88 : เสี่ยวไฉก็เหมือนคนในครอบครัวของเรา หลิวอี๋เฉินจึงอธิบายให้นางเข้าใจ “ได้ยินว่าเมืองอื่น ๆ ประสบภัยหนาว ชาวบ้านจึงลี้ภัยมาเรื่อย ๆ บางส่วนก็ทยอยเข้าเมืองหลวงมาเพคะ ส่วนคนที่เข้าไม่ทันประตูเมืองหลวงปิด ก็ต้องตกค้างอยู่ข้างนอกกำแพง” “เหตุใดไม่เปิดเป็นกรณีฉุกเฉิน
“ท่านป้ากับจือจือก็อยู่ที่นั่น พวกนางไม่กลัวเหตุใดข้าต้องกลัวด้วย อีกอย่างก็แค่ไปดูพวกนางแจกจ่ายโจ๊กให้ผู้ลี้ภัย เผื่อว่ามีอะไรให้ข้าช่วยได้” ซีจงเกรงจะเกิดอันตรายขึ้นกับเสี้ยนจู่ เพราะเขามากันเพียงสองคนเท่านั้น เขาจึงมีท่าทีลังเลใจ “ไปเถอะ หากเกิดอะไรขึ้นจริง จะไม่ใช่ความผิด
89 : ยาที่เกี่ยวกับภัยหนาวนั้นหาแทบไม่ได้ แม่นมหวางกำลังเช็ดเหงื่อให้ซุนหลิงเหมิง ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันดังขึ้นมา ครั้นมองไปก็เห็นว่าเป็นหลี่เมิ่งเหยากับน้องชาย เป็นเจ้าแมวอ้วนเสี่ยวไฉที่ ดึงดูดสายตาผู้คน จากชุดกันหนาวแสนน่ารักที่มันสวมใส่อยู่ “ฮูหยินเสี้ยนจู่มาเจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งเหยาหันมายิ้มแย้มให้ชายชรา “ท่านหมอข้าชื่อหลี่เมิ่งเหยา มีความรู้เรื่องยาเล็กน้อย เลยอยากถามว่ามียาตัวไหนที่ท่านขาดแคลนบ้าง เผื่อข้าจะได้ช่วยหามาให้” ท่านหมอเซวียนฮวนมุมปากกระตุกเบา ๆ “แม่นางหลี่ข้าต้องขอบคุณในน้ำใจของท่าน แต่ว่ายามนี้แม้แต่เงินก็หาซื้อยา
90 : นางเป็นลมไปเมื่อครู่เพราะหิว พอออกจากวัดฝูอันมาได้ราวสองลี้ รถม้าก็หยุดกะทันหันลง ซีจงมองผู้ลี้ภัยที่ยืนอยู่กลางถนน บนหลังของเขามีเด็กอยู่คนหนึ่ง “หลีกทางไป !” ซีจงชักดาบออกมาจากเอว “นายท่านได้โปรดช่วยลูกสาวของข้าด้วย นางไข้ขึ้นสูงข้าไม่รู้จะทำอย่างไร ไปที่ไห
“นี่ใช่ธงของรถม้าท่านหรือไม่” หลี่เมิ่งเหยายื่นมือไปหยิบมา “องครักษ์ซีเจ้าเก็บธงประจำจวนไม่ดีรึ ถึงได้หล่นหายง่ายดายเช่นนี้” ซีจงรีบเข้ามารับธงไปถือไว้ “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะเสี้ยนจู่” เขาลืมตัวเอ่ยออกมา โต้วชุนมั่นใจแล้วว่าใช่ เขาเซไปด้านหลัง ทำบุตรสาวเกือบหลุดจากแขน ก
91 : ข้าสังหรณ์ใจว่าหนึ่งลี้ข้างหน้า จะมีพวกคนร้ายซุ่มโจมตีข้าอยู่ ภายในรถม้าหลี่เมิ่งเหยามองเสี่ยวหยวนสองคน ด้วยสีหน้าเอือมระอาเล็กน้อย พื้นที่น้อยมันเลือกแปลงกายเป็นคนตัวเล็ก โทษมันไม่ได้ด้วยสิ เสี่ยวหยวนปิดปากน้อย ๆ ของตนเอาไว้ เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไอหยา ข้านี่นา”
“ไม่ใช่ความผิดขององครักษ์ซี ข้าให้เขาคุมตัวคนร้ายไปที่กรมพระนคร ป่านนี้คงต้องตอบคำถามเจ้าหน้าที่ทางนั้นก่อน ท่านแม่กลับเรือนท่านไปได้แล้วล่ะ ข้าจะคุยธุระสำคัญกับพี่หานเฟิง เสี่ยวหยวนก็ด้วยไปเล่นที่เรือนไป” “ขอรับพี่หญิงใหญ่” เสี่ยวหยวนว่าง่ายอีกตามเคย วิ่งตามเจ้าแมวอ้วนไป เฉา
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว