กลิ่นคาวกลุ่มนั้นก็รุนแรงขึ้นซือเจ๋อเยว่สะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก!ตอนที่เยียนเซียวหรานมองเห็นสัตว์ยักษ์ตัวนั้น เสียงเตือนภายในใจของเขาก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งตอนที่สัตว์ยักษ์ตัวนั้นเดินเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 355  

    นางมีแววตาเปล่งประกายล้ำลึก “ช่างเป็นฝีมือที่สูงส่งยิ่งนัก!”  เยียนเซียวหรานมองนาง นางจึงเอ่ยต่อ "ฟ้าคือหยาง ดินคือหยิน ยามหยินหยางกลับตาลปัตร สรรพสิ่งพลิกผัน กฎแห่งฟ้าดินถูกตัดขาด!"  “แต่สิ่งใดที่หลอกลวงได้ชั่วคราว ย่อมไม่อาจปิดบังไปชั่วชีวิต!”  “เหล่าดวงวิญญาณผู้ซื่อสัตย์แห่งสนามรบ ท่านทั้งหลายที่คืนสู่แผ่นดิน ณ ที่แห่งนี้ โปรดร่วมมือกับข้ากำจัดภาพลวงที่ปกคลุมโลกใบนี้ จงสลายม่านมายา! ทำลายมันเสีย!”  นางฟาดฝ่ามือลงกับพื้นดิน สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงแตกร้าวดังมาจากรอบทิศ  ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น พื้นดินสีดำสนิทรอบตัวก็พลันหายไป อาการหายใจที่ยากลำบากบัดนี้กลับมาเป็นปกติ  ต้นไม้ที่เคยหายไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายและความเสื่อมสลาย  ขุนเขาเช่นนี้ หาได้มีภาพของทัศนียภาพอันงดงามเหนือจินตนาการอย่างที่ชื่อปาเลี่ยที่เคยบอกเอาไว้ไม่  แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็นดินแดนรกร้างที่ไร้ซึ่งชีวิต!  เกรงว่าภาพที่เยียนอ๋องเห็นในอดีตก็คงจะเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น เพียงแค่นางยังไม่เข้าใจเหตุผล ผู้ที่วางค่ายกลนี้ เหตุใดจึงต้องสร้างภาพลวงเช่น

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 354  

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่อากาศโดยรอบเริ่มบางเบาจนผิดปกติ  พวกเขาเพียงแค่เดินตามปกติ แต่กลับรู้สึกหายใจติดขัด  ชื่อปาเลี่ยอ้าปากหอบหายใจ พลางเอ่ยด้วยความตระหนก “นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดข้าหายใจไม่ออก?”  ซือเจ๋อเยว่เอ่ยเสียงเบา “เราก้าวเข้าสู่ค่ายกลของผู้อื่นแล้ว”  ชื่อปาเลี่ยเอ่ยด้วยความสงสัย “แต่เมื่อครู่ยามที่เข้ามา ท่านได้ทำลายค่ายกลไปแล้วไม่ใช่หรือ?”  ซือเจ๋อเยว่ตอบไป “นี่คือค่ายกลซ้อนค่ายกล ผู้วางค่ายกลนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง ฝีมือในด้านค่ายกลไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย” “แม้แต่ยามที่ก้าวเข้ามาครั้งแรก ข้าเองก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ” “ในเมื่อเราตกเข้ามาแล้ว ยามนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาทางทำลายค่ายกลนี้”  ชื่อปาเลี่ยรีบถาม “ทำอย่างไรจึงจะทำลายได้?”  ซือเจ๋อเยว่กวาดตามองโดยรอบแล้วเอ่ยขึ้น “หากต้องการทำลายต้องหาแกนกลางค่ายกลให้พบ ขอเพียงหามันเจอ การทำลายค่ายกลนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง”  “ส่วนเรื่องที่ว่ามันอยู่ที่ใด ยามนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ชัด เราต้องหาต่อไป”  ยิ่งพวกเขาก้าวไปข้างหน้าเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าการหายใจยากลำบากเท่านั้น พื้นดินรอบตัวกลายเป็นสีดำไหม้ ฟ้า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 353  

    ราชครูมองเห็นโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกงกระจัดกระจาย ก่อนที่มันจะรวมตัวขึ้นอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  เขายกนิ้วขึ้นคำนวณบางสิ่ง แต่เมื่อได้ผลลัพธ์ เขากลับแย้มยกริมฝีปากแล้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “นี่มันตัวอันใด!”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเอ่ยถาม “ท่านราชครู เป็นอันใดไปหรือขอรับ?”  ทว่าราชครูกลับตอบไม่ตรงคำถาม “ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนมีเหตุและผลของมัน”  “มีบางเรื่องที่ข้าสามารถแทรกแซงได้ แต่บางเรื่องต้องปล่อยให้นางเป็นผู้จัดการเอง”  “นางคนนั้นมีชะตาชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น เมื่อยามทุกข์ก็ทุกข์อย่างแท้จริง” “แม้ข้าจะสงสารนางเพียงใด แต่เรื่องบางเรื่องก็มีแต่นางที่ต้องเผชิญด้วยตนเอง”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวเอ่ยถาม “ท่านกำลังเอ่ยถึงชะตากรรมใดกัน? หรือว่าท่านกำลังเป็นห่วงศิษย์พี่หญิง?”  ราชครูหยิบไม้ขนไก่ข้างตัวขึ้นมาแล้วหวดลงไปที่หลังของเด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวทันที “ผู้ใดสนใจนางกัน?!”  “ชะตาชีวิตของนางเป็นชะตาที่ต้องตาย แม้แต่มหาเทพเซียนมาเองก็ไม่อาจช่วยนางได้!”  “ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะนาง ข้าแก่ขึ้นไปตั้งเท่าใด ข้าจะไปสนใจนางเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 352  

    ดังที่ซือเจ๋อเยว่คาดการณ์ไว้ อดีตหนิงกั๋วกงพลันกระอักเลือดออกมา  เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างเคียดแค้น “ซือเจ๋อเยว่!”  ตลอดหลายวันผ่านมานี้ เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกง  สมบัติวิเศษล้ำค่าที่เขาเสาะหามานานหลายปีล้วนถูกใช้ไปจนหมดสิ้น จึงจะประคับประคองไว้ได้อย่างยากลำบาก ครั้งก่อนที่ไป๋จื้อเซียนบุกเข้าไปยังห้องลับ และกลืนกินดวงวิญญาณของบรรพบุรุษคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ทำให้อดีตหนิงกั๋วกงเริ่มรู้สึกถึงความสั่นคลอนของพลัง  แม้เวลานั้นสถานการณ์จะอันตราย แต่ค่ายกลใหญ่แห่งชายแดนยังไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์  หากสามารถจัดการพลังที่หลงเหลือได้อย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถต่อเวลาของโชคชะตาในจวนหนิงกั๋วกงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อรู้ว่าซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานออกจากเมืองหลวง เขาจึงเร่งวางแผนเพื่อกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก เดิมทีเขาคิดว่าหากสามารถสกัดซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานเอาไว้ที่ด่านอวิ๋นหลิ่งได้ ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา  ทว่าเมื่อครู่ เขาได้รับสารลับจากนกพิราบส่งข่าวจากด่านอวิ๋นหลิ่ง  ข้อความในจดหมายบอกเอาไว้ว่าที่ด่านอวิ๋นหลิ่งนั้น เกิดหิมะตกหนัก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 351  

    ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนจากบุรุษผู้ซื่อสัตย์ กลายเป็นคนหยาบกระด้างและไม่สนใจเหตุผลใด ๆ อีกต่อไป  เขาชินเสียแล้วกับสายตาของผู้คนที่มองเขาปานสิ่งสกปรก เขาใช้ชีวิตอย่างเมามายไร้จุดหมายไปวัน ๆ  แต่เมื่อวาน ยามที่ไป๋จื้อเซียนคิดจะสังหารเขา ซือเจ๋อเยว่กลับทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยชีวิตเขา  ยิ่งไปกว่านั้นแววตาที่นางใช้มองเขา ก็หาได้แตกต่างไปจากการมองคนอื่นไม่ ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความดูแคลน  เขาจึงรู้สึกว่าสตรีในโลกนี้ ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นมารดาหรือสตรีที่เขาเคยหมายปองในอดีต  เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณชายสาม หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ท่านพอจะพาข้าไปเมืองหลวงได้หรือไม่?”  เยียนเซียวหรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เจ้าคิดจะไปเมืองหลวง?”  ชื่อปาเลี่ยตอบไป “ใช่ขอรับ ข้าไม่อยากอยู่ที่ชายแดนอีกต่อไปแล้ว ที่นี่ทุกคนล้วนรู้เรื่องของข้า หากข้าไม่เลือกเป็นอันธพาลก็ต้องเป็นเพียงคนไร้ค่า” “แต่ข้าไม่อยากเป็นอันธพาลและไม่อยากเป็นคนไร้ค่า ข้าเพียงแค่อยากเป็นคนธรรมดา”  “ข้าต้องการพึ่งพาความสามารถของตนเอง มีชีวิตที่ดี และแต่งงานกับสตรีดี ๆ สักคน เพื่อใช้ชีวิตอย่างปกติสุข”  เยียนเซียวหรานเอ่ย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status