“คุ้มครององค์ชายรองและโจวไท่ฟู่”ทหารล้อมรอบหรงมู่หานและโจวไท่ฟู่เหล่าผู้ป่วยตกใจพากันแตกกระเจิงออกไปเจียงหวานหว่านหันมองตามทิศที่อาวุธลับโจมตีมา ตรงนั้นไม่มีคน“เทียนซู เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเป็นใคร?”เทียนซูส่ายหน้า นึกไม่ถึงว่าคนร้ายจะฆ่าคนต่อหน้าเขาและเขาไม่รู้สึกตัวเลย ฆาตกรจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแม้เจียงหวานหว่านจะเสียดาย แต่ก็รู้ว่าเป็นเพราะเทียนซูเอาความสนใจทั้งหมดมาวางไว้ที่นาง จนไม่สนใจสิ่งอื่นรอบตัวโจวไท่ฟู่ตกใจไม่หาย เมื่อครู่เขาอยู่ใกล้กับหมอเคอมาก เกือบจะต้องไปพบพญายามแล้วหรงมู่หานมองตรงไปที่เจียงหวานหว่านหากไม่ได้นางมารักษาผู้ป่วย คนเหล่านี้คงเสียชีวิตไปนานแล้วแผนการของเขาและพวกคงไม่ถูกทำลายเช่นนี้ ภายใต้ใบหน้ารอยยิ้มอบอุ่น ภายในจิตใจกลับชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวสตรีที่ฉลาดงดงามเช่นนี้ หากสามารถทำให้นางทำทุกอย่างเพื่อเขาได้ คงไม่มีสิ่งใดดีกว่านี้แล้ว“แม่นางเจียง โชคดีที่เจ้าเปิดโปงหมอเคอ มิฉะนั้นข้าและโจวไท่ฟู่คงต้องใช้ชีวิตด้วยความกังวล”โจวไท่ฟู่เข้าใจดี เจียงหวานหว่านคิดจะถามถึงผู้บงการเบื้องหลัง แต่ผู้บงการเจ้าเล่ห์มาก เขาฆ่าคนปิดปากตอนนี้คนตายไปแล้ว
ผู้ป่วยในหอบรรพชนเริ่มกระซิบกัน บรรยากาศตึงเครียดเจียงหวานหว่านเห็นท่าไม่ดี สั่งให้กัวอี้เทียนนำคนไปปิดล้อมประตูหอบรรพชนทั้งสี่ทิศอย่างแน่นหนา ป้องกันคนคิดหลบหนีหมอข่งที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูศพหมอเคอด้วยความรู้สึกหลากหลายนึกไม่ถึงว่าหมอเคอจะทำร้ายหมอเหมียวที่เป็นดั่งอาจารย์และเพื่อนของเขาเองได้ลงคอก็เพื่อที่จะให้ถึงเป้าหมายของตนแต่หมอเคอกลับถูกคนฆ่าทิ้ง ไม่ได้มีจุดจบที่ดีเช่นกันสำนักหมอหลวงชิงเหอส่งพวกเขาสามคนมารักษาคนไข้ ทว่ากลับมีเพียงเขาคนเดียวที่รอดนี่เป็นกลอุบายกำจัดคนจริงๆ!เทียนซูเองก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ป่วย เขายื่นเฝ้าเจียงหวานหว่านไม่ห่าง กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นนางต้องรีบถอนพิษชนิดนี้ มิฉะนั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป ผู้ป่วยเหล่านี้อาจหลบหนีออกจากหอบรรพชนหากพวกเขาหลบหนีออกไปจากหอบรรพชน เช่นนั้นก็จะเป็นการปล่อยให้พิษชนิดนี้แพร่ออกไป ผลที่ตามมานั้นยากเกินจิตนาการได้กัวอี้เทียนสั่งให้คนจับตาดูผู้ป่วยทุกฝีเก้าเจียงหวานหว่านปิดประตูและเริ่มค้นความยาถอนพิษกลางคืนดึกดื่น เจียงหวานหว่านก็ยังไม่ได้พักผ่อน เวล
ทุกคนนิ่งเงียบ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความตายเลยหรือ?“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอให้ทุกคนให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะคิดค้นสูตรยาถอนพิษออกมาให้ได้ พวกเราต้องรอดไปด้วยกัน”ไช่หยางอารมณ์ขุ่นมัว “จะให้พวกเราเชื่อเจ้าได้เช่นไร”เดิมทีพวกเขาก็ไม่เชื่อเจียงหวานหว่านอยู่แล้ว สตรีอายุเยาว์วัยเช่นนี้จะรักษาโรคพวกเขาให้หายได้เช่นไรแต่วันที่สองที่เจียงหวานหว่านตรวจอาการให้พวกเขา พวกเขาถึงได้รู้จักเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านตอบไช่หยาง “จะเชื่อข้าหรือจะรอวันตาย เจ้าเลือกเองได้”ไช่หยางอ้าปาก แต่ก็ไม่ได้พูดต่อเจียงหวานหว่านรู้ว่าพวกผู้ป่วยตรงหน้ามีความมุมานะมากกว่าผู้ป่วยทั่วไป“พวกเจ้าจงเอาความมุมานะที่ใช้ตอนออกรบออกมาให้หมด คิดถึงตอนที่พวกเจ้าพุ่งเข้าสู่สนามรบ ปกป้องบ้านเมืองในตอนนั้น ทว่าตอนนี้กลับหวาดกลัวโรคระบาดจนกลายเป็นทหารหนีทัพ พวกเจ้าไม่รู้สึกผิดต่อรอยแผลเป็นทุกรอยบนตัวบ้างหรือ?”สายตาของพวกผู้ป่วยพากันหันมองเจียงหวานหว่านเป็นจุดเดียว พวกเขาลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยเป็นใคร พวกเขาก็เคยเป็นทหารคนหนึ่ง“ท่านหมอเจียง เจ้ารักษาพวกเราได้จริงหรือ?”ท่ามกลางผู้ป่วย มีคนถามขึ้นอย่างอ่อนแ
ตอนที่หรงมู่หานพบหรงซีก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อยเขานึกไม่ถึงว่าหรงซีถูกควบคุมตัวไว้ยังสงบนิ่งอยู่เช่นนี้ได้หรงซีไม่แปลกใจสักนิดกับการมาของพวกเขา ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้ว“คารวะท่านอ๋อง”“คารวะเสด็จอา”โจวไท่ฟู่และหรงมู่หานคารวะหรงซีหรงซีหันไปมองโจวไท่ฟู่ “ไท่ฟู่ไม่ต้องพิธีรีตอง เชิญนั่ง”หรงมู่หานยังคงอยู่ในท่าประสานมือคารวะ เมื่อเห็นหรงซีเชิญไท่ฟู่นั่งลงเพียงคนเดียว ทว่าเขายังคงรักษาท่าประสานมือคารวะอยู่เหมือนเดิม ทำให้เขารู้สึกอับอายถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงองค์ชายรองแห่งแคว้นตงหลิง หรงซีกล้าทำกับเขาเช่นนี้ได้อย่างไรเขาเก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มสุภาพอบอุ่นหรงซีพูดคุยกับโจวไท่ฟู่สองสามประโยค เมื่อเห็นว่าหรงมู่หานยังคงอยู่ในท่าประสานมือคารวะเหมือนเดิม เขามองด้วยความแปลกใจ“องค์ชายรอง เหตุใดเจ้ายังไม่นั่งลงอีก?”หรงมู่หานยิ้มแห้ง “เสด็จอายังไม่ได้เอ่ยปาก หลานชายไม่กล้านั่ง”หรงซียิ้มไม่สนใจคำพูดแฝงความตำหนิของหรงมู่หาน “องค์ชายรอง นั่งลงเถอะ”โจวไท่ฟู่รอให้หรงมู่หานนั่งเรียบร้อยแล้ว เขาถึงจะบอกเจตนาในการมากับหรงซีเมื่อได้ยินว่านายพลลูกน้องของตัวเองเป
หรงซีตามหาท่านแม่อยู่ตลอด จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย“ท่านอ๋อง ดูออกว่าแม่นางเจียงมีไมตรีให้ท่าน”โจวไท่ฟู่ใช้เวลาที่ว่างอยู่มองหรงซีหรงซีไม่พูดจา เขากำลังตั้งใจดูหมากล้อม“ได้ยินว่าแม่นางเจียงติดตามท่านหญิงหลิงโหรวไปนอกเมือง นึกไม่ถึงว่าจะถูกท่านพามาที่เมืองชิงเหอ เกรงว่าชื่อเสียงของนางจะเสียหายแล้ว”โลกนี้โหดร้ายกับสตรี หากชื่อเสียงด่างพร้อยก็จะเป็นผลเสียต่อสตรีในการแต่งงาน“ท่านหญิงหลิงโหรวอยู่ในเมืองชิงเหอด้วยเช่นกัน”โจวไท่ฟู่นึกไม่ถึงว่าเพื่อชื่อเสียงของเจียงหวานหว่าน หรงซีจะเชิญท่านหญิงหลิงโหรวมาถึงเมืองชิงเหอ“ท่านอ๋องช่างจริงใจ ช่างเป็นสุภาพบุรุษ ช่างองอาจ”หรงมู่หานลงหมากขาวในมือ“ไท่ฟู่ การชมหมากด้วยความเงียบถือว่าเป็นสุภาพบุรุษ”“ฮ่าๆๆ”โจวไท่ฟู่หัวเราะอย่างชอบใจดูเหมือนว่าหรงซีก็ไม่ได้ไม่สนใจแม่นางเจียงทั้งสองคนเล่นหมากล้อมกัน ราวกับความวุ่นวายภายนอกไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาคนที่หรงมู่หานพามากำลังค้นเรือนของหรงซี แต่ล้วนไม่พบสิ่งใดเหตุใดจึงไม่พบสิ่งใดเลย หรงมู่หานไม่เชื่อ เขาเดาว่าหรงซีซ่อนหลักฐานแผนการกบฏไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วเขาสั่งให้คนต
หรงมู่หานกระอักกระอ่วน เขายิ้ม “ข้าแค่ล้อเจ้าเมืองเว๋ยเล่นเท่านั้น ฝ่าบาทเชื่อใจเจ้าเมืองเว๋ยมาก จะตรวจค้นจวนเจ้าเมืองได้เช่นไร เจ้าเมืองเว๋ยอย่าได้ถือสา”เว๋ยซื่อเจี๋ยหัวเราะ “ที่แท้องค์ชายรองก็กำลังล้อข้าเล่นนี่เอง ข้ากลัวมากจริงๆ”“เจ้าเมืองเว๋ย ข้ามาครั้งนี้ ยังหาที่พักไม่ได้ชั่วคราว ข้าขอรบกวนเจ้าเมืองสักสองสามวันได้หรือไม่?”หรงมู่หานสมองแล่น คิดหาวิธีที่เพื่ออยู่ต่อเว๋ยซื่อเจี๋ยกำลังก่นด่าถึงมารดาในใจ ทว่าใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม“องค์ชายรองสามารถพักแรมอยู่ที่จวนเจ้าเมืองได้ เป็นเกียรติของข้าแล้ว ข้าจะสั่งให้คนไปจัดเตรียม”ในเมื่อไม่มีหนังสือตรวจค้น เขาก็จะอยู่ที่นี่สักหลายวัน มันต้องได้เงื่อนงำสักอย่างเช่นกันอีกทั้ง หากเสด็จอาคิดจะติดต่อเว๋ยซื่อเจี๋ย เขาก็จะคว้าหลักฐานแผนการกบฎของเสด็จอาได้พอดีเว๋ยซื่อเจี๋ยแอบส่งสายตาให้กับคนสนิท คนสนิทแอบออกจากจวนเจ้าเมืองและนำเรื่องราวในจวนรายงานหรงซีเมื่อหรงซีได้ข่าว เขากลับไม่แปลกใจแม้แต่น้อยเว๋ยซื่อเจี๋ยเป็นลูกน้องของเขา หรงมู่หานลงมือกับเขาก็เป็นเรื่องปกติฝ่าบาทไม่มีทางฉีกหน้าเขาเพียงเพราะมีคนฟ้องร้องเขาผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว
ไช่หยางเชื่อว่าจางจางจะดูแลน้องสาวเข้าเป็นอย่างดีเจียงหวานหว่านกล่าว “จางจาง เจ้ามาทดลองยา”“ท่านหมอเจียง เหตุใดไม่ใช้ข้าทดลองยา”ไช่หยางถามอย่างไม่ยอมแพ้เจียงหวานหว่านมองประเมินเขาหัวจรดเท้า“เจ้าผอมเกินไป แล้วก็มีห่วง”จางจางตบไหล่ไช่หยาง จากนั้นก็เดินตามเจียงหวานหว่านเข้าไปในห้องตรงหน้าเจียงหวานหว่านมียาน้ำสีดำทมิฬตั้งอยู่“จางจาง ข้าจะถามเจ้าเป็นรอบสุดท้าย ยังต้องการทดลองยาอยู่หรือไม่ เจ้ายังเลือกได้”จางจางตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าคิดดีแล้ว หากรอด นั่นเพราะชะตาของข้ายังไม่ขาด หากตาย นั่นก็เป็นชะตาของข้าเช่นกัน ข้าไม่เสียใจ ไม่โกรธแค้น”เจียงหวานหว่านผลักชามยามาอยู่ตรงหน้าเขาจางจางหยิบชามและดื่มรวดเดียวหมดเจียงหวานหว่านมองด้วยความนับถือ จางจางมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว หากมีชีวิตรอด วันหน้าต้องกลายเป็นคนสำคัญหลังจากจางจางดื่มยาจนหมดก็นั่งอยู่กับพื้น รอให้ยาออกฤทธิ์หมอข่งและกัวอี้เทียนรอผลอยู่ข้างนอกด้วยความกังวลหนึ่งชั่วยามผ่านไป สองชั่วยามผ่านไปตั้งแต่ฟ้ามืดรอจนฟ้าสาง จางจางยังไม่มีอาการใดในทางไม่ดีเจียงหวานหว่านคอยสังเกตอาการของจางจางสารพิษในร่างกายเขาลดลงไ
เจียงหวานหว่านมองเหล่าฮั่นอย่างละเอียดอีกรอบ จากนั้นก็นำทุกเรื่องราวมาปะติดปะต่อกันเทียนซูเห็นเจียงหวานหว่านกำลังมองเหล่าฮั่นที่กวาดพื้นอยู่อย่างตั้งใจ เขารู้สึกประหลาดใจจึงมองตามสายตาของเจียงหวานหว่านไปเขามองไม่ออกว่าเหล่าฮั่นมีสิ่งใดผิดปกติ อย่างน้อยเหล่าฮั่นที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นคนไร้วรยุทธเจียงหวานหว่านขวางทางเหล่าฮั่นเอาไว้เหล่าฮั่นหลบไปด้านข้าง เจียงหวานหว่านตามไปขวางด้านข้างเหล่าฮั่นดูออกว่าเจียงหวานหว่านคิดจะขวางทางเขา“ท่านหมอเจียง ขอทางด้วยขอรับ”เจียงหวานหว่านหรี่ตาลงอย่างเย็นชา จากนั้นก็งอเข่าลงเล็กน้อย“ลูกศิษย์สำนักปรมาจารย์หมอเซียนเจียงหวานหว่าน คารวะอาจารย์อาฉู่”เหล่าฮั่นเมื่อได้ฟังเจียงหวานหว่าน แผ่นหลังโค้งงอกลับยืดเหยียดตรงเทียนซูรับรู้ถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมา เขาไปยืนป้องกันอยู่หลังเจียงหวานหว่านโดยไม่รู้ตัวฉู่ซานยกมือขึ้นเป็นสัญญาณออกคำสั่ง จิตสังหารหายไปในพริบตาเทียนซูแปลกใจ ทว่าเขายังคงป้องกันอยู่ด้านหลังเจียงหวานหว่านไม่ห่าง“คนไปแล้ว ไม่ต้องกังวล”เมื่อได้ฟังคำพูดของฉู่ซาน เทียนซูเข้าใจแล้ว มือสังหารความจริงแล้วกำลังจะลงมือตอนที่เจียงห