21เรื่องราวของคนตระกูลหลิน บรรดาฮูหยิน คุณชายและคุณหนูที่ได้ยินเสียงร้องต่างพากันเดินไปทางต้นเสียงจนไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องแห่งหนึ่ง เพราะประตูที่เปิดกว้างทุกคนจึงได้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง หนึ่งสตรีสองบุรุษที่โรมรันพันตูกันในสภาพเปลือยเปล่าทำให้บรรดาคุณหนูยกมือปิดหน้าด้วยความอาย “อี้เฟย หยุดนะ เจ้ากำลังทำอันใด” ฮูหยินรองที่ได้สติรีบคว้าผ้าห่มที่ตกอยู่บนพื้นจะเข้าไปคลุมกายให้บุตรสาว แต่กลับถูกนางผลักออกก่อนจะโผเข้าหาบุรุษทั้งสองอย่างไร้ยางอาย “ท่านแม่อย่ามายุ่งกับข้า” “พ่อบ้าน พาทุกคนกลับไปที่งานเลี้ยง” สิ้นเสียงที่เปี่ยมด้วยโทสะของนายท่านหลิน บรรดาฮูหยิน คุณหนูและคุณชายที่ได้รับรู้เรื่องราวคาวโลกีย์แล้วต่างพากันล่าถอย มิคาดคิดจริงๆ ว่าการตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงานเลี้ยงที่ชาวบ้านร่ำลือกันว่าครั้งนี้นายท่านหลินหักหน้าฮูหยินเอก มอบหมายให้ฮูหยินรองจัดการ จะเกิดเรื่องสนุกเช่นนี้ คิดว่าคหบดีหลินจะเฉลียวฉลาดเก่งกาจ แต่ที่ใดได้ก็แค่บุรุษหน้าโง่ที่หลงใหลมารยาของสตรีโดยไม่สนกฎเกณฑ์ กว่าคุณหนูรองหลินจะได้สติก็ผ่านไป
“หุบปากเจ้าเดี๋ยวนี้นะหรงซิน มิเช่นนั้นข้าจะให้ท่านแม่ส่งคนไปรุมตบตีเจ้าเช่นที่ผ่านมา” หลินอี้เฟยที่แสร้งเป็นสตรีอ่อนหวานต่อหน้าบิดามาตลอด ในวันนี้มิอาจเก็บซ่อนนิสัยที่แท้จริงภายใต้ฉากหน้าแห่งความดีงามได้อีก จึงพลั้งเผลอแสดงตัวตนออกมา “อี้เฟยหุบปาก” ฮูหยินรองหน้าซีดเซียวในทันที ยิ่งสามีที่บอกรักตนนักหนาหันมามองด้วยสายตาผิดหวัง ยิ่งทำให้นางน้ำตาไหลมากกว่าเดิม “สอนได้ดี อี้ฟางเจ้าสอนบุตรสาวได้ดียิ่ง” นายท่านหลินหัวเราะเย้ยหยันในความโง่งมของตนเองที่เชิดชูฮูหยินรอง โปรดปรานบุตรสาวจากฮูหยินรอง “ท่านพี่ อี้เฟยเลอะเลือนจึงได้กล่าวเช่นนั้น ข้ามิเคยทำเช่นนั้นกับคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ” “พ่อบ้าน พาฮูหยินรองและคุณหนูรองกลับเรือน ห้ามพวกนางออกจากเรือนจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน” “ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ” “ท่านพ่อท่านต้องจัดการนังหรงซินให้ข้านะเจ้าคะ เป็นมันแน่ๆ ที่ลงมือกับข้า” “ออกไป!” นายท่านหลินตวาด พ่อบ้านที่คอยลอบช่วยเหลือคุณหนูใหญ่และฮูหยินเอกอยู่ตลอดรีบสั่งให้บ่าวรับใช้รูปร่างสูงใหญ่ลากตัวสตรีทั้งสองออกจ
เหตุใดวันนี้ข้าถึงรู้สึกว่าหากข้ายังอยู่ใกล้เขา ข้าคงถูกล่อลวงจนกลับจวนไม่ถูก หลักฐานทั้งหมดถูกปาลงตรงหน้าฮูหยินรองและบุตรสาวคนโปรด ไม่ว่าจะเรื่องที่คุณหนูซูถูกกล่าวหา หรือเรื่องที่หลินอี้เฟยใส่ร้ายว่าที่ตนเองทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นไปเป็นเพราะถูกคุณชายเล็กหยางวางยา ทั้งหมดล้วนชี้มาที่บุตรสาวของสตรีที่เขารัก สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับเป็นกรรมตามสนองที่หลินอี้เฟยและสหายควรได้รับ เพราะแท้จริงคนที่ต้องถูกวางยาปลุกกำหนัดต้องเป็นคุณชายหยางและคุณหนูซู ไม่รู้ว่าเอาความกล้าเทียมฟ้ามาจากที่ใด จึงกระทำการไร้หัวคิดเช่นนั้น “หลักฐานมีครบเช่นนี้เจ้าจะกล่าวว่าบุตรสาวเจ้าถูกใส่ร้ายอีกหรือไม่ฮูหยินรอง” นายท่านหลินมองสตรีที่ตนเคยรู้สึกว่าน่าเอ็นดูอย่างเย็นชา โชคดีเพียงใดที่แผนการของหลินอี้เฟยและสหายไม่สำเร็จ มิเช่นนั้นตระกูลหลินคงต้องรับโทสะจากคนตระกูลหยางเป็นแน่ ไหนจะหยางฮูหยินที่คล้ายว่าจะโปรดปรานสะใภ้คนเล็กมากยิ่งนักอีก “ท่านพี่ ลูกของเราไร้เดียงสานัก ต้องเป็นสหายผู้นั้นแน่ที่กล่าววาจาชักจูงให้อี้เฟยของพวกเราคล้อยตามจนไม่ทันคิดหน้าคิ
“เพียงแค่ลูบไล้เช่นนี้หรือเจ้าคะ” ซูหนิงเซียนโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วทาบมือลงบนอก มือน้อยซุกซนนักคืบคลานเข้าตรงรอยแยกของอาภรณ์ สัมผัสกล้ามเนื้อที่แน่นตึง นางจะทำให้เขาหลงใหลจนมิอาจขาดนางได้ แล้วบุรุษรูปงามและเก่งกาจเช่นเขาจะไปไหนรอด “เจ้ากำลังยั่วยวนพี่รู้หรือไม่” “ข้าเพียงแต่จะซักซ้อม หากถึงวันเข้าหอจริงจะได้ไม่เขินอายท่านมากนัก” “เช่นนั้นเรามาซักซ้อมด้วยกันดีหรือไม่” เสียงที่เอ่ยถามแหบพร่าตามความปรารถนาที่เอ่อล้น “มิดีเจ้าค่ะ ท่านต้องอดทน เพราะครั้งนี้เป็นทีของข้าที่จะซักซ้อมกับเรือนร่างท่าน” “เช่นนั้นครั้งหน้าพี่จะขอซักซ้อมกับเจ้าบ้าง อ๊า...” เขาส่งเสียงร้องเมื่อปลายนิ้วไปสะกิดโดนยอดอก “อย่าส่งเสียงดังสิเจ้าคะ หากท่านพ่อได้ยินเสียงท่านยามนี้ คงเปลี่ยนใจไม่ยกข้าให้บุรุษที่ปีนหน้าต่างเข้าหาบุตรสาวเช่นท่าน” ไหนจะหมิงอี้เฉินที่มักจะมานั่งบ่นให้นางต้องรู้เท่าทันเล่ห์กลและมารยาของจิ้งจอกเช่นเขา “มิต้องห่วง มารดาพี่ไม่มีทางยอมให้ท่านพ่อตาเปลี่ยนใจแน่” สุดท้ายในคืนนั้นมือน้อ
22บุรุษผู้คลั่งไคล้ฮูหยิน ในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกวางเหลียงอี้มีสีหน้าราบเรียบยิ่งนัก มิคล้ายกับคนที่ยินดีกับการแต่งงานเลยแม้แต่น้อยทั้งยังไม่ประคองจนสตรีในชุดเจ้าสาวเกือบจะก้าวเท้าสะดุดล้ม ทำให้หม่าลี่อินไม่พอใจยิ่งนัก แม้จะได้ตบแต่งกับสตรีที่ตนเคยชื่นชอบแต่เขาก็ไม่รู้สึกยินดีนัก ยิ่งได้ยินข่าวลือจากอดีตสาวใช้จวนหลินที่นำเรื่องราวบัดสีที่เกิดขึ้นในจวนหลินมาขายให้นักเล่านิทานนำไปเล่า จนเรื่องราวมันแพร่กระจายไปทั่ว เขากลายเป็นบุรุษหน้าโง่ที่ถูกมารยาของสตรีเล่นงาน แผนการที่บอกว่าจะวางยาปลุกกำหนัดคุณหนูซู แล้วให้เขาที่คล้ายจะตามไปภายหลังเพื่อรับคู่หมั้นไปพบเจอสุดท้ายก็เกิดเรื่องเลยเถิดขึ้น กลับกลายเป็นแผนรวบหัวรวบหางเขาเพื่อตบแต่งด้วยตั้งแต่แรก คงเพราะผิดหวังที่คุณชายหยางไม่สนใจ สตรีชาติกำเนิดต่ำต้อย ทั้งนิสัยย่ำแย่ บุรุษใดจะชายตามอง เขามันโง่เองที่พลาดพลั้ง ภายในห้องหอที่ประดับด้วยสีแดงอันเป็นสีมงคลมีสตรีผู้หนึ่งนั่งนิ่งเพื่อรอเจ้าบ่าวของตนมาเปิดผ้าคลุมหน้า “เจ้ารังเกียจที่ข้าต่ำต้อยแล้วเหตุใดเรื่องราวถึงลงเอยเช่นนี้”
“ก็ได้เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงตอบรับ บุรุษเจ้าเล่ห์ก็จับใบหน้าหวานให้หันมาหาตนก่อนจะทาบทับปากลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มอย่างเอาแต่ใจ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันไม่ยอมผละออก สติของนางเริ่มเลือนรางพร้อมกับความปรารถนารัญจวนที่เพิ่มขึ้น เขายอมผละออกแต่โดยดีเมื่อรับรู้ได้ว่าสตรีในอ้อมกอดอ่อนระทวย “เจ้าหวานยิ่งนัก พี่ขอชิมอีกได้หรือไม่” บุรุษเจ้าเล่ห์มิคิดรอคำตอบ ริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากของนางอีกครา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้า มือใหญ่เริ่มรุกล้ำลูบไล้ไปทั่ว อาภรณ์ตัวนอกถูกถอดออกจากเรือนร่างโดยไม่รู้ตัว “อ่า...ท่านจะทำอันใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามด้วยเสียงที่แหบพร่า “พี่เพียงอยากชิมเจ้าเพื่อปลอบประโลมจิตใจ” สิ้นเสียงกล่าวริมฝีปากเขาทาบทับลงบนกลีบปากบางอีกครั้ง ในขณะที่ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้า มือใหญ่ก็ปลดอาภรณ์ตัวในของนางออกจนหมดสิ้นไม่เว้นแม้แต่ตู้โตวผืนน้อยที่ปิดบังอกอวบอิ่ม “ท่าน...เหตุใดถึงไม่รอพรุ่งนี้ อ่า...” “พี่ยังไม่ได้จะเข้าหอกับเจ้า เพียงแค่ขอชิมเจ้าเล็กน้อย” จมูกของเขาดอมดมกลิ่นกายสาวหอม
“พะ พอแล้วเจ้าค่ะ เก็บไว้ใช้ในวันเข้าหอบ้างเถิด” นางที่นอนหอบไร้เรี่ยวแรงเมื่อครู่รีบหุบเรียวขาพลางดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ด้วยสีหน้าเขินอาย “เจ้าจะกล่าวว่าหากเป็นวันเข้าหอ พี่จะกลืนกินเจ้าเท่าใดก็ได้” “เจ้าค่ะ” “เช่นนั้นพี่จะเฝ้ารอให้ถึงยามเข้าหอของเราเร็วๆ” แววตาที่จับจ้องนางหวานซึ้งแฝงเจ้าเล่ห์ ซูหนิงเซียนไม่ทราบเลยว่าการตอบรับเพื่อเอาตัวรอดในวันนี้จะสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้นางในวันหน้าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะคนมากเล่ห์เจ้ามารยายึดถือวาจาของนางในวันนี้เป็นสำคัญ พิธีกราบไหว้ฟ้าดินของบุตรชายคนเล็กแห่งตระกูลหยางถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้ที่มาร่วมงานนอกจากจะเป็นเชื้อพระวงศ์และขุนนางแล้ว ยังมีคหบดีที่ทำการค้าร่วมกับคุณชายหยาง และสหายชาวยุทธ์ที่เฟยเจียวหงหรือหยางฮูหยิน ตั้งใจเชิญมาร่วมงานคล้ายกับจะโอ้อวดว่าอีกไม่นานตนจะได้อุ้มเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยเช่นสหายแล้วทั้งยังเป็นท่านย่าที่ยังสาวและสวยที่สุดในยุทธภพอีกด้วย “ดูจากแววตาที่หลานชายมองฮูหยินของตนแล้วข้าว่าไม่ถึงหนึ่งปีพี่สาวเฟยต้องได้อุ้มหลานเป็นแน่”
“เจ้าอย่าได้หวาดกลัว แท่งหยกของพี่นั้นน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ หากเจ้าได้ลิ้มลองแล้วเจ้าจะรักและหลงใหลมันเช่นที่พี่หลงใหลน้ำหวานของเจ้า” กล่าวจบเขาก็จ่อแท่งหยกที่ดอกเหมยของนางแล้วค่อยๆ กดลงไป “มันคับแน่นเกินไป ข้าเจ็บ” แม้จะเปิดเส้นทางด้วยนิ้วของเขาแล้วแต่นางก็ยังคับแน่นบีบรัดจนทำให้แท่งหยกของเขาแทบปริแตก “อย่าได้เกร็ง” เขากล่าวก่อนจะก้มดูดกลืนยอดอกอวบอิ่มของนาง มือใหญ่เคล้นคลึงก้อนนุ่มนิ่มเพื่อเบนความสนใจพร้อมกับแท่งหยกที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ส่วนลึกจนสุด “อ๊า...ท่านพี่ อ๊า...ท่านใหญ่โตเหลือเกิน” เสียงครวญครางของนางคล้ายกับทำให้เขารู้สึกฮึกเหิม สะโพกสอบขยับดึงดันแท่งหยกอย่างช้าๆ และเร็วขึ้น “เจ้าก็รัดพี่แน่นเหลือเกินฮูหยิน” ด้วยความคับแน่นของโพรงนุ่มที่ไร้ผู้บุกรุกทำให้แท่งหยกที่ถูกรัดรึงแทบทนไม่ไหว สะโพกสอบขยับเร็วและแรงขึ้นเพื่อให้นางได้ปลดปล่อยสุขสมก่อน “อ๊า...” นางเกร็งกระตุกในที่สุด แม้จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าความสุขสมที่ได้รับ เขาขยับแท่งหยกเข้าออกอีกไม่กี่ครั้งก
“อ้ายช่าง พี่คิดถึงรอยยิ้มของเจ้ายิ่งนัก” “...” “อ้ายช่าง พี่อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าในวันวานได้หรือไม่” “...” “อ้ายช่าง พี่ขอโทษที่เคยทำร้ายเจ้า พี่ขอโทษที่ร่วมมือกับผู้อื่นทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ พี่มันโง่เง่า” “...” “เจ้าให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวกับเจ้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ พี่ขอโอกาสจากเจ้าอีกเพียงครั้งเดียว” “...” “อ้ายช่างเจ้ารู้หรือไม่ แท้จริงแล้วพี่รักเจ้ามานาน เพียงแต่พี่ไม่รู้ใจตนเอง กว่าจะยอมรับว่าพี่ก็รักเจ้ามากเช่นกัน เจ้าก็พยายามจะไปจากพี่” “เฮ้อ...เอาเถิดเจ้าค่ะ ข้าง่วงแล้วเราไปนอนกันดีกว่า” “เช่นนั้นให้พี่กล่อมเจ้านอนนะ” “ไม่...” นางกล่าววาจาไม่ทันจบ ริมฝีปากนางก็ถูกปิด ลิ้นร้อนรุกเร้าโพรงปากของนางอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงคล้ายกับลงโทษที่นางกล่าววาจาไม่เข้าหู “ให้พี่ได้ดูแลเจ้าเถิด” เขายกตัวนางขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงด้านใน ไม่ปล่อยให้นางปฏิเสธอีก “อ้ายช่าง ให้โอกาสบุรุษโง่เ
แท้จริงในใจเขาอยากจะฉีกหนังสือถอนหมั้นเช่นที่เคยทำ แต่ทว่าเขากลัวว่าหากทำเช่นนั้นแล้วนางจะโกรธจนไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีก องค์ชายที่เคยถูกเอาอกเอาใจมาโดยตลอดอย่างเขาจึงยอมลงให้นางและหาข้ออ้างสารพัดเพื่อหลีกหนีการลงนามแทน ไม่กี่วันต่อมาเขานำขนมมาให้นางถึงจวนอีกแล้ว เมื่อเห็นเขากล่าวถึงความเลิศรสของขนมที่นำมา ในดวงตาหงส์มีประกายเย็นชาพาดผ่าน “ลี่เกา[1]ที่พี่นำมาทั้งหมดนี้ล้วนรสเลิศพี่จึงอยากให้เจ้าลองชิม” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยังคงตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเห็นขนมที่เขานำมาให้นางในวันนี้ นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก เพราะขนมทั้งหมดล้วนเป็นขนมที่กวนฮวาเหมยเคยบอกว่าชอบนักหนา แต่เซียวอ้ายช่างผู้นี้นั้น ‘แพ้เกาลัด’ “ลองชิมสิ กินคู่กับชารสดีไม่น้อย” “ได้เจ้าค่ะ ข้าจะชิมมัน แต่ต้องเป็นหลังจากท่านลงนามให้ข้าเรียบร้อยแล้ว” แม้จะต้องแพ้จนหายใจติดขัด จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนางก็จะยอมกิน ขอเพียงแค่เขาลงนามในหนังสือถอนหมั้นให้นาง “อ้ายช่าง พี่ขอโทษในเรื่องราวที่แล้วมา พี่ไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ เพราะพี
“คงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยเหลือแล้ว” คนที่เคยปรามาสสหายของตนบัดนี้กลับลงมือทำเสียเอง หากหยางซีซวนทราบเข้ามิแคล้วคงล้อเลียนเขาไปอีกนาน แต่แล้วอย่างไร หากมารยาแล้วทำให้เขาได้สตรีอันเป็นที่รักกลับคืน เขาก็ยินยอมจะถูกสหายเย้ยหยัน “เช่นนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นนะเจ้าคะ” เซียวอ้ายช่างที่เห็นเลือดซึมออกจากอาภรณ์ของเขาใจคอไม่ดี จึงรีบทำตามคำขอของเขาในทันที ใช้เวลาไม่นานท่านหมอก็มาถึงและเริ่มทำการรักษา เซียวอ้ายช่างฟังคำแนะนำของท่านหมออย่างตั้งใจก่อนจะให้เจ๋อคุนมอบตำลึงแล้วไปส่งท่านหมอ แก้วตาดวงใจของตระกูลเซียวมีสีหน้ายุ่งยากเมื่อท่านหมอสั่งว่าเขาต้องกินยาในทันที แต่คนที่คล้ายจะเสียเลือดมากกลับไร้สติไม่อาจทำตามที่ท่านหมอสั่งไว้ได้ “เหตุใดข้าถึงใจแข็งกับท่านไม่ได้สักที” นางพึมพำเสียงเบาก่อนจะยกชามยาสีน่ากลัวขึ้นดื่มแล้วป้อนยาให้เขาด้วยปากของตนเอง หากท่านหมอไม่กล่าวว่าเขาต้องดื่มยาในชามให้หมดห้ามขาดแม้แต่หยดเดียวนางก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก ‘เป็นเช่นนั้นดีแล้ว’ คนที่แสร้งหมดสติอยู่คิด นอกจากเขาจะไม่ยอมถอนหมั้นนาง
น้ำตาของนางไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว พี่ชายทั้งห้าคนที่ลอบฟังอยู่ด้านนอกตั้งแต่แรกรีบเข้ามาหลังจากเขาออกไป ไร้คำปลอบประโลมใดๆ มีเพียงอ้อมกอดอบอุ่นจากบุรุษที่รักนางทั้งห้าคน สุดท้ายแล้วคนที่รักนางที่สุดคงจะมีเพียงบุรุษตระกูลเซียว หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้ออกจากจวนไปไหนอีก ข่าวการลอบเจอกันของทั้งคู่ยังคงดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อาจถอนหมั้นยกเลิกสมรสพระราชทานได้ จวนเซียวจึงได้แต่ตระเตรียมงานมงคล แต่ทว่าก่อนกราบไหว้ฟ้าดินเพียงหนึ่งวันก็ได้รับข่าวว่าองค์ชายห้าหายตัวออกไปจากตำหนักส่วนพระองค์ เพื่อเป็นการปลอบใจ นางจึงได้รับพระราชทานของล้ำค่าจำนวนมาก พร้อมทั้งยังได้รับคำสั่งลับให้ตามตัวองค์ชายกลับคืน ด้วยเหตุนี้นางพร้อมผู้ติดตามจึงรีบไปตามหาทันทีที่ได้รับรายงานว่าพบเขา แต่กลับต้องคลาดกันเพราะบุรุษรูปงามผู้หนึ่งเข้าช่วยเหลือ และก็อีกครั้งที่ชายแดนแคว้นหวงนางก็เกือบจะพบตัวเขาแล้ว แต่ทว่าก็คลาดกันจนได้เพราะเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษคนเดิมที่นางทราบภายหลังว่าเขาเป็นบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพหยาง แม้นางจะท้อแต่นางก็ยังคงตามหาเขาตามคำสั่งของฮ่องเต้
เรื่องราวของท่านหมอ 1 สตรีที่มีใบหน้างดงามน่าเอ็นดูนิ่งฟังวาจาที่เต็มไปด้วยโทสะของบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า “อ้ายช่างเจ้าถอนหมั้นเถิด มิเช่นนั้นหากเจ้ายังดื้อรั้นตบแต่งเข้าตำหนักข้า ชีวิตของเจ้าจะไม่ได้พบกับความสุขอีกชั่วชีวิต” หากไม่เป็นเพราะนางรักเขา นางคงไม่ยอมทนให้เขากล่าววาจาร้ายกาจใส่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่จริงสิ่งที่นางทำไปทั้งหมดเพราะต้องการปกป้องเขาจากสตรีที่มีคู่หมายแล้วอย่างกวนฮวาเหมยที่มาดักรอหวังจะแสร้งบังเอิญพบเขา ‘คุณหนูเซียว เหตุใดท่านจึงชอบกล่าวว่าร้ายข้าเช่นนี้’ ท่าทางโศกเศร้าราวกับดอกสาลี่ต้องฝนของสตรีที่ตนพึงใจทำให้หวงหลี่จื้อเกิดโทสะ เซียวอ้ายช่าง สตรีที่เขาเคยมองว่าน่าเอ็นดูเหตุใดถึงได้ทำตัวร้ายกาจเช่นนี้ ให้บิดาขอสมรสพระราชทานหวังบีบบังคับแต่งเป็นพระชายาเขายังไม่พอ ยังชอบเอ่ยวาจาหยามเกียรติสตรีที่เขาพึงใจอีก ‘อ้ายช่าง เจ้าขอโทษคุณหนูกวนเดี๋ยวนี้’ ‘เหตุใดข้าต้องขอโทษนาง ในเมื่อที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดเป็นความจริง’ นางกอดอกอย่างไม่ยอม ‘ช่างเถิดเพคะองค์ชาย บ่อยครั้งที่หม่อมฉันม
“ข้าเพียงแต่จะถามว่าหลังจากที่สหายชั่วช้าของข้าถูกสามีตบตีจนเจ็บหนักแล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” “สองแม่ลูกที่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงมีหรือจะยอมเรียกหมอมาดูอาการ แต่อดีตนางโลมผู้นั้นกลับหยิบยื่นความเมตตาให้ด้วยความสงสาร ท่านหมอจึงถูกสาวใช้ที่ติดตามอนุฯ ผู้นั้นพาไปรักษาฮูหยินเอกอย่างเงียบๆ” “ตระกูลกวางช่างน่าขันนะเจ้าคะ ฮูหยินเอกไม่มีสาวใช้ แต่อนุภรรยากลับมีสาวใช้เคียงกาย” “นี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สตรีผู้นั้นโกรธแค้น” แท้จริงสาวใช้ผู้นั้นเป็นคนของเขา ทั้งยังมีวรยุทธ์เก่งกาจยิ่งกว่ามือปราบกวาง “แล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” “ตรงนี้ร้อนแล้ว เราไปนั่งสนทนากันในเรือนดีหรือไม่” “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้านี่มันใช้ไม่ได้...” จุ๊บ ริมฝีปากของเขาแตะลงบนกลีบปากบางราวกับไม่ต้องการให้นางได้เอื้อนเอ่ยวาจา “อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น พี่ไม่ได้กล่าวโทษเจ้า พี่เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าร้อนหรือต้องยืนเมื่อยเช่นนี้” “ขอบคุณนะเจ้าคะที่รักและห่วงใยข้าถึงเพียงนี้” เขาช่างใส่ใจนาง แต่กว่าฮูหยินน้อยจะทราบว่
ตอนพิเศษจุดจบของคนชั่วช้า เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เผลอครู่เดียวบุตรชายของนางก็อายุครบหนึ่งปีแล้ว พิธีจวาโจว[1] เพิ่งจัดไปเมื่อสามวันก่อน แม่สามีกล่าวว่าหนิงเฉิงช่างเลือกหยิบของได้เหมือนกับบิดาไม่มีผิด ดูแล้วกิจการที่มากมายของหยางซีซวนจะมีผู้สืบทอดแล้ว “กำลังคิดอันใดอยู่หรือฮูหยิน” บุรุษผู้นี้เป็นฟูจวินมานานเกือบสองปีแล้ว ความโปรดปรานที่มีให้ไม่เคยลดน้อยลง น่าสงสารก็แต่บุตรชายที่แม้จะร้องไห้งอแงเพียงใด ก็ยังถูกมอบให้แม่นมดูแล เพื่อจะได้ไม่มารบกวนบิดามารดาในยามค่ำคืน “กำลังคิดถึงคำของท่านแม่เจ้าค่ะ คิดไปคิดมาหนิงเฉิงนอกจากมีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านแล้ว อีกไม่นานคงเก่งกาจไม่แพ้ท่าน” ในพิธีจวาโจว มีของวางมากมาย ทั้งธนู ตำรา หรือแม้แต่ดาบ แต่พอนางปล่อยหยางหนิงเฉิงลง เจ้าเด็กคนนั้นกลับคลานตรงไปหาตำลึงทองก้อนใหญ่และซ่วนผาน[2] สายตาของบุตรชายจับจ้องของสองสิ่งนี้อย่างมุ่งมั่น ยามคลานนั้นไม่มีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อย จะว่าลังเลหรือไม่ ก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย เพราะก่อนที่เด็กคนนั้นจะคลานไปหยิบตำลึงทองและซ่วนผาน เขาพยายามจับและยกทองก้อนใ
“ใช่ แต่เป็นเพียงต่อหน้าสามีเท่านั้น เพราะลับหลังนางก็แทบจะเข้าไปตบตีกับฮูหยินผู้เฒ่า จนกวางเหลียงอี้เอือมระอาปัญหาในจวนทั้งมารดาและฮูหยินต่างผลัดเปลี่ยนกันไปฟ้องขอความเป็นธรรม สุดท้ายหอนางโลมจึงกลายเป็นที่หลับนอนของเขา” “สหายข้าคงมีความสุขไม่น้อยที่ทราบเรื่องนี้” “จากที่พี่ดูก็น่าจะมีความสุข ได้ยินว่าอีกไม่นานมือปราบกวางเตรียมไถ่ตัวแม่นางเหมยฮวาเพื่อไปเป็นอนุฯ” คนทั่วไปย่อมเข้าใจเช่นนั้นแต่แท้จริง การที่กวางเหลียงอี้ยอมไปขลุกอยู่ที่หอนางโลมเป็นเพราะนอกจากนางจะเอาอกเอาใจเก่ง นางยังมอบเงินช่วยเหลือยามที่เขาเดือดร้อนความซาบซึ้งใจนี้ทำให้กวางเหลียงอี้ยอมคล้อยตามที่นางบอกทุกอย่าง เงินทองที่คล้ายว่าจวนกวางจะมีจับจ่ายไม่ขาดมือย่อมมาจากเหมยฮวาที่เป็นคนของเขา การไถ่ตัวที่ว่ามีจริงที่ใด เพราะเหมยฮวาไม่ได้มีสัญญาอันใดกับหอนางโลมแห่งนั้นตั้งแต่แรก “คงมิใช่ว่านางโลมผู้นั้นตั้งท้องนะเจ้าคะ” “ใช่แล้ว” และอีกไม่นานนางโลมผู้นั้นจะต้องแท้งลูกเพราะฝีมือของหม่าลี่อิน สุดท้ายรับความเสียใจไม่ไหว ไปผูกคอตายในห้องที่หม่าลี่อินนอนยามค่ำคืน
“ท่าน...” นางยังไม่ทันเอ่ยวาจาต่อรองอีกครั้ง ริมฝีปากก็ถูกปิดไม่ให้เอื้อนเอ่ยวาจาปฏิเสธ ลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดปลุกเร้าความรัญจวนทำให้นางคล้ายจะอ่อนระทวยไร้แรงต่อต้าน มือใหญ่แหวกอาภรณ์ที่บดบังให้เปิดออก นิ้วแกร่งบดเบียดแทรกเข้าไปในส่วนลึกของโพรงนุ่มที่ตอดรัดอย่างรู้งาน น้ำหวานยิ่งเอ่อล้นออกมามากขึ้นเมื่อนิ้วที่ว่างอยู่เคล้นคลึงจุดอ่อนไหว “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องครวญครางออกมาทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ “พี่ชอบยามเจ้าครวญครางยิ่งนัก” บุรุษที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหยอกเย้ายอดอกอวบอิ่มที่ชูชันกล่าว นิ้วแกร่งก็ขยับเข้าออกทำให้เรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดเขา “อ๊า...ข้าปรารถนาท่านเหลือเกินท่านพี่” “พี่ก็ปรารถนาในตัวเจ้าฮูหยิน” กล่าวจบเขาก็จับสะโพกกลมกลึงให้ยกสูงขึ้นก่อนจะจับแท่งหยกให้ตั้งตรงแล้วกดตัวนางลง “ท่านี้ทำข้าเสียวซ่านยิ่งนัก” ทุกครั้งที่ทำท่านี้นางจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่ก็ชอบ ยามเจ้าขยับขึ้นลง” อกอวบอิ่มที่ขยับไปมาตามแรงช่างเป็นภาพที่น่ามอง “อ๊า...ท่าน