แชร์

บทที่ 4 ต่างคนต่างพึ่งพากัน (4/4)

ผู้เขียน: ไฉ่เลี่ยงหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 10:39:38

เพียงแค่นางเรียกขานว่า ‘สามี’ ก็ทำหูตั้งหางส่ายไปมาราวกับเจ้าเสี่ยวโก่ว

            “เขาไม่ยอมกินยาเจ้าค่ะ ท่านช่วยใช้วิธีผ่าหัวเพื่อรักษาให้เขาหายจากสติฟั่นเฟือนได้หรือไม่เจ้าคะ”

            “คงมิได้หรอกแม่นาง ข้ายังไม่เคยผ่าหัวใครเลยสักครั้ง”

            “เช่นนั้นใช้เขาลองเถิดเจ้าค่ะ” นางคอยถามไถ่เรื่องกินยาด้วยความเป็นห่วงอยู่หลายวัน แต่เขากลับโกหกนาง มันน่าโมโหหรือไม่

            “ฮูหยิน...”

            “บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า” นางเฝ้าดูแลเขามาหลายวัน แต่เขากลับไม่กินยา เช่นนี้เมื่อใดจะหายกันเล่า

            “ฮูหยินไม่เอา ไม่กล่าวเช่นนั้น พี่ขอโทษเจ้าหายโกรธพี่ได้หรือไม่”

            “ข้าไม่ได้โกรธเจ้าค่ะ ” แค่หงุดหงิดเพียงเท่านั้น

            “หากเจ้าไม่ได้โกรธพี่แล้วเจ้ากำลังจะเดินไปที่ใด ท่านหมอห้ามเจ้าเดินเหินมิใช่หรือ” เขากล่าวเสียงอ่อนพลางทำท่าจะลุกเดินตามนาง

            “ข้าหายแล้วเจ้าค่ะ และท่านหยุดเท้าอยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะ ข้าขออยู่คนเดียวเงียบๆ” ขอนางสงบสติอารมณ์ชั่วครู่ เขาไม่ได้เป็นสามีนางจริงๆ เสียหน่อย นางไม่ควรต้องห่วงใยเขามากถึงเพียงนี้

            “เช่นนั้นให้พี่ไปด้วยได้หรือไม่ พี่สัญญาจะไม่เอ่ยวาจาให้เจ้ารำคาญ”

            ท่าทางและน้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานของสหายทำให้ท่านหมอเทวดาได้แต่ลอบยิ้ม ได้เห็นสหายเป็นเช่นนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

            “เช่นนั้นท่านออกจากห้องไปเลยเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องสำคัญจะสนทนากับท่านหมอตามลำพัง” ซูหนิงเซียนหันไปมองบุรุษที่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้โอกาสนี้ดันตัวเขาออกจากห้อง

            “พี่อยู่ด้วยไม่ได้หรือ”

            “ไม่ได้เจ้าค่ะ” นางทำท่าจะปิดประตูแต่เขาก็ยังดันประตูเอาไว้

            “แต่พี่ไม่ไว้ใจท่านหมอหน้าตาไม่น่ามองผู้นั้น เจ้างดงามถึงเพียงนี้ เกิดท่านหมอคิดไม่ดีกับฮูหยินของพี่ พี่จะทำเช่นไร” หยางซีซวนกล่าวพลางส่งสายตาบอกสหายให้ช่วยเอ่ยปาก

            “คุณชายอย่าได้กังวล ข้าไม่ทำอันใดฮูหยินของท่านหรอก” ลู่จื้อกล่าวพลางลุกเดินไปช่วยนางปิดประตู และในช่วงที่ประตูกำลังจะปิดลงท่านหมอยังส่งสายตาเยาะเย้ยสหายอีกด้วย

            ‘ลู่จื้อ! ข้าจะสั่งให้เสี่ยวช่างจิกคาบงูเจ้าไปทิ้ง’ คุณชายหยางคิดพร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

            ฉับพลันมุมปากหยักยกยิ้มเมื่อคิดถึงสีหน้ายามดุด่าเขา ดูเหมือนนางจะห่วงใยเขาไม่น้อย เพียงคิดได้เท่านี้เขาก็ยิ้มกว้างออกมาราวกับคนบ้า ในสายตาของผู้ติดตามที่รออยู่ด้านนอก

            “ข้าเริ่มจะเชื่อแล้วว่าคุณชายสติฟั่นเฟือนจริงๆ ไม่เชื่อเจ้าดูนั่นสิ”

            “นั่นสิ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวยิ้มแย้ม ดูไม่ค่อยปกติเท่าใด” บุรุษแซ่เจียวอีกคนเสริม            

            ทั้งสองยังไม่ทันจะสนทนาอันใดต่อก็ถูกพลังไร้รูปซัดใส่จนเกือบกระโดดหลบไม่ทัน

           

            หลังจากไล่บุรุษมากเล่ห์โกหกเก่งออกจากห้องไป นางก็นั่งทำหน้ามึนงงราวกับไม่รู้จะเอ่ยถามท่านหมออย่างไร

            “มีอันใดจะถามข้า แม่นางได้โปรดเอ่ยมาเถิด”

            “คือข้าจะถามว่าท่านหมอเคยรักษาคนป่วยสติฟั่นเฟือนบ่อยครั้งหรือไม่เจ้าคะ”

            “ก็พอจะพบเจออยู่บ้าง”

            “แล้วมีใครที่ยามปกติ ไม่เคยกิน แต่พอสติฟั่นเฟือนแล้วชอบกินหรือไม่เจ้าคะ”

            “ไม่มี” ท่านหมอเทวดากล่าวพลางคิดไว้อาลัยให้สหาย ดูเหมือนคุณหนูผู้นี้จะเริ่มเกิดความสงสัย

            “แล้วเขา เอ่อ...ข้าหมายถึงคุณชายหยาง ท่านว่าเขามีอาการบาดเจ็บภายในมากหรือไม่เจ้าคะ”

            “ดูเหมือนจะมีแต่ส่วนหัวที่ได้รับการกระทบกระเทือนหนักที่สุด”

            “แล้วมันจะเป็นไปได้หรือเจ้าคะ ที่ในยามปกติเขาไม่เคยมีฮูหยิน หรือแม้แต่สตรีอุ่นเตียง แต่พอสติฟั่นเฟือนแล้วจะคิดว่าตนแต่งฮูหยินแล้ว”

            ‘นั่นประไร นางสงสัยจริงๆ ด้วย’ ท่านหมอคิดก่อนจะอ้างนั่นอ้างนี่เพื่อช่วยเหลือสหาย

            “มันเป็นไปได้ บางครั้งเขาอาจจะฝังใจกับใครสักคน จึงเกิดการวาดฝันเอาไว้ พอสติฟั่นเฟือนเขาจึงสับสนระหว่างความฝันกับความจริง”

            “เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” ความหมายของท่านหมอคือเขาอาจจะรักฝังใจกับสตรีสักคน เฝ้าฝันว่าจะได้กราบไหว้ฟ้าดินกับนาง แต่ดันบาดเจ็บจนสติฟั่นเฟือนเสียก่อน

            ‘เขาช่างน่าเห็นใจ’ ซูหนิงเซียนก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแววตาเศร้าเอาไว้ เพียงแค่ได้ยินว่าเขารักฝังใจกับแม่นางผู้หนึ่ง นางก็รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

            “โรคสติฟั่นเฟือนนั้นต้องใช้เวลา แม่นางอย่าได้กังวลให้มาก” หากเจ้าซีซวนอยากหายเมื่อใด ประเดี๋ยวก็คงจะหายเอง

            “เจ้าค่ะ ข้าแค่เป็นห่วงเขา ว่าหากถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าที่ไม่ได้เป็นฮูหยินจริงๆ ของเขา อย่างไรก็ต้องแยกตัวกลับจวน ส่วนเขาก็ต้องกลับจวนของตน ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เช่นตอนเดินทาง”

            “กว่าจะถึงเมืองหลวงมีเวลาอีกหลายวัน ไม่แน่ว่าตอนนั้นเขาอาจจะอาการดีขึ้นแล้วก็ได้ แม่นางอย่ากังวล”

            “ข้าก็หวังจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” อย่างไรชายหญิงก็ไม่ควรใกล้ชิดกันให้มาก แต่เพราะต้องพึ่งพาอาศัยเขาให้พาเข้าเมืองหลวงอย่างปลอดภัยนางจึงยอมรับสมอ้างเป็นฮูหยินของเขา

            ทว่าหากเข้าเมืองไปแล้วเขายังเอาแต่ร้องเรียกนางว่าฮูหยินเช่นนี้ มันคงไม่เหมาะสมเป็นแน่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 5 ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย (1/4)

    5ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย หลังจากปรนนิบัติและส่งฮูหยินเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ท่านหมอเทวดาก็ถูกสหายลากเข้าห้องของผู้ติดตามซึ่งอยู่ไกลจากห้องของนางไม่มากนักเพื่อสอบถาม “นางสนทนาเรื่องอันใดกับเจ้า” “นางแค่สงสัยอาการเจ็บป่วยของเจ้า” “สงสัยเรื่องอันใด รีบเล่าให้ข้าฟังบัดเดี๋ยวนี้” ท่าทางร้อนรนราวกับคนร้อนตัวทำให้ท่านหมอเทวดาอมยิ้ม ดูเหมือนคุณหนูผู้นั้นจะมีความสำคัญไม่น้อย สหายของตนถึงได้ร้อนรนถึงเพียงนี้ “นางก็แค่สงสัยว่าหากเจ้าไม่เคยมีฮูหยินหรือสตรีในเรือนหลังมาก่อน แต่เหตุใดพอสติฟั่นเฟือนถึงได้เอาแต่เรียกนางว่าฮูหยิน” “แล้วเจ้าตอบว่าอย่างไร” “เลิกข่มขู่ว่าจะทำร้ายเสี่ยวอ้ายของข้าก่อน แล้วข้าจะบอก” “เจ้ากล้าต่อรอง” “ข้าเป็นหมอเทวดานะ ไม่ใช้บุตรชายของเจ้า” “ก็ได้ สหายรัก ข้าจะเอ็นดูเสี่ยวอ้ายของเจ้า” ช่างเป็นรอยยิ้มที่แผ่ไปไม่ถึงดวงตา “ข้าก็แค่บอกว่าบางทีเจ้าที่ปักใจรักและวาดฝันจะกราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีผู้หนึ่ง อาจจะกำลังสับสนระหว่างความจริงกับความฝัน”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 5 ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย (2/4)

    “ขอบคุณที่เข้าใจเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า จึงไม่ได้เห็นสายตาลุ่มลึกยากจะคาดเดาของเขา ยามค่ำคืนหยางซีซวนนั่งจิบชาราวกับเฝ้ารอคอยเรื่องบางอย่าง ใบหน้าที่มักจะส่งยิ้มออดอ้อนฮูหยินของตนบัดนี้เรียบเฉยไร้ท่าทางหยอกเย้าเช่นทุกครั้ง แต่ในสายตาของผู้ติดตามแซ่เจียวทั้งหมด ทุกคนย่อมทราบดีว่านี่เป็นนิสัยปกติของผู้เป็นนาย ยามอยู่กับฮูหยินต่างหากที่คุณชายของพวกตนดูไม่ใคร่ปกตินัก พรึ่บ! บุรุษชุดดำสองคนเข้ามาทางหน้าต่างก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นนาย “ว่ามา” คุณชายหยางกล่าวพลางหมุนจอกชาเล่น “คุณหนูหม่าลอบพบคุณชายกวางอยู่บ่อยครั้ง ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก ข้าน้อยจึงสืบต่อจนพบว่าทั้งสองแท้จริงเป็นเหมยเขียว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 5 ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย (3/4)

    “ฮูหยิน เจ้าอดทนเห็นหน้าบุรุษที่รูปงามน้อยกว่าพี่เพียงครู่เดียวอีก ไม่นานเราก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว” เขากล่าวพลางรินชาใส่จอกให้นางอย่างเอาใจ ‘สหายผู้นี้ปากไม่ดี มันน่าเปิดโปงความลับเสียจริง’ ทำตัวราวกับเด็กน้อยกลัวผู้อื่นมาแย่งความรักความสนใจจากมารดา “ท่านอย่าได้กล่าววาจาไม่ดีต่อท่านหมอเช่นนั้น” “...” เขาเม้มริมฝีปากราวกับอัดอั้นตันใจ ก่อนจะก้มหน้าลง “ข้าต้องขออภัยท่านหมอด้วยนะเจ้าคะ เขาสติฟั่นเฟือนอาจกล่าววาจาไม่เหมาะสมไปบ้าง” นางหันไปกล่าวกับท่านหมอ ถึงไม่ได้เห็นเบื้องหลังสีหน้าของบุรุษมากเล่ห์ ‘ดู...สหายข้าสำนึกที่ใด แสร้งทำเป็นน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 5 ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย (4/4)

    “อย่าเพิ่งโอ้อวด พาตนเองให้รอดจากการโจมตีก่อนเถิด” เพราะไม่อยากให้นางตื่นกลัวกับการถูกลอบโจมตี เขาจึงผสมยานิทราลงในชาจอกนั้นให้นางดื่ม ฮี้ ม้าของผู้ติดตามที่วิ่งนำหน้าส่งเสียงร้องเมื่อมีบางอย่างขวางทาง สองขายกขึ้นตะกุยอากาศจนทำให้บุรุษชุดดำที่อยู่บนหลังม้าเกือบตกลงไป ‘พวกเจ้าท่าทางมีเงินไม่น้อย หากอยากผ่านทางเข้าเมืองหลวงอย่างราบรื่น ก็ทิ้งเงินและสตรีเอาไว้ที่นี่เสีย’ ท่าทางกักขฬะของพวกนักเลงทำให้บุรุษชุดดำยิ้มมุมปาก “รีบลงมือเสีย ข้าจะรีบไปดูจวนใหม่ของข้า” สิ้นเสียงของท่านหมอเทวดาที่อยู่ในรถม้า ผู้ติดตามแซ่เจียวทั้งสิบเจ็ดคนก็พุ่งเข้าไปจัดการนักเลงที่มีมากถึงสามสิบคน ด้านคุณชายหยางที่พาฮูหยินของตนแยก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (1/4)

    6เร่งเร้าความริษยาของสหาย เสียงนกร้องและเสียงผู้คนสนทนาดังแว่วเข้ามาในหูปลุกซูหนิงเซียนให้ตื่นขึ้น ร่างระหงลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจก่อนจะนิ่งค้างเช่นนั้นเมื่อดวงตาดอกท้อสบเข้ากับนัยน์ตาดำที่ฉายแววหวานซึ้ง “ขออภัยเจ้าค่ะ” “มิเป็นไร ในสายตาพี่ เจ้างดงามเสมอ ต่อให้แคะขี้มูกพี่ก็ยังมองว่าน่าเอ็นดู” ‘ปากหวานเสียจนทำให้ข้าพาลกินข้าวไม่ลง’ แม้เขาจะดูคล้ายบุรุษเจ้าสำราญ ปากหวานกับนาง แต่พอได้อยู่ร่วมกันหลายวัน นางก็ได้เห็นว่าแท้จริงเขาเป็นเช่นนี้กับนางเพียงคนเดียว จนบางครั้งทำให้นางรู้สึกอิจฉาสตรีผู้นั้นที่เขารักปักใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (2/4)

    ‘คุณชายของข้าช่างเกี้ยวพาสตรีได้ไม่เหมือนผู้อื่น’ คบหาดูใจไม่คิดจะทำ แต่กลับคิดรวบหัวรวบหางนางเป็นฮูหยินราวกับกลัวจะมีคนแย่งนางไป แต่เมื่อลงมาถึงด้านล่างของโรงเตี๊ยมหยางซีซวนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถม้าที่มีตราสัญลักษณ์ตระกูลหยางจอดอยู่ด้านหน้า มีสตรีผู้งดงาม ดวงหน้าแลดูอ่อนเยาว์ยืนอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่?” “ยังจำได้อยู่หรือว่าข้าเป็นแม่เจ้า” เฟยเจียงหงเอ่ยถามพลางส่งยิ้มหวานให้กับบุตรชาย แม้สตรีผู้นี้จะเลยวัยสาวมานานพอสมควร แต่ทว่าก็ยังมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หันมามองพลางขวยเขินเมื่อเห็นสตรีงามล่มเมืองแย้มยิ้ม “ท่านมาได้อย่างไร ท่านพ่อไม่ว่าหรือขอรับ” ด้วยความงามของมารดา บิดาจึงหวงแหนจนแทบไม่อยากให้ออกจากจวน หากมีงานเลี้ยงจวนใด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (3/4)

    “ประเดี๋ยวก่อน แม่หนูลี่อินน่ะหรือ ส่งจดหมายแจ้งเจ้าว่าพ่อป่วยหนัก” “เจ้าค่ะ เสียดายข้าทำจดหมายนั่นหายไปแล้ว จึงไม่อาจนำมายืนยันได้” กล่าวจบก็จ้องมองบิดาด้วยความคิดถึง คิดถึงท่านพ่อยิ่งนัก ดีเหลือเกินที่นางได้รับโอกาสให้หวนคืนกลับมา “แต่พ่อไม่ได้เป็นอันใด ป่วยหนักสุดก็เห็นจะเป็นหวัดเมื่อสามวันก่อนเพียงเท่านั้น” “แล้วเหตุใดลี่อินถึงโกหกข้าเช่นนั้น ด้วยความร้อนใจและเป็นห่วงท่านพ่อ ข้ารีบเร่งเดินทางไม่หยุดพักจนถึงเมืองหลวงเลยนะเจ้าคะ” ละเว้นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ร่วมทางไปสักเล็กน้อยคงจะดีกว่า อย่างไรท่านพ่อก็ควรสงสัยเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของบุตรสาว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (4/4)

    ริษยาข้าให้มากจะได้รีบลงมือเร็วๆ นางจะได้รีบจบเรื่องแล้วพาบิดาย้ายไปอยู่เมืองซานโจว ‘เจ้าควรรู้ไว้ว่า เพียงแค่ฐานะจวนซูมันไม่ได้ทำให้ข้ามีเงินทองใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมากมาย’ การเป็นหลานสาวของคหบดีจากเมืองซานโจวต่างหากที่ทำให้นางร่ำรวยมีเงินทองเหลือใช้ ท่านลุงก็ยังหาเงินเก่ง ท่านป้าก็ใจดีและเอ็นดูนาง ไปเมืองซานโจวเมื่อใดนางมักจะได้ตั๋วเงินกลับมาด้วย และเคยได้มากถึงหนึ่งพันตำลึงทอง “เจ้าช่างใจดี แต่ก็ดีแล้วที่เดินทางปลอดภัย” ‘คงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่แผนการพลาด’ “วันนี้เจ้าว่างหรือไม่ อยากจะชวนเจ้าออกไปซื้อเครื่องประดับเสียหน่อย” อีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่จวนหยาง เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่คุณชายรองจวนหยางได้รั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04

บทล่าสุด

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า (3/3)

    “เรื่องนั้นท่านอย่าได้ห่วงเลยเจ้าค่ะ พี่เหลียงอี้ เขาไปลาดตระเวนตรวจตราที่บริเวณจวนของนางอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นนางปลอดภัยไม่มีอันตรายแน่นอน” ‘สตรีโง่ ข้าอยากจะบอกเจ้าเหลือเกินว่า คู่หมั้นข้านางผู้นั้นมีของล้ำค่ามากกว่าปิ่นที่เจ้าจะซื้อให้อีก’ ยิ่งได้เห็นความใสซื่อของซูหนิงเซียน ความสนใจในตัวคู่หมั้นก็เริ่มลดลง หากไม่ติดที่ว่ามีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็คงไม่คิดสนใจไยดีแล้ว น่าแปลกที่เขาเชื่อวาจาที่ซูหนิงเซียนบอกกล่าวออกมามากกว่าที่ได้รับฟังจากหม่าลี่อิน “ข้าเลือกชิ้นนี้เจ้าค่ะ ลี่อินนางชอบไข่มุก ข้าว่านางต้องดีใจมากแน่นอนเจ้าค่ะที่ได้ปิ่นนี้” “อืม” รอยยิ้มจริงใจของคุณหนูซูทำให้เขาเอ่ยวาจาไม่ออก “คุณหนูซูท่านช่างโชคดีเหลือเกินขอรับ วันนี้นายท่านของร้านเราใจดี สั่งลดราคาเครื่องประดับให้กับลูกค้าคนที่สิบเก้า ซึ่งคือท่าน” “ลดราคาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “ใช่ขอรับ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ม้าตัวโปรดของนายท่านคลอดลูกม้า นายท่านสั่งลดราคาเครื่องประดับให้ลูกค้าคนที่สิบเก้าครึ่งราคา นั่นเท่ากับว่าวันนี้คุณหน

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า (2/3)

    ดวงหน้าหวานที่โผล่ออกมาจากรถม้าทำให้ใจของเขาสั่นไหว เมื่อนางเผยรอยยิ้มเขาแทบจะกระโดดลงจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมเพื่อไปหานาง “แม่นางหนิงเซียน” เสียงทุ้มของบุรุษที่ดังขึ้นดึงความสนใจของซูหนิงเซียนให้หันไปมอง “คารวะคุณชายซวนเจ้าค่ะ” ยามเห็นหน้ากากจึงจดจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่หมั้นของสหาย “ท่านมาคนเดียวหรือ” “เจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะมาหาซื้อผ้าไปตัดชุดให้สาวใช้คนสนิท จึงตั้งใจมาด้วยตัวเองไม่ได้ชวนลี่อินมาด้วย” นางเข้าใจว่าเขาถามหาสตรีในดวงใจ “ข้ามีความรู้เรื่องผ้าไม่น้อย ให้ข้าช่วยเลือกดีหรือไม่ ไม่แน่เจ้าอาจจะได้ผ้าเนื้อดีที่ราคาถูก” “หากมิรบกวนคุณชายซวนเกินไป…” ซูหนิงเซียนยังกล่าวไม่ทันจบเขาก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “เรื่องนี้มิได้เหลือบ่ากว่าแรง จะถือว่ารบกวนข้าได้อย่างไร” “เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับแล้วยกยิ้มเล็กน้อย บุรุษสวมหน้ากากช่วยนางเลือกผ้าได้หลายพับ แต่เมื่อจ่ายเงินนางกลับพบว่านางได้ของดีแต่ราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ “ท่านหลงจู๊ ลองคิดเงินใหม่อีกครั้งดีหรือไม่

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า (1/3)

    ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า บริเวณชั้นบนของโรงเตี๊ยมเลี่ยงจิน บุรุษสวมหน้ากากจ้องมองคู่หมั้นของตนที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ดวงหน้าหวานแต่งแต้มรอยยิ้มสดใสพาลทำให้บุรุษรอบตัวต่างหันมามอง แต่เขากลับถูกสตรีนางหนึ่งดึงดูดสายตาให้จ้องมอง สตรีนางนั้นคล้ายจะเป็นสหายของคุณหนูหม่า แม้ดวงหน้านางจะแต่งแต้มรอยยิ้มบาง แต่ทว่ากลับดึงดูดเขาได้อย่างน่าประหลาด และดูเหมือนว่าแท้จริงบุรุษเหล่านั้นจะจ้องมองนางเสียมากกว่า พลันในอกรู้สึกไม่ชอบใจอย่างประหลาด ความรู้สึกหวงแหนก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหตุใดกับคู่หมั้นตน เขาถึงไม่รู้สึกเช่นนี้ พรึ่บ ไวกว่าความคิดร่างสูงโปร่งของบุรุษรูปงามก็ปรากฏตัวด้านหลังสตรีทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยทักทาย “ลี่อินเจ้ามาเดินเที่ยวเล่นหรือ” เขาทราบว่ามันเป็นคำถามที่ดูโง่งม แต่เขาไม่รู้จะเอ่ยถามอันใดออกไป “คารวะคุณชายซวนเจ๋อเจ้าค่ะ” สายตาที่มีประกายรังเกียจพาดผ่านทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่คู่หมั้นจะแสดงความเคารพเขา หลายครั้งที่นางมองเขาเช่นนี้ คงเพราะหวาดกลัวหน้ากากที่ปกปิดบนใบหน้าเขา การเป

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : คุณชายหมิงอี้เฉิน (2/2)

    “คนของเจ้าสืบได้ละเอียดถึงเพียงนั้น” หมิงอี้เฉินหรี่ตามองอย่างจับผิด “เรื่องที่คิดกำจัดนางกับท่านพ่อตา คนของข้าได้ยินหม่าลี่อินวาดฝันกับกวางเหลียงอี้ เมื่อเห็นว่าเป็นภัยต่อนาง คนของข้าจึงนำมารายงานข้าด้วย” “...” “เบื้องต้นข้ามีหลักฐานที่กลุ่มนักเลงพวกนั้นสารภาพ เจ้าอยากดูหรือไม่” “อืม” เขายกชามสุราขึ้นจิบก่อนจะตอบรับ “นี่คือจดหมายรับสารภาพของนักเลงที่ดักปล้นรถม้าแต่ถูกข้าซ้อนแผนจับเป็นทั้งหมด ก่อนจะนำมาทรมานเพื่อเค้นความจริง” หยางซีซวนยื่นจดหมายที่เพิ่งนำออกมาจากอกเสื้อให้เขา “หม่าลี่อินชั่วช้ายิ่งนัก คิดจะให้พวกนักเลงข่มเหงนาง” จากคำสารภาพของนักเลง กวางเหลียงอี้เพียงแต่ตั้งใจทำให้นางตกใจ แต่หม่าลี่อินกลับซ้อนแผนให้นักเลงพวกนั้นข่มเหงนางก่อนที่กวางเหลียงอี้จะไปช่วย คงกลัวว่าหากเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของตนได้พบเจอนางจะเปลี่ยนใจ จึงสร้างมลทินให้ซูหนิงเซียน “เพราะเหตุนี้ข้าจึงแสร้งสติฟั่นเฟือนเพื่อจะได้อยู่ในจวนตระกูลซูต่อไป เพื่อจะได้ปกป้องนางและบิดาด้วยตนเอง” “เรื่องนี้เจ้าสามารถใช้ผ

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : คุณชายหมิงอี้เฉิน (1/2)

    คุณชายหมิงอี้เฉิน เมื่อได้รับข่าวว่าสหายในวัยเด็กเดินทางกลับมาจากเมืองซานโจวแล้ว เขาจึงรีบไปหา แต่ใครจะคิดเล่าว่าการพบเจอครั้งนี้จะพ่วงบุรุษผู้นั้นมาด้วย ชายที่มองอย่างไรก็ไม่คล้ายคนสติฟั่นเฟือน ท่าทางออดอ้อนนั้นแลดูเหมือนบุรุษเจ้ามารยาเสียมากกว่า คุณชายหมิงเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วยืนนิ่งราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง “คุณชายขอรับ นี่ก็เป็นปลายยามไฮ่ (21.00-22.59) แล้ว น้ำค้างก็ลงมากแล้วอย่างไร...” บ่าวรับใช้คนสนิทยังกล่าวไม่ทันจบ คุณชายเจ้าของจวนก็เอ่ยวาจาแทรกขึ้นก่อน “เจ้าไปนอนก่อนเถิด ข้าจะยืนชมดาวอีกสักหน่อยก็จะไปนอนแล้ว” “ขอรับ” เมื่อคุณชายกล่าวเช่นนั้น บ่าวรับใช้คนสนิทก็ได้แต่เดินจากไป พรึ่บ บุรุษชุดดำกระโดดลงมาตรงหน้าเขาหลังจากบ่าวรับใช้เดินหายไปไม่นาน “มาแล้วหรือ” คุณชายหมิงเอ่ยวาจาทักทายผู้มาเยือน “เจ้าอยากพบข้าด้วยเหตุใด” หากบุรุษผู้นี้ไม่ค้นพบการมีตัวตนของผู้ติดตาม เขาก็คงคิดว่า ซือเย่ผู้นี้เป็นเพียงบัณฑิตอ่อนปวกเปียกที่ไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่ “ท่านควรแจ้งถึงจุดประสงค์ในก

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : ท่านแม่กำลังไปตามหาน้องให้ (3/3)

    “พี่ไม่ได้รังแกเจ้า พี่มอบความโปรดปรานให้เจ้า” “หน้าอกท่านแน่นเสียจริง” “หากเจ้าอยากลูบไล้ยามไร้อาภรณ์ ก็จงรีบกลับจวนกับพี่” “ไม่เอา ข้ายังไม่อยากกลับ กว่าจะได้ออกมาเที่ยวเช่นนี้ไม่ง่ายเลย ต้องขอบคุณท่านแม่นะเจ้าคะ ที่เมตตาข้า” “มิเป็นไรๆ เจ้าอยู่สนุกกับเหล่าชายงามต่อเถิด แม่ต้องกลับไปรับโทษ...ไม่ใช่ แม่ต้องรีบกลับแล้ว” กล่าวจบหยางฮูหยินก็หันไปมองใบหน้าบึ้งตึงของสามี ‘ครั้งนี้นางคงหยอกเย้าบุตรชายมากเกินไป จึงทำให้ฟูจวิน ของนางโกรธขึ้นมาจริงๆ’ ต่อจากนี้คงต้องทนปวดเอวเพื่อง้อท่านแม่ทัพใหญ่หลายคืนอีกแล้ว “ได้เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะสนุกกับพี่ชายคนงามแทนท่านแม่เองเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินโซซัดโซเซไปหากลุ่มชายงาม แต่กลับโดนสามีโอบรั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “พี่ชายคนงามพวกนี้ อยากกลับไปพักผ่อนแล้ว เจ้าอย่าได้รบกวนพวกเขาเลย” น้ำเสียงที่เอ่ยกับฮูหยินตนช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ต่างจากสายตาที่จ้องมองคล้ายจะเข้าขย้ำเหยื่อตรงหน้าของราชสีห์ “จริงหรือเจ้าคะพี่ชาย” “จริงขอรับ”

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : ท่านแม่กำลังไปตามหาน้องให้ (2/3)

    “ท่านพ่อ คราวนี้ท่านแม่ทำเกินไปขอรับ” เขารีบฟ้องบิดาในทันที มารดาพาฮูหยินของเขามาเที่ยวหอชายงามเช่นนี้ เกิดนางติดใจเข้าจะทำเช่นไร “อย่าได้ห่วง พ่อจะจัดการลงโทษนางตามกฎของพ่อ เข้าไปด้านในกันเถิด” เพียงแค่คิดถึงบทลงโทษที่จะได้ใช้กับฮูหยินตนแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ก็คล้ายจะอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอจะก้าวเท้าเข้าหอชายงาม ผู้ติดตามที่ถูกสั่งให้กีดกันคุณชายก็โผล่ออกมาขัดขวางตามคำสั่งของหยางฮูหยิน “พวกเจ้ากล้าขัดขวางข้าหรือ” น้ำเสียงที่ไม่คล้ายจะพอใจทำให้ผู้ติดตามของหยางฮูหยินรีบคุกเข่า “มิได้ขอรับ แต่พวกข้าน้อยถูกสั่งให้ขัดขวางคุณชายไม่ให้เข้าไปในที่แห่งนี้ขอรับ” กลิ่นอายสังหารของท่านแม่ทัพใหญ่ทำให้บุรุษชุดดำทั้งหมดหวั่นเกรงยิ่งนัก “พวกเจ้ากล้าขัดขวางบุตรชายข้าหรือ นายที่แท้จริงของพวกเจ้าคือใครจำได้หรือไม่” “ท่านแม่ทัพขอรับ” บรรดาผู้ติดตามพร้อมใจกันตอบรับ หากเทียบกันแล้วหยางฮูหยินนั้นรับมือง่ายกว่าท่านแม่ทัพมากนัก ‘ต้องขออภัยฮูหยินแล้วขอรับที่พวกข้าต้องเลือกฝั่งท่านแม่ทัพใหญ่’ บรรดาผู้ติดตามได้แต่แสร้

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : ท่านแม่กำลังไปตามหาน้องให้ (1/3)

    ท่านแม่กำลังไปตามหาน้องให้ สิ่งแรกที่เขามักจะมองหาเมื่อกลับถึงจวนคือฮูหยินของเขาที่มักจะมายืนส่งยิ้มให้ แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นัยน์ตาดำกวาดมองไปทั่วบริเวณ จึงพบเด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งเล่นตัวต่อไม้โดยมีแม่นมและสาวใช้คอยดูแลอยู่ ไร้เงาของผู้เป็นมารดา “หนิงเฉิง กำลังเล่นอันใดอยู่หรือลูก” เขาโบกมือไล่แม่นมและสาวใช้ออกไป ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงสนทนากับบุตรชายวัยสามขวบที่คล้ายฉลาดเกินวัย “ตัวต่อไม้ขอรับท่านพ่อ” “นี่คืออันใด” หยางซีซวนชี้ไปยังตัวต่อที่ถูกต่อขึ้นมาคล้ายเรือนหลังเล็ก “เรือนของน้องชายขอรับ” “เรือนของหนิงเฉินหรือ น่าอยู่ไม่น้อย” เพราะบุตรชายคนเล็กอายุเพียงเจ็ดเดือน จึงต้องอยู่กับแม่นมไม่สามารถมาเล่นกับพี่ชายได้ “อืม...หรือเก็บไว้ให้น้องสาวดี” เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิด “จะน้องชายหรือน้องสาว ก็เป็นน้องของเจ้าทั้งนั้น อย่าได้ลำเอียง เข้าใจหรือไม่” “ขอรับท่านพ่อ” “ท่านแม่ของเจ้าไปไหน เหตุใดพ่อจึงไม่เห็น” “ทะ ท่านแม่หรือขะ ขอรับ น่าจะนอนอยู่ระ เรือนนะขอรั

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   ตอนพิเศษ : เรื่องราวของท่านหมอ 2 (จบ) HAPPY(5/5)

    ยามอยู่ในงานเลี้ยงองค์ชายห้าเกาะติดนางไม่ห่าง ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก “เจ้ากินเซาปิ่งมากถึงเพียงนี้ ระวังจะกินอาหารเลิศรสจานอื่นไม่ได้” “เซาปิ่งของจวนเสิ่นอร่อยถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” ท่าทางกินของนางทำให้มุมปากหยักของเขายกยิ้มอย่างเอ็นดู “พี่ไม่แย่งเจ้าหรอก ค่อยๆ กินประเดี๋ยวติดคอ” “ข้า...” เซาปิ่งที่เซียวอ้ายช่างจับอยู่ตกลงบนพื้น สองมือของนางกุมอกเอาไว้ ท่าทางคล้ายจะขาดใจตายของนางทำให้เขาร้อนรน “อ้ายช่าง อ้ายช่างเจ้าเป็นอันใด เซาปิ่งติดคอใช่หรือไม่” หวงหลี่จื้อช่วยตบหลังให้นาง “ลี่จึ...ในเซาปิ่งมี อึกๆ” ท่าทางทุรนทุรายของคุณหนูเซียวและสีหน้าตื่นตระหนกขององค์ชายห้า ทำให้ผู้นำตระกูลเสิ่นรีบเข้ามาดูนางพร้อมกับเสิ่นฮูหยิน “เจ้าพยายามกินยานี้เข้าไปเร็วเข้า” “อึกๆ อึก” เพราะหายใจไม่ออก นางจึงดิ้นทุรนทุราย หวงหลี่จื้อเห็นท่าไม่ดี จึงเอายาใส่ปากแล้วป้อนให้นางด้วยปาก เขาบังคับให้นางกลืนยาลงไป การกระทำขององค์ชายคล้ายจะทำให้เกิดเสียงฮือฮา แต่มีหรือเขาจะสนใจ การช่วยช

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status