ชายหนุ่มเอเชี่ยนลุคยืนมองตัวเองจากกระจกเงาบานใหญ่ สิ่งที่สะท้อนออกมาจากกระจกเป็นร่างสมส่วน ไม่ผอมไม่อ้วน ใบหน้ารูปไข่ คางแหลม ตาเล็กหยี สายตาสั้นและเอียงทำให้เขาต้องสวมแว่นสายตากรอบสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กบางสีชมพูระเรื่อ เขาสวมชุดทักซิโด้แต่ยังไม่สมบูรณ์นักเพราะเขาสวมใส่เพียงแค่เสื้อสีขาวประดับหูกระต่ายสีขาว ส่วนเสื้อสูทสีดำยังคงวางพาดไว้กับโซฟา
“เฮ้อ...” แบงค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นี่เรากำลังจะแต่งงานกับจอร์จจริงๆ หรือ”
แบงค์ถามกับตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ งานแต่งงานของเขาไม่มีเจ้าสาวเป็นสตรีในอาภารณ์ขาวบริสุทธิ์เพราะคนที่เขาแต่งงานด้วยเป็นชายอเมริกันวัยเกือบสี่สิบปีนามจอร์จ เจฟฟเฟอร์สัน แม้ว่าคนในสังคมอาจจะสงสัยและไม่ยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน รวมถึงประเทศไทยดินแดนที่แบงค์จากมา การแต่งงานของคนเพศเดียวกันไม่มีกฎหมายมารองรับ แตกต่างไปจากดินแดนแห่งอิสระเสรี ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน รสนิยมทางเพศแบบไหน สามารถจดทะเบียนใช้ชีวิตคู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่แบงค์จะมากังวลใจ
ความจริงในใจของแบงค์ที่ไม่มีใครล่วงรู้ ความจริงในใจของแบงค์คือ เขาไม่ได้รักจอร์จเลย ท่าทีที่แสดงออกมาล้วนแต่เป็นการเสแสร้งเล่นละครไปเท่านั้น มันคือละครเรื่องยาวที่เริ่มต้นเปิดตัวพระเอกกับนายเอกที่โคโค่บาร์ ริมหาดละไมบนเกาะสมุย จอร์จรักแบงค์แต่ไม่ได้สานต่อ เพราะอับจนหนทางในการติดต่อ จะเป็นพรหมลิขิตหรือเป็นกรรมเวรที่แบงค์จะต้องมาทวงเอาคืน แบงค์รอนแรมเดินทางข้ามขอบฟ้าน้ำทะเลเกือบหมื่นไมล์มาพบเจอกันในไทยทาวน์แห่งมหานครลอสแองเจลิสแห่งนี้ จอร์จเดินเกมทุ่มเทมอบความรักให้แก่แบงค์
“เขาเป็นคนรวยที่น่าสงสาร” ป้ายุพินเล่าให้แบงค์ฟังหลังจากปิดร้านอาหารไทยดื่มกินด้วยกัน “พ่อแม่ของจอร์จเป็นนักธุรกิจหมื่นล้าน หลังจากเจรจาธุรกิจที่เมืองบอสตันเสร็จ เดินทางกลับลอสแองเจลิสด้วยเที่ยวบินที่ 175 โชคร้ายที่เที่ยวบินนั้นไปไม่ถึงแอลเอ เพราะสลัดอากาศจี้เครื่องบินไปพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ จอร์จยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณอาแคร์โลไลน์ ระยะแรกความว้าเหว่ ความเศร้าโศกจากการสูญเสียพ่อและแม่ถาโถมเข้ามาจนจอร์จเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์ แต่จอร์จฮึดสู้กับโรคใจจนกลายเป็นจอร์จที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
แบงค์รู้สึกสงสารจอร์จ ไม่อยากให้อะไรทำให้เขาเจ็บปวดอีก นั่นคงเป็นเหตุผลดีๆ ในจำนวนไม่กี่ข้อที่อาจจะเป็นสาเหตุให้แบงค์เลือกใช้ชีวิตคู่กับจอร์จ และเขาก็อยากจะลืมใครคนนั้น คนที่ลืมเขา คนที่ทำให้เขาเจ็บจนเหนื่อย การลงเอยกับจอร์จจะเป็นการตอกตะปูฝาโลงปิดตายความรักที่แบงค์มีต่อเจฟ
ด้วยอาลัยและรัก ฌาปนกิจมันไปเลย ความรักที่ต้องเสียสละ เพื่อแลกกับคำชมว่าเป็นคนดี...
ส่วนเหตุผลร้ายๆ ที่มันคือผลตอบแทนมูลค่ามหาศาล แบงค์อาจจะไม่ได้รักจอร์จแต่เขารักเงินของจอร์จอย่างแน่นอน บันไดแห่งความมั่งคั่งได้ถูกก่อสร้างขึ้นแล้ว โอกาสแห่งธุรกิจมากมายกำลังรออยู่ การเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา
เพราะการเป็นคนดีแล้วต้องเสียสละ... ไม่อาจจะสู้เป็นคนเลวแล้วได้ครอบครองทุกอย่าง...
ก๊อก... ก๊อก.. ก๊อก...
จอร์จเคาะประตูแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัว เขาแต่งชุดทักซิโด้เสร็จแล้ว เขาดูหล่อเนี้ยบ พร้อมเข้าพิธีแต่งงานแล้ว
“Are you ready?” จอร์จถาม
“Yes, I’m ready.” แบงค์ปั้นหน้าเล่นละครต่อไปอย่างเคยชิน เขาลุกขึ้นไปหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมใส่
“ผมใส่ให้นะ” จอร์จรับเสื้อนอกสีดำมาสวมใส่ให้แก่แบงค์
“ขอบคุณครับ” แบงค์บอก เขาหลบตาจอร์จแล้วอมยิ้ม
“Let’s go” จอร์จยกแขนขึ้นให้แบงค์ควงแขนเขา ทั้งคู่เดินออกจากห้องแต่งตัวที่เดิมเป็นห้องพักพนักงานของร้านยุพินเรสเตอรองต์ วันนี้ร้านอาหารปิดทำการเพื่อใช้สถานที่จัดเลี้ยงงานแต่งงานของแบงค์ เบื้องล่างในพื้นที่ร้านอาหารถูกจัดตบแต่งเป็นพื้นที่จัดเลี้ยงที่เรียบหรู แขกเหรื่อที่มางานเป็นญาติชิดใกล้ ฝั่งแบงค์มีป้ายุพินและสามีฝรั่ง-ลุงฌอน อนุพงษ์พี่ชายและภรรยา-คุณครูอรดี พัชรินทร์-พี่สาวคนกลาง แขกทางจอร์จมี คุณอาแคร์โลน์ มิสเตอร์ฟลิก-เลขาคนสนิทของจอร์จ ทุกสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่จอร์จและแบงค์เมื่อเขาทั้งคู่ปรากฏตัวด้วยความชื่นชม คนที่ได้รู้จักกับทั้งคู่ต่างยินดีที่คนทั้งคู่รักกันและกำลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน พิธีการแลกแหวนแต่งงานกำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้า ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั่งบนโซฟา จอร์จและแบงค์ทรุดตัวลงนั่งพับเพียบบนพรมหน้าโซฟา จอร์จอาจจะดูเก้งก้างไปบ้างแต่เขาตั้งใจนั่งพับเพียบ
“ได้เวลาแล้วล่ะ แคร์โลไลน์ส่งแหวนให้จอร์จสิ” ลุงฌอนเกริ่นเริ่มต้นพิธีการ อาผู้หญิงส่งกล่องแหวนให้แก่จอร์จ เขาเปิดกล่องแหวน ข้างในนั้นมีแหวนทองคำขาวเกลี้ยงพ่นทราย จอร์จหยิบมันมาบรรจงสวมเข้านิ้วนางข้างซ้ายของแบงค์ ส่วนแบงค์รับแหวนทองคำขาวแบบเดียวกันกับจอร์จจากนุแล้วสวมเข้านิ้วนางข้างซ้ายของจอร์จเช่นกัน พิธีการแลกแหวนแต่งงานผ่านไปสำเร็จลุล่วงแล้ว งานเลี้ยงฉลองด้วยอาหารฝรั่งเศสเต็มรูปแบบกำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้านี้
“คุณมีความสุขไหม” จอร์จถามแบงค์ในระหว่างรับประทานคาร์เวียร์
“มีความสุขสิครับจอร์จ คุณทำให้ผมมีงานแต่งงานเป็นของตัวเองได้ ผมดีใจนะ” แบงค์ตอบ สีหน้าและรอยยิ้มบ่งบอกถึงความสุข
“เพราะผมรักคุณไงแบงค์ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ”
“ท่านสุภาพบุรุษ ท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย วันนี้เป็นวันดี วันที่คนสองคนจะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ในดินแดนแห่งเสรีภาพแห่งนี้ เราทุกคนสามารถรักกันได้โดยไม่มีเพศ ไม่มีชนชั้น ไม่มีฐานะ ไม่มีเชื้อชาติ อย่างเช่นคู่ชีวิตคู่นี้ แม้อยู่ห่างไกลคนละซีกโลก ยังได้มาพบเจอและรักกัน ผมถือโอกาสนี้ให้ทั้งคู่กล่าวอะไรซักเล็กน้อย เริ่มจากคุณจอร์จเลยครับ” มิสเตอร์ฟลิกรับหน้าที่พิธีกรพูดแนะนำให้คู่ชีวิตได้กล่าวขอบคุณ มอบพันธสัญญาต่างๆ ให้แก่กันและกัน
“ก่อนอื่น ผมต้องเอ่ยขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง เป็นสักขีพยานในการใช้ชีวิตคู่ระหว่างผมกับแบงค์ผมต้องเล่าว่า กว่าจะมีวันนี้ได้ ผมต้องทำวิธีต่างๆ เพื่อให้แบงค์รับรักผมจนมีวันนี้” จากนั้นจอร์จร้องเพลง บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น สิ้นเสียงร้องเพลงจากจอร์จเสียงปรบมือดังกราว จอร์จยิ้มแก้มแทบปริ วันนี้คงเป็นวันที่เขามีความสุขมากมาย เขาคิดว่าการทุ่มเทความรักให้แก่แบงค์ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าแล้ว เขาได้รับความหวานชื่นจากแบงค์ที่เขาต้องการมาลบล้างบาดแผลในใจแล้ว
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งของผม ขอบคุณป้ายุพินที่เป็นแม่งานจัดสถานที่ด้วยดอกกุหลาบสีส้มสวยๆ และอาหารฝรั่งเศสอย่างที่ผมต้องการ ขอบคุณพี่นุ พี่อ้อย พี่น้ำที่อุตส่าห์บินจากเมืองไทยมางานแต่งงานของผม และต้องขอบคุณคนสำคัญในชีวิตที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของผม จอร์จ เพราะจอร์จคือทุกสิ่งคือทุกอย่าง จอร์จไม่ใช่แค่คนแห่งความฝันแต่คุณคือพระเอกในนิยายที่ผมแต่ง พระเอกที่มีตัวตนจริงๆ คงจะมีเพียงจอร์จเท่านั้นที่ทำให้โลกใบนี้ได้หยุดหมุน เพียงแค่คุณสบตากับผม You is true love. I Love you so. ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ในยามป่วยไข้หรือสบายดี ผมจะอยู่ตรงนี้ ตอบแทนความรักที่คุณมอบให้มา” แบงค์กล่าวเสียยืดยาว
“ขอความสุขจงมีแด่คู่ชีวิต” มิสเตอร์ฟลิกนำกล่าวอวยพรด้วยการชูแก้วแชมเปญ
“ขอความสุขจงมีแด่คู่ชีวิต” ทุกคนชูแก้วแชมเปญแล้วดื่มแชมเปญเป็นการอวยพรตามธรรมเนียม
ใช่สิแบงค์ต้องลืมเรื่องราวในอดีตให้หมด จะทุกข์หรือสุข ยามป่วยไข้หรือสบายดี แบงค์เคยได้ทำหน้าที่เหล่านี้กับใครบางคนมาหมดแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงเอยเป็นคู่ชีวิตกัน มาตอนนี้ได้จอร์จมาเป็นคู่ชีวิตก็ไม่ได้เสียหายอะไร ชีวิตคู่ของแบงค์คงจะเป็นชีวิตคู่ที่มีความสุขในสายตาของทุกคน ใครที่มองมาคงรู้สึกปลาบปลื้มระคนอิจฉาแบงค์ ถ้าเป็นนิทาน ซินเดอเรลลาเวอร์ชั่นนี้ไม่มีรองเท้าแก้ว ไม่มีแม่เลี้ยงใจร้ายและพี่สาวน่าเกลียด 2 คน ไม่มีนางฟ้าแม่ทูนหัว มีแต่ความจริงคือ ซินเดอเรลลาไม่ได้รักเจ้าชาย ซินเดอเรลลารักเงินของเจ้าชายผู้น่าสงสาร รักปราสาทราชวังและราชอาณาจักรของพระองค์ แต่เจ้าชายกลับมีรักแท้มอบให้ซินเดอเรลลา ท้ายสุดแล้วเรื่องราวจะจบลงอย่างแบบมีความสุขเหมือนในเทพนิยายหรือจะจบลงแบบโศกนาฏกรรม ก็มิอาจมีใครล่วงรู้ได้
... ... ...
ชีวิตของตง-พันธศิลป์กำลังจะไปได้สวยกับอาชีพนักบินผู้ช่วยของสายการบินสกุณาแอร์ แต่จู่ๆ เส็งผู้เป็นบิดาเรียกตัวกลับบ้านที่บางรัก-เมืองตรังโดยด่วน
“ป๊าหวัดดี ม๊าหวัดดี” ตงยกมือไหว้หลังจากเดินเข้าบ้าน
“เจี๊ยะข้าวมายัง อาตง” เส็งทักทาย
“ยังอิ่มๆ อยู่ป๊า ก่อนขึ้นเครื่อง อั๊วหาอะไรกินมาจากดอนเมืองแล้ว” ตงตอบ “วันนี้ป๊าไม่ร้านหรือ”
“อั๊วขายกิจการค้าส่งแล้ว” เส็งบอกด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ป๊าต้องเรียกตัวอั๊วมาใช่ไหม” ตงเริ่มคาดเดาสาเหตุ
“นี่แค่ส่วนหนึ่ง อั๊วจะเล่าให้ลื้อฟังทีหลัง ตอนนี้ลื้อไปพักผ่อนก่อน ทำใจให้สบายๆ ซะก่อน”
หลังจากมื้อเย็นผ่านพ้นไป ทุกคนในครอบครัวได้พูดคุยกัน และถึงเวลาแล้วที่เส็งจะบอกเรื่องราวบางอย่างที่เป็นสาเหตุที่ต้องเรียกตัวตงมาจากกรุงเทพมหานคร
“สิ่งที่อั๊วจะเล่าคือสิ่งที่พวกลื้อไม่เคยได้รู้มาก่อน อาหง ลื้อและอาซ้งไม่เคยรู้ มีเพียงแต่ม๊าของลื้อเท่านั้นที่รับรู้มาตลอด”
“อะไรป๊า” ตงถาม และแล้วบรรยากาศก็เงียบลงอย่างมิได้นัดหมาย เพราะเส็งที่เป็นคนจริงจังเข้มงวดเป็นทุนเดิมแล้ว จะพูดอะไรขึ้นย่อมเป็นเรื่องที่ใหญ่โต
“เงินทองที่เราใช้กันอยู่นี่ ค่าเล่าเรียนหมอของอาหง ค่าเรียนของลื้อตั้งแต่ปริญญาตรีจนเรียนนักบิน ค่าเรียนของอาซ้งในตอนนี้ รวมไปถึงเงินหมุนของร้านเส็งพานิชในระยะหลังมา อั๊วไปหยิบยืมมาจากแปะฮง” เส็งพูดขึ้น แค่เกริ่นนำ พอเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
“ตอนนี้อาแปะฮงแกทวงมาหรือป๊า แล้วมันเป็นเงินทั้งหมดเท่าไหร่” ตงถาม
“45 ล้านเน็ตๆ” เส็งตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “แปะฮงมาทวงหนี้แล้ว”
“ตั้ง 45 ล้านเชียว” ตงตกใจเมื่อได้ยินมูลค่าหนี้สินของครอบครัว “ทำไมเราไม่ทยอยไปตั้งแต่แรกล่ะ”
“อั๊วคงไม่มีปัญญาหาเงินจำนวนนั้นมาจ่ายหนี้ได้ทันหรอก” เส็งพูดความจริงกับตง “อั๊วขายกิจการค้าส่ง หักกลบลบหนี้แล้ว เหลือเงินไป
“แล้วจะทำไง บ้านเราจะล้มละลายใช่ไหมป๊า” ตงกังวลกับสถานภาพทางการเงินของครอบครัว มันกำลังจะเลวร้ายลง
“แปะฮงยื่นข้อเสนอให้ลื้อแต่งงานกับนุชจรี-ลูกสาวเพียงคนเดียวของอี ใจจริงแล้วอั๊วไม่อยากจะบังคับลื้อหรอกนะ ยุคสมัยนี้การแต่งงานโดยไม่ได้รักกันเพราะผู้ใหญ่เลือกคู่ให้เป็นเรื่องที่ล้าสมัยสำหรับคนที่มีความคิดความอ่านอย่างลื้อ แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าอั๊วฆ่าตัวตายหนีหนี้ก็ใช่ว่าหนี้นั้นจะตายตามอั๊วไปด้วย ภาระหนี้สินก็จะตกมาถึงพวกลื้อทั้งสาม ครอบครัวเราทั้งหมดต้องล้มละลาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อั๊วสร้างมาให้พวกลื้อต้องพังพินาศไปเป็นของคนอื่น” เส็งพูดจาชักแม่น้ำทั้งห้าหว่านล้อมตงให้คล้อยตามวิธีการที่แปะฮงยื่นมา
“ลูกสาวแปะฮง” ตงทวนคำพูดของบิดา “อั๊วจำได้แล้ว เด็กผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นเอง” เขานึกถึงความทรงจำช่วงวัยเด็ก นุชจรีลูกสาวแปะฮงอายุห่างจากเขาสองสามปี เด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาธรรมดา แต่มีอารมณ์ร้าย เพราะมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจ ใครจะขัดใจไปเสียไม่ได้ ตงนึกไปแล้วส่ายหน้า นี่นะหรือผู้หญิงที่จะมาเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขา
“พรุ่งนี้แปะฮงนัดครอบครัวเราทั้งหมดไปกินเลี้ยงโต๊ะจีนที่นำมุ่ย” เส็งบอก “ลื้อแต่งตัวให้หล่อเลยนะ”
“ฮะป๊า” ตงรับครับด้วยสีหน้าเบื่อโลก
ตกค่ำวันต่อมา... ตงแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนๆ กางเกงยีนส์สีดำ หงโดนสุรีย์ผู้เป็นมารดารบเร้าจนต้องปิดคลินิกเร็วกว่าเวลาปิดทำการในช่วงเย็น คงขับรถเก๋งพาทุกคนในครอบครัวไปภัตตาคารนำมุ่ย มันคือการดูตัวโดยอาศัยการกินเลี้ยงสังสรรบังหน้า ที่ภัตตาคารนำมุ่ยแปะฮงและครอบครัวประกอบด้วยตัวแปะฮงชายชาวจีนผมสีดอกเลาสูงวัยกว่าเส็ง นางเขียวหญิงชาวพื้นเมืองภาคใต้ และนุชจรี หญิงสาวที่สร้างไม่ประทับใจแรกแก่ตงด้วยการแต่งตัวประหนึ่งเป็นนางเอกงิ้วหลงโรง ถ้าอธิบายคำว่าสวยแบบธรรมชาติเป็นเช่นไร คงจะหาไม่ได้จากนุชจรี ใบหน้าปกปิดด้วยแป้งสีขาววอกตัดกับสีผิวสองสีอันเป็นสีผิวที่แท้จริงของหล่อน จะว่าแป้งสีขาวที่ละเลงลงไปตัดกับสีผิวจนกลายเป็นสีเทา สีชมพูบนพวงแก้มไม่ได้แสดงถึงความมีเลือดฝาดเป็นสาวสุขภาพดีแต่ทำให้ตงนึกถึงขนมอี๋ ที่ปล่อยให้ต้มจนพองตัวเละๆ นอกจากเหนือจากพวงแก้มที่เหมือนขนมอี๋แล้ว คิ้วหนาเตอะสีดำเข้มดูราวกับปลิงทะเลตากแห้งนานนับพันปี ใครดลจิตดลใจให้ผู้หญิงคนนี้แต่งหน้าแบบนี้กัน
“มากันแล้วหรือ นั่งสิ” แป๊ะฮงทักทายเชื้อเชิญให้ครอบครัวของตงนั่งลงร่วมโต๊ะ
“นี่อาหงลูกสาวคนโต อีเป็นหมอ” เส็งแนะนำ “นี่อาตงลูกชายคนกลาง เรียนจบนักบินแล้ว เพิ่งเข้าทำงานกับวิหคแอร์”
“ตงไปนั่งข้างนุชจรีสิ” เขียวสั่ง
“ครับ” ตงต้องจำไปนั่งข้างนุชจรีอย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ ให้ตายสิ น่ากลัวเสียจริงเชียว
“สั่งอะไรกินกันดี อีหนู เอาเมนูมาหน่อยสิ” แปะฮงเรียกบริกรหญิงประจำร้านให้นำเมนูอาหารทุกคนในโต๊ะเลือกมาสั่งรับประทาน
“พี่ตงชอบกินอะไรคะ” น้ำเสียงเล็กแหลมแปร่งๆ ของนุชจรีไม่ระรื่นหูเอาเสียเลย
“อะไรก็ได้ครับ” ตงตอบไปตามมารยาทที่ดี ไม่นานนักอาหารเลิศรสไม่ว่าจะเป็น ยำเกี๊ยวปลา หอยจ๊อ เป็ดทอดราดบ๊วย กุ้งอบกะทิจานร้อน ยอดผักผัดน้ำมันหอย ปลากะพงผัดคื่นช่าย หัวปลาเก๋าต้มเผือกลำเลียงมาจากครัวเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ระหว่างรับประทานกัน แปะฮงและเส็งพูดคุยกันสัพเพเหระ ตงเลือกรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ แม้ว่าอาหารจะอร่อยเลิศรสเพียงใดแต่ไม่กระตุ้นความอยากอาหารเสียเลย
“อานุชอายุ 23 แล้ว อีเรียนจบแล้ว ตอนนี้ก็ลงมาช่วยกิจการร้านทองของอั๊วเต็มตัวแล้ว” แปะฮงสาธายายสรรพคุณลูกสาวให้ครอบครัวของตงฟังอย่างชื่นชม
“ดูฤกษ์ยังคะ คุณเขียว” สุรีย์ถามกับนางเขียว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ งานแต่งต้องจัดอีกสามเดือนข้างหน้า ถ้าไม่ได้แต่งฤกษ์นี้ ต้องรอไปอีกถึงปลายปีค่ะ”
“เส็ง อั๊วไม่ได้เร่งรัดลื้อเกินไปใช่ไหม” แปะฮงถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอกเฮีย อั๊วคุยกับอาตงเรียบร้อยแล้ว งานแต่งของสองตระกูลมีอย่างแน่นอน” เส็งรับคำ นุชจรีที่ฟังอยู่แย้มยิ้มแก้มปริ แป้งที่พอกไว้บนหน้าปริแตกร่วงกราว จนตงรู้สึกกระอักกระอ่วนได้แต่ก้มหน้าก้มตาใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวเล่นๆ กลบเกลื่อน
“นี่ป๊าคิดจะทำอะไร” หงถามหลังจากแยกย้ายกับครอบครัวแปะฮงขึ้นรถเก๋งกลับบ้าน
“บ้านเราเป็นหนี้แปะฮง 35 ล้าน จู่ๆ อาแปะฮงทวงหนี้ก้อนนี้ขึ้นมา อั๊วบอกตรง อั๊วไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้ทันหรอก แปะฮงยื่นข้อเสนอให้อาตงแต่งงานกับอานุชจรีเพื่อปลดหนี้”
“ทำไมป๊าไม่เคยบอกพวกเรา” หงขึ้นเสียง “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่บอกให้ช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข ไม่ใช่ให้ตงรับผิดชอบด้วยการแลกความสุขทั้งชีวิตของมันแบบนี้”
“อั๊วไม่บอกพวกลื้อ เพราะให้พวกลื้อได้ตั้งใจเรียนหนังสือหนังหา ไม่ใช่ว่าเรียนไปทุกข์ไป เรียนจบมาแล้วต้องใช้หนี้หัวโต” เส็งตอบเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร
“ป๊า นี่มันยุคไหนแล้ว ป๊าทำกับตงแบบนี้ มันไม่ถูกต้องเลยนะ”
“หง” สุรีย์ขึ้นเสียงปรามอยู่ในที “อย่าทะเลาะกับป๊า”
บรรยากาศภายในรถเงียบลงแค่ใจของหงและตงไม่ได้เงียบสงบลง เมื่อกลับถึงบ้าน ตงไม่พักผ่อน มุ่งหน้าไปร้านสะดวกซื้อ เลือกซื้อสุราขาวดีกรีแรง บุหรี่ยี่ห้อที่เขาชอบ หิ้วกลับมาบ้านซดดื่มให้คลายกลุ้มใจ
แด่อิสรภาพที่กำลังจะสูญเสียไป
ตงจุดบุหรี่สูบอย่างเอาเป็นเอาตาย เผาปอดเล่นราวกับสุขภาพของตนเป็นสิ่งไร้ค่า มือซ้ายคีบบุหรี่ มือขวาถือแก้วสุราไว้ เขาครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามหาทางออกให้อิสรภาพของตนเองที่ถูกปิดตายลงเพราะหนี้ 32 ล้าน แต่มันก็ไม่มี เขาจำใจแต่งงานกับนุชจรีเพื่อแลกกับอิสรภาพทางการเงินของครอบครัว หรือคำที่เขาว่า โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี จะเป็นความจริง ตงรินสุราขาวลงแก้วแป๊กแล้วกระดกดื่มลงคอรวดเดียว ความร้อนผ่าวและขมบาดคอทำให้เขานึกถึงใครบางคนในมหาวิทยาลัยเชิงเขาท่าเพชร ใครบางคนที่เป็นรุ่นน้อง ใครบางคนที่แอบรักเขา คนๆ นั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างหนอ เขาคนนั้นสบายดีไหม หรือต้องมาทุกข์ใจเหมือนเขาไหม
“ยังไม่นอนอีกเหรอตง” หงอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนพร้อมจะเข้านอน แต่ก่อนเข้านอน หงลงมาตรวจความเรียบร้อยของบ้าน หล่อนเห็นตงนั่งดื่มสุราเงียบๆ มืดๆ อยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารฝังมุกแบบจีนเพียงลำพังเลยแวะมาทัก
“นอนไม่หลับหรอกเจ้ กลุ้มใจอ่ะ” ตงบอก
“ฉันเห็นใจแกนะ”หงตบบ่าตง” ป๊าคงคิดว่า ป๊าลำบากเพื่อเราสามคนมามากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องตอบแทนป๊า”
“การตอบแทนบุญคุณป๊ามีหลายวิธีนี่เจ๊ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม แค่ผมต้องแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักก็ว่าแย่แล้วนะ นี่ต้องแต่งงานกับนางเอกงิ้วหลงโรงอีก ผมต้องใช้ความสุขทั้งชีวิตของผมแลกกับความสุขสบายของครอบครัวใช่ไหม”
“ในเมื่อมันไม่มีทางออก เราก็ต้องยอมรับสภาพที่จะเป็น แต่เรามีสิทธ์เลือกได้นิ ว่าจะเสาะแสวงหาความสุขให้แก่ตัวเราในรูปแบบไหน ถ้าโชคดี นางเอกงิ้วของแกอาจจะเป็นนางฟ้านางสวรรค์ แต่ถ้าโชคร้าย นางเอกงิ้วจะกลายเป็นปีศาจร้ายคอยรบราห้ำหั่นกับแกจนตายไปข้างหนึ่ง” หงแนะนำและปลอบใจตงเสียยืดยาว
“แต่งน่ะแต่งได้ แต่ผมจะไม่ทน” ตงพูดสรุป “ถ้าผมอยู่กับนุชจรีแล้วไม่มีความสุข ผมจะไม่อดทน ถ้าการรักษาหน้าตาของครอบครัว กลายเป็นการลิดรอนความสุขของผมจนไม่เหลืออะไรแล้ว ผมคงขอหย่ากับนุชจรีไปแสวงหาความสุขให้กับตัวเอง”
3 เดือนต่อมา...
งานแต่งงานของตงและนุชจรีเป็นแบบประเพณีจีนที่รวบพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานเข้าด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายตระเตรียมของหมั้นเพื่อให้ถูกต้องตามประเพณีจีน เริ่มพิธีหมั้นในภาคเช้าตามฤกษ์ที่บ้านนุชจรี-เจ้าสาว ฝ่ายของตงผู้เป็นเจ้าบ่าวตั้งขบวนขันหมากริมถนนหน้าบ้านของเจ้าสาว เมื่อถึงฤกษ์แล้ว ญาติของตงจุดประทัด 1 ตับเพื่อให้สัญญาณว่า ขบวนขันหมากพร้อมเคลื่อนขบวนแล้ว ทางบ้านได้จุดประทัดจอบรับเป็นสัญญาณพร้อมให้ขบวนขันหมากเคลื่อนแล้ว ทุกๆ คนที่แวดล้อมตงไม่ว่าจะเป็นเสี่ยเส็งและนางสุรีย์ ผู้เป็นพ่อและแม่ ญาติๆ เพื่อนๆ มีสีหน้าชื่นมื่น ตงสวมชุดเจ้าบ่าวแบบจีนแมนดารินสีแดง ขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวเคลื่อนสู่บ้านเจ้าสาวอย่างเรียบร้อยสง่างาม ช่างภาพรัวชัตเตอร์เก็บภาพไว้ บรรยากาศในห้องรับแขกบ้านเจ้าสาวที่กว้างขวางกลับแคบลงโดยบัดดลเพราะมีญาติทั้งสองฝ่ายมาพบปะกัน ขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวประกอบไปด้วย เงินสินสอด ทองหมั้น 4 อย่างได้แก่ สร้อยคอ กำไล ต่างหูและแหวน หมูย่างเมืองตรัง 1 ตัว ส้มเช้ง 120 ลูก กล้วย 40 หวี ขนมจันอับ ถั่วตัด ขนมเหนียวเคลือบงา ขนมเปี๊ยะโรยงา ขนมโก๋อ่อน ข้าวพองทึบ ซาลาเปาซิ่วท้อ เครื่องเซ่นไหว้ 2 ชุดเพื่อไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษ จัดวางของหมั้นไว้บนโต๊ะใหญ่ที่จัดไว้ สมทบกับของหมั้นฝ่ายเจ้าสาวประกอบด้วย เอี๊ยมแดงมีกระเป๋าใส่เมล็ดพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ถั่วเขียว สาคู ถั่วแดงห่อไว้ในกระดาษแดง พร้อมใส่เหรียญทองลายมังกรและเงินขวัญถุงจำนวนหนึ่ง เสียบปิ่นทองไว้ที่ปากกระเป๋า ต้นชุงเฉ้า หรือต้นเมียหลวง 2 ต้น ของหมั้นทุกอย่างแปะอักษรจีนว่า ซังฮี้ สีแดง อันมีความหมายว่า ความสุขอย่างยิ่ง เถ้าแก่ทั้งสองฝ่ายและพ่อแม่คู่บ่าวสาวนั่งบนโซฟา ตงนั่งคอยเจ้าสาวที่พื้นปูพรมสีแดงหน้าโซฟา
“ อั๊วได้ยินมาว่าบ้านนี้มีฟักแฟงแตงเต้าดกงาม อาเส็งจะขอไปปลูกที่บ้านอีบ้าง จะขัดข้องอะไรไหม” เถ้าแก่ฝ่ายตงเริ่มเจรจาสู่ขอนุชจรีจากเถ้าแก่ฝ่ายนุชจรี
“อั๊วยินดีให้ฟักแฟงแตงเต้าไปเจริญงอกงามยังบ้านอาเส็ง ยินดียิ่งที่สองตระกูลใหญ่แห่งเมืองตรังได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน ญาติฝั่งอั๊วตรวจนับดูสินสอดทองหมั้นถูกต้องเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ ฝั่งเจ้าสาวไม่ขัดข้องอะไร” เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาวได้ตอบรับการสู่ขอทาบทามอย่างเป็นทางการของเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว
“เชิญเจ้าสาวออกมาทำพิธีหมั้นได้แล้วนะคะ” สุรีย์พูด
แปะฮงลุกขึ้นไปรับนุชจรีที่หลบอยู่อีกห้องหนึ่งข้างๆ ห้องทำพิธี หล่อนสวมชุดกี่เพ้าสีแดงปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูสดใส ผมเกล้าหลวมๆประดับดอกโบตั๋นประดิษฐ์สีชมพู ผนวกกับการแต่งหน้าเบาๆ เหมาะสมกับการเป็นเจ้าสาวดาวเด่นของงาน หล่อนนั่งลงกับพื้นพรมข้างๆ ตง
“ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว ตงสวมให้แหวนน้องสิ” เส็งเตือนลูกชาย ตงรับแหวนหมั้นเพชรหนัก 4 กะรัตจากบิดาแล้วสวมเข้านิ้วนางข้างซ้ายของนุชจรีแบบส่งๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาพากันทำหน้าเหวอ รู้สึกสงสัยว่าทำไมตงสวมแหวนให้นุชจรีเช่นนี้
“ตงคงจะตื่นเต้นนะคะ ต้องขอโทษที” สุรีย์รีบแก้ตัวแทนลูกชายพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน
“นุช สวมแหวนให้พี่เขาสิ” แปะฮงส่งแหวนให้นุชจรี เป็นแหวนทองคำเกลี้ยงหนัก 1 บาท นุชจรีตั้งใจสวมแหวนให้ตง เจ้าบ่าวเจ้าสาว เถ้าแก่ทั้งสองฝ่าย พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ญาติผู้ใหญ่และแขกมาร่วมงานร่วมกันรับประทานขนมอี๋ เป็นอันเสร็จพิธีหมั้น
หลังจากเลี้ยงอาหารกลางวัน แปะฮงและเขียวช่วยกันนับสินสอดทองหมั้น แสร้งทำเป็นแบกสินสอดหนักๆ ไปไว้ในห้องเก็บสินสอด แล้วจัดการแบ่งของหมั้นอย่างอื่นทั้งหมูย่าง ส้มเช้ง ขนมหมั้นไปให้แก่ญาติทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน พิธีช่วงบ่ายเป็นพิธียกน้ำชาให้แก่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ผ่านไปอย่างเรียบร้อยและงดงาม
ส่วนงานค่ำเป็นเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่จัดที่โรงแรมหรูประจำจังหวัดตรัง มีแขกเหรื่อมากมายมาร่วมงานเลี้ยงเพราะทั้งแปะฮงและเสี่ยเส็งเป็นคนกว้างขวางของจังหวัด ทว่า... ตงทำเรื่องงามไส้หวังจะฉีกหน้าพ่อแม่พี่น้องด้วยการเมาปลิ้นก่อนเริ่มงาน
“ตงโว้ย มึงจะชิงเมาก่อนไม่ได้นะ” แป๊ะผู้รับหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวคอยกำกับตงอยู่เสมอเพื่อเรียกสติ
“โอ.เค. ไม่เป็นไรแป๊ะ” ตงพยายามเดินให้ตรงแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เดินซวนเซเป็นแลขแปดอย่างกับงูเลื้อย
“มันจะไหวไหมเนี่ย” แป๊ะบ่น
“ตงไปนั่งก่อนไป แป๊ะไปเอาผ้าเย็นหรือผ้าชุบน้ำมาหน่อยนะ พี่จะทำให้คงสร่างเมา” หงรีบเข้ามาดูแลอีกแรง เมื่อแป๊ะคล้อยหลังไป หงเริ่มพูดให้สติแก่ตง “อย่าดื้อนะตง แกอย่าทำให้ป๊ากับม๊าต้องขายหน้า แกจะทำให้งานล่มอยู่นะตง แกไม่พอใจอะไรให้พูดคุยกันในครอบครัว อย่าฉีกหน้าป๊ากับม๊าและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล”
ตงลูบเนื้อลูบตัว แต่งตัวใหม่อีกรอบ ชุดแต่งงานของเขาเป็นชุดสูททักซิโด้สีดำ เขาเดินมาสมทบกับนุชจรีในชุดเจ้าสาวขาวฟูฟ่อง ทั้งคู่ต้องยืนรับแขกหน้าประตูห้องจัดเลี้ยง นุชจรีมีสีหน้าชื่นมื่นเพราะวันนี้ทั้งวันเป็นวันของหล่อน วันที่มีความสุขมากที่สุดอีกวันของหล่อน ผิดไปจากตงที่มีสีหน้าเรียบเฉยและออกไปทางบูดบึ้งเสียด้วยซ้ำไป หงคอยสะกิดเตือนกำชับตงให้ยิ้มแย้มทำหน้าตาให้สดชื่นสมกับการเป็นเจ้าบ่าว
“ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นพูดอะไรสักเล็กน้อยครับ เริ่มจากเจ้าสาวก่อนครับ” พิธีกรเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นสู่เวที ทั้งคู่วางตะเกียบในมือแล้วเดินขึ้นสู่เวที ทุกๆ คนในงานหันเหความสนใจจากอาหารจีนเลิศรสมาสู่คู่บ่าวสาวบนเวที พิธีกรยื่นไมค์ให้นุชจรี
“ตื่นเต้นจังค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรดี”
“พูดอะไรก็ได้ครับ จะขอบคุณแขกที่มางานแต่ง หรือจะพูดเกี่ยวกับเจ้าบ่าวก็ได้ครับ” พิธีกรแนะนำ
“เอิ่ม ขอบคุณทุกท่านที่มาแต่งงานของนุช หากผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัยด้วย ขอบคุณพี่ตงที่ทำให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตคู่กัน นุชรักพี่ตงนะคะ” นุชจรีกล่าวอย่างขวยเขิน
“ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวต้องพูดอะไรบ้างแล้วครับ ขอเชิญครับ”
“ขอบคุณทุกคนครับ ขอบคุณป๊ากับม๊าที่เป็นธุระจัดการงานแต่งงานให้ ขอบใจเจ๊หงและซ้งที่คอยช่วยเหลือช่วยงานจนเหนื่อย ผมอาจจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ผมจะดูแล... นุชจรีให้ดี” ตงต้องทำใจอย่างหนักเพื่อปั้นคำพูด เขารู้สึกแย่กับการต้องโกหกมวลมหาประชาชนที่อยู่ในห้องบอลรูมแห่งนี้
งานเลี้ยงผ่านพ้นไป แขกทั้งหลายที่ได้รับเชิญทยอยกลับบ้านไป เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้เป็นคู่สามีภรรยาไม่สมบูรณ์หากไม่ผ่านพิธีการส่งตัวเข้าหอ โดยห้องหออยู่ที่บ้านของตงที่บางรัก เส็งเกณฑ์คนงานตกแต่งห้องนอนใหญ่ที่ว่างอยู่เสียใหม่ มีตู้เตียง เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งบันเทิงครบครัน เตียงนอนสั่งต่อใหม่เป็นแบบหลุยส์ฝรั่งเศส สลักเสลาลวดลายหรูหราเข้าชุดกันกับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง โทรทัศน์สีจอแบนรุ่นใหม่ล่าสุดราคาแพงที่สุดในท้องตลาด เส็งทำเช่นนี้เพื่อให้เกียรติและสมฐานะลูกสะใภ้ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวห้างทองอันดับต้นๆ ของเมืองตรัง ตงและนุชนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพรมหน้าเตียงนอน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายทยอยเข้ามาในห้อง แปะฉงและเขียวเดินเข้ามานั่งโซฟาเล็กหน้าเตียงนอน ตงและนุชโน้มตัวลงกราบลงแนบเท้า
“อั๊วฝากอานุชด้วย อีอาจจะเอาแต่ใจบ้างแต่ลื้ออย่าถือเอาเป็นอารมณ์นะ” แปะฮงฝากฝังลูกสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจไว้กับตง
“แม่ขอฝากนุชด้วยนะ เปิดใจให้นุช แล้วตงจะได้พบเจอกับความสุข” นางเขียวให้โอวาทเสร็จ แปะฮงและนางเขียวลุกขึ้นให้เส็งและสุรีย์มานั่งแทนที่
“อั๊วขอให้ลื้อทั้งสองใช้ชีวิตคู่ผัวตัวเมียอย่างมีความสุข มีลูกหลานสืบตระกุลต่อไป” เส็งอวยพร
“หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกัน ตงอาจจะอารมณ์ร้อนไปบ้างตามประสาผู้ชาย นุชต้องอดทนหนักแน่น ขอให้ลูกทั้งสองปรับตัวเข้าหากัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข” สุรีย์อวยพรเป็นคนสุดท้าย คนอื่นๆ นอกเหนือคู่บ่าวสาวออกจากไปปล่อยให้ห้องหอเป็นห้องหอจริงๆ ตงและนุชได้อยู่ร่วมกันลำพังเสียที
“เฮ้อ...” ตงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นยืน เขาปลดพวงมาลัยแต่งงานที่คล้องคออยู่ราวกับป้ายแขวนว่าเขาเปลี่ยนแปลงสถานภาพโสดเป็นแต่งงานทิ้งไปกับพื้น แล้วถอดเสื้อสูทตัวนอกออกแล้วกระโดดจึ้นนอนแผ่หลาบนเตียง
“พี่ตงจะอาบน้ำก่อนไหมคะ” นุชจรีถามขณะนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนกำลังปลดเปลื้องเครื่องประดับทั้งสร้อยคอ ต่างหูไว้บนถาดแก้ว
“ไม่ล่ะ พี่เหนื่อยเต็มทีแล้ว พี่คงจะหลับไปเลย ตรงที่พรมหน้าเตียงก็นุ่มดีนะ พี่คงจะนอนตรงนั้น” ตงคว้าหมอนลงมาจากเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแสร้งหลับที่พรม
“นุชขอตัวก่อนนะคะ” นุชจรีปลีกตัวไปอาบน้ำ พอพ้นสายตาจากภรรยา เขาลืมตาขึ้นเอามือก่ายหน้าผาก ครุ่นคิดหนักว่าจะวางตัวกับนุชจรีเช่นไร เขาต้องทำใจให้รักนุชจรีอย่างไม่มรทางเลือก หรือต้องทนฝืนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิต มันมีไฟสุมใจตง ไฟแห่งความคลั่งแค้นในโชคชะตาของตนเองที่ต้องเป็นเช่นนี้ สุดท้ายเขากับนุชจรีจะรักกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หรือมีแต่ความเลวร้าย แค้นชิงชังมอบให้กันจนไม่อาจทนกันได้ ต้องหย่าร้างแยกทางกันไป เหลือไว้แต่ความทุกข์ทรมาน
... ... ...
สุราษฎร์ธานี ปลายฤดูฝน…
“ถ้าเกิดอะไรที่เลวร้ายขึ้นมา เรายินดีที่จะรับมันแทน”
“เรารักเจฟ คำๆ นี้มันพูดยากสำหรับเรา ถ้าเราไม่ได้ฟังเรื่องของเจฟจากปากของเบียร์เมื่อคืนวาน เราคงไม่ได้บอกกับเจฟ เราสองคนอาจจะไม่ได้พบได้เจอกันอีก”
“เราเองก็... รักแบงค์เหมือนกัน แต่เรากลัวนี่ เรากลัวว่าแบงค์จะต้องมาร่วมทุกข์กับเรา”
“ถ้าตัดเหตุผลนานัปการ ถ้าไม่ต้องแคร์คนอื่น เจฟพร้อมที่จะเป็นแฟนกับเราป่ะ”
“เรารักแบงค์ ถ้ามีแบงค์อยู่กับเรา ไม่ทิ้งเราไป เราก็มั่นใจ ต่อให้คนทั้งโลกชังเรา แต่จะมีแบงค์ที่อยู่กับเรา”
“เท่านี้แหละเจฟ เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน เส้นทางของสองเราอาจะมีหนามจากเถาระกำทิ่มแทงให้ระคายเคือง แต่เราสองคนจะช่วยกันบ่งเสี้ยนหนามเหล่านั้นให้มลายหายไป”
เจฟตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝัน เหงื่อท่วมโซมกายและหายใจแรง ชายผู้นั้นปรากฏตัวในความฝันอีกแล้ว เขาฝันเห็นชายผู้นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พักหลังมาภาพในความฝันเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เจฟนึกออกในตอนนั้นคือ ชายผู้นั้นมีชื่อว่า แบงค์ มาเยี่ยมเขาหลังจากฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ หลังจากนั้นชายผู้นั้นกับเขาก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเลย
“โอ๊ย โอ๊ย” เตยหอมผู้เป็นภรรยานอนครวญครางเพราะเจ็บปวด หล่อนใช้มือกุมท้องที่โตเพราะตั้งครรภ์แก่จวนจะคลอดแล้ว
“เตยเจ็บท้องหรือ” เจฟอารามตกใจจับมือเตยหอมไว้เสียแน่น เขาลืมเรื่องความฝันไป แล้วจดจ่ออยู่กับอาการเจ็บท้องคลอดของภรรยา
“ค่ะพี่เจฟ น้ำคร่ำแตกแล้ว พาเตยไปโรงพยาบาลด่วนเลยค่ะ”
เจฟขับรถพาเตยหอมมาถึงโรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง เตยหอมถูกนำส่งห้องคลอดโดยเวรเปล เจฟนั่งรออยู่หน้าห้องคลอด เขาดีใจมากที่ลูกน้อยผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจะได้ออกมาจากครรภ์ลืมตาดูโลก เจฟนั่งคอย นอนคอยหน้าห้องคลอดจนเผลอหลับไป
“ผมรักแบงค์ แม่ปล่อยผมไปเถอะครับ” เจฟพูดกับพลางร้องไห้ไปด้วย
“แกไม่อายบ้างหรือไง พูดมาหน้าด้านๆ ว่ารักผู้ชาย”
“ผมไม่อาย การรักใครสักคนไม่เห็นต้องอายใครเลย แบงค์เป็นคนดีที่ผมรัก ผมจะไปหาแบงค์” เจฟคว้ากุยแจรถจักรยานยนต์พร้อมจะออกไป
“ถ้าแกไปก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่” แม่ของเจฟแผดเสียง
“ผมลาล่ะครับ” เจฟไหว้ลาแล้วขับรถจักรยานยนต์ออกไป เขาไปหาแบงค์ที่บ้านเสม็ดเรียงอย่างที่เคยเป็นมา ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันตามประสาคนรัก และแยกย้ายจากกันในยามค่ำมืด แล้วเขาโดนรถสิบล้อฝ่าไฟแดงพุ่งชนอย่างรุนแรง จนเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว ความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาหมดสิ้น เขาเป็นใคร และชายผู้นั้นในความฝันคือ แบงค์ คนรักหนึ่งเดียวของเขา ทว่าเมื่อเขาสูญเสียความทรงจำ แม่ของเขาสมอ้างว่าเตยหอมเป็นแฟน เตยหอมดูแลรักษาพยาบาลเจฟจนหาย ทั้งคู่ได้แต่งงานจนมีลูก
“คุณได้ลูกสาวนะคะ น้องแข็งแรงสมบูรณ์ดี” พยาบาลทำคลอดเดินออกมาแจ้งให้เจฟทราบ
“ขอบคุณครับ แล้วเตยจะได้ออกมาจากห้องคลอดตอนไหนครับ”
“สักครู่ค่ะ ส่วนน้องต้องไปอยู่ที่ห้องเด็กก่อนค่ะ คุณแม่แข็งแรงดีแล้วจะให้พยาบาลที่ห้องเด็กสอนเรื่องการอาบน้ำ การให้นม” พยาบาลเดินจากไปหลังจากตอบคำถามเสร็จ
เจฟออกไปจากโรงพยาบาล ขับรถเก๋งไปตามถนนศรีเกษมผ่านแยกในลึกจนมาถึงหัวถนนบรรจบกับถนนชนเกษม เบื้องหน้าเป็นซอยเสม็ดเรียงมีการตัดถนนต่อจากเส้นศรีเกษม มีป้ายห้ามเข้าเครื่องจักรกำลังทำงานขวางอยู่ เขาไม่อาจขับรถเข้าไปได้ เลยต้องเลี้ยวขวาจอดรถไว้ข้างทาง เจฟเดินเข้าไปเสม็ดเรียง เขาเดินไปจนถึงบริเวณที่เคยเป็นบ้านของแบงค์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพังรอไถกลบ เจฟทรุดตัวลงร้องไห้ปล่อยโฮ ไม่เหลืออะไรแล้ว
“มาทำอะไรที่นี่พ่อหนุ่ม” ลุงแก่ๆ ท่านหนึ่งเดินผ่านมาเลยแวะถาม
“ตรงนี้เคยเป็นบ้านสุริยะกุลไม่ใช่หรือครับ”
“เคยเป็นนะ บ้านในซอยนี้ถูกเวนคืนไปหลายหลัง บ้านหลังนี้ก็ไม่พ้น” ลุงแปลกหน้าตอบ
“แล้วคนในบ้านย้ายไปอยู่ที่ไหนครับ”
“คนที่เป็นทหารลาออกจากราชการ ย้ายครอบครัวไปกรุงเทพกันหมด ส่วนคนน้องนั้นหายหน้าไปก่อนบ้านจะถูกเวนคืน เห็นมีผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งมาช่วยย้ายของด้วย ตั้งแต่นั้นมาลุงก็ไม่เห็นอีกเลย” ลุงแปลกหน้าตอบอย่างละเอียดแล้วเดินจากหายไป
เขาหลีกเร้นหนีหายไปจากชีวิตของผม ผมจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน ผมอยากจะเจอเขาเหลือเกิน อยากจะบอกเขาว่าผมจำทุกสิ่งทุกอย่างได้หมดแล้ว ผมยังรักเขาอยู่เหมือนเดิม ผมอาจจะทำให้เขาเสียใจซ้ำซาก แต่ผมต้องการให้เขาให้โอกาสผมอีก แต่มันคงจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้วใช่ไหม ผมกลายเป็นคนที่มีพันธะไปเสียแล้ว ผมอาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมไม่ได้รักตลอดไปชีวิต มันคงจะเป็นทัณฑ์ที่ผูกมัดรัดตรึงผมเอาไว้ให้จมอยู่ในทะเลน้ำตาอันเป็นนิรันดร์…
จบบท
หลายปีต่อมา... ข่าวด่วน! วิงส์แอร์เวย์เทคโอเวอร์กิจการโรงแรมรอยัลไดมอนด์... สายการบินวิงส์แอร์เวย์ตัดสินใจซื้อกิจการโรงแรมรอยัลไดมอนด์ของตระกูลนิตยนาถสุนทรทั้งหมด หลังจากนายพิชัย นิตยนาถสุนทรถูกฟ้องล้มละลาย ทางวิงส์แอร์เวย์ยังไม่ได้แถลงการณ์อะไร หากมีความคืบหน้าอย่างไร ผู้สื่อข่าวภาคสนามจะรายงานจากสำนักงานใหญ่สายการบินวิงส์แอร์เวย์ อาคารไกรลาศ ถนนรัชดาภิเษกต่อไป... บนชั้น 28 ของอาคารไกรลาศเป็นที่ตั้งของห้องทำงานผู้บริหารระดับสูงในสายการบินวิงส์แอร์เวย์และบริษัทในเครือ ณ ห้องประธานผู้บริหาร แบงค์กำลังยืนชมทัศนียภาพเมืองกรุงอย่างสบายอารมณ์ “ได้เวลาดื่มชาแล้วครับท่าน วันนี้เ
“ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้สายการบินวิงส์แอร์เวย์นำพาทุกท่านสู่ทาอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อความปลอดภัยของท่าน กรุณานั่งประจำที่และรัดเข็มขัดจนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดเหนือศีรษะของท่านดับลง สำหรับข่าวสารและโปรโมชั่นต่างๆ ของสายการบินสามารถติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/peegoongwriter สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีค่ะ” แบงค์รับสัมภาระแล้วนำขึ้นไปยังสำนักงานขายตั๋วชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสารฝากกระเป๋าไว้ที่สำนักงาน แล้วออกเริงร่าติดปีกสวยๆ เป็นผีเสื้อเริงราตรี เขาไปทีจีผับ แหล่งบันเทิงประจำของเขา แบงค์แสดงลีลาร้องเพลงได้อย่างเมามัน ในห้องวีไอพีนี้มีเพียงชีพและเด็กอาร์ม ส่วนวินไม่ได้เข้ามาในคืนนี้ ทั้งสามกินดื่มอย่างสนุกสนาน ชีพไปตกลงกับอาร์มไว้เรียบร้อยแล้ว เด็กอาร์มรับหน้าที่เป็นผู้ให้ความบันเทิงต่อแบงค์ “ผับใกล้ปิดแล้ว ท่านจะพาอาร์มไปไหนดีครับ&
“ท่านผู้โดยสารครับ ขณะนี้เรากำลังลดระดับลงสู่ตึกเกือกม้า กรุณานั่งประจำที่ กอดนักบินให้แน่นด้วยความรักขอบคุณครับ” ตงรับหน้าที่เป็นกัปตันขับรถจักรยานยนต์สีแดงของแบงค์ เจ้าของรถกอดตงไว้เสียแน่น ทั้งคู่สวมชุดนักศึกษา เมื่อทุกพร้อม ตงปล่อยรถจักรยานยนต์ลงเนินเขาไปโดยไม่ออกแรงขับเคลื่อน ทั้งคู่ยิ้มแย้มร่าเริงมีความสุขตามประสาคนรักกัน จนมาถึงสามแยกสวนทุเรียน ตงสตาร์ทรถจักรยานยนต์แล้วขับมาถึงตึกเกือกม้า “ถึงโดยสวัสดิภาพ” ตงจอดรถไว้ที่จอดรถ “ขอบคุณครับ” แบงค์เอ่ย “กัปตันตงบริการทุกระดับประทับใจ” ตงพูดเสร็จคว้าตัวแบงค์มาโอบรัดไว้ แล้วค่อยๆ จูบอย่าอ่อนโยน ตี๊ด... มันก็แค่ความฝัน เราสองคนรักกันได้แค่ในค
มากกว่าการเดินทาง สัมผัสความสะดวกสบายกับเครื่องพาณิชย์ลำใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส เอ 380 Wings Ariways We care everyone. สายการบินวิงส์แอร์เวย์ บินไปด้วยรัก… เจฟดูโฆษณาของสายการบินวิงส์แอร์เวย์แล้วรู้สึกระทมเสียใจ โชคชะตาเล่นตลกกับเขาและแบงค์เหลือเกิน หลังจากที่ความทรงจำของเขากลับมา เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทรมานใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเจฟกับเตยหอมแย่ลงไปเจฟเห็นภรรยาเหมือนเป็นคนอื่น เป็นคนแปลกหน้า มีเพียงความรักและรับผิดชอบให้แค่ของขวัญ ลูกสาวตัวน้อย นางจารุณี แม่ของเจฟ ผู้เจ้ากี้เจ้าการ ผู้อาศัยจังหวะทองที่ความทรงจำของลูกชายหายไปเนื่องจากอุบัติเหตุ ใส่ข้อมูลเรื่องของเตยหอมเข้ามาแทนที่แบงค์ พอความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาเรื่อยๆ ก็ไม่มีแบงค์แล้ว เจฟเสียใจ ยังคงรักและถวิลหาแบงค์โดยตลอด ดึกดื่นคืนนั้น เจฟแยกต้วมานอนเพียงคนเดียว ให้เตยนอนหลับอยู่กับลูกอีกห้องนอนห้องหนึ่ง มานานมากแล้ว เขา นอนไม่หลับ เอามือก่ายหน้าผากคิดอะไรมากมาย จนคิดไม่ตก เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขาบอกความต้องการหย่าร้างกับเต
เมื่อเครื่องบินลงสู่สนามบินเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนได้เกิดขึ้น นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่จากบริษัทแอร์บัสแล้ว ยังมีจอร์จและโรนัลด์-เลขาคนสนิทยืนต้อนรับการมาถึงของแบงค์ ตงและวินเซนต์ “ทำหน้ายังกะเห็นผี เห็นคนตายแล้วฟื้นหรือไง” จอร์จทักทายแบงค์ที่ทำหน้าประหลาดใจ “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาได้” แบงค์พูด “คุณดูสดใสเหมือนคนไม่ได้ป่วยเลยนะ” “ผมค่อยเล่าให้คุณฟังที่โรงแรมก็แล้วกัน” โรงแรมที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมืองตูลูส เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เก่าแก่ ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศติดกับประเทศสเปน ปัจจุบันเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักที่สิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นตัวอย่างของเมืองอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม&n
หลายเดือนต่อมา... นุชจรีนั่งจิบกาแฟลาเต้อย่างกระสับกระส่ายภายในร้านกาแฟ สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่นาฬิกาเป็นระยะๆ สีหน้าหล่อนทวีความหงิกงอจนเมคอัพเครื่องสำอางไม่สามารถปกปิดไว้ได้ มีชายผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามาในร้าน เขามองสอดส่ายสายตาไปทั่วร้านจนหยุดสายตามามองนุชจรีแล้วเดินมาหาหล่อน “ฉันรอเธอนานมากแล้วนะ” นุชจรีทักทายอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษทีครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษขอโพยแล้วสั่งกาแฟกับบริกรที่ยืนรอรับรายการเครื่องดื่ม “ขอสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนครับ” “ไหนล่ะหลักฐานที่ให้หา” นุชจรีทวงงานที่ให้ชายหนุ่มสืบมาให้ “นี่ครับ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในซองนี้” ชายหนุ่ม
เป็นเวลาพลบค่ำพอดีที่ตงลงจากรถตู้ข้ามสะพานลอยมายืนรอตรงปากทางซอยพิเศษ เขายืนรอได้ไม่นานเท่าไหร่ก็มีรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งมาจอดเทียบข้างถนนระยะประชิดกับเขา “ขึ้นมาเถอะ” แบงค์คือคนขับรถเก๋ง เปิดกระจกเชื้อเชิญให้ตงขึ้นรถ ตงจะเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแต่เจ้าภีมเด็กน้อยนั่งอยู่ ตงไปเปิดประตู “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณขับรถเป็นด้วย เห็นไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถให้หรือไม่ก็ใช้ระบบขนส่งมวลชน” ตงทักหลังจากนั่งรถเรียบร้อยแล้ว “มีอีกหลายเรื่องของผมที่คุณยังไม่รู้” แบงค์พูดเปรยขับรถไปอย่างช้าเพื่อให้ตงได้ซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางซอยพิเศษที่เปลี่ยนแปลงไป “เด็กนี่เป็นหลานคุณเหรอ” ตงถาม “ไม่ใช่ ลูกผม” แบงค์ตอบ&nbs
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาบ่ายแก่ๆ แบงค์เปลี่ยนใจไม่ไปพบวินที่ทีจีผับและนัดพบเจอตง ตามตารางงานวันนี้ตงทำงานเที่ยวบินจากเชียงใหม่เวลาดึก เที่ยวสุดท้ายของวัน แบงค์ถอดเสื้อสูท ผูกไทค์สีส้มติดบัตรเจ้าหน้าที่เช็คอินลงช่วยงานฝ่ายเช็คอินในบริเวณชั้นผู้โดยสารขาออกเพื่อเป็นการฆ่าเวลารอตง จนเวลาล่วงเลยมาถึง 5 ทุ่มเศษๆ ตงก็ขึ้นมารับแบงค์ ทั้งสองออกจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มาสู่สถานีปลายทางพญาไท “หิวมั้ยครับ” แบงค์ถามตงในระหว่างเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมกับตง “หิวอ่ะ” ตงตอบ “ผมอยากกินผัดไทย” “ผัดไทยตอนเกือบเที่ยงคืนนี่ต้องผัดไทยประตูผีที่เดียวแล้วล่ะ เรียกแท็กซี่ไปร้านผัดไทยประตูผีก็แล้วกัน” แบงค์และตงเรียกแท็กซี่มาร้านผัดไทยประตูผีย่านสำราญราษฎร์ สั่งผัดไทย หมูสะเต๊ะ น้ำส้ม
4 ปีต่อมา... ดูเหมือนว่า ผลประกอบการของวิงส์แอร์เวย์ ภายใต้การบริหารของอนุพงษ์ไม่สดใสนัก ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง เพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป การบริการต่างๆ ก็ด้อยลงไปจากเดิม แม้กระทั่งนักรีวิวการเดินทาง ต่างก็วิจารณ์ไปใสทางที่ไม่ดี “นี่นะหรือบินไปด้วยรัก บินชั้นอีโคโนมี่ไปฮ่องกงเหมือนนรกแตก เริ่มจากเที่ยวบินดีเลย์ เปลี่ยนเวลาออกเดินทางอยู่หลายครั้ง ในช่วงที่นั่งรอเครื่องออก น่าเบื่อมาก จะดูหนังฟังเพลงจากระบบ IFE ฆ่าเวลา ลูกเรือก็ไม่แจกหูฟังอีก จนกระทั่ง เครื่องบินถอยออกจากงวงช้าง เปิดวิดีโอสาธิตความปลอดภัย ลูกเรือเพิ่งมาแจกหูฟัง สภาพหูฟังก็กิ๊กก๊อก เหมือนที่ขายในตลาดนัด คงจะใช้ทีเดียวทิ้ง ไม่น่าจะนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อาหารบนเครื่องแล้วแต่ลิ้นผู้โดยสาร สำหรับผม ไม่ถูกปากครับ ไม่ต้องให้ดีเลิศแค่อยากให้เหมือนเมื่อก่อน ที่ทำให้เชื่อว่าบินไปด้วยรักจริงๆ” คุณเนสซี่เจ้าของช่องเนสซี่ไฟลท์ในบ้านแดง เขาเป็นอินฟลูเอน
สงครามสงบลงด้วยความบอบช้ำทั้งสองฝ่าย แม้ว่านุชจรีจะประกันตัวออกมาเพื่อรอสู้คดี ใช้ชีวิตเงียบๆ ในบ้านของตนเองที่ตรัง นุชจรียอมเซ็นใบหย่ามอบอิสรภาพให้แก่ตง ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลร้าวฉานยากจะเยียวยาและเป็นบทเรียนให้คนอื่นๆ เรียนรู้ว่าการคลุมถุงชนมันใช้ไม่ได้ในยุคนี้แล้ว ไม่ได้รักกันแล้วมาอยู่ด้วยกันมันทรมานจนแตกหักกันไป ส่วนแบงค์ต้องจัดการพิธีศพของจอร์จอย่างเรียบร้อย แม้ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่แขกที่มางานก็มาร่วมงานและแอบซุบซิบนินทาเจ้าภาพอย่างสนุกปากเพราะนอกจากแบงค์ นุ น้ำและลูกหลานที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกแก่แขกมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ ยังมีตงร่วมงานอยู่ในฐานะกึ่งแขกกึ่งเจ้าภาพ “น่าสงสารมิสเตอร์จอร์จนะคะ” มลดาเปรยในระหว่างนั่งพนมมือฟังพระสวดสาธยายพระอภิธรรม “มันก็น่าอยู่นะ มิสเตอร์จอร์จนี่เป็นคนน่าสงสาร คิดดูนะพ่อแม่มาตายตอนเกิด 911 ที่นิวยอร์ค ใช้ชีวิตเงียบเหงาอยู่กับงานธุรกิจที่ต้องสืบต่อ จนมาเจอกับแบงค์เกิดความรักกัน ท
“ใครมีปืนเถื่อน มาขายฉันได้ไหมคะ พูดจริงนะจ๊ะจะซื้อไปยิงอกคน” นุชจรีนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้เอน เธอเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ สุดแค้นคนชั่วที่พรากสามีสุดที่รักไปให้ตนนอนกอดทะเบียนสมรสต่างกอดสามี นุชจรีสู้ทนทวงสามี ตากหน้าจนด้านชา ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตงกลับมาแต่มืดมนเสียเหลือเกิน เธอไม่อาจข่มตาหลับ จิตใจไม่อยู่ในภาวะปกติ เธอตอบโต้คนที่ขัดใจเธอได้อย่างแสบสรร การมีศัตรูเป็นแบงค์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่กำจัดออกไป การทำลายชื่อเสียง การไปพูดจาดีๆ ขอสามีคืน การลักพาตัวคนในครอบครัวของแบงค์ ผลลัพธ์ที่ได้คือการยื้อสถานภาพความเป็นสามีภรรยาของตงกับเธอไว้ไประยะหนึ่ง พอเกิดเรื่องไฟไหม้ที่บ้านพ่อแม่ รู้ดีว่าแบงค์อยู่เบื้องหลังแต่เหมือนคนน้ำท่วมปากไม่กล้าบอกเหตุ หากพูดไปกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอจะต้องบอกถึงเรื่องการลักพาตัวน้ำและภีม ผ่านมาเรื่อยๆ การอยู่เงียบๆ ดูสามีตนเองเล่นชู้กับชายอื่นอย่างมีความสุข เธอได้แค่เจ็บแค้นและรอเวลาเหมาะสมต้องสะสางแค้นในสักวันหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องการยิงปืนไม่ใช่เรื่องยากและเรื่องง่าย การที่นุชจรีตัดสินใจเรียนยิงป
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาบ่ายแก่ๆ แบงค์เปลี่ยนใจไม่ไปพบวินที่ทีจีผับและนัดพบเจอตง ตามตารางงานวันนี้ตงทำงานเที่ยวบินจากเชียงใหม่เวลาดึก เที่ยวสุดท้ายของวัน แบงค์ถอดเสื้อสูท ผูกไทค์สีส้มติดบัตรเจ้าหน้าที่เช็คอินลงช่วยงานฝ่ายเช็คอินในบริเวณชั้นผู้โดยสารขาออกเพื่อเป็นการฆ่าเวลารอตง จนเวลาล่วงเลยมาถึง 5 ทุ่มเศษๆ ตงก็ขึ้นมารับแบงค์ ทั้งสองออกจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มาสู่สถานีปลายทางพญาไท “หิวมั้ยครับ” แบงค์ถามตงในระหว่างเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมกับตง “หิวอ่ะ” ตงตอบ “ผมอยากกินผัดไทย” “ผัดไทยตอนเกือบเที่ยงคืนนี่ต้องผัดไทยประตูผีที่เดียวแล้วล่ะ เรียกแท็กซี่ไปร้านผัดไทยประตูผีก็แล้วกัน” แบงค์และตงเรียกแท็กซี่มาร้านผัดไทยประตูผีย่านสำราญราษฎร์ สั่งผัดไทย หมูสะเต๊ะ น้ำส้ม
เป็นเวลาพลบค่ำพอดีที่ตงลงจากรถตู้ข้ามสะพานลอยมายืนรอตรงปากทางซอยพิเศษ เขายืนรอได้ไม่นานเท่าไหร่ก็มีรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งมาจอดเทียบข้างถนนระยะประชิดกับเขา “ขึ้นมาเถอะ” แบงค์คือคนขับรถเก๋ง เปิดกระจกเชื้อเชิญให้ตงขึ้นรถ ตงจะเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแต่เจ้าภีมเด็กน้อยนั่งอยู่ ตงไปเปิดประตู “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณขับรถเป็นด้วย เห็นไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถให้หรือไม่ก็ใช้ระบบขนส่งมวลชน” ตงทักหลังจากนั่งรถเรียบร้อยแล้ว “มีอีกหลายเรื่องของผมที่คุณยังไม่รู้” แบงค์พูดเปรยขับรถไปอย่างช้าเพื่อให้ตงได้ซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางซอยพิเศษที่เปลี่ยนแปลงไป “เด็กนี่เป็นหลานคุณเหรอ” ตงถาม “ไม่ใช่ ลูกผม” แบงค์ตอบ&nbs
หลายเดือนต่อมา... นุชจรีนั่งจิบกาแฟลาเต้อย่างกระสับกระส่ายภายในร้านกาแฟ สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่นาฬิกาเป็นระยะๆ สีหน้าหล่อนทวีความหงิกงอจนเมคอัพเครื่องสำอางไม่สามารถปกปิดไว้ได้ มีชายผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามาในร้าน เขามองสอดส่ายสายตาไปทั่วร้านจนหยุดสายตามามองนุชจรีแล้วเดินมาหาหล่อน “ฉันรอเธอนานมากแล้วนะ” นุชจรีทักทายอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษทีครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษขอโพยแล้วสั่งกาแฟกับบริกรที่ยืนรอรับรายการเครื่องดื่ม “ขอสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนครับ” “ไหนล่ะหลักฐานที่ให้หา” นุชจรีทวงงานที่ให้ชายหนุ่มสืบมาให้ “นี่ครับ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในซองนี้” ชายหนุ่ม
เมื่อเครื่องบินลงสู่สนามบินเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนได้เกิดขึ้น นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่จากบริษัทแอร์บัสแล้ว ยังมีจอร์จและโรนัลด์-เลขาคนสนิทยืนต้อนรับการมาถึงของแบงค์ ตงและวินเซนต์ “ทำหน้ายังกะเห็นผี เห็นคนตายแล้วฟื้นหรือไง” จอร์จทักทายแบงค์ที่ทำหน้าประหลาดใจ “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาได้” แบงค์พูด “คุณดูสดใสเหมือนคนไม่ได้ป่วยเลยนะ” “ผมค่อยเล่าให้คุณฟังที่โรงแรมก็แล้วกัน” โรงแรมที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมืองตูลูส เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เก่าแก่ ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศติดกับประเทศสเปน ปัจจุบันเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักที่สิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นตัวอย่างของเมืองอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม&n
มากกว่าการเดินทาง สัมผัสความสะดวกสบายกับเครื่องพาณิชย์ลำใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส เอ 380 Wings Ariways We care everyone. สายการบินวิงส์แอร์เวย์ บินไปด้วยรัก… เจฟดูโฆษณาของสายการบินวิงส์แอร์เวย์แล้วรู้สึกระทมเสียใจ โชคชะตาเล่นตลกกับเขาและแบงค์เหลือเกิน หลังจากที่ความทรงจำของเขากลับมา เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทรมานใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเจฟกับเตยหอมแย่ลงไปเจฟเห็นภรรยาเหมือนเป็นคนอื่น เป็นคนแปลกหน้า มีเพียงความรักและรับผิดชอบให้แค่ของขวัญ ลูกสาวตัวน้อย นางจารุณี แม่ของเจฟ ผู้เจ้ากี้เจ้าการ ผู้อาศัยจังหวะทองที่ความทรงจำของลูกชายหายไปเนื่องจากอุบัติเหตุ ใส่ข้อมูลเรื่องของเตยหอมเข้ามาแทนที่แบงค์ พอความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาเรื่อยๆ ก็ไม่มีแบงค์แล้ว เจฟเสียใจ ยังคงรักและถวิลหาแบงค์โดยตลอด ดึกดื่นคืนนั้น เจฟแยกต้วมานอนเพียงคนเดียว ให้เตยนอนหลับอยู่กับลูกอีกห้องนอนห้องหนึ่ง มานานมากแล้ว เขา นอนไม่หลับ เอามือก่ายหน้าผากคิดอะไรมากมาย จนคิดไม่ตก เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขาบอกความต้องการหย่าร้างกับเต
“ท่านผู้โดยสารครับ ขณะนี้เรากำลังลดระดับลงสู่ตึกเกือกม้า กรุณานั่งประจำที่ กอดนักบินให้แน่นด้วยความรักขอบคุณครับ” ตงรับหน้าที่เป็นกัปตันขับรถจักรยานยนต์สีแดงของแบงค์ เจ้าของรถกอดตงไว้เสียแน่น ทั้งคู่สวมชุดนักศึกษา เมื่อทุกพร้อม ตงปล่อยรถจักรยานยนต์ลงเนินเขาไปโดยไม่ออกแรงขับเคลื่อน ทั้งคู่ยิ้มแย้มร่าเริงมีความสุขตามประสาคนรักกัน จนมาถึงสามแยกสวนทุเรียน ตงสตาร์ทรถจักรยานยนต์แล้วขับมาถึงตึกเกือกม้า “ถึงโดยสวัสดิภาพ” ตงจอดรถไว้ที่จอดรถ “ขอบคุณครับ” แบงค์เอ่ย “กัปตันตงบริการทุกระดับประทับใจ” ตงพูดเสร็จคว้าตัวแบงค์มาโอบรัดไว้ แล้วค่อยๆ จูบอย่าอ่อนโยน ตี๊ด... มันก็แค่ความฝัน เราสองคนรักกันได้แค่ในค