เจียงหวานหว่านนึกไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้หรงซียังนึกถึงนาง นางรู้สึกอบอุ่นใจมาก“ท่านอ๋อง เจียงหวานหว่านไม่ใช่คนที่รักตัวกลัวตาย ข้าจะร่วมเป็นร่วมตายไปกับท่านอ๋อง”หรงซีไม่พอใจมาก ดวงตาอันลึกล้ำนั้นของเขาเผยคลื่นความโกรธขึ้น“หุบปาก”เลือดอีกาจ้องมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาดุร้ายโหดเหี้ยม “ท่านอ๋อง มีคนร่วมทางไปนรกเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียดายชีวิตหรอกนะ”กล่าวจบเลือดอีกาก็พุ่งโจมตีหรงซีอีกครั้ง และใช้อาวุธลับในมือโจมตีหรงซีไปด้วยหรงซีรีบหลบกาณโจมตีของอาวุธลับนั้นหนึ่งในอาวุธลับของเลือดอีกาพุ่งโจมตีไปที่เจียงหวานหว่านด้วยเช่นกันเจียงหวานหว่านรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เมื่อนางก้มมองก็เห็นอาวุธลับนั้นปักอยู่ที่แขนนางแล้วความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ทำให้สีหน้าของเจียงหวานหว่านซีดเผือดลงทันใดบริเวณแผลมีเลือดสีดำไหลออกมาเจียงหวานหว่านรู้ดีว่าอาวุธลับนี้มีพิษแต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้องอันใดออกมา เพราะกลัวว่าหรงซีจะเป็นห่วงนางแล้วอาจจะโดนเลือดอีกาฉวยโอกาสเล่นงานเขาได้“นึกไม่ถึงเลยว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุทธภพจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ ช่างเปิดโลกให้ข้ายิ่งนัก”หรงซ
“เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือไม่?”เจียงหวานหว่านขชมวดคิ้วขึ้น นางว่ายน้ำเป็น ทว่าตอนนี้แขนของนางกำลังบาดเจ็บอยู่ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาว่ายน้ำได้กันเล่า“ข้าว่ายเป็น”แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ความเย็นในแม่ก็ทำให้คนยากที่จะรับได้ “ขึ้นหลังข้า ข้าจะแบกเจ้าเอง”หรงซีนั่งยองลงเพื่อจะให้เจียงหวานหว่านขึ้นหลังเขาตอนนี้ระดับน้ำที่เอ่อล้นเข้ามาในเรือสูงถึงขาของเจียงหวานหว่านแล้ว หากยังไม่หาทางหนี คงต้องจมไปพร้อมกับเรือลำนี้เป็นแน่ครั้นแล้วเจียงหวานหว่านจึงขึ้นหลังหรงซีหรงซีแบกเจียงหวานหว่านลงไปในแม่น้ำน้ำเย็นยะเยือกจนรู้สึกได้ถึงกระดูก เจียงหวานหว่านรู้สึกหนาวเย็นราวกับกระดูกถูกแช่แข็งอยู่ก็มิปานหรงซีพยายามจับศีรษะนางขึ้นเพื่อให้นางหายใจ ทว่า เจียงหวานหว่านยังรู้สึกว่าตนเองลืมตาขึ้นมาไม่ได้หรงซีว่ายน้ำมุ่งไปทางฝั่งพลางสังเกตการเคลื่อนไหวของเจียงหวานหว่านเมื่อพบว่าเจียงหวานหว่านหมดสติไป หรงซีร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่งนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำยังคงแอบซ่อนตัวอยู่ เพื่อรอเวลาลงมือโจมตีเมื่อเห็นหรงซีกำลังพยายามอย่างสุดกำลังพาเจียงหวานหว่านหนีเอาชีวิตรอด นักฆ่าก
สายตาของหรงซีเย็นชาและแหลมคนดั่งคมมีดจ้องมองไปที่หมอติง“ออกไป”น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกอีกทั้งกลิ่นอายบนร่างคนผู้นี้ทำให้หมอติงลุกพรวดขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวลุงหวังกวักมือส่งสัญญาณเพื่อบอกให้หมอติงออกไปกับเขาหมอติงเองก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้เช่นกัน เขารีบเดินออกไปกับลุงหวังทันทีหรงซีย่างเท้าเดินเข้าไปหาเจียงหวานหว่านทีละก้าวอย่างช้าๆ มือของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเปิดดูบาดแผลของเจียงหวานหว่านอยู่หลุมเลือดที่เห็นตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านขึ้นเพื่อล่อศัตรูของเขาออกมา เขาตั้งใจจะไปตัวคนเดียว แต่นึกไม่ถึงว่าจะะทำให้เจียงหวานหว่านพลอยลำบากไปด้วยบาดแผลของเจียงหวานหว่านได้ทำแผลพันผ้าไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หมอชาวบ้านผู้นี้ก็ใช้เพียงแค่สมุนไพรธรรมดาทั่วไปเพื่อห้ามเลือดนางหรงซีสังเกตเห็นคิ้วของเจียงหวานหว่านขมวดขึ้นเล็กน้อย“เจียงหวานหว่าน เจียงหวานหว่าน…”เจียงหวานหว่านฝันเห็นตัวเองกำลังกำลังตกลงไปในหลุมอันอันไร้ที่สิ้นสุด และะถูกความมืดนั้นกลืนเข้าไปความหวาดกลัวอันไร้ขอบเขตนั้นทำให้สิ่งที่เจียงหวานหว่านหวาดกลัวที่สุดภายในใจผุดขึ้นมา“ท่านแม่ ท่านแม่ต้องไม่ตาย ต้
นางเอาเม็ดยาเม็ดเล็กๆ ออกมาจากปิ่นปักผม และยื่นให้หรงซีเม็ดหนึ่ง“ท่านอ๋อง นี่คือยาคืนชีพ เพียงกินเข้าไปเม็ดหนึ่ง ภายในสามวันอาการบาดเจ็บก็จะดีขึ้นเจ็ดส่วน”เดิมทีนางจะเอายาคืนชีพนี้ให้ท่านหญิงหลิวโหรวทั้งหมด แต่นางกลัวว่าระหว่างทางจะประสบพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น นางจึงแอบซ่อนยาเอาไว้ในปิ่นปักผมบนปิ่นปักผมยังปิดผนึกเอาไว้ด้วย เดิมทีนางจะเอาไว้ใช้เป็นทางออกให้กับตัวเอง นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องใช้เร็วเพียงนี้หรงซีรับเม็ดยาที่เจียงหวานหว่านให้มา และเอาเข้าปากกลืนทันทีโดยไม่คิดเลย“ท่านอ๋อง ท่านไม่กลัวข้าวางยาพิษท่านหรือ?”เจียงหวานหว่านกล่าวหยอกล้อหรงซีจ้องมองเจียงหวานหว่านพลางกล่าว “ข้าเป็นที่พึ่งของเจ้า”เจียงหวานหว่านนึกไม่ถึงเลยว่าหรงซีจะตอบเช่นนี้“ท่านอ๋องปราดเปรื่องยิ่งนัก”เจียงหวานหว่านยิ้มพลางกล่าวหรงซีถูกเจียงหวานหว่านหยอกล้อเข้าแล้ว“ดื่มยาเถอะ”หรงซียกถ้วยยาในมือยื่นให้เจียงหวานหว่านมุมปากเจียงหวานหว่านกระตุกเล็กน้อย นางรับถ้วยยามาดมและซดกลืนลงไปภายในอึกเดียว“เจ้ากลัวการดื่มยาอย่างนั้นหรือ?”หรงซีกล่าวถามลองเชิงเจียงหวานหว่านส่ายหน้าพลางกล่า
เจียงหวานหว่านได้ยินคำพูดนี้ของหรงซีก็ตะใจเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติได้“คนเขาช่วยชีวิตเราไว้ การที่เราขอบคุณเขาเป็นเรื่องที่สมควรทำ ท่านอ๋องกับข้านับว่าเป็นคนกันเอง ท่านอ๋องดีกับข้ามาก ข้าจดจำเอาไว้ในใจอยู่แล้ว ท่านอ๋องดีกับข้ายิ่งกว่าที่ท่านพ่อของข้าดีกับข้าเสียอีก”หรงซีได้ยินคำพูดของเจียงหวานหว่านก็รู้สึกดีขึ้น อีกทั้งยังยิ้มออกมาอีกด้วย“นี่เจ้าว่าข้าแก่อย่างนั้นหรือ?”เจียงหวานหว่านได้ยินเช่นนี้ก็รีบกล่าวอธิบายว่า “ท่านอ๋องแข็งแกร่งดั่งต้นไม้ใหญ่ อ่อนโยน หากข้าว่าท่านอ๋องแก่ บนโลกใบนี้ก็ไม่มีบุรุษใจงามอีกแล้วล่ะ”มุมปากของหรงซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว “เจียงหวานหว่าน คำพูดของเจ้าไม่เหมือนนิสัยภายนอกของเจ้าเลย”ในสายตาของเขา เจียงหวานหว่านเป็นคนที่เย็นชาคนหนึ่งความรักความลึกซึ้งของนางนอกจากจะมีให้ท่านแม่หลิ่วซู่ของนางแล้ว กำไรก็เป็นเรื่องอันดับแรกในใจนางแต่นางทำท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูต่อหน้าเขาเช่นนี้ มันทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าบนโลกใบนี้มีเจียงหวานหว่านสองคนเจียงหวานหว่านกระพริบตาปริบๆ ให้หรงซี ราวกับไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงสิ่งใดตอนนี้ด้านนอกมีเสียงเอะอะ
“พี่ใหญ่ระวังตัวด้วย”หรงซีพยักหน้าก่อนจะพุ่งตัวลงไปจากภูเขา“แม่หนูน้อย พี่ใหญ่ของเจ้าต่อสู้เป็นหรือ?”ป้าหวังกล่าวถามด้วยความประหลาดใจเจียงหวานหว่านกล่าวปิดบังว่า “ท่านพ่อให้คนมาสอนพี่ใหญ่ต่อสู้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วเจ้าค่ะ”ป้าหวังพยักหน้า สตรีและเด็กอย่างพวกเขาเหล่านี้ไม่กล้าย่างกรายลงไปจากภูเขา ทำได้เพียงแค่รอหรงซีกลับมาแจ้งข่าวเท่านั้นหลังจากที่หรงซีลงไปจากภูเขา เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโจรบ้านเรือนของชาวประมงเหล่านี้ล้วนแต่ถูกไฟเผาไหม้หมดแล้ว แผดเผาไปจนสิ้นบนพื้นดินสีเหลืองตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเลือด ศพนอนตายกลาดเกลื่อนบุรุษในหมู่บ้านล้วนแต่ถูกฆ่าตายไปจนสิ้น ไม่มีใครมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียวเขาตรวจสอบพลิกดูบาดแผลของศพ ทั้งหมดล้วนแต่ตายไปเพราะคมมีดทั้งสิ้นนึกไม่ถึงเลยว่าโจรเหล่านี้จะต่อสู้ได้เก่งกาจถึงเพียงนี้ หรงซีรู้สึกแปลกใจมากเขาเดินไปข้างหน้าสองก้าว และพบกับศพของหมอติงหมอติงตายตาไปศพไม่หลับตา หรงซีเห็นเช่นนี้จึงกำหมัดแน่นด้วยความแค้นหรงซีนั่งยองลง ยื่นมือไปปิดตาศพของหมอติงอย่างช้าๆเขามองไปที่มือของหมอติง ศพหมอติงกำหมัดแน่น หรงซีคลายหมัดมือเขาออก
หรงซีพาเจียงหวานหว่านเดินขึ้นภูเขาไป เพื่อหลบคนที่ตามไล่ฆ่าพวกเขาเหล่านั้นตั้งแต่ฟ้ามืดจนรุ่งสาง เจียงหวานหวานที่ถูกหรงซีแบกไว้จึงหลับไปกลิ่มหอมอบอวลโชยฟุ้งเข้าจมูกเจียงหวานหว่านเมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็เห็นกองไฟกองหนึ่งกำลังย่างไก่ป่าตัวหนึ่งอยู่หรงซีรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมา และพบว่าเจียงหวานหว่านตื่นขึ้นมาแล้วเขาหยิบไม้เสียบไก่ขึ้นมา ฉีกเนื้อไก่ป่าและยื่นให้เจียงหวานหว่าน“ท่านอ๋อง ข้าจะดูแผลให้ท่าน”หรงซีได้รับบาดเจ็บ เขาแบกนางมานานมากเช่นนั้น นางเป็นห่วงกลัวว่าแผลของเขาจะฉีก“ข้าไม่เป็นอันใด เจ้ารีบกินเถอะ กินเสร็จเราจะเดินทางกันต่อ”เจียงหวานหว่านหยิบขาน่องไก่ขึ้นมาน่องหนึ่งยื่นให้หรงซีพลางกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เรากินด้วยกัน”หรงซีจะปฏิเสธ“ท่านอ๋อง หากท่านหิวจนเป็นลมเป็นแล้งไป แล้วข้าจะทำเช่นไร”เมื่อได้ยินคำพูดว่าเจียงหวานหว่านจะไม่มีคนคอยช่วยเช่นนี้ หรงซีก็รับน่องไก่มาทันทีหลังจากที่ทั้งสองกินอิ่มกันแล้ว หรงซีจะแบกเจียงหวานหว่านเดินทางต่อ แต่เจียงหวานหว่านกลับปฏิเสธ“ท่านอ๋อง บาดแผลข้านิดเดียวเอง แถมยังหายเร็วกว่าคนปกติทั่วไปอีกด้วย เพียงไม่ให้กระทบกระ
หรงซีประคองเจียงหวานหว่านและเดินต่อไป“ท่าน…เอ่อ พี่ใหญ่ ท่านเจ้าเมืองเมืองเว่ยสุ่ยจางเสี้ยวเทียนเป็นคนของหรงมู่หาน สามปีก่อนบุตรสาวคนเล็กของจางเสี้ยวเทียนชื่อจางเยี่ยนเยี่ยนได้มาเป็นอนุของหรงมู่หาน”เจียงหวานหว่านนึกถึงอนุของหรงมู่หาน ในนั้นมีหญิงสาวอีกหลายคนที่สกุลต่างๆ ได้ส่งตัวหญิงสาวไปเป็นของขวัญให้กับหรงมู่หานเพื่อให้สกุลของตนเองได้ประโยชน์ ยอมเสียหญิงสาวคนหนึ่งไปเพื่อเป็นการซื้อขาย“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องของหรงมู่หานได้ดีกว่าใครๆ”หรงซีรู้สึกสงสัยขึ้น สำหรับเรื่องนี้ เขาจะต้องรู้ให้ได้ก่อนออกเดินทางเจียงหวานหว่านเป็นเพียงแค่หญิงสาวคนหนึ่ง นางจะรู้ดีเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว“ท่านอ๋อง ได้โปรดให้อภัยด้วยที่ข้าไม่อาจบอกที่มาของเรื่องนี้ได้ แต่ท่านอ๋องได้โปรดเชื่อว่าข้ายอมตาย แต่ไม่ยอมทำเรื่องที่ผิดต่อท่านอ๋องเด็ดขาด”หรงซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย เหตุใดเจียงหวานหว่านถึงจริงจังกับเขามากถึงเพียงนี้ทุกคนล้วนแต่มีความลับของตัวเองทั้งสิ้น ในเมื่อเจียงหวานหว่านไม่อยากบอก หรงซีเองก็ไม่บับบังคับนางอย่างน้อยจนถึงตอนนี้ เจียงหวานหว่านก็มีค่า