รถม้าเคลื่อนตัวไปช้าๆ เข้าไปในเมืองชิงเหอ ทุ่วตรงไปยังจวนท่านเจ้าเมืองเมื่อท่านเจ้าเมืองเว๋ยซื่อเจี๋ยท่านเจ้าเมืองชิงเหอรู้ว่าหรงซีมา ก็นำเหล่าขุนนางภายใต้สังกัดออกไปต้อนรับทันที“กระหม่อมเว๋ยซื่อเจี๋ย คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เว๋ยซื่อเจี๋ยมองหรงซีด้วยสายตาที่เปล่งประกายเมื่อก่อนเขาเคยเป็นลูกน้องของหรงซี เนื่องจากอาการป่วยของเขา เขาจึงถอนตัวออกจากทัพรบหลังจากได้รับการเลื่อนขึ้นมาจากท่านอ๋อง เขาก็เข้ามารับตำแหน่งท่านเจ้าเมืองเมืองชิงเหอท่านอ๋องเป็นผู้มีพระคุณต่อเขา ดังนั้นเมื่อเมืองชิงเหอเกิดเรื่องขึ้น เขาก็รีบขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋องเป็นคนแรก“แม่นางคนนี้ชื่อว่าเจียงหวานหว่านนางเป็นหมอ นางเป็นศิษย์ของปรมาจารย์หมอเซียน”หรงซีแนะนำเจียงหวานหว่านให้เว๋ยซื่อเจี๋ยรู้จักเมื่อได้ยินเชื่ปรมาจารย์หมอเซียน เว๋ยซื่อเจี๋ยก็รู้สึกตกใจมากเดิมทีคิดว่าแม่นางที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องจะเป็นหญิงงามของท่านอ๋องเสียอีกนึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีหมอที่ฝีมือวิเศษเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นหมอหญิงที่อายุน้อยเช่นนี้อีกด้วยเขาผิดเองที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ศิษย์ของปรมาจารย์หมอเซียน
หากเจียงหวานหว่านเป็นอันใดไป เขาจะทำเช่นไรเขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกดึงไปดึงมาและเมื่อเขาคิดจะเรียกเจียงหวานหว่านกลับมา เจียงหวานหว่านได้ย่างเท้าก้าวเข้าไปในประตูอารามชิงเหอแล้วทหารที่เฝ้าประตูปิดประตูอารามลง“หวังว่าท่านหมอเจียงจะรักษาได้”เว๋ยซื่อเจี๋ยกล่าวอย่างทอดถอนใจภายในอารามชิงเหอมีหมออยู่หลายท่าน พวกเขารักษาไม่ได้ และพวกเขาก็ออกไปไม่ได้เช่นกันและเมื่อหมอเหล่านั้นเห็นหม่นางน้อยผู้หนึ่งเดินเข้ามา ต่างก็พากันถอนหายใจออกมา“แม่นางน้อย มาให้ข้าตรวจดูหน่อยว่าเจ้าไม่สบายตรงไหน”หมอชราผมหงอกท่านหนึ่งกล่าวถามเจียงหวานหว่านด้วยความเป็นห่วง“ท่านหมอเหมียว แม่นางผู้นี้ดูไม่เหมือนคนป่วยไข้เลย”หมอวัยหลางคนท่านหนึ่งสังเกตสีหน้าของเจียงหวานหว่าน และพบว่านางไม่ได้ป่วยอันใด“ท่นาหมอเหมียว ท่านหมอข่ง แม่นางน้อยผู้นี้หน้าตาไม่คุ้นเลย เหมือนไม่ใช่คนเมืองชิงเหอ”ท่านหมอเคอเป็นหนึ่งในสามของหมอที่อายุน้อยที่สุดกล่าวออกมาท่านหมอข่งก็เห็นด้วยกับคำพูดของท่านหมอเคอ เขาเองก็รู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเจียงหวานหว่านเลยสายตาของหมอเคอจ้องมองเจียงหวานหว่านอย่างพิจารณานางเห็
เจียงหวานหว่านจับชีพจรของคนป่วยหลายคน และพบว่าอาการป่วยของแต่ละคนนั้นมีความรุนแรงต่างกัน แต่เป็นพิษชนิดเดียวกันเป็นเพราะในร่างกายของทุกคนมีพิษ แต่เนื่อจากร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันคนที่โดนพิษมีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็ก พวกเขาไม่มีกำลังวังชาเลย ราวกับกำลังจะตายไปในไม่ช้าก็มิปานนางเข้าใจอาการทั่วไปของโรคนี้แล้ว นางส่งสัญญาณบอกให้หมอเหมียวและหมอคนอื่นๆ ออกไป“หมอเจียง ข้ามีชีวิตอยู่มาหลายสิบปีก็ไม่เคยพบเคยเห็นโรคนี้มาก่อนเลย”หมอเหมียวกล่าวอย่างทอดถอนใจสายตาของเจียงหวานหว่านกวาดมองไปที่หมอเหมียว และกล่าวถามว่า “ท่านหมอเหมียว ขอข้าจับชีพจรท่านดูหน่อย”หมอเหมียวได้ยินคำพูดนี้ของเจียงหววานหว่านก็ตกตะลึงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยื่นมือให้เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านจับชีพจรเขาและะขมวดคิ้วขึ้น และพบว่าเป็นเหมือนที่นางคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดนางหยิบกระดาษกับพู่กันที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา และเขียนบางอย่างไปก่อนจะยื่นให้ทหารเฝ้าเวรยาม“เอาจดหมายนี้ไปส่งให้ท่านอ๋องหน่อย ข้าจะรอคำตอบจากท่านอ๋อง”ทหารไม่กล้ารีรอจึงรีบไปรายงานทันทีเจียงหวานหว่านเดินไปที่ม้านั่ง และนั่งลง“ท่านหม
เจียงหวานหว่านยิ้ม “เช่นนั้นรบกวนอาจารย์กัวแล้ว”หมอเคอได้ยินคำพูดของกัวอี้เทียนก็ตกใจจนอ้าปากค้างอาจารย์กัวเป็นบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ ของเมืองชิงเหอ นอกจากเจ้าเมืองแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเรียกใช้เขากัวอี้เทียนหยิบกระดาษและพู่กันออกมา “เป็นเกียรติของข้าที่สามารถช่วยทำงานเบ็ดเตล็ดให้ท่านหมอเจียงได้”กัวอี้เทียนมองหมอเคอที่มีตาหามีแววไม่แล้วเยาะเย้ยในใจท่านหมอเจียงเป็นปรมาจารย์หมอเซียนในตำนาน ด้วยความสนใจที่ท่านอ๋องมีต่อท่านหมอเจียง เขาเองก็ต้องประจบประแจงให้ดี“ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านหมอเจียง แยกแยะผู้ป่วย สมุนไพรที่ท่านหมอเจียงต้องการกำลังจัดเตรียมอยู่ แล้วก็ช่างตัดเย็บสิบห้าคนกำลังเร่งทำหน้ากากผ้าตามที่ท่านหมอเจียงต้องการ...”ท่าทางของอาจารย์ทำให้เจียงหวานหว่านเข้าใจ เป็นเพราะสถานะของหรงซีใช้การได้แล้วหมอเคอยืนงงอยู่ที่เดิม ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์กัวถึงได้ปฏิบัติต่อสตรีนางหนึ่งด้วยความเคารพเช่นนี้“อาจารย์กัว ท่านและพวกเทียนซูสวมหน้ากากก่อน อย่าได้ติดโรคระบาด ให้ทหารข้าหลวงหน้าหอบรรพชนชิงเหอมาทั้งหมดมาตรวจชีพจร ดูว่าพวกเขามีคนติดโรคระบาดเท่าไหร่”เขาเอาแต่สนใจทำความดี
เจียงหวานหว่านนับถือในคุณธรรมความเป็นหมอของหมอเหมียว “ท่านหมอเหมียว ข้าจะพยายามสุดความสามารถ”แม้นางไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่นางก็ถอยได้ไม่เช่นกันหมอเหมียวเหลือหมอข่งเอาไว้ ให้เขาช่วยเหลือเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มรักษาหมอเหมียวใช้เวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดเจียงหวานหว่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกนางเก็บเข็มแล้วเอ่ยกับหมอข่ง “รบกวนท่านหมอข่งดูและท่านหมอเหมียวด้วย”“ท่านหมอเจียง ท่านไปพักผ่อนสักครู่เถอะ”หมอข่งเองก็เป็นหมอคนหนึ่งเช่นกัน เขารู้ว่าการฝังเข็มนั้นใช้สมาธิอย่างมากอีกทั้งหมอเจียงก็ได้รักษาให้ผู้ป่วยอาการหนักหลายรายแล้ว หากยังฝืนทนต่อไป เกรงว่าจะกระทบถึงร่างกาย“ท่านหมอข่ง วิธีการฝังเข็มนี่ท่านเรียนเป็นแล้วหรือไม่?”เจียงหวานหว่านเงยหน้ามองหมอข่ง“ต้องดูสักหลายรอบหน่อย”สิ่งที่สำคัญที่สุดของการฝังเข็มคือความถูกต้องแม่นยำ หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะสร้างผลกระทบที่ต่างกันมาก เขาไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองทำได้แล้ว“ท่านหมอข่ง อาการป่วยของท่านเบากว่าท่านหมอเหมียวมาก หากท่านรักษาโรคหายก่อน ก็สามารถช่วยแบ่งเบาหน้าที่ข้าได้บ้
“เอ่อ...ท่านอ๋อง เพื่อป้องกันคนที่อยู่เบื้องหลังหนีไป ไม่สู้พวกเราซุ่มโจมตี รอให้พวกเขาติดกับ”หรงซีกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นเจ้าเมืองชิงเหอ เจ้าตัดสินใจเองดีกว่า”เว๋ยซื่อเจี๋ยได้ยินคำตอบของหรงซีก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องไม่มีกะจิตกะใจฟังว่าเขาพูดสิ่งใด“ท่านอ๋องคงเหนื่อยกับการเดินทาง ข้าไม่รบกวนท่านพักผ่อน ขอตัวก่อน!”เว๋ยซื่อเจี๋ยกล่าวอย่างจนปัญญาหรงซีโบกมือให้เขาจากไปเว๋ยซื่อเจี๋ยหงุดหงิดและกังวลอย่างมาก เรื่องของเมืองชิงเหอคับขันอยู่ตรงหน้าหลังจากเว๋ยซื่อเจี๋ยจากไป หรงซีจัดการกับอารมณ์ของตนเองแล้วเขาสั่งให้ลูกน้องแอบเฝ้าดูเว๋ยซื่อเจี๋ยเขาไม่เชื่อผู้ใดทั้งนั้น เขาเชื่อเพียงตัวเขาเอง……หลายวันมานี้เจียงหวานหว่านทำงานอยู่ท่ามกลางผู้ป่วย ไม่มีเวลาว่างแม้แต่น้อย“ท่านหมอเจียง หลายวันมานี้ สถานการณ์โรคครั้งนี้ก็จะควบคุมได้แล้ว ไม่ระบาดออกไปข้างนอก ล้วนเป็นความดีความชอบข้าท่าน หากไม่มีท่าน พวกเราคงไม่มีวิธีเอาชนะพิษชนิดนี้ในเวลานี้”เจียงหวานหว่านกล่าวอย่างถ่อมตน “พิษครั้งนี้สกัดมาจากพิษหลายสิบชนิด ข้าเองก็ได้ความช่วยเหลือจากอาจารย์ ถึงได้เข้าใจพิษชนิดนี้”
หมอเคอมองเจียงหวานหว่านด้วยความโกรธเคือง “ผู้ป่วยกินยาตามที่ท่านหมอเจียงสั่งถึงได้ตาย นางยากจะพ้นความผิดหมอคงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “หมอเคอ อย่าพูดเหลวไหล”ผู้ป่วยที่อยู่หน้าประตูพากันมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาโกรธเคือง“รีบจับนางไว้ ต้องเป็นนางที่วางยาพิษแน่นอน”“นังเพศยาชั่วร้าย ถุย!”“ฆ่านางปีศาจ”“ฆ่านาง...”……บรรดาผู้ป่วยตะโกนด่าทอด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่ว่าตรงหน้าประตูมีทหารเฝ้าอยู่ พวกเขาคงพุ่งเข้าไปฉีกเจียงหวานหว่านเป็นชิ้นๆ แล้วเดิมทีการที่ถูกพิษก็ทำให้พวกเขาได้รับความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจมากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมีคนคิดทำร้ายพวกเขา พวกเขาจะไม่โกรธเคืองได้เช่นไรเจียงหวานหว่านไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะเอะอะโวยวายเช่นไร นางตรวจสอบศพผู้ป่วยอย่างละเอียด ไม่พลาดร่องรอยใดไปแม้แต่น้อยเวลานี้เองประตูหอบรรพชนถูกเปิดออก ชายคนหนึ่งกับชายชราอีกครั้งก้าวเข้ามาทหารที่พวกเขาพามาวิ่งล้อมหอบรรพชนไว้ทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทำให้คนในหอบรรพชนตื่นตระหนกขึ้นมา“อยู่ในความสงบ”ชายหนุ่มมองไปรอบๆ สายตารังเกียจ เจ้าพวกฝูงหมด“องค์ชายรอง หอบรรพชนถูกพ
“ทำตัวฉลาดก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน คิดมากมายเช่นนี้ทุกวัน ระวังจะตายเร็ว”เจียงหวานหว่านไม่ตามใจหรงมู่หานเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม นางจะต้องทำให้หรงมู่หานชดใช้ด้วยเลือดหรงมู่หานไม่เคยพบแม่นางที่น่าสนใจเช่นนี้มาก่อน“โจวไท่ฟู่ โรคนี้รักษาให้หายได้ เป็นเพียงการโดนพิษเท่านั้น ชาวบ้านเหล่านี้ล้วนเป็นทหารปลดเกษียณมาจากชายแดน หากฆ่าพวกเขาเกรงว่าจะกระทบถึงทหารชายแดน”โจวไท่ฟู่ฟังคำของเจียงหวานหว่าน เขามีใจอยากช่วยผู้ป่วยเหล่านี้อยู่แล้ว“ห้าวัน หากไม่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ ข้าเองก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาทำร้ายชาวบ้านคนอื่นได้”หรงมู่หานขมวดคิ้วแล้วประสานมือ “โจวไทฟู่ เช่นนี้ไม่ถูกต้อง ทางด้านเสร็จพ่อ พวกเราจะอธิบายเช่นไร”ครั้งนี้เขาช่วยโจวไท่ฟู่มาจัดการเรื่องที่เมืองชิงเหอ อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือโจวไท่ฟู่โจวไท่ฟู่ใจกว้าง “องค์ชายรอง ฝ่าบาททรงมีเมตตา รักประชาชนดุจลูกหลาน หากทรงรู้ว่ามีโอกาสช่วยลูกหลานของพระองค์ ฝ่าบาทจะต้องทรงเห็นด้วยกับวิธีของข้า”“โจวไท่ฟู่ เรื่องนี้ ข้าจะรายการต่อเสด็จพ่อตามความจริง”หรงมู่หานไม่อยากแบกความรับผิดชอบ เป้าหมายในการออกมาของเขาครั้งนี้