หรงซีดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจร้ายมาจากนรกก็มิปานเจอผู้ใดฆ่าผู้นั้น ไม่นานนักลูกน้องของหัวหน้าผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายจนสิ้นหรงซีทาบคมดาบลงบนคอของหัวหน้าผู้นั้น“นางอยู่ที่ใด?”เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นเต็มหน้าผากของหัวหน้าผู้นั้นหรงซีง้างมือขึ้นลงดาบฟันหูข้างหนึ่งของหัวหน้าผู้นั้นทันที“อ๊า…”หัวหน้าผู้นั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลอาบใบหน้าข้างหนึ่งของเขา หูที่ถูกฟันขาดลงไปกับพื้น“นางอยู่ที่ใด?”ดวงตาของหรงซีเต็มไปด้วยจิตสังหารอันบ้าคลั่งจนน่าหวาดกลัว“นะ นาง นางหนีไปแล้ว”หัวหน้าผู้นั้นอดทนกับความเจ็บปวดอันรุนแรงก่อนจะเอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักหรงซีคาดเดาว่า เจียงหวานหว่านคงจะหนีไปแล้ว“ไสหัวไปให้พ้น”เมื่อได้ยินหรงซีเอ่ยปากปล่อยเขาไป หัวหน้าผู้นี้ก็รีบวิ่งหนีไปทันที“ตามมันไป”หรงซีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ“พ่ะย่ะค่ะ”สายลมพัดหวิวผ่านไป สายลับของหรงซีตามหัวหน้าผู้นั้นไปหรงซีหันไปมองรอบๆ บริเวณ ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อเจียงหวานหว่านเสียงดัง“เจียง หวาน หว่าน”ทันใดนั้น รองเท้าปักลายข้างหนึ่งตกลงมาตรงตำแหน่งจุดที่หรงซียืนอยู่เมื่อหรงซีเงยหน้า
เจียงหวานหว่านก้มลงและนั่งยอง ควานคลำหาทั่วทั้งตัวของนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อเห็นนิ้วมืออันขาวนวลนั้นของเจียงหวานหว่านกำลังคลำหาไปทั่วทั้งตัวชายเหล่านั้น หรงซีก็เกิดอาการโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟทันที“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เจียงหวานหว่านได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความฉงนสงสัย ท่านอ๋องไม่ให้นางหา แต่นั่นมันเป็นเงินของนางนะ เพื่อเงินเหล่านี้น นางต้องเสี่ยงด้วยชีวิตหากไม่เอากลับ นางไม่สบายใจเป็นแน่หรงซีเห็นเจียงหวานหว่านหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา“ออกมา”ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ร่างคนชุดดำสองคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหรงซี“เจ้านาย”หรงซีกล่าวเสียงขรึมว่า “ไปตามเก็บเงินเหล่านั้นมา”“ขอรับ”คนชุดดำสองคนนี้พลิกร่างนักฆ่าเหล่านี้ควานหาเงินแทนเจียงหวานหว่าน“ข้างล่างตีนเขาก็มี ข้าจะไปหา”สีหน้าของหรงซีเย็นชาลงมากอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ต้อง ให้พวกเขาไปหาได้”ดวงตาของเจียงหวานหว่านลุกวาวขึ้นพลางกล่าว “ท่านอ๋อง ทั้งหมดมันหนึ่งแสนตำลึงเลยนะเพคะ”“เจ้าเอาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากไหน?”เจียงหวานหว่านกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “สกุลเฉาให้ข้ามาเพื่อขอร้องให้ข้าช่วยรักษา
ฝูตงไม่เชื่อคำพูดของเจียงหวานหว่าน นางยืนกรานจะป้อนยาให้ท่านหญิงหลิงโหรว และขวางไม่ให้เจียงหวานหว่านเข้ามาใกล้ท่านหญิงเจียงหวานหว่านเห็นนางดึงดันเช่นนี้นางก็จนปัญญา หันหลังจะเดินจากไปฝูตงรู้สึกลำพองใจมากที่เห็นเจียงหวานหว่านเดินจากไปเช่นนี้ จากนั้นนางก็เตรียมจะป้อนยาให้ท่านหญิง“ช้าก่อน”หรงซียย่ำเท้าก้าวเดินเข้ามา และมีเจียงหวานหว่านที่เดินตามหลังมา“ท่านอ๋อง”ฝูตงนั่งลงทำความเคารพหรงซี“ห้ามขวางแม่นางเจียงในการรักษาท่านหญิงเด็ดขาด”ฝีมือการรักษาของเจียงหวานหว่านนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากนางสามารถรักษาหลิงโหรวได้ นั่นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง“หากเกิดเรื่องขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง”ฝูตงไร้หนทางที่จะขวางท่านอ๋องได้ คำพูดของนางไม่มีน้ำหนัก เพราะนางเป็นเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น หรงซีเหลือบมองเจียงหวานหว่านคราหนึ่ง ก่อนจะหันหลังย่ำเท้าเดินออกไปฝูตงถอดอาภรณ์ของหลิงโหรวอย่างระมัดระวังไปถึงเอว“เริ่มรักษาเถอะ”เจียงหวานหว่านใช้เชือกสองเส้นมัดกับแขนเสื้อตัวเองและผูกปมเอาไว้ด้านหลัง“ประเดี๋ยวเจ้าอย่าได้ส่งเสียงดังนะ เงียบไว้”ฝูตงพยักหน้าเบา ๆ ในตอนที่หมอหลวงทำการฝังเข็ม น
“ท่านหญิงเพคะ แม้ว่าท่านอาจารย์จะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมียาลูกกลอนคืนชีพนะเพคะ ท่านหญิงจะไม่เป็นอันใดเพคะ”ท่านหญิงหลิงโหรวเอายาลูกกลอนคืนชีพออกมาเม็ดหนึ่ง อ้าปากและกลืนลงไป“ท่านหญิง ให้หมอหลวงตรวจสอบสักหน่อยดีกว่านะเพคะ”ฝูตงเอ่ยปากห้าม กลัวว่ายาของเจียงหวานหว่านจะเกิดปัญหาขึ้นเสียงเคาะประตูดังขั้น ฝูตงเดินไปเปิดประตู“ท่านหญิง องครักษ์ของท่านอ๋องอยู่หน้าประตู จะมาขอพบท่านหญิงเพคะ”“ให้เขาเข้ามา”ฝูตงดึงม่านเตียงลงมาหลังจากที่เทียนซูเข้ามาเขาก็โค้งทำความเคารพท่านหญิง ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านหญิง ท่านอ๋องให้มาถามว่าท่านหญิงจะไปรักษาตัวที่เรือนซิ่งฮวาก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ รอให้ท่านอ๋องกลับมาท่านอ๋องจะไปส่งท่านหญิงกลับเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”“ก็ได้”เทียนซูเห็นท่านหยิงหลิงโหรวตอบรับ เขาจึงหันไปกล่าวกับเจียงหวานหว่านว่า “แม่นางเจียง ท่านอ๋องกำลังรอแม่นางอยู่ จะออกเดินทางแล้ว”เดิมทีเจียงหวานหว่านคิดว่าพวกเขาจะพักสักหนึ่งคืนก่อน นึกไม่ถึงเลยว่าจะรีบออกเดินทางเช่นนี้ท่านหญิงหลิงโหรวกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “รักษาตัวด้วย”“ขอบพระทัยท่านหญิง กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”เจียงหวานหว่านโค้ง
รถม้าเคลื่อนเข้าไปในเขตเมือง เจียงหวานหว่านและหรงซีลงจากรถม้า และจ้างรถม้าธรรมดาที่ดูแล้วไม่สะดุดตาคันหนึ่งรีบเดินทางต่อเจียงหวานหว่านอยากถามพวกเขาว่าจะเดินทางไปที่ใดกันต่อ“ท่านอ๋อง ข้า…”หรงซีเหลือบตามองเจียงหวานหว่าน และกล่าวว่า “อยู่ข้างนอกเช่นนี้ ให้เรียกข้าว่าพี่ใหญ่”“เจ้าค่ะ”เจียงหวานหว่านจามออกมาครั้งหนึ่ง นางรู้สึกแสบตามากหรงซีมองออกไปนอกหน้าต่าง คนที่สะกดรอยตามพวกเขามาน่าจะตามมาไม่ทันแล้วและเมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นเจียงหวานหว่านปิดตาหลับไปแล้วร่างกายโยกเยไปมา และหัวก็สั่นยิกๆ ราวกับไก่จิกก็มิปานหรงซีขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมือไปประคองศีรษะนางอย่างมั่นคงเอนมาซบไหล่เขาเขาได้กลิ่นหอมอันสดชื่นของสมุนไพรจากตัวนาง หรงซีก้มมองหญิงสาวที่กำลังซบไหล่เขา และยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวและเมื่อเจียงหวานหว่านลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่านางอยู่บนรถม้าคนเดียว เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็ตกใจตื่นตระหนกขึ้นนางเปิดม่านรถม้า และกระโดดลงจากรถม้า และพบว่าตอนนี้นางอยู่ท่าเรือแล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือผิวแม่น้ำอันไร้ขอบเขตท้องฟ้ามืดลงแล้ว เหตุใดนางถึงอยู่ที่นี่ได้ แล้วหรงซีไปไห
เมื่อเห็นเช่นนี้ก็กลัวว่าตัวเองจะถูกสลัดออกไป“ไม่ต้องตกใจไป”หรงซีกล่าวเสียงขรึม“ท่านทั้งสอง ต้องขออภัยด้วย เจอโขดหินเข้าแล้ว”คนพายเรือกล่าวขอโทษหรงซีมองคนพายเรือด้วยสายตาเย็นชา เขาหันไปสบตากับเจียงหวานหว่าน และทั้งสองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน“เจ้าเป็นใคร?”คนพายเรือแสดงสีหน้าไร้ความผิดออกมา และยิ้มพลางกล่าว “คุณชาย นี่คุณชายหมายความเช่นไร?”“เจ้าไม่ใช่คนขับเรือตัวจริงใช่หรือไม่?”ดวงตาของหรงซีจ้องเขม็งไปที่เขาจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนพายเรือผู้นั้นก็ค่อย ๆ อันตรธานหายไป “ข้าก็เป็นคนพายเรือย่างไรเล่า”ใบหน้ารูปงามนั้นของหรงซีเคร่งขรึมลง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนที่พายเรือมานานหลายปี สีผิวจะดำคล้ำ แต่เจ้ากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น”คนพายเรือขมวดคิ้วขึ้น และกล่าวแก้ตัวว่า “คุณชายผู้นี้ ข้าเกิดมาไม่ใช่คนผิวดำคล้ำ”“ต่อให้เจ้าเป็นคนผิวขาวมาตั้งแต่เกิด แต่หากโดนแดดทุกวันไม่มีทางที่ผิวจะไม่ดำคล้ำ คนที่ล่องเรือใช้ชีวิตอยู่ในแม่น้่ำมานานหลายปี จะเจอโขดหินได้อย่างไร หากเป็นคนพายเรือจริงย่อมต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวคำพูดของหรงซีทำให้นางนึกขึ้น
เจียงหวานหว่านนึกไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้หรงซียังนึกถึงนาง นางรู้สึกอบอุ่นใจมาก“ท่านอ๋อง เจียงหวานหว่านไม่ใช่คนที่รักตัวกลัวตาย ข้าจะร่วมเป็นร่วมตายไปกับท่านอ๋อง”หรงซีไม่พอใจมาก ดวงตาอันลึกล้ำนั้นของเขาเผยคลื่นความโกรธขึ้น“หุบปาก”เลือดอีกาจ้องมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาดุร้ายโหดเหี้ยม “ท่านอ๋อง มีคนร่วมทางไปนรกเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียดายชีวิตหรอกนะ”กล่าวจบเลือดอีกาก็พุ่งโจมตีหรงซีอีกครั้ง และใช้อาวุธลับในมือโจมตีหรงซีไปด้วยหรงซีรีบหลบกาณโจมตีของอาวุธลับนั้นหนึ่งในอาวุธลับของเลือดอีกาพุ่งโจมตีไปที่เจียงหวานหว่านด้วยเช่นกันเจียงหวานหว่านรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เมื่อนางก้มมองก็เห็นอาวุธลับนั้นปักอยู่ที่แขนนางแล้วความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ทำให้สีหน้าของเจียงหวานหว่านซีดเผือดลงทันใดบริเวณแผลมีเลือดสีดำไหลออกมาเจียงหวานหว่านรู้ดีว่าอาวุธลับนี้มีพิษแต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้องอันใดออกมา เพราะกลัวว่าหรงซีจะเป็นห่วงนางแล้วอาจจะโดนเลือดอีกาฉวยโอกาสเล่นงานเขาได้“นึกไม่ถึงเลยว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุทธภพจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ ช่างเปิดโลกให้ข้ายิ่งนัก”หรงซ
“เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือไม่?”เจียงหวานหว่านขชมวดคิ้วขึ้น นางว่ายน้ำเป็น ทว่าตอนนี้แขนของนางกำลังบาดเจ็บอยู่ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาว่ายน้ำได้กันเล่า“ข้าว่ายเป็น”แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ความเย็นในแม่ก็ทำให้คนยากที่จะรับได้ “ขึ้นหลังข้า ข้าจะแบกเจ้าเอง”หรงซีนั่งยองลงเพื่อจะให้เจียงหวานหว่านขึ้นหลังเขาตอนนี้ระดับน้ำที่เอ่อล้นเข้ามาในเรือสูงถึงขาของเจียงหวานหว่านแล้ว หากยังไม่หาทางหนี คงต้องจมไปพร้อมกับเรือลำนี้เป็นแน่ครั้นแล้วเจียงหวานหว่านจึงขึ้นหลังหรงซีหรงซีแบกเจียงหวานหว่านลงไปในแม่น้ำน้ำเย็นยะเยือกจนรู้สึกได้ถึงกระดูก เจียงหวานหว่านรู้สึกหนาวเย็นราวกับกระดูกถูกแช่แข็งอยู่ก็มิปานหรงซีพยายามจับศีรษะนางขึ้นเพื่อให้นางหายใจ ทว่า เจียงหวานหว่านยังรู้สึกว่าตนเองลืมตาขึ้นมาไม่ได้หรงซีว่ายน้ำมุ่งไปทางฝั่งพลางสังเกตการเคลื่อนไหวของเจียงหวานหว่านเมื่อพบว่าเจียงหวานหว่านหมดสติไป หรงซีร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่งนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำยังคงแอบซ่อนตัวอยู่ เพื่อรอเวลาลงมือโจมตีเมื่อเห็นหรงซีกำลังพยายามอย่างสุดกำลังพาเจียงหวานหว่านหนีเอาชีวิตรอด นักฆ่าก
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม