Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่64 การทดสอบเข้าตำหนัก

Share

บทที่64 การทดสอบเข้าตำหนัก

เมื่อพลังวิญญาณได้ผสานลงไปในป้ายหยกที่ได้รับต่างรู้สึกได้ถึงพลังอันแปลกประหลาดอันทรงพลังแข็งแกร่ง และยังคงกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์โบราณยังคงถูกรักษาไว้ไม่ให้สูญสลายไปตามกาลเวลา พลังประหลาดนี้ได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายอย่างไร้ซึ่งสิ่งใดต่อต้านได้ทั้งสิ้น

เพียงอึดใจเดียวแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าได้กระตุ้นให้พวกเขาทุกคนต้องลืมตาขึ้น ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าคือลานพิธีขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ปราณธาตุน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความแวววาวและมีคุณสมบัติที่คงทนเป็นอันดับต้น ๆ ในยุทธภพ

กล่าวว่าหาได้ยากยิ่งในการครอบครองแม้เพียงขนาดเท่ากำปั้นมือ ทว่าทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์เองกลับใช้แร่ปราณธาตุน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์นี้ในการสร้างลานพิธีแห่งนี้ขึ้น หากสังเกต ก็จะพบว่าทุกสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในอาณาเขตของสำนักศึกษาที่สามารถสองเห็นได้นั้นต่างถูกทำขึ้นจากแร่ปราณธาตุน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างกันทั้งสิ้น

ความรู้สึกที่สัมผัสได้ทำให้ตัวตนของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ในใจของพวกเขารุ่นเยาว์ชายหญิงที่เป็นศิษย์ใหม่ต่างถูกยกสูงไปอีกไม่รู้กี่เท่า แน่นอนว่าพวกเขาต่างคิดเห็นตรงกันว่าการตัดสินใจเข้าร่วมทดสอบเป็นศิษย์ใหม่ของทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งที่พวกเขาคิดถูกอย่างถึงที่สุด...

ท่ามกลางสายตาของศิษย์สายนอก ศิษย์สายในรวมไปถึงสิบอันดับสุดยอดของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักศึกษาต่างยืนอยู่โดยรอบในลานพิธีแห่งนี้ กลุ่มของผู้อาวุโสรวมไปถึงเจ้าตำหนักต่าง ๆ ได้นั่งลดหลั่นกันตามลำดับในสถานศึกษา ก่อนที่จะเข้าร่วมทดสอบเป็นศิษย์ใหม่พวกเขาต่างล้วนทราบข้อมูลของทางสำนักศึกษาในเรื่องของผู้อาวุโสที่นั่งประจำการอยู่ในสำนักมาบ้างแล้ว

เห็นเช่นนั้นจึงทำให้รับรู้ได้ว่าชายวัยกลางคน ผู้นั่งอยู่ตรงกลางคือท่านเจียงเฉิงผู้เป็นเจ้าสำนักสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสิบอันดับสุดยอดผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในทำเนียบของมหาทวีปบูรพา ผู้ที่เปรียบได้ดั่งตำนานที่ยังมีลมหายใจที่เป็นต้นแบบของรุ่นเยาว์ผู้ฝึกตนหลายคน กล่าวได้ว่าตัวตนของเจ้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่รุ่นเยาว์หลายคนต้องการมาเป็นศิษย์ในสำนักศึกษาแห่งนี้

"ข้าเจียงเฉิงในฐานะของเจ้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้พวกเจ้ามาเป็นศิษย์ในปีนี้ พวกเจ้าทุกคนขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างเต็มตัว แต่พวกเจ้าคงทราบว่าสำนักศึกษาของเรานั้นได้มีการแบ่งสายเป็นตำหนัก... "

"หลังจากนี้การทดสอบต่อไปพวกเจ้าจะต้องประลองกับศิษย์พี่ปีสองเพื่อแสดงคุณสมบัติและพลังฝีมือของตนออกมาเพื่อแสดงให้เห็นประจักษ์แก่เจ้าตำหนักอย่างเต็มที่ พวกเจ้าจะถูกสุ่มจับประลองคู่กับศิษย์สายนอก ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทำออกมาให้ดีที่สุดเพราะสุดท้ายผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่สุดก็คือตัวของพวกเจ้า..." ท่านเจ้าสำนักเจียงเฉิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปโดยรอบก่อนที่สายตาแหลมคมที่ไม่อาจคาดเดาได้จะหยุดมองไปยังกลุ่มของหนิงอ้ายเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะถอนสายตาออกมา

"ข้าซินหรูหนึ่งในสามผู้คุมกฎจะเป็นผู้ดูแลการทดสอบครั้งนี้ ข้าจะสุ่มเรียกชื่อศิษย์ใหม่ขึ้นมาในลานประลองครั้งละห้าคนและสุ่มรายชื่อศิษย์สายนอกเพื่อทำการประลองกับพวกเจ้า เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้คนแรกป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สามสิบห้าอี้หลิน!

คนที่สองป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่ยี่สิบจื่อหาน!

คนที่สามป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่แปดหยู่ถง!

คนที่สี่ป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สามมู่เฉิน!

และคนที่ห้าป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สี่สิบเก๋าหมิงเจ๋อ!

พวกเจ้าที่มีรายชื่อทั้งห้าคนจงแสดงป้ายศิษย์ใหม่ชั่วคราวของตนให้ผู้อาวุโสข้างสนามประลองตรวจสอบก่อนทำการประลอง ส่วนพวกเจ้าศิษย์ใหม่ที่ยังไม่ถูกเรียกชื่อเตรียมตัวให้พร้อม..." สิ้นเสียงของผู้อาวุโสสตรีร่างเล็กด้วยเพราะว่าผลของการจับคู่ประลองออกมาในเวลาที่ไม่นานนักคล้ายกับว่าไม่ต้องการให้เหล่าศิษย์ใหม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก

ลานประลองนี้มีขนาดที่กว้างเพียงพอและด้วยถูกทำขึ้นจากแร่ปราณธาตุน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับสูงราชทินนามราชันวิญญาณก็ไม่สามารถทำลายได้โดยง่าย

หนึ่งในห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมืออย่างอี้หลินถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่กลุ่มของหนิงอ้ายจะเข้าไปรุมกอดอีกฝ่ายและอวยพรให้เด็กหนุ่มทำให้ดีที่สุด จากนั้นอี้หลินแยกตัวไปทางฝั่งสนามประลองของตนแล้วกลุ่มของหนิงอ้ายที่เหลือจึงไปยืนอยู่ใกล้กับจุดที่อีกฝ่ายประลองในทันที

"เริ่มการทดสอบได้!" เสียงของผู้อาวุโสประจำสนามประลองดังขึ้นไปทั่วทั้งบริเวณก่อนที่ผู้ฝึกตนทั้งสิบชีวิตที่มีสถานะเป็นศิษย์ใหม่และศิษย์สายนอกของสำนักศึกษาที่อยู่ในสนามประลองนี้ต่างไม่รอช้าและเริ่มทำการโจมตีคู่ประลองของตนโดยทันที

"เด็กน้อยเจ้าไม่ควรที่จะฝืน แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าข้าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดของศิษย์ฝ่ายนอก แต่ข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาสักเท่าไหร่นัก!" สำหรับศิษย์สายนอกคู่ประลองของอี้หลินเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าของชายหนุ่มแสยะยิ้มมุมปากก่อนที่จะเอ่ยขึ้นเสียงดังคล้ายกับต้องการทำลายสมาธิ

การประลองครั้งนี้ถูกสั่งห้ามใช้อาวุธวิเศษ แต่ถึงอย่างไรบทเวทย์ต่าง ๆ สามารถนำมาใช้บนสนามประลองแห่งนี้ได้อย่างไม่จำกัด ไม่รอช้าชายหนุ่มจะร่ายบทเวทย์โจมตีไปยังอี้หลินด้วยความรวดเร็ว

เปรี้ยง!

ตู้ม!

ท่าทางของอี้หลินสงบนิ่งกว่าในยามปกติหลายเท่าด้วย เพราะว่าอีกฝ่ายจริงจังกับการประลองทดสอบครั้งนี้เป็นอย่างมาก ภายใต้สภาวะความกดดันที่เกิดขึ้นนี้แต่ทว่าเด็กหนุ่มยังคงร่ายเวทย์ป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายไปได้อย่างทันท่วงทีและสามารถใช้บทเวทย์โจมตีกลับไปยังอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน

อัคคีเสกสรรโลกธาตุ!

ตู้ม!

อี้หลินและศิษย์สายนอกต่างได้ประลองกันด้วยบทเวทย์กไปหลายบทกินเวลาไปหลายเค่อแล้ว เช่นนั้นอี้หลินจึงตัดสินใจใช้บทเวทย์ระดับสูงของตระกูลตนในทันทีเพื่อปิดการประลองครั้งนี้ เพลิงอัคคีขนาดใหญ่ได้ปรากฎขึ้นอย่างกระทันหันก่อนที่เด็กหนุ่มจะบัญชาการเพลิงนี้ไปยังคู่ประลองของตนในทันที

เสียงปะทะกันของบทเวทย์ดังขึ้นไปทั่วทั้งสนามประลองก่อนที่ภาพที่ปรากฎตรงหน้าจะเป็นชายหนุ่มศิษย์สายนอกที่สลบไปด้วยความต่างชั้นของระดับบทเวทย์และแน่นอนว่าเป็นอี้หลินที่สามารถผ่านการทดสอบแรกนี้ได้ในที่สุด

"ผู้ชนะการประลองครั้งนี้ได้แก่ศิษย์ใหม่อี้หลิน!" เด็กหนุ่มที่สามารถเป็นฝ่ายชนะมาได้สำเร็จ ยังคงต้องเลือกเข้าตำหนักศึกษาที่คาดคิดว่าจะเหมาะสมกับตนให้ได้มากที่สุด

"ข้าอี้หลินต้องการเข้าร่วมตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ขอรับ!!!" เสียงอันมั่นคงของเด็กหนุ่มดังขึ้นไปทั่วทั้งสนามประลอง

แน่นอนว่าทางฝั่งของเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ได้ทำการตอบรับผ่านป้ายหยกที่ตนได้ถือครองไว้เพื่อเป็นการตกลงกับความต้องการของอีกฝ่าย การประลองที่พึ่งจบไปเด็กหนุ่มได้ใช้บทเวทย์จากปราณธาตุอัคคีได้อย่างเชี่ยวชาญถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ทางตำหนักต้องการเช่นกัน

สำหรับคู่ประลองอีกสี่คู่ที่เหลือแม้จะมีสลับเป็นศิษย์ใหม่เป็นผู้ชนะบ้างหรือศิษย์สายนอกเป็นฝ่ายชนะบ้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะว่าสิ่งเหล่านี้นอกจากต้องอาศัยทักษะวรยุทธ์ฝีมือแล้ว ประสบการณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกันซึ่งแน่นอนว่าทั้งสี่คนที่เหลือต่างเลือกเข้าตำหนักที่ตนสนใจไปไม่ต่างกัน

"สำหรับผู้เข้าทดสอบในรอบที่สองคนแรก ป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สิบโอวหยาง!

คนที่สองป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สามสิบหกลู่ซี!

คนที่สามป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สี่สิบเอ็ดหลี่ซวง!

คนที่สี่ป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่ห้าเฟยหลิน!

และคนที่ห้าป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่ห้าสิบสองเจียวจู!" สิ้นเสียงประกาศของผู้อาวุโสประจำสนามประลองที่ดังขึ้นอีกครั้งนั้นในรอบที่นี้เป็นลู่ซีและหลี่ซวงที่ต้องเป็นฝ่ายลงไปประลองทดสอบ ด้วยทักษะวรยุทธ์และพลังวิญาณของทั้งคู่ย่อมสามารถทำให้ทั้งสองผ่านการทดสอบครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะว่าทั้งสองคนต่างสามารถเป็นฝ่ายเอาชนะศิษย์สายนอกคู่ประลองของตนด้วยบทเวทย์เพียงไม่กี่บทเท่านั้น ทางฝั่งของลู่ซีได้เลือกเข้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลตามความสนใจตั้งแต่แรก สำหรับทางฝั่งของหลี่ซวงนั้นเข้าในตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เหมือนกันกับอี้หลินนั่นเอง

เวลาในการทดสอบนี้ได้ผ่านไปได้สองชั่วยาม กลุ่มของหนิงอ้ายได้ทำการประลองและเลือกเข้าตำหนักไปทุกคนแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนต่างสามารถเอาชนะศิษย์ฝ่ายนอกที่เป็นคู่ประลองของตนได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ยิ่งทำให้กลุ่มของหนิงอ้ายเป็นที่จับตามองมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

เหล่าผู้อาวุโสทุกคนในที่นี้ต่างได้เห็นกลุ่มของหนิงอ้ายจากค่ายกลส่งภาพมาตั้งแต่ในเขตป่าของเทือกเขาเร้นลับอสูร เมื่อได้เห็นตัวจริงและฝีมือเช่นนี้จึงทำให้ถูกใจเข้าไปใหญ่ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตำหนักนั้นต่างได้เลือกกลุ่มของหนิงอ้ายเข้าไปเป็นศิษย์ในตำหนักของตนทั้งสิ้น จนท้ายที่สุดเหลือเพียงหนิงอ้ายเท่านั้นที่มีรายชื่อในการประลองในครั้งสุดท้ายนี้ พวกเขาต่างคาดหวังว่าจะได้เด็กหนุ่มเป็นศิษย์ในตำหนักของตน

"ผู้เข้าทดสอบในรอบสุดท้าย ป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่หนึ่งรั่วซี!!!และคนสุดท้ายที่เป็นศิษย์ใหม่ของปีนี้ ป้ายศิษย์ใหม่ลำดับที่สามสิบเก้าหนิงอ้าย!!!" เสียงของผู้อาวุโสประจำสนามประลองคนเดิมดังขั้นอีกครั้ง

เสียงตะโกนให้กำลังใจได้ดังขึ้นกว่าทุกครั้ง เพราะพวกเขาต่างเฝ้ารอที่จะเห็นฝีมือของศิษย์ใหม่ที่มีนามว่ารั่วซีว่าจะเเข็งแกร่งมากเพียงใด ด้วยเพราะกลิ่นอายของเด็กหนุ่มที่แผ่ซ่านออกมาทำให้ทุกคนอยากที่จะรับรู้ฝีมือของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

สำหรับศิษย์ใหม่อีกคนที่ชื่อว่าหนิงอ้าย ด้วยเพราะในกลุ่มที่พวกเขายืนอยู่ด้วยกันต่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยพรสวรรค์และทุกคนต่างสามารถเอาชนะการประลองกับศิษย์สายนอกได้อย่างง่ายดาย เห็นว่าเด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายนี้อยู่ในกลุ่มสหายเดียวกันย่อมที่จะต้องมีฝีมือที่ไม่ต่างกันไปแน่ พวกเขาจึงต้องการทราบว่าทั้งสองคนจะเเข็งแกร่งตามที่ตนคาดหวังไว้หรือไม่

หนิงอ้ายได้รับกำลังใจจากสหายของตนรวมไปถึงเจ้าต้าเฮยที่แอบให้กำลังใจด้วยการหอมแก้ม? ของเขาไปเสียหลายที หนิงอ้ายนั้นไร้ซึ่งความกดดันใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะว่าเขาเชื่อว่าตนต้องทำได้อย่างแน่นอนจากนั้นจึงเดินลงไปในสนามประลองทันที ตอนนี้ศิษย์สายนอกคู่ประลองของเขาได้ยืนรออยู่แล้ว

คู่ประลองของเขาเป็นชายหนุ่มที่มีอายุราว ๆ ยี่สิบกว่าปีเป็นผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นต้นผู้หนึ่ง ด้วยวัยเพียงเท่านี้แต่กลับสามารถมีพลังวิญญาณถึงเขตขั้นนี้ได้แสดงว่าฝีมือของอีกฝ่ายไม่ธรรมดาสามัญ

"เริ่มการประลองได้!" เสียงของผู้อาวุโสประจำสนามประลองเอ่ยขึ้นในที่สุดที่เป็นดั่งสัญญาณให้เริ่มการประลองรอบสุดท้ายนี้

ฟิ้ว!

พรึบ!

เสียงของบางสิ่งที่พุ่งทะลุด้วยความรวดเร็วผ่าแหวกอากาศปรากฎเป็นชายหนุ่มศิษย์สายนอกผู้นี้ พริบตาเดียวก็มาถึงจุดที่หนิงอ้ายยืนอยู่ด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจสำหรับใครหลายคน ด้วยความเร็วเกินที่จะมองเห็นได้โดยง่ายเช่นนี้พอที่จะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายย่อมมีปราณธาตุลมเป็นแน่

มือของอีกฝ่ายเป็นกระบี่ที่ถูกผนึกขึ้นจากปราณธาตุเข้าฟาดฟันหนิงอ้ายด้วยความเร็วยิ่ง แต่ทว่าหนิงอ้ายที่มีเนตรแห่งสวรรค์และวิหคสอดแนมจึงทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเหล่านี้ล้วนอยู่ในการรับรู้และญาณสัมผัสของเขาทั้งสิ้น เด็กหนุ่มยังคงตั้งรับด้วยความนิ่งสงบจากนั้นจึงเรียกใช้ปราณธาตุไฟของตนผนึกขึ้นเป็นกระบี่ออกมาต้านรับได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังก้าวหน้าถอยหลังหลบหลีกด้วยความรวดเร็วที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงราวกับกำลังละเล่นเสียอย่างนั้น

"เหตุใดหนิงอ้ายจึงเอาแต่หลบหลีกเช่นนี้เล่า??" เป็นอี้หลินที่เอ่ยขึ้นอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าสหายของตนมัวแต่ตั้งรับไม่โจมตีกลับ

"เจ้าอย่าใจร้อนเลยอี้หลิน ข้าเชื่อว่าหากหนิงอ้ายเอาจริงดูท่าศิษย์พี่ท่านนี้คงถูกจัดการด้วยกระบวนท่ากระบี่แรกเสียด้วยซ้ำฮ่าฮ่าฮ่า" อู่ฮั่นเอ่ยขึ้นด้วยเพราะตนเชื่อว่าหนิงอ้ายมีฝีมือที่แกร่งกว่าศิษย์สายนอกคู่ประลอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นต้นก็ตาม

"เด็กน้อยเจ้าจะคอยแต่หลบหลีกเช่นนี้รึ?? หากกลัวนักก็จงถอนตัวและกลับตระกูลเจ้าไปเสีย!" ชายหนุ่มคู่ประลองของหนิงอ้ายตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาน ด้วยเพราะว่าอีกคู่ประลองที่อยู่ด้านข้างของเขาจบการประลองไปแล้วด้วยการที่ศิษย์ใหม่เป็นผู้ชนะดังนั้นแล้วในการประลองครั้งนี้เขาต้องเป็นฝ่ายชนะเท่านั้น จึงจะสามารถกู้หน้าของศิษย์สายนอกของสำนักได้

เห็นว่าลู่ซีและสหายของตนทำหน้าตาเบื่อหน่ายราวกับเห็นว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่มัวแต่เล่นสนุกนั้นจึงทำให้รู้สึกพูดอะไรไม่ออก อีกทั้งหนิงอ้ายก็กลัวว่าทางผู้อาวุโสหากเห็นท่าทีที่ผ่านมาก่อนหน้าอาจจะคิดว่าเขาไม่มีฝีมือก็เป็นไปได้ ดังนั้นแล้วหนิงอ้ายจึงเลือกที่จะจบการประลองนี้ในทันที

หนิงอ้ายจึงเรียกใช้เคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเหนือของตนออกมา อากาศโดยรอบของสนามประลองได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเห็นเป็นสะเก็ดเพลิงสีแดงประกายส้มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ความเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ทำให้ทุกคนนั้นต่างถกเถียงและขบคิดกันว่าแท้ที่จริงนั้นเคล็ดวิชากระบี่นี้อยู่ในระดับใดกันแน่

ที่แม้ไม่อาจถูกนำมาใช้ด้วยกระบี่ที่แท้จริงแต่เพียงประสานใช้งานที่ผนึกขึ้นจากปราณธาตุยังแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าอาณุภาพที่แท้จริงจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

"แสดงฝีมือของเจ้าออกมาเสีย อย่าได้ละเล่นราวกับดูถูกข้าเช่นนี้!" ชายหนุ่มศิษย์สายนอกเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะใช้เคล็ดวิชากระบี่ออกมา

ทันใดนั้นพื้นด้านล่างของชายหนุ่มปรากฎเป็นวงแหวนเวทย์สีเขียวน้ำตาลอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนปราณธาตุลมระดับกลาง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งมากกว่าหนิงอ้ายที่มีพลังวิญญาณอยู่ในระดับจักรพรรดิวิญญาณขั้นสูงเท่านั้น

กล่าวได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มน้อยศิษย์ใหม่คนนี้ที่ต้องเสียเปรียบไปไม่น้อยด้วยความต่างชั้นของพลังวิญญาณหนึ่งเขตขั้นใหญ่ แต่ถึงอย่างไรหน้าของเด็กหนุ่มที่มีนามว่าหนิงอ้ายยังคงนิ่งเฉยก่อนที่จะเเสดงเคล็ดวิชากระบี่ของตนออกมาต้านรับในทันที

พายุกระบี่สังหาร!

สิ้นเสียงของชายหนุ่มบนท้องฟ้าเหนือสนามประลองปรากฎเป็นห่าฝนกระบี่สีเขียวน้ำตาลเข้มนับร้อยเล่มที่ลอยหมุนอยู่ซึ่งเหล่าศิษย์ใหม่ทุกคนจะตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่คิดว่าเพียงแค่การประลองศิษย์ใหม่เข้าตำหนักเช่นนี้ทางศิษย์สายนอกจะใช้เคล็ดวิชากระบี่ของสำนักโจมตีอีกฝ่ายเช่นนี้ หากว่าห่าฝนกระบี่ได้พุ่งเข้าโจมตีไปยังเด็กหนุ่มแล้วต่อให้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ย่อมส่งผลไปถึงการเลื่อนระดับพลังวิญญาณในข้างหน้าอย่างแน่นอน...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่65 การตัดสินใจ

    "หากต้องการเห็นฝีมือที่แท้จริงของข้า ด้วยระดับพลังของท่านในตอนนี้ยังนับว่าไม่คู่ควรสักเท่าไหร่นัก!" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความเคร่งขรึมเนตรแห่งสวรรค์ส่งข้อมูลให้รับรู้ว่าเคล็ดวิชากระบี่ตรงหน้าที่ชายหนุ่มใช้กับตนนั้นเป็นหนึ่งสุดยอดเคล็ดวิชากระบี่ที่ขึ้นชื่อของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ การนำมาใช้กับศิษย์ใหม่เช่นนี้หนิงอ้ายมองว่าเป็นการรังแกกันเกินไปเสียหน่อย ดังนั้นเพื่อเเสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ทุกคนสามารถบีบได้โดยง่ายจึงต้องแสดงฝีมืออกมาเสียบ้างแล้วเคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเหนือของหนิงอ้ายได้ถูกปรับเปลี่ยนโดยการใช้อักขระเวทย์โบราณเข้าเสริมจึงทำให้เคล็ดวิชานี้มีอาณุภาพไปไม่ต่างบทเวทย์ระดับเซียนเสียด้วยซ้ำ เห็นแก่ที่ชายหนุ่มศิษย์สายนอกผู้นี้ที่อายุน้อยกว่า (อายุน้อยกว่าในโลกเดิม) เช่นนั้นเขาจะใช้พลังปราณเพียงสามสี่ส่วนเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่ออีกฝ่ายไปมากนักก็แล้วกันมือขวาของหนิงอ้ายตวัดขึ้นกระบี่เล่มงามที่ถูกผนึกขึ้นจากปราณธาตุไฟก่อนหน้าได้สลายหายไปในอากาศ ก่อนที่รอบตัวของเด็กหนุ่มจะปรากฎขึ้นเป็นกระบี่เจ็ดเล่มที่แผ่กลิ่นอายความเหนือชั้นอหังการออกมา ก่อนที่หมุนวน

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่66 ข้าเลือก...

    'ต้าเฮยเจ้าคิดว่าทั้งสี่ตำหนักข้าควรเลือกเข้าตำหนักใดดีที่สุด?' หนิงอ้ายเอ่ยถามเจ้าตัวน้อยที่ขดอยู่ในอกเสื้อของตนผ่านกระเเสจิตเพื่อถามความคิดเห็นของอีกฝ่ายเพื่อประกอบการตัดสินใจครั้งนี้'ไม่ว่าท่านจะเลือกเข้าตำหนักใดจะมีข้าที่คอยอยู่เคียงข้างและปกป้องท่านขอรับ...' ต้าเฮยตอบกลับไปตามความคิดที่มีต่อนายท่านคนงามนี้ด้วยเพราะว่าท่านประมุขกำชับมันไว้ว่าต้องดูแลนายหญิงให้ดีที่สุด'ขอบใจเจ้ามาก เอาละ! ข้าตัดสินใจได้เเล้ว...' ในที่สุดหนิงอ้ายก็สามารถตัดสินใจเลือกตำหนักที่ตนสนใจได้แล้ว"ก่อนที่เจ้าจะเลือกเข้าสังกัดตำหนักใด จงฟังข้อเสนอของพวกข้าเสียหน่อยเถิด..." ผู้อาวุโสรุ่ยเหอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหนิงอ้ายมีท่าทางราวกับว่าตัดสินใจได้แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นับว่าสร้างความประหลาดใจแก่ศิษย์ใหม่เป็นอย่างมาก แต่บรรดาผู้อาวุโสและศิษย์สายนอกและสายในตั้งแต่ปีที่สองขึ้นไปต่างเคยเห็นหรือพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนทั้งสิ้น การให้ข้อเสนอหรือการชักชวนจากเจ้าตำหนักทั้งสี่มักจะเกิดขึ้นเสมอ ในยามที่ผู้อาวุโสเหล่านี้ต้องการให้ศิษย์ที่ตนหมายตาไว้ให้เข้าร่วมสังกัดตำหนักของตนนั่นเอง"ความสามารถและญาณสัมผัสอันล

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่67 ศิษย์ผู้สืบทอด

    ตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ศิษย์ใหม่ที่สามารถเอาชนะศิษย์สายนอกได้ย่อมสามารถแจ้งความประสงค์ในการเข้าสังกัดตำหนักที่ตนสนใจได้หรือแม้กระทั่งศิษย์ใหม่ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่สามารถเอาชนะได้ก็สามารถเลือกเข้าสังกัดที่ตนสนใจได้แต่ถึงอย่างไรหากศิษย์คนดังกล่าวที่แจ้งความต้องการสำหรับเข้าสังกัดในตำหนักนั้น ๆ หากว่าท่านเจ้าตำหนักพิจารณาแล้วว่าศิษย์ใหม่ผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมตำหนักของตน ท่านเจ้าตำหนักก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธความต้องการของศิษย์ใหม่เหล่านั้นได้เช่นกันเหมือนกันกับหนิงอ้ายที่แจ้งความต้องการขอเข้าสังกัดศาสตร์แห่งการรักษา ซึ่งเป็นตำหนักที่ผู้คนภายนอกหรือแม้กระทั่งศิษย์ในสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ต่างรับรู้เรื่องราวตำหนักนี้น้อยมาก ว่ากันว่าในการทดสอบศิษย์ใหม่นับสิบปีผ่านมาทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาไม่ได้รับศิษย์เข้าตำหนักของตนแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีผู้ใดไม่ต้องการเข้าร่วมตำหนักนี้ เพียงแต่ว่าเจ้าตำหนักเหวินหวู่ เป็นผู้ปฏิเสธความต้องการของเหล่าศิษย์ใหม่พวกนั้นไปเสียสิ้นด้วยนิสัยแปลกประหลาดนี่เอง หลายครั้งที่ปรมจารย์เหวินหวู่ท่านนี้เดินทางไปทั่วทั้งมหาทวีปอย่างอิ

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่68 เส้นทางที่เลือก

    "เก่งมากหนิงอ้าย ท่านปู่ท่านยายและท่านแม่คงภูมิใจในตัวเจ้ามากเป็นแน่!!" ลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมดึงหนิงอ้ายเข้ามากอด ทันทีที่เด็กหนุ่มออกจากลานพิธีมายังกลุ่มของพวกตนที่ยังยืนรออยู่เสียงของลู่ซีนั้นเเสดงถึงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรนั้นเสียงขู่ฟ่อของต้าเฮยที่ดังขึ้นจากอกเสื้อของเด็กหนุ่มราวกับว่าไม่พอใจบางอย่าง ทำให้ลู่ซีมึนงงไปชั่วครู่ก่อนที่จะผละออกจากตัวของเด็กหนุ่มไป"ลู่เกอก็เก่งมากเช่นกัน หากท่านตารู้ว่าท่านสามารถใช้สมบัติวิเศษที่ท่านตามอบให้ได้อย่างเชี่ยวชาญท่านคงภูมิใจมากเป็นแน่ อีกทั้งท่านยายและท่านแม่นั้นย่อมยินดีกับเราสองพี่น้องอย่างแน่นอนขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขลู่ซีนับว่าอยู่กับเขามาตลอดตั้งแต่ได้มาอยู่ในโลกแห่งนี้ การที่หนิงอ้ายชมไม่ได้เพียงเพื่อเอาใจอีกฝ่ายเท่านั้นเพราะความสามารถของลู่ซีเมื่อเทียบกับเขาในโลกก่อนแล้วนับได้ว่าค่อนข้างสูสีเลยทีเดียว"โอ้!!นี่ข้าเป็นถึงสหายของศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเลยอย่างนั้นรึ ในวันหน้าหากได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมเจ้าต้องรักษาข้านะหนิงอ้าย..." อี้หลินเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนที

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่69 ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา

    ระหว่างการเดินทางหนิงอ้ายได้ทราบว่าสตรีผู้เป็นศิษย์พี่ของเขามีนามว่าไป๋เหลียนฮวา ผู้มีมีศักดิ์เป็นหลานของผู้อาวุโสเหวินหวู่ นางเป็นศิษย์ลำดับที่ห้าที่ได้เข้าสังกัดอยู่ในตำหนักนี้มาได้หลายปีเเล้ว ด้วยเพราะนางเป็นสตรีเพียงคนเดียวในตำหนัก ดังนั้นหน้าที่ในการดูเเลรับผิดชอบต่าง ๆ ผู้อาวุโสเหวินหวู่ได้มอบอำนาจให้นางจัดการแทบทั้งสิ้นฟังว่าศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองออกไปทำภารกิจบางอย่างให้ผู้อาวุโสเหวินหวู่ อีกไม่นานคาดการณ์ว่าคงใกล้กลับสำนักแล้ว ทางฝั่งของศิษย์พี่สามกำลังเข้ากักตัวเนื่องจากมีสัญญาณว่าจะเลื่อนละดับในเร็ววันนี้ สำหรับศิษย์พี่สี่ด้วยเพราะมีนิสัยที่ไม่ชื่นชอบความวุ่นวายเท่าไหร่นักจึงพำนักอยู่ในเรือนของตนเพื่อศึกษาตำราและทดลองปรุงโอสถต่าง ๆดูเหมือนว่าศิษย์พี่เหล่านี้จะไม่ยินดีต้อนรับหนิงอ้ายมาเป็นศิษย์น้อง พวกเขาล้วนต่างตื่นเต้นที่จะได้ศิษย์น้องคนใหม่เข้าตำหนักของตน แต่เพราะหลายปีที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใดเข้าตาท่านเจ้าตำหนัก จึงทำให้หลังจากการรับศิษย์ลำดับที่ห้าเมื่อหลายปีมาเเล้วนั้น บรรดาศิษย์ในตำหนักจึงเลิกให้ความสนใจและเข้าร่วมพิธีการทดสอบศิษย์ใหม่ จึงเป็นนางเองที่เป็นผู้จัดการทุ

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่70 คำนับอาจารย์

    "เจ้ากังวลใจในเรื่องนี้เองหรอกรึ?? ศิษย์พี่ผู้นี้จะบอกแก่เจ้า ความจริงแล้วก่อนหน้านี้หลายปีก่อนที่ท่านอาจารย์จะรับเจ้าเข้ามา ทางฝั่งของผู้อาวุโสระดับสูงและเจ้าตำหนักทั้งสามคนต่างกดดันอาจารย์เหวินหวู่ของพวกเราให้เลือกศิษย์คนใดคนหนึ่งเป็นศิษย์สืบทอดของตำหนักเสียทีเพราะตำแหน่งนี้ถูกว่างเว้นมาหลายปีเเล้ว...""เจ้าอาจจะพอรับรู้มาบ้างว่าเป็นธรรมเนียมที่ถูกปฏิบัติยึดถือในสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มาอย่างช้านานตั้งแต่เริ่มต่อตั้งสำนัก นั่นคือในทุก ๆ สี่ปีตำหนักทั้งสี่จักต้องให้ศิษย์ผู้สืบทอดในตำหนักของร่วมประลองกัน ทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาไร้ซึ่งตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดมายาวนานนับสิบปีแล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากนั้น??" ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย"ขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยความไม่มั่นใจ"พวกเราทั้งหกคนต่างโยนตำแหน่งนี้ให้กันไปมาราวกับเหล็กร้อน ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่คู่ควรกับตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดแต่ทว่าศิษย์พี่ใหญ่นั้นกลับโยนให้กับศิษย์พี่รองเสียอย่างนั้น...""เจ้าน่าจะพอคาดเดาได้ว่าหลังจากนี้ได้เกิดสิ่งใดขึ้น ศิ

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่71 ศิษย์พี่ร่วมตำหนัก

    "ศิษย์น้องหนิงอ้ายเจ้างดงามยิ่งนัก ขนาดศิษย์พี่ที่เป็นสตรียังไม่อาจเทียบเจ้าได้เลยแม้เเต่น้อย..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างยอมรับพร้อมกับหยอกล้อเด็กหนุ่มกลับไป"ศิษย์พี่ไป๋กล่าวชมข้าเกินไปแล้วท่านก็เป็นสตรีที่งดงามมากเช่นกัน..." หนิงอ้ายตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยสัตย์จริง ตอนเเรกที่ตนเห็นอีกฝ่ายนั้นยอมรับว่าศิษย์พี่ของเขาผู้นี้งดงามยิ่ง แม้ในใจเขานั้นจะเอนเอียงให้มารดาของตนงดงามมากกว่าก็ตาม"ในที่สุดตำหนักของเราก็มีสิ่งที่สวยงามจริง ๆ เสียที!! ยินดีต้อนรับเจ้าอีกครั้งนะศิษย์น้อง..." บุรุษหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่มก่อนที่จะหันไปมองสตรีเพียงคนเดียวในที่นี้แล้วหันกลับมาทันที"ศิษย์พี่เหยียนหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ??" เป็นไป๋เหลียนฮวาที่ถามกลับไปเหยียนฮุ่ยหรือศิษย์พี่สี่ของตนด้วยท่าทางหาเรื่องชวนให้รู้สึกขบขันเป็นอย่างยิ่ง"ข้าก็หมายความอย่างที่ได้เอ่ยไปเช่นนั้น ศิษย์น้องหนิงอ้ายเพียบพร้อมไปด้วยความงามและท่าทางเรียบร้อยไม่เหมือนกับเจ้าที่เป็นสตรี เเต่ทว่าซุกซนดื้อรั้นอีกทั้งไม่สำรวมเช่นเดียวกับสตรีทั่วไป ดีเเล้วที่ได้ศิษย์น้องหนิงอ้ายเข้ามาในตำหนักหลังจากนี้ข้าคงต

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 72 ตลาดในสำนัก

    หนิงอ้ายพบว่าโรงครัวที่ศิษย์พี่ของตนพามาได้ต่างไปจากสิ่งที่ตนคาดคิดเอาไว้เป็นอย่างมาก เป็นอาคารห้าเหลี่ยมหนึ่งชั้นที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ถูกล้อมรอบไปด้วยสระบัวขนาดใหญ่ภายในถูกตกเเต่งอย่างเรียบง่ายคล้ายกับว่าเน้นไปที่การใช้งานเสียมากว่า ยามสายนี้เหล่าบรรดาศิษย์จากทุกตำหนักในสำนักศึกษาแห่งนี้ต่างนั่งกินข้าว พูดคุยกันอย่างคึกคักเเต่ก็ไม่ได้วุ่นวายสักเท่าไหร่เนื่องจากว่ามีพื้นที่กว้างขวางและมีที่นั่งเป็นสัดส่วนนั่นเองทันทีที่หนิงอ้ายได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับไป๋เหลียนฮวาผู้ที่ได้ชื่อว่างดงามเป็นอันดับหนึ่งของสำนัก ทุกความสนใจ ทุกสายสายตาต่างจับจ้องมาทางพวกเขาทั้งสองคนอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในการทดสอบรับศิษย์ใหม่ของเมื่อวานนี้นั้นในตอนนี้ทุกคนในสำนักศึกษาต่างรับรู้โดยทั่วกันเเล้วว่าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้นในที่สุดก็มีศิษย์ผู้สืบทอดเสียสักที หลังจากที่ตำแหน่งนี้ได้ว่างเว้นมายาวนานนับสิบปีเลยทีเดียวตัวคนที่รับตำแหน่งนี้ก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น หากเทียบกับศิษย์ผู้สืบทอดอีกสามตำหนัก ที่ต่างมีอายุประมาณยี่สิบห้าปีขึ้นไปนั่นนับว่าเป็นศิษย์ผู้สืบทอ

    Last Updated : 2025-03-06

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status