มากกว่าการเดินทาง สัมผัสความสะดวกสบายกับเครื่องพาณิชย์ลำใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส เอ 380 Wings Ariways We care everyone. สายการบินวิงส์แอร์เวย์ บินไปด้วยรัก…
เจฟดูโฆษณาของสายการบินวิงส์แอร์เวย์แล้วรู้สึกระทมเสียใจ โชคชะตาเล่นตลกกับเขาและแบงค์เหลือเกิน หลังจากที่ความทรงจำของเขากลับมา เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทรมานใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเจฟกับเตยหอมแย่ลงไปเจฟเห็นภรรยาเหมือนเป็นคนอื่น เป็นคนแปลกหน้า มีเพียงความรักและรับผิดชอบให้แค่ของขวัญ ลูกสาวตัวน้อย นางจารุณี แม่ของเจฟ ผู้เจ้ากี้เจ้าการ ผู้อาศัยจังหวะทองที่ความทรงจำของลูกชายหายไปเนื่องจากอุบัติเหตุ ใส่ข้อมูลเรื่องของเตยหอมเข้ามาแทนที่แบงค์ พอความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาเรื่อยๆ ก็ไม่มีแบงค์แล้ว เจฟเสียใจ ยังคงรักและถวิลหาแบงค์โดยตลอด ดึกดื่นคืนนั้น เจฟแยกต้วมานอนเพียงคนเดียว ให้เตยนอนหลับอยู่กับลูกอีกห้องนอนห้องหนึ่ง มานานมากแล้ว เขา นอนไม่หลับ เอามือก่ายหน้าผากคิดอะไรมากมาย จนคิดไม่ตก เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขาบอกความต้องการหย่าร้างกับเตยหอมกับนางจารุณี เมื่อปีกลาย
“ผมอยากหย่า” เจฟพูด
“ทำไม? แกกับเตยรักกันดีไม่ใช่หรือ?” นางจารุณีถามหาเหตุ
“ผมจำทุกอย่างได้แล้วครับ” เจฟพูดความจริงที่เขาไม่เคยบอกใคร
“ทำไมต้องหย่าด้วย ทุกวันนี้ลูกก็มีครอบครัวสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว มีเมียที่ดีและลูกที่น่ารัก” นางจารุณีคัดค้านความคิดของเจฟ
“ผมไม่ได้รักเตยหอม ผมไม่ได้รู้สึกรักเธอเลย แม่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจนี่ครับว่าเหตุผลการแต่งงานของผมกับเตยหอมคืออะไร ผมไม่มีทางที่จะอยู่กับเตยหอมได้อย่างมีความสุขได้” เจฟพูด
“แกจะกลับไปหาไอบ้านั้นทำไม มันหายสาบสูญไปเหมือนคนที่ตายไปแล้ว แกจะออกตามหามันเพื่อรื้อฟื้นความบัดสี ความวิปริตให้อับอายไปทั้งตระกูลหรือเจฟ” นางจารุณีขึ้นเสียงตะคอกใส่เจฟด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว
“แม่เห็นหน้าตาของตัวเองสำคัญกว่าความสุขทั้งชีวิตของผมหรือครับ แม่มีความสุขหรือที่ผมต้องอยู่กับครอบครัวปลอมๆ ครอบครัวที่ไม่ได้มีความรักกันจริงๆ มันไม่ใช่ครอบครัวหรอกครับแม่” เจฟอธิบายเหตุผลให้แม่ฟัง
“ยังไงฉันก็ไม่ให้แกหย่า อยากหย่าก็รอรับศพฉันได้เลย” ท้ายที่สุดเจฟก็ไม่ได้หย่าร้างจากเตย ทนกล้ำกลืนมาจนทุกวันนี้
เช้ามา... เจฟกำลังแต่งตัวไปทำงานอยู่ มีโทรศัพท์เรียกเข้า เจฟได้รับข่าวร้ายจากพ่อ นางจารุณีเป็นสโตรค ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เจฟรีบไปโรงพยาบาล นางจารุณีไม่รู้สึกตัว นอนอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู. อยู่นานนับเดือนแล้วจากไปอย่างสงบ เจฟและครอบครัวช่วยกันจัดพิธีศพให้นางจารุณีที่วัดย่านบางกุ้ง จนฌาปนกิจศพ เจฟพูดกับเตยถึงเรื่องการหย่าร้าง
“ที่พี่เจฟเปลี่ยนไปนั่นเพราะพี่เจฟหมดรักเตยแล้วหรือ?” เตยหอมปาดน้ำตา เมื่อเจฟจับเข่สคุยกับเธอในเรื่องหย่า
“พี่ขอโทษ เธอก็น่าจะเห็นว่าพี่อยู่กับก็ไม่มีความสุข พี่หมดรักเธอแล้ว” เจฟพูด
“พี่ไม่สงสารของขวัญหรือพี่ ลูกกำลังอยู่ในวัยช่างจดช่างจำ ลูกจะเสียใจไหม หากพี่ไม่อยู่” เตยหอมอ้างเอาลูกมาเป็นเหตุผลในการยับยั้งการหย่า
“ถึงอยู่ก็เจ็บช้ำ จากก็ปวดร้าว เธอจะทนกับคนที่ไม่รักเธอได้นานแค่ไหน สำหรับพี่ เธอคือความผิดพลาด เพราะแม่ของพี่ ฉกฉวยโอกาสเมื่อตอนพี่เสียความจำ เอาเธอมาสสมรอยเป็นคนรัก เธอไม่รู้สึกว่ามันปลอมเปลือกบ้างหรือ พี่ถามจริงๆ เหอะว่าพี่มีอะไรดีที่พอให้เธอรัก” เจฟถกเถียงกับเตยหอม
“เตยไม่รู้หรอก ตอนนั้นทั้งแม่เตย แม่พี่พูดจาหว่านล้อมให้เตยรู้สึกรักพี่ เตยไม่เคยรักใครมาก่อน เตยยอมรับว่าอยากได้พี่ เตยมองข้ามความจริงว่าพี่ไม่ได้รักเตย แต่พอพี่เกิดอุบัติเหตุ เตยก็สมอ้างว่าเป็นแฟนพี่ ผู้หญิงเราน่ะ เมื่อเป็นเมียใครแล้วย่อมรักและไม่เปลี่ยนไป ยิ่งมีลูกแล้ว ย่อมทำเพื่อครอบครัว การเป็นแม่หม้ายคือความผิดบาปของผู้หญิง” เตยร้องไห้น้ำตานองหน้า
“เธออยากจะทุกข์ทนอยู่กับคนที่ไม่รักเธอก็ตามใจ พี่ไม่มีความรักให้เธอได้หรอก” เจฟยังย้ำว่าไม่ได้รักเตยหอม ให้บาดร้าวลงไปในหัวใจของหญิงผู้มีฐานะเป็นภรรยาและมาดาของธิดาตัวน้อย
“พี่มีชู้หรือเปล่า?” เตยหอมถาม
“ไม่ เพียงแต่พี่ยังคงรักแบงค์อยู่” เจฟตอบ
“มันเป็นไปได้หรือพี่ พี่คิดสิ พี่คิดว่าเขาจะรอพี่อยู่หรือ พี่มองดูความจริงบ้างสิ มันผ่านไปแล้ว พี่ยังโหยหาเขาอยู่ เขา คนรักเก่าของพี่ มีรักครั้งใหม่และมีชีวิตที่ดีไปแล้ว ชีวิตของเขาที่ไม่มีพี่อยู่ ข่างดี๊ดี” เตยหอมพูดประชด ทำให้เจฟโกรธแต่ไม่ได้ทำอะไร เดินหนีเข้าห้องนอนของตนไป หลังจากนั้นเจฟก็ทนอยู่อย่างทุกข์ทรมาน จมอยู่ความคิดของตนเองที่คิดว่านี่คือความผิดพลาดในชีวิต
มากกว่าการเดินทาง สัมผัสความสะดวกสบายกับเครื่องพาณิชย์ลำใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส เอ 380 Wings Ariways We care everyone. สายการบินวิงส์แอร์เวย์ บินไปด้วยรัก…
“นี่คือโฆษณาเวอร์ชั่นเต็มซึ่งเริ่มออกอากาศในสื่อโทรทัศน์ต่างๆ ในปลายสัปดาห์นี้ โฆษณาตัวนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของแผนการตลาดในครึ่งปีหลัง เราจะออกราคาโปรโมชั่นพิเศษ ซีรีย์ทางโทรทัศน์โดยวิงส์แอร์เวย์เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการเพิ่มขึ้น 25-30% และโอกาสนี้ผมขอเชิญคุณพันธศิลป์ ภัทราศิริกุล-ผู้จัดการใหญ่สายการบินวิงส์สมายล์แอร์ชี้แจงความเป็นมาและแผนดำเนินการธุรกิจให้ผู้บริหารได้รับทราบกัน” แบงค์พูดเกี่ยวกับแผนการตลาดแล้วเปิดโอกาสให้ตงลุกขึ้นพูดคุยนำเสนอสายการบินลูก
“สายการวิงส์สมายล์แอร์เกิดจากแนวคิดในการสร้างสายการบินลูกเพื่อบินในเส้นทางรองของวิงส์แอร์เวย์ เพราะหากใช้เครื่องบินลำตัวกว้างที่สามารถจุผู้โดยสารมากๆ แต่โหลดผู้โดยสารน้อยทำรายได้น้อยลงสวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มสูง ประกอบกับต้องมีสายการบินที่ต้องมีศักยภาพเพียงพอในการแข่งขันกับสายการบินโลว์คอสต์ วิงส์สมายล์แอร์ลดต้นทุนลงใช้ฝูงบินเป็นเครื่องบินลำตัวแคบพิสัยใกล้ถึงปานกลางอย่างแอร์บัสเอ 320 รุ่นเดียวทั้งฝูงเพื่อลดต้นทุนในการดูแลซ่อมบำรุง ในส่วนของเส้นทางบิน วิงสมายล์แอร์เน้นบินในเส้นทางรองของวิงส์แอร์เวย์รวมไปถึงเส้นทางใหม่ๆ ในประเทศอาทิเช่น สุวรรณภูมิ-ตรัง สุวรรณภูมิ-อุดรธานี สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี สุวรรณภูมิ-นครศรีธรรมราช สุวรรณภูมิ-พิษณุโลก สุวรรณภูมิ-เชียงราย เส้นทางต่างประเทศ อาทิเช่น สุวรรณภูมิ-มาเก๊า สุวรรณภูมิ-ปีนัง สุวรรณภูมิ-มัณฑะเลย์ สุวรรณภูมิ-หลวงพระบาง การให้บริการแบ่งเป็น 2 ชั้นโดยสารคือ วิงส์คลาสให้น้ำหนักกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม วิงส์พลัสให้น้ำหนักกระเป๋าฟรี 30 กิโลกรัม ทั้งสองชั้นโดยสารให้บริการเลือกที่นั่งฟรี บริการอาหารและเครื่องดื่มฟรี และสะสมไมล์ กับฟีเธอร์พลัส”
“คุณช่วยอธิบายความแตกต่างระหว่างสายการบินโลว์คอสอต์กับวิงส์สมายล์แอร์ได้ไหม” นุเริ่มต้นซักถามหลังฟังการนำเสนอและอ่านเอกสารแผนธุรกิจ
“สายการบินโลว์คอสต์เน้นกลยุทธ์ด้านราคา มักจูงใจผู้บริโภคด้วยราคาที่แรง ถูกที่สุด แต่การบริการอย่างอื่นผู้บริโภครับภาระจ่ายเพิ่มเองตามความต้องการ แต่วิงส์สมายล์แอร์ให้บริการด้วยราคาที่สมเหตุสมผลกับราคา ตอบสนองกลุ่มลูกค้าวัยทำงานและผู้สูงวัยที่ไม่ต้องคิดหนักกับการคำนวณค่าใช้จ่ายรวมในการเดินทาง” ตงตอบ
“คุณบอกว่าต้นทุนวิงส์สมายล์แอร์ถูกกว่าวิงส์แอร์เวย์ ราคาตั๋วต่อที่นั่งของวิงส์สมายล์ถูกกว่าวิงส์แอร์เวย์ คุณหมายความว่าคุณจะช่วงชิงลูกค้าจากวิงส์แอร์เวย์โดยที่ยังคงใช้ทรัพยากรของวิงส์แอร์เวย์หรือคะ” น้ำตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“วิงส์สมายล์แอร์มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นวิงส์แอร์เวย์ 100% ผลกำไรที่แบ่งให้ผู้ถือหุ้นตกเป็นของวิงส์แอร์เวย์เต็มจำนวน วิงส์สมายล์เปรียบเสมือนรถสามล้อตุ๊กๆ รับคนจากตรอกซอกซอยที่ไม่สามารถนำรถบัสคันใหญ่เข้าไปรับคนได้เพื่อมาเติมผู้โดยสารให้รถบัสเส้นทางไกลให้วิงส์แอร์เวย์”
หลังจากการประชุมประจำเดือนอันแสนตึงเครียดผ่านพ้น แบงค์พาตงมาผ่อนคลายอิริยาบถในห้องทำงานของเขา พูดคุยถึงเรื่องงานต่อไปอีก
“คุณทำได้ดีมากนะตง ผ่านด่านบอร์ดบริหารไปแล้ว ด่านต่อไปคือคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารและผู้ถือหุ้นวิงส์แอร์เวย์ ต้นเดือนหน้าคุณต้องไปยุโรปกับผม เตรียมเอกสารยื่นขอวีซ่าเช็งเก้น[1]ด้วยนะ” แบงค์เอ่ยชม
“ทำไมผมต้องไปยุโรปด้วยครับ”
“วิงส์แอร์เวย์รับมอบแอร์บัสลำที่ 4 HS-WTD ศรีจิตรา และเซ็นสัญญาสั่งซื้อแอร์บัส เอ350-เอ็กซ์ดับเบิ้ลยูบี รวมไปถึงสั่งซื้อแอร์บัส เอ320 ให้วิงส์สมายล์ คุณต้องไปจัดการเองด้วยนะ”
“ครับ ผมยังมีเรื่องอื่นที่จะคุยกับคุณ” ตงบอก
“เรื่องอะไร ว่ามาสิ”
“นี่ครับ ผมขอคืน” ตงยื่นเช็คเงินสด 1 ใบให้แก่แบงค์
“เช็คเงินสด 50 ล้านบาท ทำไม” แบงค์อ่านมูลค่าเช็คแล้วถาม
“นุชจรีไม่ยอมหย่ากับผมครับ”
“เล่ามา”
“นุชไม่หย่ากับพี่ นุชไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้พี่หรอก” นุชจรียืนกรานปฏิเสธ
“นี่เช็คเงินสด 50 ล้านบาท ฉันอุตส่าห์มาให้เธอแล้ว ถ้าเธอยินยอมฉันจะใส่ชื่อของเธอลงเป็นเจ้าของเช็คใบนี้” ตงยื่นเช็คให้นุชจรี
“ไม่... ไม่มีทาง” นุชจรีรับเช็คมาแล้วฉีกเช็คเป็นเศษกระดาษยิบย่อยเขวี้ยงใส่หน้าของตง
“นุชจรี” ตงแผดเสียงใส่ภรรยาเพราะโกรธจนลืมตัว เขาแล่นเข้ามาจับตัวนุชจรี “เธอจะทำบายชีวิตฉันไปถึงไหนกัน นี่นะหรือความรักของเธอ เธอมันก็คนที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ตื่นซักทีนุชจรี”
“พี่ตงหาเงิน 50 ล้านมาจากไหน เงินเท่านี้พี่ไม่น่าจะหามาได้เร็วขนาดนี้ใครให้พี่มาคะ นุชจะไปตบสั่งสอนว่าอย่าเสือก” นุชจรีซักถามถึงที่มาที่ไปของเงิน
“ไม่ใช่ธุระโกงการอะไรของเธอ เธอให้ฉันหามา ฉันก็หามาให้แล้ว เธอต้องรักษาคำพูดสิ มอบอิสระให้แก่ฉันได้แล้ว อย่าให้ฉันเกลียดเธอไปมากกว่านี้อีกเลย”
“พี่ตงไม่เคยรักนุช แต่พี่ตงสามารถแจกจ่ายความรักให้แก่ทุกคนได้ ทำไมพี่ไม่รักได้เลย ทำไมคะทำไม”
“เธอมันคนป่วยนะ ป่วยทางจิต เธอเอาเงินมาผูกมัดฉันเอาไว้ และสร้างวิมานลอยว่าการอยู่กินแบบผัวเมียจอมปลอมจะทำให้ฉันรักและลงเอยกันอย่างมีความสุข ชีวิตจริงไม่ใช่ละครนะ เงินไม่อาจซื้อความรักได้นะนุช เธอใช้เงินทำได้แค่ผูกมัดสถานภาพของฉันแต่ไม่อาจผูกมัดใจของฉันไว้ที่เธอได้หรอก”
“นุชเป็นแค่คนโรคจิตในสายตาของพี่หรือ นุชเป็นได้เพียงเท่านี้ นุชเกลียดพี่ไม่ได้เพราะนุชรักพี่ แต่นุชเกลียดทุกคนที่พี่รักและดีต่อพวกคนเหล่านั้น”
“ฉันดีกับทุกคนบนโลกใบนี้ยกเว้นเธอ เธอจะตามไปทำร้ายทำลายชีวิตคนทั้งโลกได้หรือ ต่อให้เหลือเพียงแค่เธอบนโลกนี้ ฉันก็ไม่มีทางดีกับเธอ”
“ฉันเกลียด ฉันเกลียด เกลี้ยดๆ เกลียด” นุชจรีกรีดร้องลั่นเพราะตงพูดจี้ใจดำ
“หยุดได้แล้ว” ตงขึ้นเสียง “ฉันถามเธออีกครั้งว่าจะยอมหย่ากับฉัน จากกันโดยดีหรือเปล่า”
“ไม่ ถึงพี่ตงจะขอหย่ากับนุชร้อยครั้งพันครั้ง นุชก็ไม่มีทางยอม นุชลงทุนลงแรง ทุ่มเททุกอย่างเพื่อได้พี่มา ป๊าของนุชเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวพี่ตั้งเท่าไหร่ ป๊าของพี่ก็อยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกับนุชจนตัวสั่น แล้วมันถูกแล้วหรือ พี่ตงตอบแทนนุชด้วยการนอกใจนุชซ้ำซาก อีนั่นมันเป็นใคร อีคนที่ให้เงินพี่มา อีดรีมหรือ นังแอร์โอสเตทกระจอกๆ จะมีปัญญาหาเงินมาให้คุณได้หรือต่อให้มันเปิดที่นาให้คนอื่นไถซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็คงไม่มีวันหาเงินมากมายขนาดนั้นได้หรอก เอ... หรือว่าจะมีอีหน้าโง่ตัวใหม่ประเคนเงินให้พี่ หรือว่าป๊าของพี่หาเงินมาให้ เลวทรามต่ำช้าทั้งโคตร เกาะบ้านลูกสะใภ้กินแล้วถีบหัวส่ง” นุชจรีด่ากราดลุกลามไปถึงบุคคลอื่น
เปรียะ
ตงบันดาลโทสะประทับฝ่ามือลงบนพวงแก้มสีชมพูฉูดฉาดตัดกับสีขาวอมเทาเพราะเลือกแป้งทาหน้าผิดเบอร์ขาวกกว่าสีผิวแท้จริงของนุชจรีจนหล่อนล้มคว่ำลงบนโซฟา
“จำไว้นะนุชจรีอย่าลามปามถึงป๊าของฉัน ฉันเกลียดเธอ ฉันขอหย่ากับเธอ มันก็เป็นเรื่องระหว่างเราสองคนไม่เกี่ยวกับคนอื่น ฉันไม่อยากจะคุยกับเธอแล้ว ฉันไปล่ะ” ตงหยิบกุญแจรถแล้วเดินไปที่ประตู “อ้อ! เธอว่าดรีมเปิดที่นาให้คนอื่นไถ เธอก็เป็นช็อคกะรีที่ไม่มีใครเอา”
เรื่องเล่าจากปากตงจบลง ค่ำคืนนั้นตงไปเที่ยวเตร่ตะเวนราตรีด้วยอารมณ์หดหู่ เขาไปพักที่โรงแรม ไม่ได้กลับคอนโดย่านเจริญนครจนกระทั่งนุชจรีกลับตรัง
“อย่าเสียใจไปเลยคุณ ทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง เมียคุณไม่ยอมหย่าก็ปล่อยเขาไป ให้นางนอนกอดทะเบียนสมรสไป แต่เราสองคนได้นอนกอดกันก็พอแล้ว” แบงค์ลุกขึ้นจากเก้าอี้มาพูดปลอบใจพลางลูบไล้ไหล่และแผ่นหลังของตง “เงิน 50 ล้านเก็บไว้เถอะ เผื่อคุณต้องใช้”
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ยุติอารมณ์ราคะเร่าร้อนของคนทั้งคู่ไว้ นุและน้ำเปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองมองตงด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์นัก
“มีธุระอะไรกันหรือครับ” แบงค์ถาม
“ก็จะชวนไปกินข้าว ก่อนพี่และน้ำนั่งเครื่องกลับสุราษฎร์ตอนเย็น” นุตอบ
“ไปสิครับ” แบงค์ตอบรับคำชวน
“ขอเฉพาะเราสามพี่น้องนะ” น้ำบอกแล้วปรายตามองมาที่ตง
“ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับไปก่อน”ตงลุกขึ้นไหว้ลานุและน้ำ
“คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ อย่าลืมเตรียมเอกสารยื่นขอวีซ่าล่ะ” แบงค์ย้ำกับตงอีกครั้ง ตงเดินออกไปจากห้องทำงาน
“นี่มันอะไรแบงค์” นุถาม
“คุณตงเป็นคนที่ผมรู้จักมานานแล้ว ผมไว้วางใจเขาให้บริหารสายการบินลูก” แบงค์ตอบไปแกนๆ
“แกมองเจ้านักบินนี้ไม่เหมือนที่มองคนอื่นแม้กระทั่งจอร์จ ฉันจำแววที่แกมองหมอนั่นเหมือนอย่างที่แกมองเจฟ” นุสังเกตพฤติกรรมของแบงค์แล้วเค้นหาความจริง
“เขาเคยเป็นคนที่ผมรักอีกคนหนึ่ง เดิมทีแล้วตงเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ผมรักเขาแต่เขาไม่รักผม ผมได้โอกาสมาเจอกับเขาอีก ผมเลยอยากเก็บเขาเอาไว้” แบงค์ตอบอย่างไม่ปิดบัง
“โตๆ กันแล้ว หน้าที่การงานก็ใหญ่โต คงคิดได้เนอะว่าอะไรดีหรือไม่ดี น่าแปลกนะ คนเรารู้ดีว่าไฟมันร้อนแต่จะไปเล่นกับมันอีก” นุให้ข้อคิดเตือนสติแก่แบงค์
“ครับ ผมเข้าใจครับ ตงเองก็ไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย เราสองคนเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงาน”
“นึกถึงใจจอร์จบ้าง เขาป่วยอยู่จะมารับรู้อะไรแบบนี้ไม่ได้ เรียนรู้ที่จะผูกก็ต้องเรียนรู้ที่จะแก้” น้ำเตือนแบงค์เพิ่มเติม
“ถ้าผมทำร้ายเขา ผมคงจะเลวมากใช่ไหม” แบงค์เริ่มตระหนักความจริงได้
“เออนี่ พอพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว พี่ไปได้ข่าวมา แม่ของเจฟตายแล้วนะ” นุบอกข่าว
“ตายทรมานไหม?” แบงค์ถาม
“ได้ยินมาว่าเป็นสโตรค รักษาตัวได้เดือนกว่าๆ ก็เดธ คนตายไปแล้ว ให้อภัยได้ก็ให้อภัยนะแบงค์” นุเตือน
คนตายไปแล้วก็แล้วไป แต่คนเป็นนี่สิ อยากจะกลับเข้ามา เข้ามาในชีวิตอีก” แบงค์พูด
“เจฟหรือ? “ นุทวนถาม
“ครับ เจฟพยายามแอดเฟรนด์ในแอพพี่มาร์ค ผมไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวอะไรกับเจฟอีก ผมเบื่อ ไม่อยากจะวนลูปกับเจฟ ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผมอีก เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะมารื้อฟื้นอีกทำไม” แบงค์บ่น
“เขาอยากจะเป็นเพื่อนเฉยๆ มั้ง” นุพูด
“ไปกินข้าวกันดีกว่าครับ อย่าไปนึกถึงเรื่องไร้สาระพวกนี้เลย ไปกินข้าวกันเถอะ ผมจะพาพวกพี่ๆ ไปกินข้าวที่แห่งหนึ่ง รับรองว่าเซอร์ไพรส์แน่ๆ” แบงค์ตัดบทเพราะไม่อยากพี้รี้พี้ไร นำพาพี่ชายและพี่สาวไปรับประทานอาหาร
หลังจากฝ่าฟันการจราจรหนาแน่น พนักงานขับรถพาสามพี่น้องมาถึงวิคตอรี่คลับหรือบ้านนิตยนาถสุนทรเก่า น้ำลุกลี้ลุกลนไม่สบายใจนักที่ต้องกลับมาบ้านหลังนี้แม้ว่าคนในบ้านจะล้มหายตายจากไปคนละทิศคนละทางแล้ว แต่ภาพความทรงจำอันแสนเลวร้ายในวันที่น้ำอุ้มท้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมกับคุณหญิงสุดาผุดขึ้นมาโลดเล่นหลอกหลอนน้ำ
“ดิฉันท้องค่ะ” น้ำบอกกับนายพิชัย
“ฉันบอกให้เธอกินยาคุม เธอพลาดได้ไงพัชรินทร์ เธอสร้างปัญหาขึ้นมาแล้ว” พิชัยตำหนิอย่างหัวเสีย
“จะให้น้ำทำไงคะ”
“ไปเอาเด็กออกซะ ฉันจะให้เงินเธอไปค่าเอาเด็กออกและค่าเสียหายล้านนึง”
“น้ำทำไม่ได้หรอกค่ะ มันบาป”
“เธอจะเรียกร้องอะไรจากฉัน ในเอฉันมีเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายและลูกอยู่แล้ว สถานะของเธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรได้ รับเงินหนึ่งล้านนี่ไปซะจะได้จบๆ กันไป”
น้ำกำเช็คเงินสดออกมาจากทำงานของนายพิชัยอย่างคนพ่ายแพ้น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอต้องแบกรับความอับอายจากสายตาพนักงานทั้งหลายที่เธอเดินผ่านไป
“โถ... คิดจะรวยทางลัด สุดท้ายก็เป็นได้แค่นางบำเรอ คงจะไม่แคล้วเป็นนางบังเงา” คำพูดจากพนักงานขาเมาท์ที่แอบนินทา
“เจ๊ขา การทำงานเราต้องตั้งใจทำงานออกมาให้ดี ใช้ความวิริยะอุตสาหะไต่เต้าจนประสบความสำเร็จ แต่คนไม่ดีบางคนหวังความสำเร็จทางลัด เอาเต้าไต่จากพนักงานจะเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าของบริษัท สุดท ยฝันสลาย ต้องอัปเปหิตัวเองออกจากบริษัทเพราะความอับปรีย์ที่ตัวเองก่อเอาไว้” พนักงานหญิงอีกคนร่วมนินทาเสริม
น้ำเลยไปหาที่พึ่งสุดท้ายเพื่อให้ลูกในท้องมีพ่อ น้ำไปบ้านนิตยนาถสุนทรเพื่อขอพบกับคุณหญิงสุดาโดยที่คิดว่าคุณหญิงสุดาจะเห็นแก่หลานในท้องบ้าง แต่...
“ฉันไม่มีวันยอมรับนังบ้านนอกชั้นต่ำนี่มาเป็นลูกสะใภ้หรอก”
“แต่เด็กที่อยู่ในท้องของดิฉันเป็นลูกของคุณพิชัยนะคะ” น้ำพูดละล่ำละลัก น้ำตาหยดไหลรินอาบแก้ม ไม่ได้สร้างความสงสารเวทนาให้แก่คุณหญิงสุดาเลยแม้แต่น้อย
“สันดานดอกร้อยเล่ห์อย่างหล่อนใครจะไปเชื่อ คนชั้นต่ำอย่างหล่อนจ้องจะจับผู้ชายรวยๆ อยู่ในสังคมชั้นสูง เธอพลีกายให้ผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะ ปล่อยผู้ชายจำนวนมากมายชนิดยกนิ้วมานับจาระไนยคงไม่หมดได้ไถที่นาผืนน้อยของหล่อน เด็กในท้องของหล่อน ฉันจะแน่ได้อย่างไรว่าเป็นลูกหลานฉัน เธอเอาเงินนี่ไปแล้วไสหัวไปจากบ้านนี้ซะ” คุณหญิงสุดาใช้วาจาเชือดเฉือนน้ำอย่างไร้ความเมตตาปรานี คำพูดจากปากผู้ดีแต่ละคำเหมือนผลมะเดื่อที่สวยสดงดงามแต่ภายในแฝงเร้นด้วยความเน่าเฟะมีหนอนขอนไช
“ดิฉันไม่ต้องการเงิน” น้ำพูด
“หล่อนไม่ได้ต้องการเศษเงินจากฉัน แต่หล่อนต้องการทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลนิตยนาถสุนทร หล่อนนี่ร้ายจริงๆ ไสหัวออกไปซะ อิ่มติ๋มลากอีนี่ออกไปจากบ้านนี้ซะ” คุณหญิงสุดาออกปากให้คนรับใช้รองมือรองเท้า ลากพาน้ำออกไปทุ่มทิ้งไว้นอกรั้วบ้านนิตยนาถสุนทรราวกับเป็นขยะ
“พี่รู้ว่าแบงค์ซื้อที่นี่ไว้ แต่ไม่จำเป็นให้พี่มาที่นี่” น้ำพูดกับแบงค์
“ผมอยากให้พี่เห็นถึงความพินาศย่อยยับของตระกูลจัญไรนั่น ตอนนี้บ้านแตกสาแหรกขาดล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว แต่มันก็คงจะเทียบกับความเสียใจของพี่น้ำไม่ได้หรอก” แบงค์พูดระหว่างเดินนำพี่ๆ ไปห้องรับประทานอาหาร ผู้ดูแลวิคตอรี่คลับและผู้ช่วยได้จัดอาหารไว้บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว นุนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ น้ำและแบงค์นั่งคนละหากของโต๊ะ ทั้งสามเริ่มต้นรับประทานอาหาร
“แบงค์ได้ข่าวนายพิชัยบ้างไหม” น้ำถาม
“ไม่เลย ไอนั่นมันหนีหายไปไหนไม่รู้ ส่วนเมียหลวงและลูกก็ย้ายกลับไปบ้านเดิม ยังอยู่สบายดี แต่ไม่ออกงานสังคม สงสัยอายที่ต้องเป็นขี้ปาก ส่วนอีแก่ที่ตายไป วิญญาณมันคงเร่ร่อนไม่มีที่สิงสถิตอยู่”
“มันจะมากไปไหมแบงค์ จองเวรจองกรรมแม้กระทั่งผี เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว ปล่อยวางและให้อภัยเสียบ้างนะ” น้ำตักเตือน
“ครับพี่น้ำ ตอนนี้ผมยังคงเก็บบ้านไว้ใช้เป็นประโยชน์ทางธุรกิจอยู่ ผมวางแผนที่จะทำบ้านนี้กลับมาเป็นบ้านอีกครั้ง ภีมจะได้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของเขาในอนาคตข้างหน้า” แบงค์บอกกับพี่ๆ ทั้งสอง “เขาควรค่าแก่การเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เพราะเขามีเลือดนิตยนาถสุนทรอยู่ครึ่งหนึ่ง เป็นความจริงที่เราทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ผมก็หวังว่า เขาไม่มีเชื้อชั่วจากพ่อเขาติดมา”
... ... ...
แน่นอนว่าความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างแบงค์และตงยังคงเป็นความลับสุดยอดอยู่ แต่การปฏิสัมพันธ์กันของคนทั้งคู่ชวนให้ผู้อื่นกังขา เลยเป็นประเด็นวงสนทนานินทาเจ้านายของพนักงานในองค์กรที่ต้องหยิบยกมาถกเกียงกัน
“ฉันว่าท่านกับคุณตงต้องมีซัมธิ่งกัน” สมศักดิ์พนักงานฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์เปิดประเด็นนินทาเจ้านายในชั่วโมงการทำงาน
“ไม่หรอกมั้ง” วิสาพนักงานอีกคนแย้ง
“นี่หล่อนจะโลกสวยเป็นชะนีพันทิปไปถึงไหนยะ ทุกอย่างมันมีนัยยะแอบแฝงอยู่ ฉันไปสืบมาหมดแล้ว ฉันมีเพื่อนทำงานอยู่ที่สกุณาแอร์ เมาท์มอยเรื่องคุณตงให้ฉันฟังแหละเธอ”
“ยังไงเหรอยะ”
“ที่สกุณาแอร์ไม่มีใครรู้ว่าคุณตงมีเมียแล้ว คุณตงปกปิดสถานภาพไว้น่ะซี คุณตงทำตัวเหมือนคนโสดเจอใครถูกใจจีบไปหมด นางเมียเลยต้องแสดงตัวทำป้ายแขวนผัวเอาไว้ ความร้ายกาจของนางทำให้คนในสกุณาแอร์ระอา มาพีคก็ตอนตบสนั่นที่ดอนเมืองนั่นแหละ คุณตงถูกไล่ออกระเห็จมาวิงส์แอร์เวย์” สมศักดิ์จาระไนยข้อมูลที่ได้รับรู้มาให้พนักงานคนอื่นๆ ฟังอย่างหมดเปลือก จริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็ไหลตามปากผู้เล่า
“แล้วทำไมคุณตงไปสนิทกับท่านได้ล่ะ เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ” วิสาเปิดประเด็น
“จากข้อสันนิษฐานของฉันนะ ท่านถูกใจคุณตงก็เป็นได้ นี่หล่อน อย่างคุณตงนี่ เขาเรียกว่าเนื้อดีพิมพ์นิยมถูกใจเก้งกวางบ่างชะนีเลยล่ะ ท่านเปย์ให้ขนาดนั้น คงจะไม่รอดแล้วมั้ง” สมศักดิ์มโนไปกันใหญ่
“นี่มันเป็นการเล่นชู้ที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก คุณตงก็เป็นเสือไบสิคะ” วิสายกมือทาบอก
“ยุคนี้อะไรที่แปลกๆ มีเยอะแยะ อย่าได้แคร์ค่ะชะนี เกิดเป็นชะนีหน้าชื่นอกตรม ถูกผู้ชายเทเพราะผู้ชายกินกันเอง สตรองไว้ค่ะสตรอง” สมศักดิ์พร่ำเพ้อต่อไป
“พอได้แล้วสมศักดิ์ หยุดนินทาเจ้านายกันได้แล้ว งานเอกสารเบิกจ่ายเงินเดือนเสร็จแล้วเหรอยะ ถึงมาจับกลุ่มนินทาเจ้านายกัน งานการไม่ทำ งานเผือกนี่เก่งจริงเนอะ” จงกล-หัวหน้างานไล่ให้วงสนทนานินทาเจ้านายแตกกระจายราวกับผึ้งแตกรังแยกย้ายกลับไปทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จสิ้น
Munich Love You…
หลังจากแบงค์และตงเดินทางแหวกนานฟ้าจากประเทสไทยท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิสู่ท่าอากาศยานนานาชาติฟรานซ์ โยเซฟ สเตราซ์ นครมิวนิค ประเทศเยอรมนีด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มิสเตอร์วินเซนต์ โนแอลล์-ผู้จัดการภาคพื้นยุโรปของวิงส์แอร์เวย์เป็นผู้ดูแลและนำพาตงและแบงค์ท่องเที่ยวรอบๆ เมืองมิวนิคก่อนเดินไปเมืองตูลูส ประเทสฝรั่งเศสเพื่อรับมอบเครื่องบินแอร์บัสเอ 380 ลำที่ 4 HS-WUC ศรีจิตราและเจรจาธุรกิจสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ- 350XWB และ แอร์บัส เอ320 ให้วิงส์สมายล์แอร์
“ยินดีต้อนรับครับ” มิสเตอร์วินเซนต์ทักทาย
“ขอแนะนำให้รู้จักมิสเตอร์พันธศิลป์ ภัทราศิริกุล” แบงค์แนะนำตงให้วินเซนต์รู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จัก”ตงจับมือทักทายกับวินเซนต์
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
วินเซนท์ได้นำพาแบงค์และตงเดินทางออกจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินเอส-บาห์นสายเอส 1 มาถึงย่านออบาห์นฮอฟด้วยซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟกลางและย่านใจกลางเมืองเพราะโรงแรมที่วินเซนต์จองให้อยู่ในย่านนี้ ห้องพักของแบงค์และตงเป็นห้องสวีทอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม แม้จะอยู่ในย่านใจกลางเมืองและสถานีรถไฟแต่ความวุ่นวายจอแจไม่ได้รบกวนความสุนทรีย์ภายในห้องพักได้เลย ส่วนวินเซนต์พักแยกในห้องพักธรรมดาเพียงลำพัง หลังจากเก็บสัมภาระและพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง วินเซนต์ได้มาเคาะห้องนำพาทั้งสองไปรับประทานอาหารกลางวันและเที่ยวภายในตัวเมือง จากโรงแรมย่านสถานีรถไฟกลางทั้งสามเดินลัดเลาะไปตามเพรียลเมเยอร์เสตรท ผ่านลานน้ำพุที่จัตุรัสคาร์ลพาซ ผ่านศาลจัสติซพาลาท ผ่านประตูคาร์ลทอร์ ในอดีตเป็นป้อมปราการยุคกลางที่ยังคงหลงเหลืออยู่มาถึงปัจจุบัน ย่านนี้มีร้านอาหารเยอรมันรสเลิศมากมาย วินเซนต์พาแบงค์และตงรับประทานอาหารมื้อกลางวันในร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านนี้ หลังอิ่มเอมกับอาหารพื้นเมืองเยอรมันแล้ว การเดินเล่นชมเมืองเริ่มต้นอีกครั้ง
“คุณมาเมืองนี้บ่อยไหม” แบงค์ถามวินเซต์
“ไม่บ่อยนักหรอกครับ นานมาแล้วเคยมากับแฟนเก่า เดินไปอีกนิดก็ถึงวิหารเซนต์ไมเคิลแล้วครับ” วินเซนต์ตอบ วิหารเซนต์ไมเคิลสีขาวปรากฏตัวโดดเด่นท่ามกลางอาคารบ้านเรือนยุคเก่าและฝูงชนมากมายที่เดินเล่นรับแสงแดด
“จากข้อมูลที่ผมอ่านมา แต่เดิมแล้วบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของราชอาณาจักรบาวาเรีย ปกครองโดยราชวงศ์วิทเทลบาค มิวนิคเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักร วิหารเซนต์ไมเคิลนี้สร้างโดยดยุควิลเฮล์มที่ 5 ดยุคแห่งบาวาเรีย วิหารนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรเนสซองซ์ สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1593-1597 ภายนอกนั้นมีรูปประติมากรรมปูนปั้นดยุคแห่งราชวงศ์วิทเทลบาคในซุ้มหน้าบันวิหาร ระหว่างประตูเข้าออก 2 ช่องมีประติมากรรมโลหะเซนต์ไมเคิลกำลังปราบอสูรในร่างมนุษย์อยู่ใต้รูปปั้นเซนต์ไมเคิลมีตราสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์วิทเทลบาคอยู่ด้วย” แบงค์อธิบายให้ตงฟังอย่างละเอียดตามข้อมูลที่ได้รับรู้มา ทั้งสามเดินเดินเข้าเยี่ยมภายในวิหาร ความงดงามอลังการตามแบบแผนวิหารคริสเตียนนิกายโรมันคาธอลิก ประดับปูนปั้นนักบุญในคริสต์ศาสนาและแท่นบูชาขนาดใหญ่ ทั้งสามลงมาสู่ชั้นล่างของวิหารซึ่งเป็นห้องเก็บพระศพสมาชิกราชวงศ์วิทเทลบาคทั้งหลาย แบงค์เดินสำรวจโลงพระศพสีดำทุกโลง จนมาหยุดยืนสงบนิ่งหน้าโลงพระศพที่ใหญ่โตตกแต่งอย่างอลังการ
“ทำอะไรอยู่” ตงถาม
“ยืนสงบนิ่งเคารพพระศพพระเจ้าลุดวิกที่ 2 กษัตริย์ผู้สร้างปราสาทเทพนิยายนอยชวานสไตน์ ซึ่งเราสามคนจะไปเที่ยวกันในวันมะรืนนี้ ดูสิโลงพระศพของพระองค์งดงามอลังการสมกับเป็นเจ้าของปราสาทในฝัน” แบงค์ตอบ
“ออกกันไปเถอะ” ตงเร่งให้แบงค์กลับขึ้นไปชั้นบน เขาคงกลัวเพราะห้องเก็บพระศพอยู่ในชั้นล่างคับแคบทึมๆ เงียบและเยียบเย็น ทั้งสามขึ้นจากห้องเก็บพระศพเดินออกจากวิหารไปเยี่ยมชมสถานที่อื่นๆ ในเมืองต่อไป ทั้งสามผ่านมหาวิหารเฟราเอ็นเคียเช่อ เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยอิฐแดงตามประวัติสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1428 ใช้เวลาการสร้างถึง 20 ปี และในปีค.ศ. 1525 ได้สร้างหอคอยคู่หลังคาโดมคล้ายหัวหอมสูง 99 เมตรเพิ่มเติมแม้ว่าภายในมีสิ่งต่างๆ น่าสนใจมากมายแค่ทั้งสามไม่ตัดสินใจเข้าชมภายในเพราะเกรงเรื่องเวลา มหาวิหารแห่งเป็นเดินชมสถาปัตยกรรมสวยงามของอาคารโบราณที่กลายเป็นร้านรวงทั้งหลายก็มาถึงจัตุรัสมาเรียนพลาซซึ่งเป็นใจกลางเมืองเก่าแล้ว
“จัตุรัสมาเรียนพลาซแต่เดิมเป็นตลาด ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของงานเทศกาลต่างๆ ในมิวนิค จัตุรัสแห่งนี้มิ่งสวยงามมากมาย เช่น รูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเสาสูงเป็นที่มาของชื่อจัตุรัสและศาลาการว่าการเมืองหลังใหม่นอยเอส รัทเฮาส์ อาคารสถาปัตยกรรมโกธิคใช้เป็นอาคารสภาและรัฐสภาท้องถิ่น รวมไปถึงสำนักงานนายกเทศมนตรีนครมิวนิคอีก้วย อาคารนอยเอส รัทเฮาส์สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1867 แล้วเสร็จปี 1908 จุดนของศาลาว่าการเมืองหลังใหม่คือหอนาฬิกา ในแต่ละวันตุ๊กตาในห้องเขียว 2 ห้องบนหอนาฬิกาจะเต้นระบำไปตามเสียงระฆัง ห้องข้างบนแสดงการเฉลิมฉลองสยุมพรของดยุควิลเฮล์มที่ 5 แห่งบาวาเรียกับเจ้าหญิงเรนาต้าแห่งลอร์แรน มีการประลองยุทธิ์โดยอัศวินบนหลังม้า ระหว่างอัศวินจากบาวาเรีย (ชุดเกราะสีฟ้า-ขาว) และอัศวินจากลอร์แรน หรือโลทริงเง่น (ชุดเกราะสีแดง-ขาว) และแน่นอน อัศวินเจ้าบ้าน บาวาเรียชนะทุกรอบการประลอง ส่วนห้องเขียวห้องล่าง แสดงการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของกาฬโรคในมิวนิคซึ่งระบาดในปี 1517 เหล่าตุ๊กตาน้อยใหญ่จึงออกมาเต้นดีใจ จากนั้นทั้งสามก็เลือกซื้อจับจ่ายใช้สอยซื้อหาของฝาก ละลายทรัพย์กับร้านรวงทั้งหลาย จนถึงเวลาอาหารมื้อเย็น มาถึงเมืองหลวงแห่งเบียร์จะพลาดการดื่มดำละเลียดพรายฟองของเบียร์นุ่มละมุนได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าทั้งสามดื่มกินที่โรงเบียร์ฮอฟบราว์เฮาส์ โรงเบียร์เก่าแก่เมื่อครั้งยุคบาวาเรีย เบียร์ของโรงเบียร์ที่นี่มีหลากหลายแบบทั้งแบบดั้งเดิม เบียร์ดำ เบียร์ขาว พนักงานในโรงเบียร์แต่งเครื่องแบบเป็นชุดพื้นเมืองของชาวบาวาเรียน มีดนตรีสดพื้นเมืองเล่นคลอ ทั้งสามสั่งเบียร์แบบดั้งเดิมขนาด 1 ลิตรมาเดิมแกล้มกับขาหมูเยอรมันและไส้กรอก ดื่มด่ำเบียร์และอาหารเย็นจนพอควรทั้งสามกลับโรงแรมไปพักผ่อนเพื่อเตรียมท่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้
เช้าวันต่อมา... อากาศยังคงแจ่มใส แบงค์ตื่นนอนทำธุระส่วนคัวแต่งตัวเสร็จก่อนใครๆ แบงค์ลงมารับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมรอตงและวินเซนต์ลงมาจากห้อง
“วันนี้เราจะไปไหนกัน” ตงถามแบงค์หลังจากลงนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับแบงค์
“ไปนอกเมืองมิวนิคนิดนึง ไปเที่ยวพระราชวัง ชื่อพระราชวังนึมเฟนบวร์ก” แบงค์ตอบ
“วินเซนต์ล่ะ ยังไม่ลงมาที” ตงถาม
“นั่นนะสิ รอสักพัก เดี๋ยวลงมาเอง” แบงค์รออย่างใจร่มๆ ฆ่าเวลาการรอด้วยการรับประทานอาหารเช้า พระราชวังนึมเฟนบวร์กเปิดทำการในเวลา 10.00 น. ยังเหลือเวลาอีกมากมาย แต่จนแล้วจนรอด ไม่มีวี่แววที่วินเซนต์จะลงมาจากห้องพัก แบงค์และตงขึ้นไปตามวินเซนต์ถึงห้องพัก เคาะเรียกอยู่นาน ชายฝรั่งเดินมาเปิดประตูห้อง
“ขอโทษที ผมไม่สบาย” วินเซนต์บอกด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
“เป็นอะไรหรือ” ตงถาม
“ปวดไมเกรน ทานยาแล้วนอนพักผ่อน ขอโทษนะคงไปเที่ยวกับคุณสองคนไม่ได้แล้ว” วินเซนต์ตอบช้าลงเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“น่าเสียดายที่วินเซนต์ไม่ได้ไปเที่ยวกับเราสองคน พักผ่อนให้มากๆ นะ เราสองคนไม่รบกวนคุณแล้ว” แบงค์พูดเสร็จพาตงออกจากห้องพักปล่อยให้วินเซนต์ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งสองลงมาชั้นล่าง เดินออกจากโรงแรมสู่สถานีรถไฟกลางออบาห์นอฟ ทั้งสองใช้บริการรถรางสาย 17 ออกมานอกเมืองได้ไม่นานถึงปลายทางแล้วคือ พระราชวังนึมเฟนบวร์ก(Schloss Nymphenburg)
“พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์บาวาเรีย ประวัติพระราชวังนั้น เจ้าชายอิเล็กเตอร์ เฟอร์ดินานด์ มาเรีย โปรดให้สร้างขึ้นในปี 1664 เพื่อพระราชทานแก่พระชายา เจ้าหญิงเฮ็นเรียต อเดเลด แห่งซาวอย ในโอกาสที่จะมีพระประสูติกาลพระโอรส อิเล็กเตอร์ แม็กซิมีเลียนที่ 2 เอ็มมานูเอล สร้างแล้วเสร็จในปี 1675 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี อาโกสติโน่ บาเรลลี่[2] เป็นพระราชวังที่ใหญ่โตกว้างขวางแวดล้อมด้วยสวนดอกไม้ สวนป่า น้ำพุ ทะเลสาบ เหมาะแก่การเยี่ยมชมความงดงามของศิลปวัตถุของราชวงศ์และพักผ่อนชมธรรมชาติ” แบงค์อธิบายให้ตงฟังคร่าวๆ ทั้งสองเดินอาดๆ ผ่านน้ำพุและสวนเล็กๆ สู่พระตำหนักใหญ่หลังคาส้มอิฐ เข้าไปภายในเป็นที่จำหน่ายตั๋วเข้าชมส่วนต่างๆ ภายในพระราชวังและร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก แบงค์และตงซื้อตั่วเข้าชมแบบเจาะลึกเข้าได้ทุกตำหนัก ทั้งสองขึ้นสู่ชั้นบนของตำหนักใหญ่ จุดแรกที่นักท่องเที่ยวขึ้นมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งนี้คือ ห้องโถงหิน(Steinerner Saal: ชตานแนร์นเนอร์ ซาลล์ หรือ Stone Hall) เป็นท้องพระโรงประจำพระราชวังแห่งนี้ ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและประกอบพระราชพิธีต่างๆ แบบส่วนพระองค์ เป็นจุดศูนย์กลางของพระตำหนัก ประดับประดาภาพวาดจิตรกรรมเป็นเรื่องราวเทพเจ้าต่างๆ วิจิตตระการตามาก ปีกทางเหนือ(North Wing) เป็นห้องเฝ้า ห้องพักผ่อนอิริยาบถ โถงทาสงเดินประดับภาพวาดปราสาทราชวัฃทั้งหลายในบาวาเรีย เมื่อสินสุดส่วนปีกทางเหนือ ทั้งสองย้อนกลับมาเข้าห้องโถงหินไปสู่ปีกทางใต้(South Wing) เป็นจุดสำคัญของพระตำหนักใหญ่เพราะเป็นที่ประทับมีห้องบรรทมของพระราชาและพระราชินีรวมไปถึงสมาชิกราชวงศ์บาวาเรีย พระราชวังแห่งนี้ประดับภาพวาดมากมาย ส่วนใหญ่เป็นภาพวาดของสมาชิกราชวงศ์ แต่มีอยู่ห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องสำคัญสุดในพระตำหนักนี้คือ Gallery of Beauties หรือ ห้องสาวงาม ห้องนี้ประดับภาพวาดสาวงาม 36 คนในแคว้นบาวาเรียโดยพระราชดำริของพระเจ้าลุดวิกที่ 1 ให้ช่างภาพโยเซฟ ชตีลเลอร์ วาดภาพสาวงามทั้ง 36 คน ตั้งแต่สาวจากชนชั้นกลาง ไปจนถึงเจ้าหญิงทั้งหลาย เริ่มวาดตั้งแต่ปี 1826 แล้วเสร็จในปี 1850 หนึ่งในภาพวาดสามสิบหกภาพมีภาพวาดสตรีนางหนึ่งเป็นนางสนมของพระเจ้าลุดวิกที่ 1 นามว่า โลล่า มอนเทซ นางสนมชาวไอริชเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าลุดวิกที่ 1 พระองค์แต่งตั้งเป็นเคานท์เตสแห่งลานดส์เฟลด์ ด้วยอุปนิสัยทะเยอทะยานทำให้สมาชิกราชวงศ์บาวาเรียไม่พอใจ และยังทำให้พระราชาละเลยราชกิจ ตนนำไปสู่การปฏิวัติเมื่อ ค.ศ. 1848 ทำให้พระเจ้าลุดวิกที่ 1 ต้องสละราชสมบัติให้พระโอรสครองราชย์บัลลังก์แทน ส่วนนางสนมผู้นี้ถูกขับไล่ออกไปจากราชอาณาจักร ชื่นชมความงดงามการตกแต่งของแต่ละห้องในพระตำหนักเสร็จสิ้น แบงค์และตงลงมาเดินเล่นในอุทยาน ชื่นชมธรรมชาติอันเขียวขจี ทว่าอุทยานในพระราชวังกว้างขวาง รกครึ้มจนดูเหมือนป่ามากกว่าจะเป็นอุทยาน ตำหนักเล็กๆ ที่กระจายซ่อนเร้นในป่าอุทยานเรียบหรู แบงค์และตงนั่งพักผ่อนบนม้านั่งไม้ริมทะเลสาบ มีเป็ดแหวกว่ายเล่น
“หิวน้ำไหม ผมไปซื้อให้” ตงถามและพร้อมอาสาไปซื้อหามา
“ไม่หรอก ยังไม่หิว” แบงค์ตอบ “รู้ไหมตง ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร เปลี่ยนไปขนาดไหน แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลย”
“คืออะไร” ตงถามกลับ
แบงค์เบียดตัวเข้ามาใกล้ชิด สูดลมหายใจเฮือกหนึ่งที่ต้นคอ “น้ำหอมที่คุณใช้อยู่ไง จะผ่านมากี่ปีๆ คุณไม่เปลี่ยนกลิ่นไปเลย ทุกครั้งที่ผมได้กลิ่น ผมจะนึกความหลังครั้งเก่าเสมอ”
“ความหลังครั้งเก่า มันไม่น่าจะจดจำเลย ผมทำไม่ดีต่อคุณตั้งหลายอย่าง บอกตรงๆ ผมละอายใจต่อคุณ”
“คุณไม่ผิดหรอก ตอนนั้นผมเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคุณมากมายจนดูเหมือนเป็นการคุกคาม แน่นอนว่าคุณย่อมต่อต้าน แต่วิถีทางของคุณ ไม่ได้ทำผมเสียใจมากมาย”
“ถ้าโลกใบนี้มีแค่เราสองคนก็ดีนะ เราจะได้อยู่กันไปแบบนี้” ตงบอกกับแบงค์
“ตอนนี้ก็ทำได้ เราอยู่ด้วยกัน จนกว่า พระราชวังแห่งนี้ปิดทำการ” แบงค์ซบลงที่ไหล่ของตงอีกครั้ง ทั้งคู่นั่งเล่นชมธรรมชาติอันเขียวขจี พระอาทิตย์ทอแสงแดดอันแรงกล้า จนทั้งสองกลับไปยังโรงแรม พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศสโดยเครื่องบินจากสายการบินพันธมิตรเพื่อเจรจาธุรกิจกับบริษัทผลิตเครื่องบิน ตรวจเครื่องบินปละรับมอบเครื่องบิน รวมไปถึงสั่งซื้อเครื่องบินเข้าประจำการในฝูงบินของวิงส์สมายล์แอร์บริษัทลูกของวิงส์แอร์เวย์
จบบท
[1] วีซ่าเช็งเก้น หรือ เช็งเก้นวีซ่า เป็นวีซ่าที่ใช้ในการเดินทางเข้า - ออก ประเทศในแถบยุโรปที่มีข้อตกลงร่วมกันว่า ถ้าใครถือ วีซ่าเช็งเก้น มาละก็ ต้องอนุญาตให้เดินทางเข้า-ออกประเทศนั้นๆ ถือเป็นวีซ่าที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องมีการเดินทางแบบต่อเนื่อง เพราะว่าไม่ต้องเสียเวลาไปเที่ยวขอวีซ่าเข้าออกทีละประเทศ
[2] แหล่งที่มา: h**p://pantip.com/topic/30721267
เมื่อเครื่องบินลงสู่สนามบินเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนได้เกิดขึ้น นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่จากบริษัทแอร์บัสแล้ว ยังมีจอร์จและโรนัลด์-เลขาคนสนิทยืนต้อนรับการมาถึงของแบงค์ ตงและวินเซนต์ “ทำหน้ายังกะเห็นผี เห็นคนตายแล้วฟื้นหรือไง” จอร์จทักทายแบงค์ที่ทำหน้าประหลาดใจ “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาได้” แบงค์พูด “คุณดูสดใสเหมือนคนไม่ได้ป่วยเลยนะ” “ผมค่อยเล่าให้คุณฟังที่โรงแรมก็แล้วกัน” โรงแรมที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมืองตูลูส เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เก่าแก่ ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศติดกับประเทศสเปน ปัจจุบันเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักที่สิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นตัวอย่างของเมืองอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม&n
หลายเดือนต่อมา... นุชจรีนั่งจิบกาแฟลาเต้อย่างกระสับกระส่ายภายในร้านกาแฟ สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่นาฬิกาเป็นระยะๆ สีหน้าหล่อนทวีความหงิกงอจนเมคอัพเครื่องสำอางไม่สามารถปกปิดไว้ได้ มีชายผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามาในร้าน เขามองสอดส่ายสายตาไปทั่วร้านจนหยุดสายตามามองนุชจรีแล้วเดินมาหาหล่อน “ฉันรอเธอนานมากแล้วนะ” นุชจรีทักทายอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษทีครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษขอโพยแล้วสั่งกาแฟกับบริกรที่ยืนรอรับรายการเครื่องดื่ม “ขอสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนครับ” “ไหนล่ะหลักฐานที่ให้หา” นุชจรีทวงงานที่ให้ชายหนุ่มสืบมาให้ “นี่ครับ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในซองนี้” ชายหนุ่ม
เป็นเวลาพลบค่ำพอดีที่ตงลงจากรถตู้ข้ามสะพานลอยมายืนรอตรงปากทางซอยพิเศษ เขายืนรอได้ไม่นานเท่าไหร่ก็มีรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งมาจอดเทียบข้างถนนระยะประชิดกับเขา “ขึ้นมาเถอะ” แบงค์คือคนขับรถเก๋ง เปิดกระจกเชื้อเชิญให้ตงขึ้นรถ ตงจะเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแต่เจ้าภีมเด็กน้อยนั่งอยู่ ตงไปเปิดประตู “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณขับรถเป็นด้วย เห็นไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถให้หรือไม่ก็ใช้ระบบขนส่งมวลชน” ตงทักหลังจากนั่งรถเรียบร้อยแล้ว “มีอีกหลายเรื่องของผมที่คุณยังไม่รู้” แบงค์พูดเปรยขับรถไปอย่างช้าเพื่อให้ตงได้ซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางซอยพิเศษที่เปลี่ยนแปลงไป “เด็กนี่เป็นหลานคุณเหรอ” ตงถาม “ไม่ใช่ ลูกผม” แบงค์ตอบ&nbs
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาบ่ายแก่ๆ แบงค์เปลี่ยนใจไม่ไปพบวินที่ทีจีผับและนัดพบเจอตง ตามตารางงานวันนี้ตงทำงานเที่ยวบินจากเชียงใหม่เวลาดึก เที่ยวสุดท้ายของวัน แบงค์ถอดเสื้อสูท ผูกไทค์สีส้มติดบัตรเจ้าหน้าที่เช็คอินลงช่วยงานฝ่ายเช็คอินในบริเวณชั้นผู้โดยสารขาออกเพื่อเป็นการฆ่าเวลารอตง จนเวลาล่วงเลยมาถึง 5 ทุ่มเศษๆ ตงก็ขึ้นมารับแบงค์ ทั้งสองออกจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มาสู่สถานีปลายทางพญาไท “หิวมั้ยครับ” แบงค์ถามตงในระหว่างเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมกับตง “หิวอ่ะ” ตงตอบ “ผมอยากกินผัดไทย” “ผัดไทยตอนเกือบเที่ยงคืนนี่ต้องผัดไทยประตูผีที่เดียวแล้วล่ะ เรียกแท็กซี่ไปร้านผัดไทยประตูผีก็แล้วกัน” แบงค์และตงเรียกแท็กซี่มาร้านผัดไทยประตูผีย่านสำราญราษฎร์ สั่งผัดไทย หมูสะเต๊ะ น้ำส้ม
“ใครมีปืนเถื่อน มาขายฉันได้ไหมคะ พูดจริงนะจ๊ะจะซื้อไปยิงอกคน” นุชจรีนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้เอน เธอเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ สุดแค้นคนชั่วที่พรากสามีสุดที่รักไปให้ตนนอนกอดทะเบียนสมรสต่างกอดสามี นุชจรีสู้ทนทวงสามี ตากหน้าจนด้านชา ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตงกลับมาแต่มืดมนเสียเหลือเกิน เธอไม่อาจข่มตาหลับ จิตใจไม่อยู่ในภาวะปกติ เธอตอบโต้คนที่ขัดใจเธอได้อย่างแสบสรร การมีศัตรูเป็นแบงค์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่กำจัดออกไป การทำลายชื่อเสียง การไปพูดจาดีๆ ขอสามีคืน การลักพาตัวคนในครอบครัวของแบงค์ ผลลัพธ์ที่ได้คือการยื้อสถานภาพความเป็นสามีภรรยาของตงกับเธอไว้ไประยะหนึ่ง พอเกิดเรื่องไฟไหม้ที่บ้านพ่อแม่ รู้ดีว่าแบงค์อยู่เบื้องหลังแต่เหมือนคนน้ำท่วมปากไม่กล้าบอกเหตุ หากพูดไปกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอจะต้องบอกถึงเรื่องการลักพาตัวน้ำและภีม ผ่านมาเรื่อยๆ การอยู่เงียบๆ ดูสามีตนเองเล่นชู้กับชายอื่นอย่างมีความสุข เธอได้แค่เจ็บแค้นและรอเวลาเหมาะสมต้องสะสางแค้นในสักวันหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องการยิงปืนไม่ใช่เรื่องยากและเรื่องง่าย การที่นุชจรีตัดสินใจเรียนยิงป
สงครามสงบลงด้วยความบอบช้ำทั้งสองฝ่าย แม้ว่านุชจรีจะประกันตัวออกมาเพื่อรอสู้คดี ใช้ชีวิตเงียบๆ ในบ้านของตนเองที่ตรัง นุชจรียอมเซ็นใบหย่ามอบอิสรภาพให้แก่ตง ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลร้าวฉานยากจะเยียวยาและเป็นบทเรียนให้คนอื่นๆ เรียนรู้ว่าการคลุมถุงชนมันใช้ไม่ได้ในยุคนี้แล้ว ไม่ได้รักกันแล้วมาอยู่ด้วยกันมันทรมานจนแตกหักกันไป ส่วนแบงค์ต้องจัดการพิธีศพของจอร์จอย่างเรียบร้อย แม้ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่แขกที่มางานก็มาร่วมงานและแอบซุบซิบนินทาเจ้าภาพอย่างสนุกปากเพราะนอกจากแบงค์ นุ น้ำและลูกหลานที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกแก่แขกมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ ยังมีตงร่วมงานอยู่ในฐานะกึ่งแขกกึ่งเจ้าภาพ “น่าสงสารมิสเตอร์จอร์จนะคะ” มลดาเปรยในระหว่างนั่งพนมมือฟังพระสวดสาธยายพระอภิธรรม “มันก็น่าอยู่นะ มิสเตอร์จอร์จนี่เป็นคนน่าสงสาร คิดดูนะพ่อแม่มาตายตอนเกิด 911 ที่นิวยอร์ค ใช้ชีวิตเงียบเหงาอยู่กับงานธุรกิจที่ต้องสืบต่อ จนมาเจอกับแบงค์เกิดความรักกัน ท
4 ปีต่อมา... ดูเหมือนว่า ผลประกอบการของวิงส์แอร์เวย์ ภายใต้การบริหารของอนุพงษ์ไม่สดใสนัก ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง เพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป การบริการต่างๆ ก็ด้อยลงไปจากเดิม แม้กระทั่งนักรีวิวการเดินทาง ต่างก็วิจารณ์ไปใสทางที่ไม่ดี “นี่นะหรือบินไปด้วยรัก บินชั้นอีโคโนมี่ไปฮ่องกงเหมือนนรกแตก เริ่มจากเที่ยวบินดีเลย์ เปลี่ยนเวลาออกเดินทางอยู่หลายครั้ง ในช่วงที่นั่งรอเครื่องออก น่าเบื่อมาก จะดูหนังฟังเพลงจากระบบ IFE ฆ่าเวลา ลูกเรือก็ไม่แจกหูฟังอีก จนกระทั่ง เครื่องบินถอยออกจากงวงช้าง เปิดวิดีโอสาธิตความปลอดภัย ลูกเรือเพิ่งมาแจกหูฟัง สภาพหูฟังก็กิ๊กก๊อก เหมือนที่ขายในตลาดนัด คงจะใช้ทีเดียวทิ้ง ไม่น่าจะนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อาหารบนเครื่องแล้วแต่ลิ้นผู้โดยสาร สำหรับผม ไม่ถูกปากครับ ไม่ต้องให้ดีเลิศแค่อยากให้เหมือนเมื่อก่อน ที่ทำให้เชื่อว่าบินไปด้วยรักจริงๆ” คุณเนสซี่เจ้าของช่องเนสซี่ไฟลท์ในบ้านแดง เขาเป็นอินฟลูเอน
ชายหนุ่มเอเชี่ยนลุคยืนมองตัวเองจากกระจกเงาบานใหญ่ สิ่งที่สะท้อนออกมาจากกระจกเป็นร่างสมส่วน ไม่ผอมไม่อ้วน ใบหน้ารูปไข่ คางแหลม ตาเล็กหยี สายตาสั้นและเอียงทำให้เขาต้องสวมแว่นสายตากรอบสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กบางสีชมพูระเรื่อ เขาสวมชุดทักซิโด้แต่ยังไม่สมบูรณ์นักเพราะเขาสวมใส่เพียงแค่เสื้อสีขาวประดับหูกระต่ายสีขาว ส่วนเสื้อสูทสีดำยังคงวางพาดไว้กับโซฟา “เฮ้อ...” แบงค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นี่เรากำลังจะแต่งงานกับจอร์จจริงๆ หรือ” แบงค์ถามกับตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ งานแต่งงานของเขาไม่มีเจ้าสาวเป็นสตรีในอาภารณ์ขาวบริสุทธิ์เพราะคนที่เขาแต่งงานด้วยเป็นชายอเมริกันวัยเกือบสี่สิบปีนามจอร์จ เจฟฟเฟอร์สัน แม้ว่าคนในสังคมอาจจะสงสัยและไม่ยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน รวมถึงประเทศไทยดินแดนที่แบงค์จากมา การแต่งงานของคนเพศเดียวกันไม่มีกฎหมายมารองรับ แตกต่างไปจากดินแดนแห่งอิสระเสรี ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน รสนิยมทางเพศแบบไหน สามารถจดทะเบียนใช้ชีวิตคู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่แบงค์จะมากังวลใจ ความจริงในใจของแบงค์ที่ไม่มีใครล่วงรู้ ความจริงในใ
4 ปีต่อมา... ดูเหมือนว่า ผลประกอบการของวิงส์แอร์เวย์ ภายใต้การบริหารของอนุพงษ์ไม่สดใสนัก ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง เพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป การบริการต่างๆ ก็ด้อยลงไปจากเดิม แม้กระทั่งนักรีวิวการเดินทาง ต่างก็วิจารณ์ไปใสทางที่ไม่ดี “นี่นะหรือบินไปด้วยรัก บินชั้นอีโคโนมี่ไปฮ่องกงเหมือนนรกแตก เริ่มจากเที่ยวบินดีเลย์ เปลี่ยนเวลาออกเดินทางอยู่หลายครั้ง ในช่วงที่นั่งรอเครื่องออก น่าเบื่อมาก จะดูหนังฟังเพลงจากระบบ IFE ฆ่าเวลา ลูกเรือก็ไม่แจกหูฟังอีก จนกระทั่ง เครื่องบินถอยออกจากงวงช้าง เปิดวิดีโอสาธิตความปลอดภัย ลูกเรือเพิ่งมาแจกหูฟัง สภาพหูฟังก็กิ๊กก๊อก เหมือนที่ขายในตลาดนัด คงจะใช้ทีเดียวทิ้ง ไม่น่าจะนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อาหารบนเครื่องแล้วแต่ลิ้นผู้โดยสาร สำหรับผม ไม่ถูกปากครับ ไม่ต้องให้ดีเลิศแค่อยากให้เหมือนเมื่อก่อน ที่ทำให้เชื่อว่าบินไปด้วยรักจริงๆ” คุณเนสซี่เจ้าของช่องเนสซี่ไฟลท์ในบ้านแดง เขาเป็นอินฟลูเอน
สงครามสงบลงด้วยความบอบช้ำทั้งสองฝ่าย แม้ว่านุชจรีจะประกันตัวออกมาเพื่อรอสู้คดี ใช้ชีวิตเงียบๆ ในบ้านของตนเองที่ตรัง นุชจรียอมเซ็นใบหย่ามอบอิสรภาพให้แก่ตง ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลร้าวฉานยากจะเยียวยาและเป็นบทเรียนให้คนอื่นๆ เรียนรู้ว่าการคลุมถุงชนมันใช้ไม่ได้ในยุคนี้แล้ว ไม่ได้รักกันแล้วมาอยู่ด้วยกันมันทรมานจนแตกหักกันไป ส่วนแบงค์ต้องจัดการพิธีศพของจอร์จอย่างเรียบร้อย แม้ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่แขกที่มางานก็มาร่วมงานและแอบซุบซิบนินทาเจ้าภาพอย่างสนุกปากเพราะนอกจากแบงค์ นุ น้ำและลูกหลานที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกแก่แขกมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ ยังมีตงร่วมงานอยู่ในฐานะกึ่งแขกกึ่งเจ้าภาพ “น่าสงสารมิสเตอร์จอร์จนะคะ” มลดาเปรยในระหว่างนั่งพนมมือฟังพระสวดสาธยายพระอภิธรรม “มันก็น่าอยู่นะ มิสเตอร์จอร์จนี่เป็นคนน่าสงสาร คิดดูนะพ่อแม่มาตายตอนเกิด 911 ที่นิวยอร์ค ใช้ชีวิตเงียบเหงาอยู่กับงานธุรกิจที่ต้องสืบต่อ จนมาเจอกับแบงค์เกิดความรักกัน ท
“ใครมีปืนเถื่อน มาขายฉันได้ไหมคะ พูดจริงนะจ๊ะจะซื้อไปยิงอกคน” นุชจรีนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้เอน เธอเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ สุดแค้นคนชั่วที่พรากสามีสุดที่รักไปให้ตนนอนกอดทะเบียนสมรสต่างกอดสามี นุชจรีสู้ทนทวงสามี ตากหน้าจนด้านชา ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตงกลับมาแต่มืดมนเสียเหลือเกิน เธอไม่อาจข่มตาหลับ จิตใจไม่อยู่ในภาวะปกติ เธอตอบโต้คนที่ขัดใจเธอได้อย่างแสบสรร การมีศัตรูเป็นแบงค์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่กำจัดออกไป การทำลายชื่อเสียง การไปพูดจาดีๆ ขอสามีคืน การลักพาตัวคนในครอบครัวของแบงค์ ผลลัพธ์ที่ได้คือการยื้อสถานภาพความเป็นสามีภรรยาของตงกับเธอไว้ไประยะหนึ่ง พอเกิดเรื่องไฟไหม้ที่บ้านพ่อแม่ รู้ดีว่าแบงค์อยู่เบื้องหลังแต่เหมือนคนน้ำท่วมปากไม่กล้าบอกเหตุ หากพูดไปกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอจะต้องบอกถึงเรื่องการลักพาตัวน้ำและภีม ผ่านมาเรื่อยๆ การอยู่เงียบๆ ดูสามีตนเองเล่นชู้กับชายอื่นอย่างมีความสุข เธอได้แค่เจ็บแค้นและรอเวลาเหมาะสมต้องสะสางแค้นในสักวันหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องการยิงปืนไม่ใช่เรื่องยากและเรื่องง่าย การที่นุชจรีตัดสินใจเรียนยิงป
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาบ่ายแก่ๆ แบงค์เปลี่ยนใจไม่ไปพบวินที่ทีจีผับและนัดพบเจอตง ตามตารางงานวันนี้ตงทำงานเที่ยวบินจากเชียงใหม่เวลาดึก เที่ยวสุดท้ายของวัน แบงค์ถอดเสื้อสูท ผูกไทค์สีส้มติดบัตรเจ้าหน้าที่เช็คอินลงช่วยงานฝ่ายเช็คอินในบริเวณชั้นผู้โดยสารขาออกเพื่อเป็นการฆ่าเวลารอตง จนเวลาล่วงเลยมาถึง 5 ทุ่มเศษๆ ตงก็ขึ้นมารับแบงค์ ทั้งสองออกจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มาสู่สถานีปลายทางพญาไท “หิวมั้ยครับ” แบงค์ถามตงในระหว่างเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมกับตง “หิวอ่ะ” ตงตอบ “ผมอยากกินผัดไทย” “ผัดไทยตอนเกือบเที่ยงคืนนี่ต้องผัดไทยประตูผีที่เดียวแล้วล่ะ เรียกแท็กซี่ไปร้านผัดไทยประตูผีก็แล้วกัน” แบงค์และตงเรียกแท็กซี่มาร้านผัดไทยประตูผีย่านสำราญราษฎร์ สั่งผัดไทย หมูสะเต๊ะ น้ำส้ม
เป็นเวลาพลบค่ำพอดีที่ตงลงจากรถตู้ข้ามสะพานลอยมายืนรอตรงปากทางซอยพิเศษ เขายืนรอได้ไม่นานเท่าไหร่ก็มีรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งมาจอดเทียบข้างถนนระยะประชิดกับเขา “ขึ้นมาเถอะ” แบงค์คือคนขับรถเก๋ง เปิดกระจกเชื้อเชิญให้ตงขึ้นรถ ตงจะเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแต่เจ้าภีมเด็กน้อยนั่งอยู่ ตงไปเปิดประตู “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณขับรถเป็นด้วย เห็นไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถให้หรือไม่ก็ใช้ระบบขนส่งมวลชน” ตงทักหลังจากนั่งรถเรียบร้อยแล้ว “มีอีกหลายเรื่องของผมที่คุณยังไม่รู้” แบงค์พูดเปรยขับรถไปอย่างช้าเพื่อให้ตงได้ซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางซอยพิเศษที่เปลี่ยนแปลงไป “เด็กนี่เป็นหลานคุณเหรอ” ตงถาม “ไม่ใช่ ลูกผม” แบงค์ตอบ&nbs
หลายเดือนต่อมา... นุชจรีนั่งจิบกาแฟลาเต้อย่างกระสับกระส่ายภายในร้านกาแฟ สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่นาฬิกาเป็นระยะๆ สีหน้าหล่อนทวีความหงิกงอจนเมคอัพเครื่องสำอางไม่สามารถปกปิดไว้ได้ มีชายผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามาในร้าน เขามองสอดส่ายสายตาไปทั่วร้านจนหยุดสายตามามองนุชจรีแล้วเดินมาหาหล่อน “ฉันรอเธอนานมากแล้วนะ” นุชจรีทักทายอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษทีครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษขอโพยแล้วสั่งกาแฟกับบริกรที่ยืนรอรับรายการเครื่องดื่ม “ขอสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนครับ” “ไหนล่ะหลักฐานที่ให้หา” นุชจรีทวงงานที่ให้ชายหนุ่มสืบมาให้ “นี่ครับ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในซองนี้” ชายหนุ่ม
เมื่อเครื่องบินลงสู่สนามบินเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนได้เกิดขึ้น นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่จากบริษัทแอร์บัสแล้ว ยังมีจอร์จและโรนัลด์-เลขาคนสนิทยืนต้อนรับการมาถึงของแบงค์ ตงและวินเซนต์ “ทำหน้ายังกะเห็นผี เห็นคนตายแล้วฟื้นหรือไง” จอร์จทักทายแบงค์ที่ทำหน้าประหลาดใจ “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาได้” แบงค์พูด “คุณดูสดใสเหมือนคนไม่ได้ป่วยเลยนะ” “ผมค่อยเล่าให้คุณฟังที่โรงแรมก็แล้วกัน” โรงแรมที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมืองตูลูส เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เก่าแก่ ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศติดกับประเทศสเปน ปัจจุบันเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักที่สิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นตัวอย่างของเมืองอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม&n
มากกว่าการเดินทาง สัมผัสความสะดวกสบายกับเครื่องพาณิชย์ลำใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส เอ 380 Wings Ariways We care everyone. สายการบินวิงส์แอร์เวย์ บินไปด้วยรัก… เจฟดูโฆษณาของสายการบินวิงส์แอร์เวย์แล้วรู้สึกระทมเสียใจ โชคชะตาเล่นตลกกับเขาและแบงค์เหลือเกิน หลังจากที่ความทรงจำของเขากลับมา เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทรมานใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเจฟกับเตยหอมแย่ลงไปเจฟเห็นภรรยาเหมือนเป็นคนอื่น เป็นคนแปลกหน้า มีเพียงความรักและรับผิดชอบให้แค่ของขวัญ ลูกสาวตัวน้อย นางจารุณี แม่ของเจฟ ผู้เจ้ากี้เจ้าการ ผู้อาศัยจังหวะทองที่ความทรงจำของลูกชายหายไปเนื่องจากอุบัติเหตุ ใส่ข้อมูลเรื่องของเตยหอมเข้ามาแทนที่แบงค์ พอความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาเรื่อยๆ ก็ไม่มีแบงค์แล้ว เจฟเสียใจ ยังคงรักและถวิลหาแบงค์โดยตลอด ดึกดื่นคืนนั้น เจฟแยกต้วมานอนเพียงคนเดียว ให้เตยนอนหลับอยู่กับลูกอีกห้องนอนห้องหนึ่ง มานานมากแล้ว เขา นอนไม่หลับ เอามือก่ายหน้าผากคิดอะไรมากมาย จนคิดไม่ตก เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขาบอกความต้องการหย่าร้างกับเต
“ท่านผู้โดยสารครับ ขณะนี้เรากำลังลดระดับลงสู่ตึกเกือกม้า กรุณานั่งประจำที่ กอดนักบินให้แน่นด้วยความรักขอบคุณครับ” ตงรับหน้าที่เป็นกัปตันขับรถจักรยานยนต์สีแดงของแบงค์ เจ้าของรถกอดตงไว้เสียแน่น ทั้งคู่สวมชุดนักศึกษา เมื่อทุกพร้อม ตงปล่อยรถจักรยานยนต์ลงเนินเขาไปโดยไม่ออกแรงขับเคลื่อน ทั้งคู่ยิ้มแย้มร่าเริงมีความสุขตามประสาคนรักกัน จนมาถึงสามแยกสวนทุเรียน ตงสตาร์ทรถจักรยานยนต์แล้วขับมาถึงตึกเกือกม้า “ถึงโดยสวัสดิภาพ” ตงจอดรถไว้ที่จอดรถ “ขอบคุณครับ” แบงค์เอ่ย “กัปตันตงบริการทุกระดับประทับใจ” ตงพูดเสร็จคว้าตัวแบงค์มาโอบรัดไว้ แล้วค่อยๆ จูบอย่าอ่อนโยน ตี๊ด... มันก็แค่ความฝัน เราสองคนรักกันได้แค่ในค