หรงซีประคองเจียงหวานหว่านและเดินต่อไป“ท่าน…เอ่อ พี่ใหญ่ ท่านเจ้าเมืองเมืองเว่ยสุ่ยจางเสี้ยวเทียนเป็นคนของหรงมู่หาน สามปีก่อนบุตรสาวคนเล็กของจางเสี้ยวเทียนชื่อจางเยี่ยนเยี่ยนได้มาเป็นอนุของหรงมู่หาน”เจียงหวานหว่านนึกถึงอนุของหรงมู่หาน ในนั้นมีหญิงสาวอีกหลายคนที่สกุลต่างๆ ได้ส่งตัวหญิงสาวไปเป็นของขวัญให้กับหรงมู่หานเพื่อให้สกุลของตนเองได้ประโยชน์ ยอมเสียหญิงสาวคนหนึ่งไปเพื่อเป็นการซื้อขาย“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องของหรงมู่หานได้ดีกว่าใครๆ”หรงซีรู้สึกสงสัยขึ้น สำหรับเรื่องนี้ เขาจะต้องรู้ให้ได้ก่อนออกเดินทางเจียงหวานหว่านเป็นเพียงแค่หญิงสาวคนหนึ่ง นางจะรู้ดีเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว“ท่านอ๋อง ได้โปรดให้อภัยด้วยที่ข้าไม่อาจบอกที่มาของเรื่องนี้ได้ แต่ท่านอ๋องได้โปรดเชื่อว่าข้ายอมตาย แต่ไม่ยอมทำเรื่องที่ผิดต่อท่านอ๋องเด็ดขาด”หรงซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย เหตุใดเจียงหวานหว่านถึงจริงจังกับเขามากถึงเพียงนี้ทุกคนล้วนแต่มีความลับของตัวเองทั้งสิ้น ในเมื่อเจียงหวานหว่านไม่อยากบอก หรงซีเองก็ไม่บับบังคับนางอย่างน้อยจนถึงตอนนี้ เจียงหวานหว่านก็มีค่า
นางอยู่ห้องเดียวกับหรงซีทันใดนั้นในหัวของเจียงหวานหว่านก็ปรากฏภาพหรงซีกำลังนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำนางส่ายหน้าไปมาเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา ไม่ให้ตัวเองคิดมากเถ้าแก่โรงเตี๊ยมสั่งให้เสี่ยวเอ้อมาต้อนรับ พาหรงซีกับเจียงหวานหว่านขึ้นไปเจียงหวานหว่านเดินตามหลังหรงซีไปอย่างช้าๆแม้ว่านางจะชอบเขา แต่หญิงชายอยู่ด้วยกันลำพังสองต่อสองในห้องเดียวกันเช่นนี้ นางก็ลำบากใจเช่นกันเสี่ยวเอ้อพาทั้งสองไปส่งเข้าห้อง จากนั้นก็ปิดประตูห้องลง“เอ่อ….”เจียงหวานหว่านไม่รู้ว่าต้องเอ่ยปากกล่าวสิ่งใดออกมาดีดวงตาอันลึกล้ำแคบยาวนั้นของหรงซีจ้องมองเจียงหวานหว่าน และค่อยๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนดวงตาคู่นั้นจะพลันเปลี่ยนเป็นหยอกล้อขึ้น “เจียงหวานหว่าน เจ้ามีใจทะเยอทะยานต่อข้ามาก หากคืนนี้ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงล่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงหวานหว่านก็เกิดความคิดมากมายขึ้น แต่นางยังรักษาระยะห่างเอาไว้ได้ดี“ท่านอ๋อง ได้โปรดเคารพตัวเองด้วย”หลังกล่าวคำนี้จบ ใจของเจียงหวานหว่านก็เต้นเร็วขึ้น อารมณ์และความรู้สึกแปลกประหลาดทำให้ใจนางสั่นขึ้น “เจียงหวานหว่าน ข้าเจ้ายอมข้า ข้าจะปกป้องเจ้าไปตลอด
เมื่อเนื้อเข้าไปในปาก จู่ๆ หรงซีก็เกิดความรู้สึกพึงพอใจขึ้นเห็นหรงซีกินอย่างหยุดไม่ได้เช่นนี้ เจียงหวานหว่านก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ“เอาถ้วยกับตะเกียบมาเพิ่มกินด้วยกันสิ คืนนี้เราต้องเดินทางกันต่อ”เจียงหวานหว่านคิดว่าจะพักที่นี่หนึ่งคืน นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องรีบเดินทางต่ออีก“ข้าไม่หิว ข้าแค่รู้สึกเหนื่อยล้านิดหน่อย ท่านอ๋องกินเถอะ ข้าจะขอตัวไปพักผ่อนสักหน่อย”เจียงหวานหว่านอ้าปากหาว และเดินขึ้นเตียงไปพักผ่อนไม่นานนักลมหายใจอันแผ่วเบาก็ดังขึ้นและเมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว นางพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องที่โรงเตี๊ยมแล้ว แต่อยู่บนรถม้าคันหนึ่งและสิ่งที่ทำให้นางตื่นตระหนกตกใจนั่นก็คือ หรงซีกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนแม้ระหว่างทั้งสองจะมีเสื้อคลุมกั้นอยู่ แต่มันก็ไม่สมควรนางจะลุกอย่างเงียบๆ แต่เพียงขยับเล็กน้อย หรงซีก็กอดนางเอาไว้แน่นเจียงหวานหว่านไม่กล้าขยับตัวผลีผลาม นางจึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองหรงซีใบหน้าของหรงซีอยู่ใกล้มากอย่างเห็นได้ชัด เจียงหวานหว่านกัดริมฝีปากเหมือนอยากจูบเขา และเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในใจ เจียงหวานหว่านก็รู้สึกดูถูกตัวเองมาก นี
รถม้าเคลื่อนตัวไปช้าๆ เข้าไปในเมืองชิงเหอ ทุ่วตรงไปยังจวนท่านเจ้าเมืองเมื่อท่านเจ้าเมืองเว๋ยซื่อเจี๋ยท่านเจ้าเมืองชิงเหอรู้ว่าหรงซีมา ก็นำเหล่าขุนนางภายใต้สังกัดออกไปต้อนรับทันที“กระหม่อมเว๋ยซื่อเจี๋ย คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เว๋ยซื่อเจี๋ยมองหรงซีด้วยสายตาที่เปล่งประกายเมื่อก่อนเขาเคยเป็นลูกน้องของหรงซี เนื่องจากอาการป่วยของเขา เขาจึงถอนตัวออกจากทัพรบหลังจากได้รับการเลื่อนขึ้นมาจากท่านอ๋อง เขาก็เข้ามารับตำแหน่งท่านเจ้าเมืองเมืองชิงเหอท่านอ๋องเป็นผู้มีพระคุณต่อเขา ดังนั้นเมื่อเมืองชิงเหอเกิดเรื่องขึ้น เขาก็รีบขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋องเป็นคนแรก“แม่นางคนนี้ชื่อว่าเจียงหวานหว่านนางเป็นหมอ นางเป็นศิษย์ของปรมาจารย์หมอเซียน”หรงซีแนะนำเจียงหวานหว่านให้เว๋ยซื่อเจี๋ยรู้จักเมื่อได้ยินเชื่ปรมาจารย์หมอเซียน เว๋ยซื่อเจี๋ยก็รู้สึกตกใจมากเดิมทีคิดว่าแม่นางที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องจะเป็นหญิงงามของท่านอ๋องเสียอีกนึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีหมอที่ฝีมือวิเศษเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นหมอหญิงที่อายุน้อยเช่นนี้อีกด้วยเขาผิดเองที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ศิษย์ของปรมาจารย์หมอเซียน
หากเจียงหวานหว่านเป็นอันใดไป เขาจะทำเช่นไรเขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกดึงไปดึงมาและเมื่อเขาคิดจะเรียกเจียงหวานหว่านกลับมา เจียงหวานหว่านได้ย่างเท้าก้าวเข้าไปในประตูอารามชิงเหอแล้วทหารที่เฝ้าประตูปิดประตูอารามลง“หวังว่าท่านหมอเจียงจะรักษาได้”เว๋ยซื่อเจี๋ยกล่าวอย่างทอดถอนใจภายในอารามชิงเหอมีหมออยู่หลายท่าน พวกเขารักษาไม่ได้ และพวกเขาก็ออกไปไม่ได้เช่นกันและเมื่อหมอเหล่านั้นเห็นหม่นางน้อยผู้หนึ่งเดินเข้ามา ต่างก็พากันถอนหายใจออกมา“แม่นางน้อย มาให้ข้าตรวจดูหน่อยว่าเจ้าไม่สบายตรงไหน”หมอชราผมหงอกท่านหนึ่งกล่าวถามเจียงหวานหว่านด้วยความเป็นห่วง“ท่านหมอเหมียว แม่นางผู้นี้ดูไม่เหมือนคนป่วยไข้เลย”หมอวัยหลางคนท่านหนึ่งสังเกตสีหน้าของเจียงหวานหว่าน และพบว่านางไม่ได้ป่วยอันใด“ท่นาหมอเหมียว ท่านหมอข่ง แม่นางน้อยผู้นี้หน้าตาไม่คุ้นเลย เหมือนไม่ใช่คนเมืองชิงเหอ”ท่านหมอเคอเป็นหนึ่งในสามของหมอที่อายุน้อยที่สุดกล่าวออกมาท่านหมอข่งก็เห็นด้วยกับคำพูดของท่านหมอเคอ เขาเองก็รู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเจียงหวานหว่านเลยสายตาของหมอเคอจ้องมองเจียงหวานหว่านอย่างพิจารณานางเห็
เจียงหวานหว่านจับชีพจรของคนป่วยหลายคน และพบว่าอาการป่วยของแต่ละคนนั้นมีความรุนแรงต่างกัน แต่เป็นพิษชนิดเดียวกันเป็นเพราะในร่างกายของทุกคนมีพิษ แต่เนื่อจากร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันคนที่โดนพิษมีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็ก พวกเขาไม่มีกำลังวังชาเลย ราวกับกำลังจะตายไปในไม่ช้าก็มิปานนางเข้าใจอาการทั่วไปของโรคนี้แล้ว นางส่งสัญญาณบอกให้หมอเหมียวและหมอคนอื่นๆ ออกไป“หมอเจียง ข้ามีชีวิตอยู่มาหลายสิบปีก็ไม่เคยพบเคยเห็นโรคนี้มาก่อนเลย”หมอเหมียวกล่าวอย่างทอดถอนใจสายตาของเจียงหวานหว่านกวาดมองไปที่หมอเหมียว และกล่าวถามว่า “ท่านหมอเหมียว ขอข้าจับชีพจรท่านดูหน่อย”หมอเหมียวได้ยินคำพูดนี้ของเจียงหววานหว่านก็ตกตะลึงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยื่นมือให้เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านจับชีพจรเขาและะขมวดคิ้วขึ้น และพบว่าเป็นเหมือนที่นางคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดนางหยิบกระดาษกับพู่กันที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา และเขียนบางอย่างไปก่อนจะยื่นให้ทหารเฝ้าเวรยาม“เอาจดหมายนี้ไปส่งให้ท่านอ๋องหน่อย ข้าจะรอคำตอบจากท่านอ๋อง”ทหารไม่กล้ารีรอจึงรีบไปรายงานทันทีเจียงหวานหว่านเดินไปที่ม้านั่ง และนั่งลง“ท่านหม
เจียงหวานหว่านยิ้ม “เช่นนั้นรบกวนอาจารย์กัวแล้ว”หมอเคอได้ยินคำพูดของกัวอี้เทียนก็ตกใจจนอ้าปากค้างอาจารย์กัวเป็นบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ ของเมืองชิงเหอ นอกจากเจ้าเมืองแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเรียกใช้เขากัวอี้เทียนหยิบกระดาษและพู่กันออกมา “เป็นเกียรติของข้าที่สามารถช่วยทำงานเบ็ดเตล็ดให้ท่านหมอเจียงได้”กัวอี้เทียนมองหมอเคอที่มีตาหามีแววไม่แล้วเยาะเย้ยในใจท่านหมอเจียงเป็นปรมาจารย์หมอเซียนในตำนาน ด้วยความสนใจที่ท่านอ๋องมีต่อท่านหมอเจียง เขาเองก็ต้องประจบประแจงให้ดี“ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านหมอเจียง แยกแยะผู้ป่วย สมุนไพรที่ท่านหมอเจียงต้องการกำลังจัดเตรียมอยู่ แล้วก็ช่างตัดเย็บสิบห้าคนกำลังเร่งทำหน้ากากผ้าตามที่ท่านหมอเจียงต้องการ...”ท่าทางของอาจารย์ทำให้เจียงหวานหว่านเข้าใจ เป็นเพราะสถานะของหรงซีใช้การได้แล้วหมอเคอยืนงงอยู่ที่เดิม ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์กัวถึงได้ปฏิบัติต่อสตรีนางหนึ่งด้วยความเคารพเช่นนี้“อาจารย์กัว ท่านและพวกเทียนซูสวมหน้ากากก่อน อย่าได้ติดโรคระบาด ให้ทหารข้าหลวงหน้าหอบรรพชนชิงเหอมาทั้งหมดมาตรวจชีพจร ดูว่าพวกเขามีคนติดโรคระบาดเท่าไหร่”เขาเอาแต่สนใจทำความดี
เจียงหวานหว่านนับถือในคุณธรรมความเป็นหมอของหมอเหมียว “ท่านหมอเหมียว ข้าจะพยายามสุดความสามารถ”แม้นางไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่นางก็ถอยได้ไม่เช่นกันหมอเหมียวเหลือหมอข่งเอาไว้ ให้เขาช่วยเหลือเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มรักษาหมอเหมียวใช้เวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดเจียงหวานหว่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกนางเก็บเข็มแล้วเอ่ยกับหมอข่ง “รบกวนท่านหมอข่งดูและท่านหมอเหมียวด้วย”“ท่านหมอเจียง ท่านไปพักผ่อนสักครู่เถอะ”หมอข่งเองก็เป็นหมอคนหนึ่งเช่นกัน เขารู้ว่าการฝังเข็มนั้นใช้สมาธิอย่างมากอีกทั้งหมอเจียงก็ได้รักษาให้ผู้ป่วยอาการหนักหลายรายแล้ว หากยังฝืนทนต่อไป เกรงว่าจะกระทบถึงร่างกาย“ท่านหมอข่ง วิธีการฝังเข็มนี่ท่านเรียนเป็นแล้วหรือไม่?”เจียงหวานหว่านเงยหน้ามองหมอข่ง“ต้องดูสักหลายรอบหน่อย”สิ่งที่สำคัญที่สุดของการฝังเข็มคือความถูกต้องแม่นยำ หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะสร้างผลกระทบที่ต่างกันมาก เขาไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองทำได้แล้ว“ท่านหมอข่ง อาการป่วยของท่านเบากว่าท่านหมอเหมียวมาก หากท่านรักษาโรคหายก่อน ก็สามารถช่วยแบ่งเบาหน้าที่ข้าได้บ้
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม