ในใจเจียงหว่านหว่านเต็มไปด้วยความเกลียดชังจนปวดหัวใจแน่นอนว่านางรู้จักเขา ต่อให้จางวั่งไฉจะกลายเป็นขี้เถ้า นางก็ยังจำเขาได้เจียงหว่านหว่านหยิบหนึ่งร้อยตำลึงแล้วมอบให้กู้ฉางชิงกู้ฉางชิงส่ายหัว “จางวั่งไฉไม่ต้องการเงิน เขาให้ข้าเอาน้องชายไปใช้หนี้ ข้าเพิ่งถูกลูกน้องของเขาตีมายกหนึ่ง”เจียงหวานหว่านโกรธยิ่งนัก ช่างเป็นคนไร้ยางอายยิ่งนัก“ไป พวกเราไปช่วยฉางเกอกัน”เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินคำว่า ‘พวกเรา’ ที่เจียงหวานหว่านพูดก็ตกใจเป็นอย่างมากคนที่เจ็บป่วยอย่างเขากับหญิงสาวอ่อนแอ พวกเขาจะไปเอาเรื่องพวกอันธพาลเหล่านั้นได้อย่างไรเล่าอย่างไรก็ต้องไปช่วยน้องชาย แต่จะพาลทำให้แม่นางเจียงลำบากไม่ได้“แม่นางเจียง มาหาข้ามีธุระอันใดรึ”เจียงหวานหว่านลุกขึ้นยืน เหลือบตามองกู้ฉางชิง “เจ้าไม่อยากช่วยฉางเกอรึ”“อยาก”กู้ฉางชิงพูดอย่างไม่หยุดคิด“สือหลิ่ว เตรียมรถ”สือหลิ่วรีบรุดไปเตรียมรถม้าด้านล่างเจียงหวานหว่านก้าวขาออกจากห้องรับรองแขกพิเศษ เดินลงบันไดไป กู้ฉางชิงเดินขนาบข้างเจียงหวานหว่านตอนเดินผ่านตำแหน่งห้องครัวที่ชั้นหนึ่ง เจียงหวานหว่านหยุดลงนางหยิบเอาท่อนไม้สุมไฟที่วางอยู่ตรงป
เจียงหวานหว่านกล่าวเสียงเย็น“จางวั่งไฉ”เจี๋ยหู่คิดว่าเจียงหวานหว่านเป็นชู้รักที่จางวั่งไฉเลี้ยงดูไว้ข้างนอกเขาตะลึงกับรูปร่างหน้าตางดงามเหลือเกินของเจียงหวานหว่าน และทอดถอนใจที่ลูกพี่ช่างมีวาสนาแม่นางที่งดงามเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงของลูกพี่ เจี๋ยหู่อิจฉาจางวั่งไฉมาก“ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง ลูกพี่อยู่ด้านใน เชิญด้านในขอรับ”เจี๋ยหู่เชิญเจียงหวานหว่านเข้าไปข้างในกู้ฉางชิงกำลังจะตามเจียงหวานหว่านเข้าไปข้างในด้วย แต่ถูกเจี๋ยหู่ขวางไว้“เจ้ามาทำไม ยังถูกตีไม่สาแก่ใจหรือ”เจียงหวานหว่านกล่าวอย่างเย็นชา “ให้จางวั่งไฉออกมา”“เอ่อ ได้ๆ ข้าจะไปเชิญลูกพี่ออกมา”เจี๋ยหู่ชำเลืองมองเจียงหวานหว่าน หน้าตาสะสวย แต่นิสัยฉุนเชียวเช่นกันจางวั่งไฉได้ยินเจี๋ยหู่บอกว่าพี่สะใภ้มาหาเขา เขารู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเขาได้เห็นเจียงหวานหว่าน ก็พบว่าตัวเขาไม่รู้จักนางเป็นจางวั่งไฉจริงด้วย!ชาติก่อนจางวั่งไฉเฆี่ยนตีนางไม่หยุดในห้องลับ บนแส้ยังอาบไปด้วยน้ำเกลือและพริกทุกครั้งที่เฆี่ยนลงมาล้วนเจ็บไปถึงกระดูก ใบหน้านี้ของจางวั่งไฉสลักลึกอยู่ในจิตใจของนางไม่เพียงเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายทาร
ตรงมุมถนน หรงซียืนไม่พูดไม่จามองเจียงหวานหว่านที่กำลังทะเลาะกับกลุ่มผู้ชาย“เจ้านาย ข้าน้อยควรเข้าไปช่วยหรือไม่” เซี่ยงหรงลองถามหยั่งเชิงหรงซีแค่นเสียงเย็น ไม่สนใจคำพูดของเซี่ยงหรงเซี่ยงหรงลูบจมูก ดูเหมือนเจ้านายจะไม่ค่อยพอใจนักเจียงหวานหว่านไม่รับรู้ว่าหรงซียืนอยู่ตรงมุมถนนด้านนอกบ้าน ความสนใจนางอยู่ที่จางวั่งไฉแม้จางวั่งไฉจะคลุกคลีกับตลาดพ่อค้าไร้การศึกษามาตลอด แต่การต่อกรกับกังฟูหมัดมวยของเจียงหวานหว่านนั้นเกินกำลังเขาเจียงหวานหว่านทุบท่อนไม้สุมไฟทีเดียวทำเอาจางวั่งไฉคว่ำลงไปกับพื้นเจียงหวานหว่านเยียบแผ่นหลังของจางวั่งไฉ ท่อนไม้สุมไฟกดอยู่ตรงบริเวณท้ายทอยของจางวั่งไฉ“หยุดให้หมด มิเช่นนั้นวันนี้ข้าจะตีเขาให้ตาย”ลูกน้องจางวั่งไฉทุกคนหยุดลง ไม่กล้าหุนหันพลันแล่นกู้ฉางชิงฉวยโอกาสวิ่งมาข้างกายเจียงหวานหว่าน จับเขม็งเตรียมป้องกันเหล่าคนชั่วร้ายที่อยู่ตรงหน้า“แม่นาง อย่าลงมือ มีสิ่งใดพูดคุยกันได้”เจี๋ยหู่ใบหน้ายิ้มแย้มบอกให้เจียงหวานหว่านอย่าวู่วาม“ถ้าไม่อยากให้หัวแบะก็ส่งคนออกมา”เจียงหวานหว่านบังคับให้จางวั่งไฉส่งตัวกู้ฉางเกอออกมาใบหน้าจางวั่งไฉแนบอยู่กับพื้น
เจี๋ยหู่เห็นเช่นนั้น รีบเรียกให้คนพยุงจางวั่งไฉขึ้นมาจางวั่งไฉหยิบสัญญากู้ยืมที่กู้ฉางเกอเขียนออกมาจากหน้าอก และส่งให้เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านรับสัญญากู้ยืมมาและส่งให้กู้ฉางชิงกู้ฉางเกอรับมาอ่าน เห็นว่าเป็นสัญญากู้ยืมที่ตัวเองเขียน“ถูกต้อง เป็นสัญญากู้ยืมที่ข้าเขียน”เจียงหวานหว่านโยนเงินห้าสิบตำลึงให้จางวั่งไฉ“เอาเงินไปแล้ว ต่อจากนี้ระหว่างเจ้าและกู้ฉางเกอตัดขาดกัน ห้ามหาเรื่องเขา มิเช่นนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”เจียงหวานหว่านจ้องมองจางวั่งไฉอย่างดุดัน“ได้”จางวั่งไฉไม่รู้ที่มาของเจียงหวานหว่าน เขาไม่กล้าเสี่ยง ได้แต่กัดฟันตอบตกลงเจี๋ยหู่ลุกลี้ลุกลนเก็บตั๋วเงินส่งให้จางวั่งไฉหลังจากเจียงหวานหว่านจ้องเขม็งจางวั่งไฉแล้วก็พากู้ฉางชิงสองพี่น้องจากไปรอให้ถึงเวลาเหมาะสม นางต้องฆ่าจางวั่งไฉให้ได้กู้ฉางเกอถูกเจียงหวานหว่านจูงมือเดินออกจากบ้านของจางวั่งไฉเขาเงยหน้ามองเจียงหวานหว่าน แสงอาทิตย์สาดกระทบบนศีรษะของเจียงหวานหว่าน นำมาซึ่งแสงสว่างเป็นประกายกู้ฉางเกอกุมมือเจียงหวานหว่านไว้แน่น ในใจเขากำหนดมั่นว่าพี่เจียงต้องเป็นเทพโพธิสัตว์ที่สวรรค์ส่งมาช่วยชีวิตเขาแน่น
เจียงหวานหว่านเชื่อมั่นผลประโยชน์ตรงหน้า กู้ฉางชิงจะซื่อสัตย์เสมอ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทรยศตลอดไป“คำสัญญาเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ที่สุด ในช่วงเวลาที่ตกลงกันเจ้าไม่ทรยศก็พอแล้ว”กู้ฉางชิงคิดว่าเจียงหวานหว่านไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้“แม่นางเจียง โปรดเชื่อข้า”เจียงหวานหว่านหัวเราะเบาๆ หยิบตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงส่งให้กู้ฉางชิง“เจ้าช่วยซื้อเรือนให้ข้าสักหลัง ต้องทำให้เงียบหน่อย จากนั้นก็ไปทางเหนือ ไปซื้อยาและสมุนไพรกับเสบียงตามใบรายการนี้กลับมา หลังจากซื้อกลับมาแล้วไม่ต้องรีบขาย เอาของทั้งหมดใส่ไว้ในเรือน รอคำสั่งจากข้า”กู้ฉางชิงรับตั๋วเงินและใบรายการสินค้ามาเก็บไว้“ได้ คุณหนูวางใจได้”เจียงหวานหว่านกำชับ “รีบเคลื่อนไหว”กู้ฉางชิงมองกู้ฉางเกอ เขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดลงเจียงหวานหว่านเห็นดังนั้นเลยเอ่ยถาม “มีสิ่งใดไม่เหมาะสม พูดมาตามสบาย”กู้ฉางเกอลังเล คิดชั่วครู่ก็เอ่ยปากพูดสิ่งตนเองกังวลออกมา“เรื่องอื่นไม่มีปัญหา เพียงแต่ฉางเกอเขา...”เจียงหวานหว่านยกมือลูบศีรษะกู้ฉางเกอ“หากเจ้าไว้ใจ ฉางเกออยู่กับข้า”กู้ฉางชิงเมื่อได้ฟัง ดวงตาเป็นประกาย ไม่มีสิ่งใดให้กังวลแล้ว
กู้ฉางชิงพยักหน้ารับอย่างอบอุ่นหัวใจเจียงหวานหว่านนั่งรถม้ากลับจวนสกุลเจียงรถม้าค่อยๆ จากไป กู้ฉางชิงเปิดผ้าม้ามองพี่ชาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแยกจากพี่ชายในใจผุดความรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา เขาตะโกนเรียกกู้ฉางชิง“พี่ชาย พี่ชาย”กู้ฉางชิงได้ยินเสียงน้องชายเรียกก็สะอึก “จำคำพี่ชายไว้นะ”“พี่ชาย ข้าจะเชื่อฟังรอพี่กลับมา”กู้ฉางเกอน้ำตาไหลพรากทอดมองเงาร่างกู้ฉางชิงจนกระทั่งไม่เห็นพี่ชายแล้ว เขาปล่อยผ้าม่านลงและนั่งเงียบๆ เจียงหวานหว่านหยิบผ้าเช็ดหน้าตนออกมาและเช็ดน้ำตาบนหน้ากู้ฉางเกอเบาๆ“ดูแลตัวเองให้ดี ไม่นานพี่ชายก็กลับมาแล้ว”กู้ฉางเกอกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้าเมื่อถึงจวนสกุลเจียง เจียงหวานหว่านสั่งให้สือหลิ่วไปหาแม่นมหลี่ บอกนางเรื่องฉางเกอมาอยู่ที่จวนสกุลเจียงสักหน่อยแม่นมหลี่ไถ่ถามประวัติที่มาของกู้ฉางเกอ สือหลิ่วบอกเพียงว่ากู้ฉางเกอเป็นคนที่ท่านอ๋องวานให้คุณหนูดูแลเมื่อได้ฟังว่ากู้ฉางเกอเป็นคนของท่านอ๋อง แม่นมหลี่รู้สึกตกใจหลังจากที่แม่นมหลี่รายงานฮูหยินใหญ่เจียง ฮูหยินใหญ่เจียงเผยสีหน้าดีอกดีใจนึกไม่ถึงว่าหว่านเจี่ยเออร์เข้าเมืองหลวงไปไม่นาน กลับอยู่ในสายตา
เจียงอวิ้นสีหน้าดูไม่ดีเช่นกัน ท่านย่านึกไม่ถึงว่าจะช่วยสกุลหลิ่ว ฐานะลูกอนุของนางดูเหมือนจะโดนตอกตะปูลงบนแผ่นไม้เสียแล้วไม่ ไม่ได้ ไม่ได้ นางไม่มีทางกลายเป็นลูกอนุนางควรเป็นลูกภรรยาเอก นางต้องได้ทุกอย่างที่เป็นของนางทั้งหมดกลับคืนมา ฝ่ามือที่ห้อยอยู่ในแขนเสื้อแอบกำหมัดแน่นสกุลหลิ่ว เจียงหวานหว่าน อย่าได้ใจเร็วไปนัก ของของข้า พวกเจ้าอย่าได้คิดแย่งไปเจียงอวิ้นสาบานว่าจะต้องทำให้สกุลหลิ่วและเจียงหวานหว่านทั้งสองคนอยู่ไม่สู้ตายฮูหยินใหญ่เจียงจูงมือเจียงป๋อเหนียนขึ้นรถม้า เจียงอวิ้นพยุงเฉาหยูเฟิ่งนั่งรถม้าอีกคันทันทีที่ขึ้นรถม้า เจียงอวิ้นไม่คิดจะเสแสร้งต่อหน้าเฉาหยูเฟิ่งแล้วนางปิดจมูกแล้วขมวดคิ้ว“ท่านแม่ กลิ่นกายท่านแรงเกินไปแล้ว”เฉาหยูเฟิ่งรู้ว่ากลิ่นเหม็นบนตัวนางยากจะสูดดม แต่นางจะทำสิ่งใดได้เล่า“คุกเป็นสถานที่เช่นไร ออกมาได้ก็ไม่เลวแล้ว”เจียงอวิ้นเห็นเฉาหยูเฟิ่งโกรธจึงรีบปลอบใจนาง“ท่านแม่ ท่านลำบากแล้ว ล้วนเป็นเพราะสองแม่ลูกสกุลหลิ่วทำร้ายท่าน ข้าจะต้องให้พวกเขาได้เห็นดีกัน”เมื่อกล่าวถึงสกุลหลิ่ว ไฟนิรนามพลันปรากฎขึ้นในใจเฉาหยูเฟิ่งนางเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่
“เหอะ ลูกอกตัญญู”เจียงป๋อเหนียนเห็นเจียงหวานหว่านก็รู้สึกโมโห กล่าวด้วยอารมณ์ผันผวนสกุลหลิ่วขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านนั่งยืดตัวตรงไม่สนใจคำพูดของเจียงป๋อเหนียนเฉาหยูเฟิ่งเห็นสีหน้าแดงเปล่งปลั่งของหลิ่วซู่ นัยน์ตานางไหววูบฉายแววเกลียดชังนางยกแก้วน้ำชาขึ้นมาหนึ่งแก้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจอมปลอมเดินตรงไปหาหลิ่วซู่“พี่สาว วันนั้นข้าทำไม่ถูก ขอให้ท่านใจกว้าง โปรดอภัยให้น้องสาวด้วย”หลิ่วซู่มองเฉาหยูเฟิ่งก็นึกถึงทุกการกระทำของเจียงป๋อเหนียน และความลำบากที่นางได้รับมาตลอดหลายปีเมื่อได้ยินเสียงเฉาหยูเฟิ่งนางรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว รำคาญอย่างยิ่งเฉาหยูเฟิ่งถือน้ำชารอให้หลิ่วซู่รับไป“สกุลหลิ่ว ในฐานะภรรยาเอกของป๋อเหนียน เจ้าต้องใจกว้างหน่อย ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่ามีความบาดหมางในชั่วข้ามคืนเลย”ฮูหยินใหญ่เจียงอยากจะผ่อนคลายความสัมพันธ์ของเรือนหลัง“เฉาอี๋เหนียง อนุไม่มีสิทธิ์ร่วมโต๊ะ ยิ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งของฮูหยินเอกด้วย ยากกว่าจะได้ออกมาจากคุก ท่านต้องจำสถานะของตนเองเอาไว้”เจียงหวานหว่านมองเฉาหยูเฟิ่งด้วยใบหน้ายิ้มสะใจนัยน์ตาเจียงอวิ้นไหววูบด้วยความอาฆาตเฉาหยูเฟิ
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม