ยิ้มนี้ เป็นรอยยิ้มของฉู่หลีชัดๆ!หนึ่งปีที่ผ่านมา ตอนที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ฉู่หลีก็ยิ้มแบบนี้เลย!กู้อวิ๋นซีจ้องมองไปที่รอยยิ้มตรงมุมปากของของจวินเย่เสวียน จนลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่งฉู่หลี เขาก็คือฉู่หลี!จวินเย่เสวียนนัยน์ตาเคร่งขรึม ที่มุมปากยังคงมีรอยยิ้มอยู่บางส่วนแต่รอยยิ้มนั้นกลับเปลี่ยนจากอ่อนโยนเป็นเย็นเยียบน่ากลัวในฉับพลัน "ทำไม? ถึงตอนนี้ ยังคงแยกระหว่างข้ากับสามีของเจ้าไม่ออกอีกอย่างนั้นหรือ?""หรือว่า เจ้าหวังอยากให้ข้าเป็นสามีของเจ้ามากกว่า?"ไอเย็นเยียบนี้...ทำให้กู้อวิ๋นซีตั้งสติขึ้นได้ฉับพลัน "องค์ชายสี่...""ยังรู้ด้วยเหรอว่าข้าคือองค์ชายสี่ของเจ้า!" จวินเย่เสวียนสะบัดเสียงเย็นกู้อวิ๋นซีกระพริบตาปริบๆ อยากจะมองหน้าเขาให้ชัดเจน แต่ไม่ว่ายังไงก็มองไม่ชัดสักทีเมื่อครู่ มีจังหวะหนึ่งที่นางคิดว่า เขาเป็นฉู่หลีจริงๆ!พอมาดูตอนนี้ เขาก็ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นองค์ชายสี่โดยสมบูรณ์แล้วกู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าสมองของนางดูจะใช้การไม่ได้แล้ว"องค์ชายสี่ ท่าน...มาเพื่อช่วยข้าจริงๆ ใช่ไหม?"ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทะเลาะกับเขา เมื่อกี้นางสิ้นหวังมากจริงๆ และก็กลัวมากด้วยห
จวินเย่เสวียนถูกนางทำจนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดีในหน้าเล็กๆ นั้น ขยับเข้ามาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เพื่อรอให้เขาตบแถมยังเร่งให้เร็วๆ อีก!กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ได้แต่ปิดตารอต่อไปแต่สิ่งที่นางได้จากการรอ ไม่ใช่บทลงโทษจากเขา แต่เป็น ไออุ่นๆ ที่ข้อมือจวินเย่เสวียนจับมือของนางไว้ ใช้พลังปราณรักษาบาดแผลที่ข้อมือของนางอุ่นจัง บาดแผลก็เหมือนจะไม่ค่อยเจ็บแล้ว"องค์ชายสี่..." กู้อวิ๋นซีลืมตาขึ้น มองเขาถึงแม้บนใบหน้าของจวินเย่เสวียนจะมีรอยแผลเป็น แต่ใบหน้านี้ กลับยังดูหล่อเหลาอย่างบอกไม่ถูกนางตบเขา แต่เขากลับไม่เพียงไม่เกลียดนาง ยังมาช่วยนางความจริง หากว่าคนที่นางได้พบตอนนั้นไม่ใช่ฉู่หลี บางที...นางก็คงจะชอบองค์ชายสี่ไปแล้วมั้ง?กู้อวิ๋นซีดึงสติกลับมาทันที รีบหลบสายตาลง ไม่มองเขาอีกนี่นางคิดอะไรเนี่ย?นางเป็นภรรยาของฉู่หลีนะ ห้ามคิดอะไรเกินเลยกับองค์ชายสี่เด็ดขาด"องค์ชายสี่ อีกเดี๋ยวพวกเราจะทำเช่นไรดี? ด้านล่างคงจะมีคนเฝ้าอยู่เต็มไปหมดใช่หรือไม่?""เจ้ารู้ด้วยเหรอว่าด้านล่างมีคนเฝ้าอยู่ แล้วยังกล้าจับหัวหน้าใหญ่เป็นตัวประกันบังคับให้พาออกไปอีก?"เขารั
"อะ...อื้อ..."มือทั้งสองข้างของกู้อวิ๋นซีวางอยู่บนหน้าอกของจวินเย่เสวียน คิดจะพลักเขาออกโดยสัญชาตญาณองค์ชายสี่ จูบนาง...แต่นางจำได้ว่า เมื่อกี้เขาพูดว่าให้นาง เชื่อฟัง อย่าดื้อ!นางไม่กล้าออกแรง และก็เพราะว่าไม่มีแรงเนื่องจากโดนฝ่ามือตบไปที่ไหล่เมื่อครู่ด้วยมือทั้งสองข้างจึงได้เปลี่ยนมากำปกเสื้อของเขาเอาไว้แทน ไม่กล้าขยับริมฝีปากของจวินเย่เสวียน ประทับลงไปบนริมฝีปากของนางเบาๆเดิมทีคิดว่าจะกดจูบลงไปเบาๆ เท่านั้นแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าใหญ่จะผลักประตูเปิดแล้วเดินเข้ามาจริงๆนัยน์ตาของจวินเย่เสวียนเคร่งขรึม จึงได้จูบหนักขึ้นทันทีอย่างลืมตัวคนตัวเล็กใต้ร่างตกใจแย่แล้ว เดิมคิดจะผลักเขาออกแต่จวินเย่เสวียนกลับจับเอามือทั้งสองของนางไปไว้ด้านบนหัว ด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกมือหนึ่งก็ลูบลงไปด้านล่างตามคอเสื้อที่ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว"อื้อ..."กู้อวิ๋นซีเบิกตาโพลง ครั้งนี้นางตกใจจริงๆ คิดจะขัดขืนสุดกำลังแต่นางไม่อาจดิ้นหลุดออกได้มือขององค์ชายสี่กำลังจับไปที่...ของนาง"อื้อๆ..."ตอนที่หัวหน้าใหญ่เข้ามา ก็เห็นภาพนี้เข้าทันทีน้องกู้ทาบทับบนร่างของแม่หญิงคนงามอยู่ ร่
ทันใดนั้นจวินเย่เสวียนก็ก้มหน้าลงไปใกล้กู้อวิ๋นซีตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คัดค้านเสียงเบาว่า "องค์ชายสี่...อย่าทำแบบนี้ มือ...มือ...""มือทำไม?" จวินเย่เสวียนถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ามือของตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่เพราะว่ารู้ ลมหายใจถึงได้สับสนวุ่นวายถึงเพียงนี้กู้อวิ๋นซีร้อนใจจนดวงตาทั้งคู่แดงก่ำเขายังจะถามอีกว่า "มือทำไม" ! มือของเขา...ยังกำ..."องค์ชายสี่...""อย่าพูด" ริมฝีปากของจวินเย่เสวียน ขยับเข้าใกล้เพิ่มขึ้นอีกใกล้กันขนาดนี้ ลมหายใจที่เขาพ่นออกมาก็ปะทะเข้าหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างจังจังหวะหัวใจของเขา ราวกับสอดประสานจังหวะไปพร้อมกับจังหวะหัวใจของนางอย่างไรอย่างนั้นหัวใจของคนทั้งคู่ ต่างก็เต้นระรัวไปพร้อมกัน!ร้อน! ร้อนจนรู้สึกทรมานไปทั้งร่าง"อืม..." นางแค่เพียงอยากจะออกไปจากใต้ร่างของเขา แต่คิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะขยับนิดเดียว ความร้อนรุ่มจากการสัมผัสของฝ่ามือเขาจะยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกแค่ขยับ ก็อดที่จะร้องอือออในลำคอออกมาไม่ได้หัวใจของจวินเย่เสวียน ถูกเสียงร้องอือออของนางทำให้สติหลุดลอยไปหมด!นี่...เจ้าตัวเล็กช่างยั่วยวนนัก!ลมหายใจของเขาหนัก
จิตสำนึกกับความต้องการของจวินเย่เสวียนกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง!ขนาดกู้อวิ๋นซียังรู้สึกได้จากลมหายใจที่สับสนนี้ ว่ามันกำลังสู้กันดุเดือดเพียงไรนางไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย ก้มหน้าลงไปมอง ในสายตาก็เห็นว่าฝ่ามือของเขายังคงกอบกุมอยู่บนร่างกายของนางร่างกายของนางเกร็งแข็งไปหมด รู้สึกทั้งหวาดกลัวและไม่สบายใจอยากจะผลักเขาออกอย่างรุนแรง แต่ก็กลัวว่าการขัดขืนของนาง จะทำให้เขากระทำการอะไรที่น่ากลัวตอบกลับมาอีก"อย่าขยับ" เสียงของจวินเย่เสวียนดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งดูแหบและโหดกว่าเมื่อครู่อย่างพยายามอดกลั้นอดกลั้นความเจ็บปวด!ขนาดกู้อวิ๋นซีเองก็ยังรับรู้ได้นางไม่กล้าขยับแล้วจริงๆ!หวังเพียงว่าเขาจะสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว รีบพานางออกไปสักทีสภาพในตอนนี้ ช่างน่าอายจนอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินไปเลยจริงๆ!ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ลมหายใจของจวินเย่เสวียนจึงสงบลงได้บ้าง ในที่สุด เขาก็เงยหน้าขึ้นจากลำคอของนางก้มลงไปมองหน้านาง ดวงตาของเด็กนี่ยังมีน้ำตาคลออยู่ มองเขาด้วยสายตาที่หวาดกลัวความต้องการที่จวินเย่เสวียนพยายามควบคุมได้อย่างยากลำบาก ก็ฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง"หลับตา ห้ามมองข้า!" เขา
สิบสองทหารม้ามาแล้ว!ด้านนอก เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดจวินเย่เสวียนวางกู้อวิ๋นซีไว้บนแขนด้านหนึ่งของตนเองกู้อวิ๋นซีตกใจจนตะลึงไป ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่นางกำลังนั่งอยู่บนแขนขององค์ชายสี่หรือเนี่ย!เขาอุ้มนางด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือ ก็จับกระบี่ยาวเอาไว้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปเอามาตอนไหนมือถือกระบี่ยาว เท้าก็เตะประตูห้องของหัวหน้าใหญ่ให้เปิดออก"น้องกู้..." หัวหน้าใหญ่ได้ยินเสียงต่อสู้ด้านนอกแล้ว ตอนนี้ก็สร่างเมาเรียบร้อยแล้วผลักหญิงสาวในอ้อมกอดออก เพิ่งจะใส่เสื้อผ้าเสร็จเตรียมจะออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก ก็เห็นจวินเย่เสวียนถีบประตูเข้ามาแล้วแม่หญิงคนงามที่เขาคิดถึงคนนั้น ตอนนี้ก็นั่งอยู่บนแขนของเขา!ถึงอย่างไรก็เป็นหญิงสาวที่บรรลุนิติภาวะแล้ว น้องกู้อุ้มนางด้วยแขนข้างเดียว แถมยังสามารถให้นางนั่งได้อยู่มั่นคงขนาดนั้น!กำลังแขนนี่ น่าตกใจมากขนาดเขาที่เป็นถึงหัวหน้าใหญ่ค่ายโจรภูเขามาหลายปี ยังเทียบไม่ติดเลยแต่ตอนนี้ น้องกู้ถือกระบี่ยาวบุกเข้ามา หมายความว่ายังไงกันแน่?"เจ้านี่ฉีกเสื้อผ้าของเจ้า เจ้าคิดจะทำเช่นไร?" จวินเย่เสวียนยกมือข้างหนึ่ง ชี้ปลายกระบี่ไปที่หัวหน้าใหญ่แล้วหันไ
กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่านางกำลังกลัวอะไรบางทีนางอาจจะไม่ได้กลัว เพียงแต่ได้เห็นคนตายทีเดียวเยอะขนาดนี้ ในใจก็เลยรู้สึกแย่เท่านั้นภาพที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดเช่นนี้ สำหรับคนทั่วไปในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เป็นภาพที่ไม่มีทางได้เห็นเลย"องค์ชายสี่ พวกเราไปกันเถอะ อย่า...ฆ่ากันอีกเลย" นางพูดเสียงเบาจวินเย่เสวียนตะโกนบอกเสียงขรึม "ถอย!"จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งบังคับม้า ส่วนอีกมือก็กอดนางไว้ ควบม้าพุ่งทะยานออกไปทางเล็กๆ ในช่องเขา เส้นทางขรุขระน้ำเสียงแหบพร่าของเขาที่เอ่ยขึ้นช่างหนาวเหน็บยิ่งกว่าสายลมในยามค่ำคืน "เจ้าจะไปออกรบไม่ใช่เหรอ? ระดับความโหดร้ายของที่นี่ถ้าเทียบกับสนามรบแล้ว ยังไม่ได้สักหนึ่งส่วนเลยด้วยซ้ำ"เจ้าเคยเห็นเลือดไหลเป็นสายน้ำ แม่น้ำทั้งสายเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานไหมล่ะ?"เจ้าเคยเห็นดินโคลนล้วนถูกย้อมด้วยสีแดงสด ไม่ว่าเจ้าจะเดินไปที่ไหน ทั้งมือทั้งเท้าทั้งเสื้อผ้าของเจ้าล้วนถูกย้อมด้วยสีแดงไหม?""เจ้าเคยเห็นศพของคนที่ตายไปพวกนั้นยังคงกระตุก สั่นไหว และเลือดหลั่งไหลไหม?""แล้วเจ้าเคยเห็น คนมากมายล้มลงอยู่แทบเท้าเจ้า พวกเขาล้วนยังไม่ตาย แต่ก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ มองเจ้าด
หลังจากที่ลงมาจากค่ายโจร กู้อวิ๋นซีก็รู้สึกว่า ตัวเองได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง"องค์ชายสี่ ให้ข้าลงไปเถอะ ข้าสามารถ...""เจ้าอยากลงเดินไปที่อูฉงเองเหรอ?"จวินเย่เสวียนเลิกคิ้ว "ก็ไม่ใช่จะไม่ได้นะ งั้นค่อยเจอกันที่อูฉงแล้วกัน"พูดจบก็จับเสื้อผ้าบริเวณช่วงเอวของนาง เตรียมจะโยนนางลงไปกู้อวิ๋นซีรีบคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที พูดอย่างรีบร้อนว่า "ข้าว่าเช่นนี้ก็ดีแล้ว...ดีมาก เหอะ""หัวเราะได้น่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้เสียอีก!" จวินเย่เสวียนพูดเหน็บแนมกู้อวิ๋นซีทำปากยื่น แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกหายากที่องค์ชายสี่จะยอมไปหาพี่ใหญ่ที่อูฉงเป็นเพื่อนนาง มีองค์ชายสี่อยู่ จะต้องหาพี่ใหญ่เจอได้อย่างรวดเร็วแน่นอนเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของพี่ใหญ่ อีกทั้งยังมีชะตาชีวิตของคนในจวนแม่ทัพ จะล้อเล่นไม่ได้กู้อวิ๋นซีทำได้เพียงพยายามจะนั่งหลังตรง ไม่ให้ร่างกายของนางไปโดนร่างกายของชายหนุ่มอีกแต่ว่า นี่ก็หกวันแล้วทั้งเหนื่อยทั้งง่วง คิดอยากที่จะนั่งหลังตรง แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเยี่ยนสืออีที่ไปสำรวจทางข้างหน้ากลับมาแล้ว "ท่านอ๋อง เส้นทางนี้สามารถไปถึงอูฉงได้ แต่ว่า ระหว่างทางจะต้องผ่านป่าท