Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่37 เสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ทั้ง5

Share

บทที่37 เสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ทั้ง5

การประลองระหว่างแคว้นครั้งที่88 ในรอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจนี้ แน่นอนว่าตัวแทนของผู้ฝึกตนทั้งสองราชทินนามจำนวนทั้งสิ้นห้าคน ถือได้ว่ารุ่นเยาว์เหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรแล้วการประลองยังคงต้องดำเนินต่อไปเพื่อค้นห้าผู้ชนะอันดับหนึ่ง ผู้ที่ได้ครอบครองซึ่งตำแหน่งฐานะเจ้าแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์นั่นเอง

หนิงอ้ายเมื่อเปิดเผยตัวตนฐานะที่แท้จริงแล้ว จึงตัดสินใจชวนลู่ซีกลับไปยังที่นั่งของตระกูลหวังที่อยู่ไม่ห่างไปเท่าไหร่นัก อย่างไรแล้วหลังจากจบงานประลอง ท่านตาหวังจิ่งหลงคงประกาศฐานะที่เเท้จริงของเขาทั้งคู่ ดังนั้นหากไปยังที่นั่งดังกล่าวในตอนนี้ก็คงไม่ส่งผลอะไรมากมายเท่าไหร่นัก

"ในที่สุดเจ้าก็ทำได้เเล้วนะหนิงเอ๋อร์..." หวังเยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยความสุข พร้อมกับดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอดด้วยความภูมิใจ

"พวกเจ้าทั้งสองคนเก่งมาก ไม่เสียชื่อลูกหลานตระกูลหวังของพวกเรา"

"หนิงเอ๋อร์ เพลงกระบี่ของหลานกล่าวว่าเหนือชั้นอย่างแท้จริง ทั้งพริ้วไหวและดุดันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากนับไปแล้วในหมู่ฝึกตนรุ่นเยาว์ในช่วงวัยเดียวกัน ถือว่าเจ้าแข็งแกร่งและมากด้วยพรสวรรค์ยิ่งนัก..." หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม เพลงกระบี่ของเด็กหนุ่มที่ถูกเรียกใช้ออกมานั้น ต่อให้คู่ต่อสู้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเพลงกระบี่สักกะดารารายของตระกูลหวัง ก็ไม่อาจตั้งรับได่โดยง่าย

"ข้ายังต้องฝึกฝนอีกมากขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไป

"แล้วลู่เอ๋อร์เล่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้า บทเวทย์เขตแดนที่ถูกบัญชาการเรียกใช้ด้วยผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางวิญญาณขั้นสูงเช่นนี้ ย่อมกลืนกินลมปราณไปไม่น้อยเป็นแน่..."

"เจ้าไม่เห็นต้องฝืนถึงเพียงนี้เสียด้วยซ้ำ ด้วยฝีมือความสามารถของเจ้า ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะเจ้าเด็กแซ่จางคนนั้น" ซ่งเหมยฮวาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสำรวจทั่วทั้งร่างกายของเด็กหนุ่มว่าได้รับบาดเจ็บในส่วนอื่นอีกหรือไม่

"ข้าเพียงอยากจบการประลองโดยเร็วเพียงเท่านั้น ต้องขออภัยท่านยายที่ทำให้เป็นห่วงนะขอรับ..." ลู่ซีตอบกลับไปพร้อมให้เหตุผล

"เอาเถอะ ยายเพียงเป็นห่วงเจ้าเท่านั้น นี่คือโอสถฟื้นฟูลมปราณระดับสูง หลานทั้งสองจงดูดกลืนโอสถเม็ดนี้ แล้วอย่าลืมเดินพลังลมปราณชักนำเข้าสู่ร่างกายด้วยเล่า" ซ่งเหมยฮวาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะยื่นโอสถให้เด็กหนุ่มทั้งสองคน

"ขอบคุณท่านยายขอรับ!!!" หนิงอ้ายกับลู่ซีประสานมือโค้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง

นอกจากตระกูลหวังสายหลักทุกคนที่อยู่ในสนามประลองแห่งแล้ว บรรดาผู้อาวุโสในตระกูล ตระกูลสายรอง สายย่อยต่างพากันยินดีมีความสุขกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังชื่นชมหนิงอ้ายกับลู่ซีเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าตอนนี้ เด็กหนุ่มทฝทั้งสองคนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้าของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์

"การเเข่งขันในรอบห้าคนสุดท้ายนี้ ตาเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสองคนคงต่อสู้อย่างถึงที่สุด อย่างไรหากว่าต้องประลองกันเองจงเเสดงฝีมือของตนให้เต็มที่ให้สมกับเป็นลูกหลานของตระกูลหวังสายหลักเเห่งแคว้นเต่าดำ!!" หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก

แม้ทั้งสองคนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมแซ่เดียวกัน เเต่อย่างไรการประลองที่ต่อสู้ด้วยความเต็มที่ไม่ออมฝีมือนับได้ว่าเป็นการให้เกียรติทั้งแก่ตนเองและคู่ต่อสู้ที่พึงกระทำตามมารยาทของผู้ฝึกตนในมหาพิภพ

"เข้าใจแล้วขอรับ!!!" หนิงอ้ายและลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

หวังจิ่งหลงชื่นชมความสามารถของหนิงอ้ายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่อีกฝ่ายพึ่งเข้าสู่วิถีฝึกตนได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น เเต่กลับมีระดับฝึกตนถึงระดับจักรพรรดิวิญญาณได้เช่นนี้ ทอดสายตาไปทั่วยุทธภพแล้วนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะเหนือผู้คนเสียด้วยซ้ำ

รวมไปถึงลู่ซีเองที่แม้จะพึ่งฝึกเคล็ดวิชาตระกูลหวังได้เพียงไม่นานเเต่ก็สามารถพัฒนาฝีมือความเข็งแกร่งเทียบเท่ากับรุ่นเยาว์มากฝีมืออันดับต้น ๆ ของตระกูลใหญ่ของแคว้นได้ เขามั่นใจว่าทั้งสองคนนั้นในวันข้างหน้าคงเป็นผู้ฝึกตนระดับแถวหน้าของยุทธภพอย่างแน่นอน...

เสียงโห่ร้องยังคงดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลอง เพราะการประลองในรอบต่อไปย่อมมีความดุเดือดและตื่นเต้นอย่างมากเป็นแน่ ด้วยเพราะผู้ที่ผ่านเข้ารอบทั้งห้าคนนั้นกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยความสามารถที่แท้จริง พวกเขาต่างเฝ้ารอกันเป็นอย่างยิ่ง

'สัตว์อสูรของคุณชายหนิงอ้ายช่างน่าเกรงขาม ถึงจะสังกัดเป็นสัตว์อสูรธาตุพฤกษาเเต่ก็สามารถจัดการสัตว์อสูรของคุณชายจางได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก ความสามารถในการต่อสู้ไม่สามารถดูเบาได้เลยทีเดียว...'

'สัตว์อสูรพฤกษานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นนายเเห่งสัตว์อสูรอยู่เเล้ว น่าเเปลกใจคือสัตว์อสูรสังกัดปราณพฤกษานั้นไม่ปรากฎตัวในยุทธภพนี้หลายร้อยปีเเล้ว ไม่รู้ว่าคุณชายหนิงอ้ายประสบพบโชควาสนาใดถึงสามารถมีในครอบคองได้กัน??'

'คุณชายหนิงอ้ายนั้นมากไปด้วยความสามารถและพรสวรรค์ ดังนั้นอสูรรับใช้คงได้รับประโยชน์จากนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว เจ้าอย่าลืมว่าแม้จะเป็นสัตว์อสูรระดับใดก็ตาม หากว่านายเเห่งพันธะไม่มีความสามารถในพลังวิญญาณก็ไม่สามารถเพิ่มพลังวิญญาณเช่นนี้ได้... '

การประลองที่พึ่งจบไปนั้นต่างเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาของผู้รับชมโดยทั่วสนามประลองที่ต่างเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างที่รอการประลองในรอบห้าคนสุดท้ายของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ในปีนี้...

ทางด้านผู้เข้าประลองร่วมอีกสามคนที่เหลือนั้นที่ต้องลงเเข่งขันกับหนิงอ้ายและคุณชายลู่ซี ในรอบสุดท้ายนี้ แม้ว่าทั้งสามคนจะรู้สึกกังวลเเค่ไหนแต่การประลองของทั้งสองคนก่อนหน้าทำให้พวกเขาต่างลอบคิดกันในใจว่าหากตนไม่เรียกสัตว์อสูรรับใช้ของตนออกมาดูเเล้วคุณชายทั้งสองคนก็คงไม่มีทางเรียกอสูรรับใช้ออกมาก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นควรประลองด้วยทีกษะเชิงยุทธและบทเวทย์ที่มีอยู่และรีบจบการประลองเสียยิ่งจบเร็วเท่าไหร่จะเป็นทางที่ดีที่สุด

ทางผู้อาวุโสที่ดำเนินการประลองได้ให้เวลาผู้เข้าเเข่งขันห้าคนสุดท้าย ที่ตอนนี้นับว่าทั้งห้าคนคือเสาหลักแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์เเล้ว เพื่อช่วงชิงอันดับหนึ่งของผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ จึงจำเป็นต้องดำเนินการประลองต่อไปเพื่อหาผู้ชนะ นอกจากจะมีการเสริมแกร่งของเกราะป้องกันในสนามประลองเวทย์เพิ่มขึ้นหลายชั้นเลยทีเดียว

ตอนนี้ได้เวลาเเข่งขันในรอบสุดท้ายของการประลองครั้งที่แปดสิบแปด (88) ครั้งนี้เเล้ว แน่นอนว่าทั้งห้าคนนี้ย่อมถูกเรียกขานชื่อว่าเป็นเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์อันขึ้นตรงต่อวิหารเทพยุทธ์โดยตรงนั่นเอง ได้แก่

คนเเรกคุณชายหวังหนิงอ้ายจากตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำ

คนที่สองคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำ

คนที่สามคุณชายจงเสวียนคุณจากตระกูลจงแห่งแคว้นมังกรเขียว

คนที่สี่คุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาว

และคนสุดท้ายคุณชายหลิวอี้จากตระกูลหลิวแห่งแคว้นมังกรเขียว

"การเเข่งขันประลองเวทย์ในรอบห้าคนสุดท้ายของเสาหลักแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์คู่ประลองเเรกได้แก่คุณชายหวังหนิงอ้ายจากตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำและคุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาว เชิญทั้งคู่ลงสนามประลองได้!!! " ผู้อาวุโสที่เป็นผู้ดำเนินการประลองได้ประกาศออกมาด้วยเสียงดังกึกก้องเมื่อถึงเวลาอันสมควรเเล้ว เมื่อสิ้นเสียงประกาศผู้คนโดยรอบสนามประลองเวทย์เเห่งนี้ต่างพากันส่งเสียงเชียร์กระหึ่มดังไปทั่วบริเวณ

'เจ้าจักลงพนันฝั่งใด??'

'ข้าต้องลวพนันฝั่งคุณชายหวังหนิงอ้ายอยู่เเล้ว อย่างไรเสียงานประลองครั้งนี้อันดับหนึ่งต้องเป็นของแคว้นเต่าดำอย่างแน่นอน'

'เจ้าช่างพูดจาถูกใจข้ายิ่งนัก ข้าว่างานประลองครั้งนี้คุณชายหวังหนิงอ้ายต้องเป็นผู้ชนะ!!'

'รีบไปลงพนันเร็วเข้า ข้าได้ยินว่าโตะพนันจะปิดรับแทงฝั่งคุณชายหวังหนิงอ้ายเเล้ว!!!'

'โอ้!!! ปิดรับแทงแล้วงั้นรึ เหตุการณ์นี้เท่าที่ข้ารู้มาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คุณชายหวังหนิงอ้ายผู้นี้ช่างทำให้ข้ารู้สึกตื้นเต้นยิ่งนัก'

'พวกเจ้าไม่คิดลงเดิมพันฝั่งคุณชายโม่เหรินงั้นรึ ข้าได้ยินมาเหมือนกันว่าผู้ใดลงแทงฝั่งตรงข้ามคู่ประลองของคุณชายหวังหนิงอ้ายจะได้รับเพิ่มเงินห้าเท่าเชียว...'

'ใครอยากเสี่ยงก็เเล้วเเต่เถิด ข้าไม่เอาด้วยละ ดูสัตว์อสูรของคุณชายหวังหนิงอ้ายที่เป็นถึงสัตว์อสูรสังกัดปราณพฤกษา ยังไม่นับรวมไปถึงการออกบทเวทย์พร้อมกันถึงสองบทเวทย์ในเวลาเดียวกันความสามารถเช่นนี้ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะ ก็ใช่ว่าจะสามารถรับมือคุณชายหวังหนิงอ้ายได้โดยง่าย'

เสียงของผู้คนต่างพูดคุยกันอย่างคึกคัก ดูเหมือนว่างานประลองเวทย์ครั้งนี้นั้นผู้ชนะคงไมแคล้วเป็นคุณชายหน้าใหม่ทั้งสอง นั่นคือคุณชายหวังหนิงอ้ายและคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำ แน่นอนว่าในตอนนี้นั้นโตะรับพนันต่างมีผู้คนรุมล้อมอยู่อย่างเนืองเเน่นที่หลั่งไหลเข้ามาเดิมพันผลการประลองครั้งนี้ ส่วนมากมักจะวางเดิมพันลงในฝั่งของคุณชายหวังหนิงอ้ายเป็นส่วนมาก เพราะทุกคนนั้นได้ประจักษ์เห็นถึงความสามารถด้วยตาของตนเองเเล้ว

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เค่อโตะพนันจะปิดรับแทงฝั่งคุณชายหวังหนิงอ้ายพากันให้วุ่นทั้งสนามประลอง เเต่สำหรับผู้ที่ได้ทันลงเงินพนันไปก่อนหน้าต่างพากระซิบคนที่เหลือให้มาลงพนันกับตนโดยที่มีสัดส่วนเเบ่งตามที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจและตกลงกันได้นั่นเอง....

สิ้นเสียงของอาวุโสผู้ดำเนินการประลองเวทย์ครั้งนี้กล่าวจบลง ทางฝั่งของหนิงอ้ายยิ้มรับคำอวยพรจากท่านตาหวังจิ่งหลง ท่านยายเหมยฮวา ท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูและลู่ซีรวมไปถึงทุกคนในตระกูลหวังพร้อมกับบอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วงตนจะทำให้ดีที่สุด จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ พุ่งทะยานตัวลงมาตรงกลางสนามประลองในทันที พร้อมกับหันตัวยืนประจันหน้ากับคุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาวที่ยืนรออยู่ก่อนเเล้ว กล่าวได้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นคู่ประลองในรอบสุดท้ายคู่เเรกนั่นเอง

"คู่ประลองแรกในรอบห้าคนสุดท้าย ฝั่งซ้ายมือนั่นคือคุณชายหวังหนิงอ้าย อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะที่มากไปด้วยความสามารถอย่างแท้จริง ราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นต้น วิญญาณยุทธ์สายโจมตี ระดับพลังวิญญาณ32 ตัวแทนจากแคว้นเต่าดำ!!!"

เฮ!!!

"และทางฝั่งขวามือนั่นคือคุณชานโม่เหริน ฉายาอัจริยะประตจำตระกูลที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่ว ราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณ วิญญาณยุทธ์สายโจมตี ระดับพลังวิญญาณ33 ตัวแทนจากแคว้นเสือขาว!!!"

เฮ!!!!

"การประลองเริ่มได้!!!!" สิ้นเสียงของผู้ดำเนินการประลอง เสียงตะโกนดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นสะท้อนไปทั่วทั้งสนามประลอง

"ยินดีที่ได้ประลองกับคุณชายหวังหนิงอ้าย ข้ามีนามว่าโม่เหริน..." คุณชายโม่เหรินประสานมือขึ้นพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อยอย่างผู้มีมารยาท

"ข้าเองก็ยินดีที่ได้ประลองกับท่านเช่นกันคุณชายโม่เหริน ข้าหวังหนิงอ้ายขอรับ..."

หนิงอ้ายตอบกลับไปและทำการประสานมือยกขึ้นพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยตามมารยาทที่ดีของผู้ฝึกตนเช่นกัน

"ขอคำชี้แนะด้วย!!!" เสียงของหนิงอ้ายและคุณชายโม่เหรินดังขึ้นพร้อมกันซึ่งทั้งสองเองก็ไม่รอช้าชักกระบี่ออกมาเเล้วเริ่มการประลองในทันที

ชิ้ง! ชิ้ง!

การประลองในครั้งนี้ระหว่างหนิงอ้ายกับคุณชายโม่เหรินนั้นเริ่มจากการประลองแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชากระบี่ประจำตัวของทั้งคู่ ทางฝั่งของคุณชายโม่เหรินได้สำเเดงความสามารถเคล็ดวิชากระบี่ของตระกูลโม่ได้อย่างงดงามและเเข็งแกร่งดุดัน เเต่ถึงอย่างไรแล้วทางฝั่งของหนิงอ้ายเองก็ใช้กระบี่วารีพิสุทธิ์เหมันต์ตั้งรับ และสวนกลับไปได้อย่างทันท่วงทีพร้อมกับลอบวิเคราะห์จังหวะของการตวัดกระบี่ของอีกฝ่าย

ว่ากันว่าต่อให้เคล็ดวิชากระบี่จะมีความเเข็งแกร่งมากเพียงใดเเต่สุดท้ายเเล้วนั้นย่อมมีจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่เสมอแน่นอนว่าย่อมขึ้นอยู่กับผู้ใช้เคล็ดวิชากระบี่เองว่าจะสามารถดึงศักยภาพของเคล็ดวิชาออกมาได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังต้องอาศัยประสบการณ์และพละกำลังของร่างกายที่เเข็งแกร่งรวมไปถึงระดับพลังวิญญาณก็ส่งผลต่อการได้เปรียบเสียเปรียบในการใช้เคล็ดวิชากระบี่เหล่านี้ได้เช่นกัน...

'เคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายโม่เหรินนั้นนับได้ว่าเเข็งแกร่งยิ่งนักสมกับตระกูลนักรบประจำแคว้นเสือขาว อีกทั้งเพลงกระบี่ที่เเสดงออกมานั้นช่างดุดันรวดเร็วยากที่จะเข้าจู่โจมประชิดตัวได้โดยง่าย...' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นในใจของตนหลังจากได้ประลองเคล็ดวิชากระบี่ไปสักครู่

"คาดไม่ถึงเลยว่าเคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายหนิงอ้ายจะเเข็งแกร่งเช่นนี้อีกทั้งยังสามารถตั้งรับและจู่โจมกลับเคล็ดวิชากระบี่ตระกูลโม่ของข้าได้นั้นย่อมไม่ใช่เคล็ดวิชากระบี่ที่สามัญอย่างแน่นอนใช่หรือไม่??" โม่เหรินเอ่ยออกมาด้วยสายตาชื่นชมในตัวของหนิงอ้ายไม่น้อย

คาดไม่ถึงว่าภายใต้รูปร่างที่บอบบางราวกับสตรีรวมไปถึงใบหน้าที่งดงามเกินกว่าผู้ใดจะอาจเทียบ รวมไปถึงเส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์ที่พริ้วไหวเปล่งประกายหยอกล้อไปกับเเสงอาทิตย์ในสนามประลองเวทย์ภาพตรงหน้าของเขานั้นไม่ต่างกับอะไรกับนางเซียนสูงศักดิ์ในตำนานเรื่องเล่าทั้งหมดนี้ยังไม่นับถึงการที่อีกฝ่ายนั้นมีอายุน้อยกว่าเขาหลายปีเเต่กลับมีความสามารถที่มากมายเพียงนี้นับได้ว่าคุณชายหนิงอ้ายนั้นเต็มไปด้วยพรสวรรค์ยิ่งนัก

"คุณชายโม่เหรินกล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ ข้ายังต้องขอคำแนะนำจากคุณชายโม่เหรินอีกมาก..." หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับไปด้วยความถ่อมตน

การประลองเวทย์ได้ดำเนินไปด้วยความดุเดือดคุณชายทั้งสองคนต่างเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบาเฉพาะที่ประสานไปกับเคล็ดวิชาการต่อสู้รวมไปถึงการใช้เคล็ดวิชากระบี่ได้อย่างงดงาม ผู้คนโดยรอบสนามประลองต่างพากันลุ้นระทึกว่าท้ายที่สุดเเล้วผู้ใดกันจะเป็นฝ่ายชนะบ้างก็ส่งเสียงให้กำลังใจ บ้างก็ตะโกนชื่อออกมาเสียงดัง เเต่หนิงอ้ายยังคงตั้งมั่นอยู่ในสมาธิและการใช้เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาอย่างสมดุล พร้อมกับดึงพลังลมปราณบริสุทธิ์ของฟ้าดินเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมพลังปราณในร่างกาย

'คุณชายหวังหนิงอ้ายผู้นี้ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มากฝีมือยิ่งนัก สามารถใช้เคล็ดวิชากระบี่ตั้งรับและจู่โจมกลับได้อย่างไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าไม่รู้ว่าด้วยเคล็ดวิชาพิศดารอันใดช่างน่าสนใจเสียจริง...' โม่เหรินคิดอยู่ในใจด้วยความชื่นชมตัวของเขาตั้งเเต่ปลุกพลังวิญญาณได้ตั้งเเต่เจ็ดขวบปีก็ฝึกฝนอย่างหนัก

ด้วยเพราะตระกูลโม่ของตนเป็นถึงตระกูลนักรบที่คอยปกป้องดูเเลแคว้นเสือขาวมายาวนานหลายร้อยปี แน่นอนว่าเขาที่เป็นบุตรชายคนโตย่อมได้รับการส่งเสริมทั้งทรัพยากรในการฝึกตนรวมไปถึงการฝึกร่างกายเพื่อความเเข็งแกร่ง จนทำให้มีร่างกายสูงใหญ่สมกับชายชาตินักรบเเต่กับการประลองนี้ทำเอาเขานั้นรู้สึกว่าพลังกายและพลังวิญญาณลดลงไปบางส่วนซึ่งส่งผลไปถึงความเร็วในการโจมตี การใช้เคล็ดวิชากระบี่ให้อ่อนกำลังลงไปบ้างเเต่คุณชายหนิงอ้ายผู้นี้ทั้งที่มีร่างกายบอบบางเช่นนั้นกลับมีพลังกายเเข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว

การประลองเคล็ดวิชากระบี่นี้ของทั้งคู่ผ่านไปได้ถึงประมาณสองเค่อ หนิงอ้ายนั้นเริ่มจับทางเคล็ดวิชากระบี่และการเคลื่อนไหวของคุณชายโม่เหรินได้เเล้วหลายส่วนจึงผสานเข้ากับเคล็ดวิชากระบี่ของตนในทันที

"เคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเหนือพิฆาตเป็นวิชากระบี่ที่มีความเป็นมาลึกลับเมื่อประสานใช้ไปกับกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เเล้วย่อมทำให้เพลงกระบี่มีความสามารถในการพลิกแพลงพิศดารไปได้ไม่น้อย ไม่ทราบว่าคุณชายโม่เหรินได้สังเกตหรือไม่ว่าพลังลมปราณในร่างกายนั้นลดลงอย่างรวดเร็วอย่างผิดปกติทั้ง ๆ ที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เค่อเท่านั้น??" หนิงอ้ายเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ

ทางฝั่งของโม่เหรินเมื่อได้ยินดังนั้นจึงลอบตรวจสอบพลังลมปราณของตนก็พบว่าเป็นดั่งที่หนิงอ้ายเอ่ยมาทั้งสิ้น บาดแผลที่ถูกกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์ของอีกฝ่ายฟาดฟันนั้นเกิดเป็นแผลน้อยใหญ่ให้ความรู้สึกเย็นเยือกราวกับว่าต้องพิษเหมันต์อ่อน ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นโม่เหรินเองไม่รอช้าหยิบโอสถรักษาระดับสูงขึ้นมากินในทันที

"เป็นข้าเองที่ประมาทคุณชายหนิงอ้ายมากเกินไปทำให้คุณชายต้องหัวเราะเสียเเล้ว!!!" โม่เหรินเอ่ยตอบกลับไปก่อนพุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้ายอีกครั้งในทันที

หนิงอ้ายตั้งรับการโจมตีและสวนกลับด้วยความรวดเร็ว ท่วงท่าเคล็ดวิชากระบี่ที่หนิงอ้ายใช้อยู่ในตอนนี้ผู้คนในสนามประลองต่างสามารถดูออกได้ว่าคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาของคุณชายโม่เหรินไปเสียเเล้วหกส่วน แตกต่างตรงที่เคล็ดวิชากระบี่ของหนิงอ้ายนั้นจะมีความพริ้วไหวมากกว่าและแผ่กลิ่นอายความเย็นเยือกออกมาจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่อานุภาพของเคล็ดวิชากระบี่ของโม่เหรินยิ่งเเสดงความอ่อนด้อยให้เห็นเท่านั้น ทั่วไปทั้งร่างกายเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่หลังจากที่เข้ารุกเร้าโจมตีอย่างหนักเเล้วโม่เหรินไม่สามารถที่จะเข้าถึงตัวและสร้างบาดแผลกับหนิงอ้ายได้เลยสักนิด เพราะเขานั้นถูกเคล็ดวิชากระบี่ของอีกฝ่ายที่ผสมประสานกับเคล็ดวิชากระบี่ประจำตระกูลโม่ของเขาคอยขัดขวางและจำกัดการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าหากเขาฝืนประลองต่อไปนั้นเขาคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปยิ่งกว่านี้และคงพ่ายแพ้ลงไปในที่สุด...

"เคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายหนิงอ้ายนั้นช่างลึกล้ำโดดเด่นยิ่งนัก ทำเอาเคล็ดวิชากระบี่ประจำตระกูลโม่ของข้ายังอ่อนด้อยไปเสียหลายส่วน คงต้องรบกวนคุณชายอีกครั้งเเล้ว!!" เมื่อเอ่ยจบโม่เหรินจึงเรียกพลังวิญญาณของตนออกมาใน

ด้านหลังพลันปรากฎเป็นวงเเหวนสีเหลืองเข้มซ้อนกันหนึ่งวงเวทย์ ด้วยรัศมีแสงเข้มข้นประกาย เป็นที่รับรู้ได้ว่าคุณชายโม่เหรินผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นต้นช่วงปลายผู้หนึ่งแล้ว นับได้ว่าเป็นรุ่นเยาว์อีกคนที่มากไปด้วยฝีมือที่น่าชื่นชมยิ่ง

"คุณชายโม่เหรินอย่าได้เกรงใจ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปและใช้พลังวิญญาณของตน ด้านหลังของหนิงอ้ายพลันปรากฎวงเเหวนเวทย์สีเหลืองเข้มหนึ่งชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นต้นเช่นกัน

'โอ้!!!ถึงกับประลองด้วยบทเวทย์กันต่อเลยงั้นรึ '

'ไม่ต้องคาดเดาเเล้วว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ ระดับพลังวิญญาณของคุณชายทั้งสองหาใช่อยู่ในขั้นเดียวกันดังนั้นย่อมเป็นคุณชายโม่เหรินเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน... '

'คุณชายโม่เหรินอายุมากกว่าคุณชายหนิงอ้ายตั้งหลายปี อีกทั้งรัศมีวงเเหวนด้านหลังนับว่าเข้มข้นยิ่งนักเเสดงว่าขอเพียงใช้เวลาไม่นานหรือพบวาสนาเพียงเล็กน้อยคุณชายโม่เหรินคงจะทะลุพลังจักรพรรดิวิญญาณขั้นกลางแล้วกระมัง...'

เสียงของผู้คนในสนามประลองต่างพูดคุยเเลกเปลี่ยนความเห็นในการประลองครั้งนี้อย่างคึกคัก

ตู้ม!

อัญเชิญบทเวทย์โจมตีอนันตะพิภพพิฆาต!

โม่เหรินไม่รอช้าที่จะประลองบทเวทย์และร่ายออกมาในทันที

อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันปราการวารีอหังการ!

ตู้ม!

หนิงอ้ายร่ายบทเวทย์ป้องกันตั้งรับอย่างไม่รอช้าเช่นกัน

การประลองเวทย์ของคุณชายทั้งสองต่างสลับกันร่ายบทเวทย์โจมตีและบทเวทย์ป้องกัน ด้วยความที่เป็นการประลองด้วยบทเวทย์ระดับสูงทั้งคู่จึงทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนของม่านการประลองปริแตกบางส่วนจนผู้ควบคุมสนามประลองต่างรีบเร่งร่ายบทเวทย์เสริมความเเข็งแกร่งของม่านพลังอีกหลายบทเลยทีเดียว

อัญเชิญบทเวทย์โจมตีอัสนีบาศสังหาร!

ตู้ม!

อัญเชิญบทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!

ตู้ม!

'เเข็งแกร่งยิ่งนัก...ไม่คิดเลยว่าเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามพลังลมปราณของคุณชายหนิงอ้ายจะไม่ลดลงเลยเช่นนี้...' โม่เหรินที่ในตอนนี้มีอาการเหนื่อยล้าหอบหายใจเข้าออกอย่างหนักอานุภาพของบทเวทย์ที่คุณชายหนิงอ้ายใช้กับตนนั้นนับได้ว่าสามารถเเก้ต่างบทเวทย์ของเขาได้ในทุกครั้ง

แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ถึงกับร่ายบทเวทย์ออกมาสองบทพร้อมกันเหมือนการประลองก่อนหน้าเเต่โม่เหรินก็สัมผัสได้ว่าหนิงอ้ายนั้นใช้พลังวิญญาณรีดเค้นบทเวทย์ต่าง ๆ ออกมาเพียงเเค่หกส่วนเท่านั้นหากอีกฝ่ายสำเเดงอานุภาพของบทเวทย์ออกมาทั้งสิบส่วนการประลองคงจบลงตั้งเเต่บทเวทย์เเรกเลยเสียด้วยซ้ำ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่38  การประลองที่สมศักดิ์ศรี

    หนิงอ้ายร่ายบทเวทย์โจมตีและบทเวทย์ป้องกันอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง ตอนนี้เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามเเล้วจริงอยู่ที่ว่าเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาของเขานั้นจะสามารถชักนำพลังปราณฟ้าดินบริสุทธ์มาสร้างสมดุลเสริมพลังปราณใช้ในการต่อสู้ได้ เเต่ทว่าความเหนื่อยล้าก็ปรากฏแล้วเช่นกันเล็กน้อย หนิงอ้ายคิดว่าควรที่จะจบการประลองครั้งนี้ได้เสียทีเพราะร่างกายของคนเรานั้นต่อให้เป็นผู้ฝึกตนที่มีความเเข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปก็ควรได้รับการฟื้นฟูและพักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นกัน"คุณชายโม่เหรินข้ายินดีที่ได้ประลองกับท่านในครั้งนี้เเต่เป้าหมายของข้ายิ่งใหญ่นักขออภัยที่ต้องล่วงเกิน!!!" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือประสานและโค้งคำนับด้วยมารยาทเพราะเขานั้นนับถือฝีมือของอีกฝ่ายจริง ๆอัญเชิญบทเวทย์โจมตีเขตแดนมหาดาระกะสยบโลกา!ครืนนน!'บทเวทย์เขตแดนระดับเทวะที่ถูกร่ายด้วยผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิขั้นต้นอย่างงั้นรึ?? เหตุใดกลิ่นอายช่างรุนแรงเช่นนี้ได้กัน...' โม่เหรินเมื่อเห็นว่าหนิงอ้ายนั้นเอาจริงเเล้ว ยอมรับตามตรงว่าเขาตกใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับบทเวทย์ที่อีกฝ่ายเรียกใช้ กลิ่นอายเช่นนี้คงเป็นบทเวทย์ระดับเทวะขึ้นไปอย่างแน่นอนไม่ใช่เรื

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่39 เจ้าแห่งยุทธภพพรุ่นเยาว์

    แม้ว่าหลิวอี้จะร่ายบทเวทย์โจมตีไปยังคุณชายทั้งสองอย่างต่อเนื่องกลับไปไม่น้อยเช่นกันเเต่ทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นได้ร่ายบทเวทย์ป้องกันตนเองและลู่ซีในทันท่วงที ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยบทเวทย์ระดับสูงและทรงพลังเเค่ไหนก็ไม่สามารถทำอันตรายกับพวกเขาทั้งสองได้เลยสักนิด เพียงสองเค่อเท่านั้นเกราะป้องกันอันเกิดจากศาสตร์ลับกลืนนภาอสูรเต่าทมิฬนิลกาฬของคุณชายหลิวอี้นั้นไม่สามารถตั้งรับได้ไหวเเล้วและเเตกสลายลงไปในที่สุด"อั๊กกกซ์!!! ข้าขอยอมแพ้คุณชายทั้งสอง เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้ประลองกับพวกท่าน!!" ทางฝั่งของคุณชายหลิวอี้นั้นเอ่ยออกมาด้วยรู้ตัวว่าหากเขานั้นฝืนใช้พลังวิญญาณและศาสตร์ลับกลืนนภาอสูรเต่าทมิฬนิลกาฬต่อไปแม้ว่าจะสามารถตั้งรับได้นานมากกว่านี้เเต่ผลกระทบหลังจากนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เพราะอาจจะเกิดความเสียหายไปถึงจิตวิญญาณเลยทีเดียวซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วเส้นทางผู้ฝึกตนของเขานั้นคงไม่มีทางก้าวหน้าได้อีก ดังนั้นถึงจะพ่ายแพ้ไปเเต่นับได้ว่าเขานั้นได้สร้างชื่อเสียงของตระกูลหลิวแห่งแคว้นสิงโตเพลิงบนยุทธภพของทวีปบูรพาได้แล้ว อีกทั้งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้าของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ที่ขึ

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​40 สิ้นสุดการประลองเวทย์

    การมอบรางวัลสำหรับผู้ฝึกตนในการประลองเวทย์ครั้งที่แปดสิบแปด (88) ที่ทางแคว้นเต่าดำได้รับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานประลองเวทย์ในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าดอกผลที่ได้รับจากงานประลองนับได้ว่ามากมายมหาศาลเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงของแคว้นที่เพิ่มขึ้นจากการปรากฎตัวผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยพรสวรรค์การปรากฏตัวของสัตว์อสูรนภาที่ว่ากันว่ายากนักที่จะสามารถครอบครอง รวมไปถึงสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาที่มีบันทึกอยู่ในตำราหอบรรพชนเก่าแก่ของเเต่ละตระกูลนั้นหาใช่เป็นเพียงนิทานเรื่องเล่าเท่านั้น เพราะได้ถูกครอบครองโดยผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นกว่ารุ่นเดียวกันซึ่งผู้ฝึกตนที่ผ่านเข้ามาถึงรอบประลองเวทย์สิบคนสุดท้ายนั้นจะได้รางวัลซึ่งก็คือเหรียญทองหนึ่งพันเหรียญและได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงคนละหนึ่งบทเวทย์นับได้ว่าเป็นผลตอบเเทนที่คุ้มค่ากับการประลองครั้งนี้ยิ่งนักสำหรับห้าอันดับแรกหรือเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ของทวีปบูรพานั้นมีรายชื่อดังต่อไปนี้...อันดับที่ห้าคุณชายโม่เหรินจากตระกูลโม่แห่งแคว้นเสือขาว รางวัลที่ได้รับนับว่าไม่สามัญทั่วไปอย่างแน่นอนตามศักดิ์ฐานะของ

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​41 เพียงคนแปลกหน้าเพียงเท่านั้น

    ตอนนี้ทุกคนได้รับรู้เเล้วว่าคุณชายทั้งสองคนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับตระกูลหวัง แน่นอนว่าคุณชายหนิงอ้ายเป็นที่รู้จักกันดีในนามของอดีตคุณชายใหญ่ตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดง ด้วยเพราะทั้งสองแคว้นนั้นอยู่ติดกันไม่ต่างจากเมื่องพี่เมืองน้อง ดังนั้นข่าวคราวในแวดวงที่ว่าคุณชายหนิงอ้ายเปรียบดั่งสวะของตระกุลจาง ผู้คนต่างรับรู้กันทั่วเพียงเเต่ไม่ได้มีการพูดคุยให้เห็นชัดด้วยเกรงกลัวอำนาจตระกูลใหญ่อย่างเช่นตระกูลจางและตระกูลหวัง กระทั่งข่าวที่ว่าท่านหญิงเยว่ซินได้หย่าขาดกับประมุขจางเลี่ยงหวงน ม้เหตุการณ์จะผ่านมาได้เพียงไม่กี่วัน เเต่ว่าหอข่าวที่มีสายลับแฝงตัวอยู่ทุกแคว้นต่างรายงานความเป็นไปที่เกิดขึ้นท่ามกลางความยินดีที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าตระกูลหวังเเห่งแคว้นเต่าดำต่างเป็นที่จับจ้องมากขึ้น ด้วยเพราะว่าผู้ชนะอันดับหนึ่งและอันดับสองในการประลองเวทย์ครั้งนี้ต่างมีความข้องเกี่ยวโดยตรงกับตระกูลหวัง แม้ว่าจะเป็นตระกูลที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียงไม่กี่ร้อยปีเเต่กลับยืนหยัดในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ ยิ่งกับวันนี้รุ่นเยาว์ในตระกูลหวังกลับสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลไปอีกไม่น้อยด้วยฐานะของเจ้ายุทธภพแล

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​42 หอตำราและคลังยุทธ์ตระกูลหวัง

    ห้องโถงรับรองของเรือนหลักตระกูลหวังเครื่องใช้ภายในเรือนทั้งหมดนั้นทำขึ้นจากหยกเขียวอ่อนแกะสลักที่มีความงดงามอ่อนช้อย อีกทั้งยังประดับตกแต่งไปด้วยสิ่งของมีค่ามากมายบางชิ้นถึงกับมีอายุยาวนานหลายร้อยปีเลยทีเดียว ของทุกอย่างเหล่านี้ต่างเเสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตระกูลหวังสายหลักได้เป็นอย่างดี"ได้ยินว่าหนิงเอ๋อร์กับลู่เอ๋อร์จะทำการทดสอบเข้าร่วมสำนักศึกษาในอีกไม่กี่วันเช่นนั้นรึ?" หวังจิ่งหลงถามขึ้นมองไปทางฝั่งของหลานชายของตนทั้งสอง"ขอรับท่านตา เพียงเเต่ว่าข้ากับลู่เกอยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าร่วมสำนักศึกษาใด..." หนิงอ้ายตอบกลับผู้เป็นตาของตนไป"การเลือกสำนักศึกษามีความสำคัญไปไม่น้อย ด้วยความแตกต่างของเเต่ละสำนักไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของสำนักที่เอื้อต่อการฝึกฝนตามพลังธาตุในร่างกายและทรัพยากรล้ำค่าที่จำเป็นในการเลื่อนระดับพลังวิญญาณรวมไปถึงวิสัยทัศน์ของเจ้าสำนัก สิ่งต่างๆ เหล่านี้นั้นล้วนมีผลในการบ่มเพาะทั้งสิ้น...""สำนักศึกษาในมหาทวีปบูรพานี้นับได้ว่ามีอยู่มากมายไม่น้อย เพียงเเต่สำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงและผู้คนในโลกยุทธภพให้การยอมรับมีเพียงห้าสำนักเท่านั้น นั่นคือสำนักศึกษาเวหาธาราสวรรค์ สำนั

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่43 ข้าคือเจ้า...เจ้าคือข้า

    หนิงอ้ายกับลู่ซีใช้เวลาอยู่ในหอตำราเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อถึงเวลาก็มาตรงจุดนับพบโดยทันที ซึ่งทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นได้เลือกตำรามานับสิบกว่าเล่มเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทั้งหมดเพื่อที่จะไปศึกษาเพิ่มเติม ทางฝั่งของลู่ซีนั้นได้เลือกตำราเกี่ยวกับพลังธาตุน้ำและเคล็ดวิชาระดับสูงอีกสองสามบทในการศึกษาเพิ่มเติม ด้วยเพราะรู้ตัวว่าฝีมือของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องหนิงอ้ายได้ ดังนั้นเขาต้องฝึกฝนให้มากที่สุดเมื่อแจ้งจำนวนตำราที่นำออกจากหอตระกูลหวังกับผู้อาวุโสท่านเดิมเสร็จเเล้วนั้น เมื่อถึงเรือนพักเเล้วทั้งสองคนจึงเเยกย้ายกลับห้องของตนเพื่อศึกษาตำราต่อนั่นเองหนิงอ้ายใช้เวลาทั้งวันไปกับการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพลังลมปราณ พลังวิญญาณและพลังปราณธาตุที่เป็นความรู้พื้นฐานทั้งหมด เมื่ออ่านจบเเล้วทำให้เขานั้นมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเดินพลังลมปราณและปรับการหมุนเวียนของร่างกายให้มั่นคงสมดุลชักนำลมปราณฟ้าดินเข้ามากักเก็บเป็นพลังวิญญาณในร่างกายให้เเข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นหลายเท่าเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆานั้นนอกจากจะเป็นวิชาตัวเบาที่ขึ้นชื่อเเล้วเเต่สิ่งที่แฝงตามมาจากเคล็ดวิชา

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​44 สายเลือดที่เข้มข้น

    เช้าวันรุ่งขึ้นบ่าวในจวนตระกูลหวังค่อนข้างที่จะวุ่นวายในการจัดเตรียมหลายสิ่งอย่างอยู่บ้างเเต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกำหนดการที่คาดเอาไว้ นอกจากนี้ทางตระกูลหวังได้มีการส่งสารให้บรรดาตระกูลหวังสายรองและสายย่อยที่อยู่ไปทั่วทั้งแคว้นเต่าดำให้มายังจวนตระกูลหวังสายหลักในวันนี้เพื่อเป็นสักขีพยานสำหรับพิธีการนำรายชื่อของหนิงอ้ายกับลู่ซีเข้าสู่ผังทำเนียบตระกูลหวังสายหลักตามประเพณีสืบทอดของตระกูลที่มีมาอย่างยาวนานหากเป็นการนำรายชื่อคุณชายหนิงอ้ายเข้าในแผนผังตระกูลหวังสายหลักนั้นกล่าวได้นับสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะคุณชายหนิงอ้ายนั้นเกิดจากท่านหญิงเยว่ซินซึ่งเป็นบุตรีเพียงหนึ่งเดียวของประมุขหวังจิ่งหลงและฮูหยินเหมยฮวาแห่งตระกูลหวังสายหลักดังนั้นฐานะของเด็กหนุ่มนั้นคือหลานชายสายตรงของตระกูลที่มีสิทธิในตำแหน่งว่าที่ประมุขตระกูลหวังสายหลักคนต่อไป ด้วยฐานะทางสายเลือดชาติกำเนิดอันสูงส่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เเล้วนั้น คุณชายหนิงอ้ายผู้นี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยฝีมือพรสวรรค์ที่โดดเด่นกว่ารุ่นเยาว์ในวัยเดียวกันยิ่งนักในการประลองเวทย์ที่พึ่งจบไป อีกฝ่ายได้เเสดงให้เห็นถึงทักษะกา

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​45 ราชันย์วิหคอัคคีมายา

    ต้องบอกก่อนว่าผู้อาวุโสทุกคนที่หวังจิ่งหลงได้เรียกเข้ามาพูดคุยในครั้งนี้นั้นต่างมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในตระกูลหวังเป็นอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างเป็นบุคลที่เปรียบดั่งเสาหลักอันเเข็งแกร่งที่ค้ำจุนตระกูลหวังให้ยืนหยัดมั่นคงมายาวนานหลายร้อยปีเลยทีเดียวบางคนนั้นก็เป็นถึงหนึ่งในอดีตว่าที่ประมุขของตระกูลเมื่อครั้งนานมาเเล้ว บ้างก็เป็นตาเฒ่าประหลาดที่มีพลังวิญญาณระดับครึ่งเซียน บ้างก็เป็นเชื้อสายตระกูลหวังที่มีความโดดเด่นด้วยพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับความเข้มข้นของสายเลือดมากกว่าคนทั่วไปในตระกูล ถึงแม้ว่าสายเลือดจะไม่เข้มข้นเท่ากับหนิงอ้ายก็จริง เเต่ในวันข้างหน้าหากสามารถยกระดับสายเลือดได้นั้นย่อมหมายถึงว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ก็สามารถที่จะปลุกพลังสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้อย่างแน่นอนด้วยฐานะที่พวกเขาทั้งหลายต่างถือครองอยู่ในตระกูลหวังนับว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญและเป็นที่นับหน้าถือตาเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้อาวุโสเหล่านี้ย่อมเคยอ่านบันทึกและรับรู้ถึงความเป็นมาของ ตระกูลหวังเป็นอย่างดี ว่าเเท้ที่จริงเเล้วว่าตระกูลหวังนั้นมีต้นกำเนิดความเป็นมาเช่นไร แม้ในเนื้อหาจะไม่ปรากฎสาเหตุของควา

    Last Updated : 2025-03-06

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status