“นำทางไปเรือนรับรอง” หยางซีซวนมีท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดพลันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วตัวแต่ด้วยความโกรธจึงพยายามระงับอาการแปลกประหลาดเอาไว้ สีหน้าที่แสดงออกมาจึงดูสับสนยิ่งนัก “ทางนี้เจ้าค่ะ ข้าจะนำทางท่านไปเอง” คุณหนูหลินอาสาก่อนจะเดินนำหน้าคุณชายหยางไป มุมปากของหลินอี้เฟยยกยิ้มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก้าวเดินใกล้ถึงเรือนรับรอง ก่อนจะต้องทรุดตัวพร้อมกับสติที่ดับวูบ “พาไปส่งยังห้องที่นัดหมายไว้” หยางซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบติดเย็นชา ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ “ขอรับคุณชาย” เจียวมิ่งกล่าวก่อนจะพาสตรีผู้นี้ไป “ทางฮูหยินข้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เรียบร้อยดีขอรับ” เจียวโจวรายงานผู้เป็นนาย “บุรุษผู้นั้นเล่า” “เข้ามาอยู่ในแผนการเรียบร้อยแล้วขอรับ” “ดีมาก ข้ายินดีจะทำตัวเป็นผู้เฒ่าจันทรา สานวาสนาให้หญิงโฉดชายชั่วได้ครองคู่กัน” เกรงว่าครานี้คงต้องรีบแต่งอย่างมิอาจรั้งรอ “อีกราวๆ หนึ่งเค่อ อย่าลืมส่งสัญญาณให้คนผู้นั้น จะได้มีสักขีพยานให้คู่ยวนยางทั้งสองคู่มาก
“แม้ไม่ได้ร่วมลงมือ แต่คุณชายหมิงสามารถเพลิดเพลินกับความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นได้” หยางซีซวนที่เอาแต่สูดกลิ่นกายสตรีจนร้อนรุ่มไปทั้งตัวเงยหน้าขึ้นบอก “เช่นนั้นจะรออันใด รีบไปสมทบกับกลุ่มคนที่เพิ่งเดินไปทางเรือนรับรองเถิด” หมิงอี้เฉินกล่าว “ซีซวนท่านควรปล่อยข้าได้แล้ว” กอดนางคล้ายลูกลิงไม่ยอมปล่อย โชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีใครเดินผ่านไปมาให้อับอาย “สนทนากับสหายจบแล้วหรือ” หากได้กอดนางเช่นนี้ นางจะสนทนานานเพียงใดเขาย่อมไม่กล้าต่อว่า “ท่านรีบปล่อยข้าเถิด ข้าอยากไปชมงิ้วที่พวกนางเตรียมไว้ให้ข้า” “เช่นนั้นก็ได้” เขากล่าวก่อนจะยอมคลายอ้อมกอดด้วยสีหน้าเสียดาย สองบุรุษหนึ่งสตรีเดินตามเสียงโหวกเหวกโวยวายไป จนไปหยุดที่หน้าเรือนรับรองที่เปิดประตูกว้างอยู่ เสียงก่นด่าของนายท่านหลินยังคงดังอย่างต่อเนื่อง “เหตุใดพวกเจ้าถึงมาทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ในจวนข้า” คหบดีหลินเอ่ยถามหลังจากให้บุรุษสตรีที่ทำเรื่องบัดสีเมื่อครู่ไปสวมใส่เสื้อผ้า “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจ ข้าต้องถูกวางยาแน่ๆ” หม่าลี่อินบอกเสียงส
21เรื่องราวของคนตระกูลหลิน บรรดาฮูหยิน คุณชายและคุณหนูที่ได้ยินเสียงร้องต่างพากันเดินไปทางต้นเสียงจนไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องแห่งหนึ่ง เพราะประตูที่เปิดกว้างทุกคนจึงได้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง หนึ่งสตรีสองบุรุษที่โรมรันพันตูกันในสภาพเปลือยเปล่าทำให้บรรดาคุณหนูยกมือปิดหน้าด้วยความอาย “อี้เฟย หยุดนะ เจ้ากำลังทำอันใด” ฮูหยินรองที่ได้สติรีบคว้าผ้าห่มที่ตกอยู่บนพื้นจะเข้าไปคลุมกายให้บุตรสาว แต่กลับถูกนางผลักออกก่อนจะโผเข้าหาบุรุษทั้งสองอย่างไร้ยางอาย “ท่านแม่อย่ามายุ่งกับข้า” “พ่อบ้าน พาทุกคนกลับไปที่งานเลี้ยง” สิ้นเสียงที่เปี่ยมด้วยโทสะของนายท่านหลิน บรรดาฮูหยิน คุณหนูและคุณชายที่ได้รับรู้เรื่องราวคาวโลกีย์แล้วต่างพากันล่าถอย มิคาดคิดจริงๆ ว่าการตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงานเลี้ยงที่ชาวบ้านร่ำลือกันว่าครั้งนี้นายท่านหลินหักหน้าฮูหยินเอก มอบหมายให้ฮูหยินรองจัดการ จะเกิดเรื่องสนุกเช่นนี้ คิดว่าคหบดีหลินจะเฉลียวฉลาดเก่งกาจ แต่ที่ใดได้ก็แค่บุรุษหน้าโง่ที่หลงใหลมารยาของสตรีโดยไม่สนกฎเกณฑ์ กว่าคุณหนูรองหลินจะได้สติก็ผ่านไป
“หุบปากเจ้าเดี๋ยวนี้นะหรงซิน มิเช่นนั้นข้าจะให้ท่านแม่ส่งคนไปรุมตบตีเจ้าเช่นที่ผ่านมา” หลินอี้เฟยที่แสร้งเป็นสตรีอ่อนหวานต่อหน้าบิดามาตลอด ในวันนี้มิอาจเก็บซ่อนนิสัยที่แท้จริงภายใต้ฉากหน้าแห่งความดีงามได้อีก จึงพลั้งเผลอแสดงตัวตนออกมา “อี้เฟยหุบปาก” ฮูหยินรองหน้าซีดเซียวในทันที ยิ่งสามีที่บอกรักตนนักหนาหันมามองด้วยสายตาผิดหวัง ยิ่งทำให้นางน้ำตาไหลมากกว่าเดิม “สอนได้ดี อี้ฟางเจ้าสอนบุตรสาวได้ดียิ่ง” นายท่านหลินหัวเราะเย้ยหยันในความโง่งมของตนเองที่เชิดชูฮูหยินรอง โปรดปรานบุตรสาวจากฮูหยินรอง “ท่านพี่ อี้เฟยเลอะเลือนจึงได้กล่าวเช่นนั้น ข้ามิเคยทำเช่นนั้นกับคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ” “พ่อบ้าน พาฮูหยินรองและคุณหนูรองกลับเรือน ห้ามพวกนางออกจากเรือนจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน” “ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ” “ท่านพ่อท่านต้องจัดการนังหรงซินให้ข้านะเจ้าคะ เป็นมันแน่ๆ ที่ลงมือกับข้า” “ออกไป!” นายท่านหลินตวาด พ่อบ้านที่คอยลอบช่วยเหลือคุณหนูใหญ่และฮูหยินเอกอยู่ตลอดรีบสั่งให้บ่าวรับใช้รูปร่างสูงใหญ่ลากตัวสตรีทั้งสองออกจ
เหตุใดวันนี้ข้าถึงรู้สึกว่าหากข้ายังอยู่ใกล้เขา ข้าคงถูกล่อลวงจนกลับจวนไม่ถูก หลักฐานทั้งหมดถูกปาลงตรงหน้าฮูหยินรองและบุตรสาวคนโปรด ไม่ว่าจะเรื่องที่คุณหนูซูถูกกล่าวหา หรือเรื่องที่หลินอี้เฟยใส่ร้ายว่าที่ตนเองทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นไปเป็นเพราะถูกคุณชายเล็กหยางวางยา ทั้งหมดล้วนชี้มาที่บุตรสาวของสตรีที่เขารัก สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับเป็นกรรมตามสนองที่หลินอี้เฟยและสหายควรได้รับ เพราะแท้จริงคนที่ต้องถูกวางยาปลุกกำหนัดต้องเป็นคุณชายหยางและคุณหนูซู ไม่รู้ว่าเอาความกล้าเทียมฟ้ามาจากที่ใด จึงกระทำการไร้หัวคิดเช่นนั้น “หลักฐานมีครบเช่นนี้เจ้าจะกล่าวว่าบุตรสาวเจ้าถูกใส่ร้ายอีกหรือไม่ฮูหยินรอง” นายท่านหลินมองสตรีที่ตนเคยรู้สึกว่าน่าเอ็นดูอย่างเย็นชา โชคดีเพียงใดที่แผนการของหลินอี้เฟยและสหายไม่สำเร็จ มิเช่นนั้นตระกูลหลินคงต้องรับโทสะจากคนตระกูลหยางเป็นแน่ ไหนจะหยางฮูหยินที่คล้ายว่าจะโปรดปรานสะใภ้คนเล็กมากยิ่งนักอีก “ท่านพี่ ลูกของเราไร้เดียงสานัก ต้องเป็นสหายผู้นั้นแน่ที่กล่าววาจาชักจูงให้อี้เฟยของพวกเราคล้อยตามจนไม่ทันคิดหน้าคิ
“เพียงแค่ลูบไล้เช่นนี้หรือเจ้าคะ” ซูหนิงเซียนโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วทาบมือลงบนอก มือน้อยซุกซนนักคืบคลานเข้าตรงรอยแยกของอาภรณ์ สัมผัสกล้ามเนื้อที่แน่นตึง นางจะทำให้เขาหลงใหลจนมิอาจขาดนางได้ แล้วบุรุษรูปงามและเก่งกาจเช่นเขาจะไปไหนรอด “เจ้ากำลังยั่วยวนพี่รู้หรือไม่” “ข้าเพียงแต่จะซักซ้อม หากถึงวันเข้าหอจริงจะได้ไม่เขินอายท่านมากนัก” “เช่นนั้นเรามาซักซ้อมด้วยกันดีหรือไม่” เสียงที่เอ่ยถามแหบพร่าตามความปรารถนาที่เอ่อล้น “มิดีเจ้าค่ะ ท่านต้องอดทน เพราะครั้งนี้เป็นทีของข้าที่จะซักซ้อมกับเรือนร่างท่าน” “เช่นนั้นครั้งหน้าพี่จะขอซักซ้อมกับเจ้าบ้าง อ๊า...” เขาส่งเสียงร้องเมื่อปลายนิ้วไปสะกิดโดนยอดอก “อย่าส่งเสียงดังสิเจ้าคะ หากท่านพ่อได้ยินเสียงท่านยามนี้ คงเปลี่ยนใจไม่ยกข้าให้บุรุษที่ปีนหน้าต่างเข้าหาบุตรสาวเช่นท่าน” ไหนจะหมิงอี้เฉินที่มักจะมานั่งบ่นให้นางต้องรู้เท่าทันเล่ห์กลและมารยาของจิ้งจอกเช่นเขา “มิต้องห่วง มารดาพี่ไม่มีทางยอมให้ท่านพ่อตาเปลี่ยนใจแน่” สุดท้ายในคืนนั้นมือน้อ
22บุรุษผู้คลั่งไคล้ฮูหยิน ในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกวางเหลียงอี้มีสีหน้าราบเรียบยิ่งนัก มิคล้ายกับคนที่ยินดีกับการแต่งงานเลยแม้แต่น้อยทั้งยังไม่ประคองจนสตรีในชุดเจ้าสาวเกือบจะก้าวเท้าสะดุดล้ม ทำให้หม่าลี่อินไม่พอใจยิ่งนัก แม้จะได้ตบแต่งกับสตรีที่ตนเคยชื่นชอบแต่เขาก็ไม่รู้สึกยินดีนัก ยิ่งได้ยินข่าวลือจากอดีตสาวใช้จวนหลินที่นำเรื่องราวบัดสีที่เกิดขึ้นในจวนหลินมาขายให้นักเล่านิทานนำไปเล่า จนเรื่องราวมันแพร่กระจายไปทั่ว เขากลายเป็นบุรุษหน้าโง่ที่ถูกมารยาของสตรีเล่นงาน แผนการที่บอกว่าจะวางยาปลุกกำหนัดคุณหนูซู แล้วให้เขาที่คล้ายจะตามไปภายหลังเพื่อรับคู่หมั้นไปพบเจอสุดท้ายก็เกิดเรื่องเลยเถิดขึ้น กลับกลายเป็นแผนรวบหัวรวบหางเขาเพื่อตบแต่งด้วยตั้งแต่แรก คงเพราะผิดหวังที่คุณชายหยางไม่สนใจ สตรีชาติกำเนิดต่ำต้อย ทั้งนิสัยย่ำแย่ บุรุษใดจะชายตามอง เขามันโง่เองที่พลาดพลั้ง ภายในห้องหอที่ประดับด้วยสีแดงอันเป็นสีมงคลมีสตรีผู้หนึ่งนั่งนิ่งเพื่อรอเจ้าบ่าวของตนมาเปิดผ้าคลุมหน้า “เจ้ารังเกียจที่ข้าต่ำต้อยแล้วเหตุใดเรื่องราวถึงลงเอยเช่นนี้”
“ก็ได้เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงตอบรับ บุรุษเจ้าเล่ห์ก็จับใบหน้าหวานให้หันมาหาตนก่อนจะทาบทับปากลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มอย่างเอาแต่ใจ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันไม่ยอมผละออก สติของนางเริ่มเลือนรางพร้อมกับความปรารถนารัญจวนที่เพิ่มขึ้น เขายอมผละออกแต่โดยดีเมื่อรับรู้ได้ว่าสตรีในอ้อมกอดอ่อนระทวย “เจ้าหวานยิ่งนัก พี่ขอชิมอีกได้หรือไม่” บุรุษเจ้าเล่ห์มิคิดรอคำตอบ ริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากของนางอีกครา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้า มือใหญ่เริ่มรุกล้ำลูบไล้ไปทั่ว อาภรณ์ตัวนอกถูกถอดออกจากเรือนร่างโดยไม่รู้ตัว “อ่า...ท่านจะทำอันใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามด้วยเสียงที่แหบพร่า “พี่เพียงอยากชิมเจ้าเพื่อปลอบประโลมจิตใจ” สิ้นเสียงกล่าวริมฝีปากเขาทาบทับลงบนกลีบปากบางอีกครั้ง ในขณะที่ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้า มือใหญ่ก็ปลดอาภรณ์ตัวในของนางออกจนหมดสิ้นไม่เว้นแม้แต่ตู้โตวผืนน้อยที่ปิดบังอกอวบอิ่ม “ท่าน...เหตุใดถึงไม่รอพรุ่งนี้ อ่า...” “พี่ยังไม่ได้จะเข้าหอกับเจ้า เพียงแค่ขอชิมเจ้าเล็กน้อย” จมูกของเขาดอมดมกลิ่นกายสาวหอม
“เรื่องนั้นท่านอย่าได้ห่วงเลยเจ้าค่ะ พี่เหลียงอี้ เขาไปลาดตระเวนตรวจตราที่บริเวณจวนของนางอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นนางปลอดภัยไม่มีอันตรายแน่นอน” ‘สตรีโง่ ข้าอยากจะบอกเจ้าเหลือเกินว่า คู่หมั้นข้านางผู้นั้นมีของล้ำค่ามากกว่าปิ่นที่เจ้าจะซื้อให้อีก’ ยิ่งได้เห็นความใสซื่อของซูหนิงเซียน ความสนใจในตัวคู่หมั้นก็เริ่มลดลง หากไม่ติดที่ว่ามีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็คงไม่คิดสนใจไยดีแล้ว น่าแปลกที่เขาเชื่อวาจาที่ซูหนิงเซียนบอกกล่าวออกมามากกว่าที่ได้รับฟังจากหม่าลี่อิน “ข้าเลือกชิ้นนี้เจ้าค่ะ ลี่อินนางชอบไข่มุก ข้าว่านางต้องดีใจมากแน่นอนเจ้าค่ะที่ได้ปิ่นนี้” “อืม” รอยยิ้มจริงใจของคุณหนูซูทำให้เขาเอ่ยวาจาไม่ออก “คุณหนูซูท่านช่างโชคดีเหลือเกินขอรับ วันนี้นายท่านของร้านเราใจดี สั่งลดราคาเครื่องประดับให้กับลูกค้าคนที่สิบเก้า ซึ่งคือท่าน” “ลดราคาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “ใช่ขอรับ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ม้าตัวโปรดของนายท่านคลอดลูกม้า นายท่านสั่งลดราคาเครื่องประดับให้ลูกค้าคนที่สิบเก้าครึ่งราคา นั่นเท่ากับว่าวันนี้คุณหน
ดวงหน้าหวานที่โผล่ออกมาจากรถม้าทำให้ใจของเขาสั่นไหว เมื่อนางเผยรอยยิ้มเขาแทบจะกระโดดลงจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมเพื่อไปหานาง “แม่นางหนิงเซียน” เสียงทุ้มของบุรุษที่ดังขึ้นดึงความสนใจของซูหนิงเซียนให้หันไปมอง “คารวะคุณชายซวนเจ้าค่ะ” ยามเห็นหน้ากากจึงจดจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่หมั้นของสหาย “ท่านมาคนเดียวหรือ” “เจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะมาหาซื้อผ้าไปตัดชุดให้สาวใช้คนสนิท จึงตั้งใจมาด้วยตัวเองไม่ได้ชวนลี่อินมาด้วย” นางเข้าใจว่าเขาถามหาสตรีในดวงใจ “ข้ามีความรู้เรื่องผ้าไม่น้อย ให้ข้าช่วยเลือกดีหรือไม่ ไม่แน่เจ้าอาจจะได้ผ้าเนื้อดีที่ราคาถูก” “หากมิรบกวนคุณชายซวนเกินไป…” ซูหนิงเซียนยังกล่าวไม่ทันจบเขาก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “เรื่องนี้มิได้เหลือบ่ากว่าแรง จะถือว่ารบกวนข้าได้อย่างไร” “เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับแล้วยกยิ้มเล็กน้อย บุรุษสวมหน้ากากช่วยนางเลือกผ้าได้หลายพับ แต่เมื่อจ่ายเงินนางกลับพบว่านางได้ของดีแต่ราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ “ท่านหลงจู๊ ลองคิดเงินใหม่อีกครั้งดีหรือไม่
ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า บริเวณชั้นบนของโรงเตี๊ยมเลี่ยงจิน บุรุษสวมหน้ากากจ้องมองคู่หมั้นของตนที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ดวงหน้าหวานแต่งแต้มรอยยิ้มสดใสพาลทำให้บุรุษรอบตัวต่างหันมามอง แต่เขากลับถูกสตรีนางหนึ่งดึงดูดสายตาให้จ้องมอง สตรีนางนั้นคล้ายจะเป็นสหายของคุณหนูหม่า แม้ดวงหน้านางจะแต่งแต้มรอยยิ้มบาง แต่ทว่ากลับดึงดูดเขาได้อย่างน่าประหลาด และดูเหมือนว่าแท้จริงบุรุษเหล่านั้นจะจ้องมองนางเสียมากกว่า พลันในอกรู้สึกไม่ชอบใจอย่างประหลาด ความรู้สึกหวงแหนก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหตุใดกับคู่หมั้นตน เขาถึงไม่รู้สึกเช่นนี้ พรึ่บ ไวกว่าความคิดร่างสูงโปร่งของบุรุษรูปงามก็ปรากฏตัวด้านหลังสตรีทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยทักทาย “ลี่อินเจ้ามาเดินเที่ยวเล่นหรือ” เขาทราบว่ามันเป็นคำถามที่ดูโง่งม แต่เขาไม่รู้จะเอ่ยถามอันใดออกไป “คารวะคุณชายซวนเจ๋อเจ้าค่ะ” สายตาที่มีประกายรังเกียจพาดผ่านทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่คู่หมั้นจะแสดงความเคารพเขา หลายครั้งที่นางมองเขาเช่นนี้ คงเพราะหวาดกลัวหน้ากากที่ปกปิดบนใบหน้าเขา การเป
“คนของเจ้าสืบได้ละเอียดถึงเพียงนั้น” หมิงอี้เฉินหรี่ตามองอย่างจับผิด “เรื่องที่คิดกำจัดนางกับท่านพ่อตา คนของข้าได้ยินหม่าลี่อินวาดฝันกับกวางเหลียงอี้ เมื่อเห็นว่าเป็นภัยต่อนาง คนของข้าจึงนำมารายงานข้าด้วย” “...” “เบื้องต้นข้ามีหลักฐานที่กลุ่มนักเลงพวกนั้นสารภาพ เจ้าอยากดูหรือไม่” “อืม” เขายกชามสุราขึ้นจิบก่อนจะตอบรับ “นี่คือจดหมายรับสารภาพของนักเลงที่ดักปล้นรถม้าแต่ถูกข้าซ้อนแผนจับเป็นทั้งหมด ก่อนจะนำมาทรมานเพื่อเค้นความจริง” หยางซีซวนยื่นจดหมายที่เพิ่งนำออกมาจากอกเสื้อให้เขา “หม่าลี่อินชั่วช้ายิ่งนัก คิดจะให้พวกนักเลงข่มเหงนาง” จากคำสารภาพของนักเลง กวางเหลียงอี้เพียงแต่ตั้งใจทำให้นางตกใจ แต่หม่าลี่อินกลับซ้อนแผนให้นักเลงพวกนั้นข่มเหงนางก่อนที่กวางเหลียงอี้จะไปช่วย คงกลัวว่าหากเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของตนได้พบเจอนางจะเปลี่ยนใจ จึงสร้างมลทินให้ซูหนิงเซียน “เพราะเหตุนี้ข้าจึงแสร้งสติฟั่นเฟือนเพื่อจะได้อยู่ในจวนตระกูลซูต่อไป เพื่อจะได้ปกป้องนางและบิดาด้วยตนเอง” “เรื่องนี้เจ้าสามารถใช้ผ
คุณชายหมิงอี้เฉิน เมื่อได้รับข่าวว่าสหายในวัยเด็กเดินทางกลับมาจากเมืองซานโจวแล้ว เขาจึงรีบไปหา แต่ใครจะคิดเล่าว่าการพบเจอครั้งนี้จะพ่วงบุรุษผู้นั้นมาด้วย ชายที่มองอย่างไรก็ไม่คล้ายคนสติฟั่นเฟือน ท่าทางออดอ้อนนั้นแลดูเหมือนบุรุษเจ้ามารยาเสียมากกว่า คุณชายหมิงเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วยืนนิ่งราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง “คุณชายขอรับ นี่ก็เป็นปลายยามไฮ่ (21.00-22.59) แล้ว น้ำค้างก็ลงมากแล้วอย่างไร...” บ่าวรับใช้คนสนิทยังกล่าวไม่ทันจบ คุณชายเจ้าของจวนก็เอ่ยวาจาแทรกขึ้นก่อน “เจ้าไปนอนก่อนเถิด ข้าจะยืนชมดาวอีกสักหน่อยก็จะไปนอนแล้ว” “ขอรับ” เมื่อคุณชายกล่าวเช่นนั้น บ่าวรับใช้คนสนิทก็ได้แต่เดินจากไป พรึ่บ บุรุษชุดดำกระโดดลงมาตรงหน้าเขาหลังจากบ่าวรับใช้เดินหายไปไม่นาน “มาแล้วหรือ” คุณชายหมิงเอ่ยวาจาทักทายผู้มาเยือน “เจ้าอยากพบข้าด้วยเหตุใด” หากบุรุษผู้นี้ไม่ค้นพบการมีตัวตนของผู้ติดตาม เขาก็คงคิดว่า ซือเย่ผู้นี้เป็นเพียงบัณฑิตอ่อนปวกเปียกที่ไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่ “ท่านควรแจ้งถึงจุดประสงค์ในก
“พี่ไม่ได้รังแกเจ้า พี่มอบความโปรดปรานให้เจ้า” “หน้าอกท่านแน่นเสียจริง” “หากเจ้าอยากลูบไล้ยามไร้อาภรณ์ ก็จงรีบกลับจวนกับพี่” “ไม่เอา ข้ายังไม่อยากกลับ กว่าจะได้ออกมาเที่ยวเช่นนี้ไม่ง่ายเลย ต้องขอบคุณท่านแม่นะเจ้าคะ ที่เมตตาข้า” “มิเป็นไรๆ เจ้าอยู่สนุกกับเหล่าชายงามต่อเถิด แม่ต้องกลับไปรับโทษ...ไม่ใช่ แม่ต้องรีบกลับแล้ว” กล่าวจบหยางฮูหยินก็หันไปมองใบหน้าบึ้งตึงของสามี ‘ครั้งนี้นางคงหยอกเย้าบุตรชายมากเกินไป จึงทำให้ฟูจวิน ของนางโกรธขึ้นมาจริงๆ’ ต่อจากนี้คงต้องทนปวดเอวเพื่อง้อท่านแม่ทัพใหญ่หลายคืนอีกแล้ว “ได้เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะสนุกกับพี่ชายคนงามแทนท่านแม่เองเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินโซซัดโซเซไปหากลุ่มชายงาม แต่กลับโดนสามีโอบรั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “พี่ชายคนงามพวกนี้ อยากกลับไปพักผ่อนแล้ว เจ้าอย่าได้รบกวนพวกเขาเลย” น้ำเสียงที่เอ่ยกับฮูหยินตนช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ต่างจากสายตาที่จ้องมองคล้ายจะเข้าขย้ำเหยื่อตรงหน้าของราชสีห์ “จริงหรือเจ้าคะพี่ชาย” “จริงขอรับ”
“ท่านพ่อ คราวนี้ท่านแม่ทำเกินไปขอรับ” เขารีบฟ้องบิดาในทันที มารดาพาฮูหยินของเขามาเที่ยวหอชายงามเช่นนี้ เกิดนางติดใจเข้าจะทำเช่นไร “อย่าได้ห่วง พ่อจะจัดการลงโทษนางตามกฎของพ่อ เข้าไปด้านในกันเถิด” เพียงแค่คิดถึงบทลงโทษที่จะได้ใช้กับฮูหยินตนแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ก็คล้ายจะอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอจะก้าวเท้าเข้าหอชายงาม ผู้ติดตามที่ถูกสั่งให้กีดกันคุณชายก็โผล่ออกมาขัดขวางตามคำสั่งของหยางฮูหยิน “พวกเจ้ากล้าขัดขวางข้าหรือ” น้ำเสียงที่ไม่คล้ายจะพอใจทำให้ผู้ติดตามของหยางฮูหยินรีบคุกเข่า “มิได้ขอรับ แต่พวกข้าน้อยถูกสั่งให้ขัดขวางคุณชายไม่ให้เข้าไปในที่แห่งนี้ขอรับ” กลิ่นอายสังหารของท่านแม่ทัพใหญ่ทำให้บุรุษชุดดำทั้งหมดหวั่นเกรงยิ่งนัก “พวกเจ้ากล้าขัดขวางบุตรชายข้าหรือ นายที่แท้จริงของพวกเจ้าคือใครจำได้หรือไม่” “ท่านแม่ทัพขอรับ” บรรดาผู้ติดตามพร้อมใจกันตอบรับ หากเทียบกันแล้วหยางฮูหยินนั้นรับมือง่ายกว่าท่านแม่ทัพมากนัก ‘ต้องขออภัยฮูหยินแล้วขอรับที่พวกข้าต้องเลือกฝั่งท่านแม่ทัพใหญ่’ บรรดาผู้ติดตามได้แต่แสร้
ท่านแม่กำลังไปตามหาน้องให้ สิ่งแรกที่เขามักจะมองหาเมื่อกลับถึงจวนคือฮูหยินของเขาที่มักจะมายืนส่งยิ้มให้ แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นัยน์ตาดำกวาดมองไปทั่วบริเวณ จึงพบเด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งเล่นตัวต่อไม้โดยมีแม่นมและสาวใช้คอยดูแลอยู่ ไร้เงาของผู้เป็นมารดา “หนิงเฉิง กำลังเล่นอันใดอยู่หรือลูก” เขาโบกมือไล่แม่นมและสาวใช้ออกไป ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงสนทนากับบุตรชายวัยสามขวบที่คล้ายฉลาดเกินวัย “ตัวต่อไม้ขอรับท่านพ่อ” “นี่คืออันใด” หยางซีซวนชี้ไปยังตัวต่อที่ถูกต่อขึ้นมาคล้ายเรือนหลังเล็ก “เรือนของน้องชายขอรับ” “เรือนของหนิงเฉินหรือ น่าอยู่ไม่น้อย” เพราะบุตรชายคนเล็กอายุเพียงเจ็ดเดือน จึงต้องอยู่กับแม่นมไม่สามารถมาเล่นกับพี่ชายได้ “อืม...หรือเก็บไว้ให้น้องสาวดี” เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิด “จะน้องชายหรือน้องสาว ก็เป็นน้องของเจ้าทั้งนั้น อย่าได้ลำเอียง เข้าใจหรือไม่” “ขอรับท่านพ่อ” “ท่านแม่ของเจ้าไปไหน เหตุใดพ่อจึงไม่เห็น” “ทะ ท่านแม่หรือขะ ขอรับ น่าจะนอนอยู่ระ เรือนนะขอรั
ยามอยู่ในงานเลี้ยงองค์ชายห้าเกาะติดนางไม่ห่าง ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก “เจ้ากินเซาปิ่งมากถึงเพียงนี้ ระวังจะกินอาหารเลิศรสจานอื่นไม่ได้” “เซาปิ่งของจวนเสิ่นอร่อยถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” ท่าทางกินของนางทำให้มุมปากหยักของเขายกยิ้มอย่างเอ็นดู “พี่ไม่แย่งเจ้าหรอก ค่อยๆ กินประเดี๋ยวติดคอ” “ข้า...” เซาปิ่งที่เซียวอ้ายช่างจับอยู่ตกลงบนพื้น สองมือของนางกุมอกเอาไว้ ท่าทางคล้ายจะขาดใจตายของนางทำให้เขาร้อนรน “อ้ายช่าง อ้ายช่างเจ้าเป็นอันใด เซาปิ่งติดคอใช่หรือไม่” หวงหลี่จื้อช่วยตบหลังให้นาง “ลี่จึ...ในเซาปิ่งมี อึกๆ” ท่าทางทุรนทุรายของคุณหนูเซียวและสีหน้าตื่นตระหนกขององค์ชายห้า ทำให้ผู้นำตระกูลเสิ่นรีบเข้ามาดูนางพร้อมกับเสิ่นฮูหยิน “เจ้าพยายามกินยานี้เข้าไปเร็วเข้า” “อึกๆ อึก” เพราะหายใจไม่ออก นางจึงดิ้นทุรนทุราย หวงหลี่จื้อเห็นท่าไม่ดี จึงเอายาใส่ปากแล้วป้อนให้นางด้วยปาก เขาบังคับให้นางกลืนยาลงไป การกระทำขององค์ชายคล้ายจะทำให้เกิดเสียงฮือฮา แต่มีหรือเขาจะสนใจ การช่วยช