“เจ้าคิดว่าข้าจะสนเรื่องความเป็นตายของนางงั้นเหรอ?”จวินเย่เสวียนไม่เพียงไม่หยุด แถมยังเร่งฝีเท้าขึ้นอีกด้วยชายชุดดำคนนั้นรู้สึกตึงเครียดในใจ หรือว่า เขาจะไม่สนใจจริงๆ?เมื่อเห็นว่าเสวียนอ๋องอยู่ใกล้กับตัวเองมากแล้ว แถมเขายังยกมือขึ้นแล้วด้วย!ชายชุดดำตกใจจนมือสั่น มีดสั้นเล่มนั้น ก็ประทับรอยแผลไว้บนลำคอขาวดุจหิมะของกู้อวิ๋นซีทันทีกู้อวิ๋นซีรู้สึกเจ็บจนต้องขมวดคิ้ว แต่ก็ยังพยายามกันฟันไว้ ไม่ส่งเสียงออกมาเมื่อจวินเย่เสวียนมองเห็นรอยเลือด ฝีเท้าของเขาก็ชะงักลงไปชั่วจังหวะหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่สังเกตก้ไม่อาจรู้ได้แต่เพียงชั่วจังหวะนั้นก็ทำให้คนชุดดำจัดสังเกตได้อย่างชัดเจนแล้วเขารู้สึกยินดีก่อนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ในเมื่อเสวียนอ๋องไม่สนใจ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ!”เขาเพิ่มแรงกดลงไปที่นิ้ว รอยเลือดบนคอของกู้อวิ๋นซีก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น“หยุดนะ!” จวินเย่เสวียนหยุดเคลื่อนไหว สายตาเย็นเยียบจับจ้องไปที่มีดสั้นเล่มนั่น“เสวียนอ๋อง ไหนบอกว่าไม่สนว่านางจะเป็นหรือตายอย่างไรเล่า?” คนชุดดำหัวเราะออกมาอย่างได้ใจความรู้สึกที่สามารถบีบบังคับเสวียนอ๋องได้มันช่างดีเหลือเกิน!รอบข้างมีกา
ลงดาบสามครั้ง ครบถ้วนไม่ขาด แทงเข้าที่ตัวของจวินเย่เสวียนทั้งหมดเสวียนอ๋องสะบัดมือหนึ่งที พึ่บ มีดนั้นก็ปลิวเฉี่ยวร่างของชายชุดดำไป!มีดสั้นเล่มนั้นปักลงไปในโคลนลึก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวของชายชุดดำมากนักรวดเร็วจนคนมองยังรู้สึกตาลาย!ชายชุดดำคนนั้นตกใจจนแทบจะหยุดหายใจหากว่าเมื่อครู่มีดของเสวียนอ๋อง เล็งมาที่ตำแหน่งหัวใจของเขา ป่านนี้เขาก็คงตายไปนานแล้ว!“เจ้า…เจ้า…”“ที่ข้ารับปากจะแทงตัวเองสามที ข้าทำเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็คืนตัวนางมาให้ข้าได้แล้ว!จวินเย่เสวียนเดินก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวทุกคนต่างก็หวาดกลัวจนต้องรีบก้าวถอยหลังไปสองก้าวทั้งๆ ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ทำไมถึงยังน่ากลัวได้ขนาดนี้นะ?เมื่อจวินเย่เสวียนก้าวเข้าไปด้านหน้าอีก ชายชุดดำที่จับตัวกู้อวิ๋นซีไว้เป็นตัวประกันอยู่ก็พลันขาอ่อน จนเกือบล้มลงไปไม่ทันระวัง จึงทำให้คมมีดกดลึกลงไปที่คอของกู้อวิ๋นซี จนเกิดเป็นรอยแผลมีเลือดไหลอีกหนึ่งแผลสีหน้าของจวินเย่เสวียนเคร่งเครียด เขาหยุดเดิน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนถึงกระดูก “ปล่อยคนซะ!”ชายชุดดำรู้สึกเพียงว่าพลังกายในร่าง ราวกับถูกพลังงานที่แข็งแกร่งกดดันจนเลือดลมสับสน
ตายคนเดียวดีกว่าต้องมาตายอยู่ที่นี่กันทั้งสองคนกู้อวิ๋นซีเตรียมใจพร้อมที่จะตายไว้เรียบร้อยแล้วแต่นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย!กระบี่เล่มนั้นไม่ได้แทงเข้าไปในร่างกายของนางในจังหวะที่กู้อวิ๋นซีกำลังจะฆ่าตัวตายนั้นชายชุดดำที่ถือกระบี่ไว้ก็ตกใจจนรีบเก็บดาบหลบอย่างรวดเร็วชายชุดดำที่ถือมีดจับนางไว้เป็นตัวประกันเองก็รีบเอามีดออกเช่นกัน!หากว่าผู้หญิงคนนี้ตายไป จวินเย่เสวียนก็จะต้องฆ่าพวกเขาทุกคนให้ตายโดยไม่ห่วงอะไรอีกแน่!แต่ใครก็ไม่คาดคิด ในจังหวะที่ทั้งสองคนกำลังตกตะลึงกันอยู่นั้น ช่วงจังหวะนั้น ร่างสูงโปร่งของจวินเย่เสวียนก็ได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว!“อ๊า…” มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นที่ข้างหูกู้อวิ๋นซีรีบลืมตาขึ้นมาทันที ก็เห็นแขนข้างหนึ่งตกอยู่บนพื้น ซึ่งแขนข้างที่ขาดนั้นยังคงกำกระบี่ยาวเอาไว้ในมืออยู่!ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างตัวก็ล้มลงไปเช่นกันกู้อวิ๋นซีถึงเพิ่งได้สังเกตว่า คนที่ใช้มีดสั้นกดที่คอเพื่อจับนางเป็นตัวประกันนั้น ก็ถูกฝ่ามือกระแทกโจมตีจนต้องล้มลงไปบนพื้นแล้วเช่นกัน“ท่าน…” นางยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกจวินเย่เสวียนดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอดแล้วจวินเย่เสวียนสีหน้า
จวินเย่เสวียนบาดเจ็บขนาดนี้ การที่คิดจะกลับไปเลย ก็คงเป็นไปได้ยากกู้อวิ๋นซีหาถ้ำที่ค่อนข้างมิดชิดเจอที่หนึ่ง หลังจากจัดแจงให้เขาไปพักเรียบร้อยนางก็ไปหาสมุนไพรสำหรับห้ามเลือดตรงบริเวณรอบๆ ถ้ำ จากนั้นก็เปิดเสื้อของจวินเย่เสวียนออกร่างนั้นเต็มไปด้วยแผลเก่าและแผลใหม่ จนนางเห็นแล้วก็อยากจะร้องไห้เทพแห่งสงครามเสวียนอ๋อง ชนะศึกมีชื่อเสียงได้รางวัล ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาใช้ชีวิตเข้าแลกมาทั้งนั้น!คนข้างนอกก็เห็นเพียงแสงเจิดจรัสบนตัวของเขา แต่ไม่รู้เลยว่าเขาต้องลำบากและได้รับบาดเจ็บเพื่อราษฎรชาวหนานหลิงตั้งเท่าไร!กู้อวิ๋นซีพยายามสงบจิตใจอย่างรวดเร็ว นางใช้เข็มเงินสกัดจุดเพื่อห้ามเลือดของเขาไว้ส่วนหนึ่งจากนั้นก็บดสมุนไพร แปะไว้บนบาดแผลของเขานางถอดเสื้อนอกของตัวเองออก จากนั้นก็ฉีกออกเป็นชิ้นผ้าขนาดปานกลางเพื่อใช้สำหรับในการพันแผลให้เขาเลือดค่อยๆ หยุดไหล แต่จวินเย่เสวียนเสียเลือดมากเกินไป คงจะไม่ฟื้นคืนสติในเร็วๆ นี้แน่กู้อวิ๋นซีมองไปด้านนอกหนึ่งทีที่แห่งนี้ ลึกลับมากพอคนชุดดำคงหาไม่พบ ส่วนเยียนเป่ยเองก็คงไม่อาจหาพบในเร็วๆ นี้คืนนี้ เกรงว่าบาดแผลของจวินเย่เสวียนคงทำให้เขามี
จวินเย่เสวียนตื่นขึ้นในเช้าตรู่วันถัดมาเมื่อเขาขยับแขน ฉับพลันแววตาของเขาก็เข้มขึ้นมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาในตอนแรกเขาก็อยากจะกอดนางไว้ในอ้อมแขนต่อโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อเขายกแขนขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหล่าก็พลันถมึงทึง“บังอาจ!”เขาดึงเสื้อของกู้อวิ๋นซี โยนตัวนางออกจากอ้อมแขนของตัวเองทันทีพลั่ก กู้อวิ๋นซีที่ไม่ทันตั้งตัว ถูกเขาจับโยนทิ้งลงไปบนพื้น จนเจ็บบริเวณหัวไหล่ไปหมดความเจ็บปวดทำให้นางได้สติขึ้นในทันตา“ฉู่หลี…” เมื่อเงยหน้าก็เห็นจวินเย่เสวียนนั่งใช้สายตาเย็นเยียบราวน้ำก้อนแข็งจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” สีหน้าของจวินเย่เสวียน บึงตึงสุดๆทำตัวเย็นชาห่างเหินกู้อวิ๋นซีรวบรวมสติของตัวเอง นวดหัวไหล่ที่กระแทกพื้นไปพลาง พูดว่า “…องค์ชายสี่”ฉับพลันด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา สีหน้าของกู้อวิ๋นซีพลันเปลี่ยนสี แล้วรีบไปยืนบังด้านหน้าของจวินเย่เสวียนทันทีโดยสัญชาตญาณผู้ชายที่อยู่ด้านหลังมองดูแผ่นหลังบอบบางของนาง แววตามีประกายที่ซับซ้อนพาดผ่านเขาพูดเสียงเรียบๆ ว่า “เป็นเยียนเป่ย เจ้าจะตกใจอะไร?”กู้อวิ๋นซีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เตรียมต
ความจริงก็คือ จวินฉู่หลีตัวจริงก็อยู่ในจวนเสวียนอ๋องในเวลานี้อยู่ในหออวิ๋นหลีนั่นแหละนั่นเป็นเรือนที่มีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อวิ๋นซี ฉู่หลีเจ้านายของเรือนนั้น จะต้องเป็นคนที่รักหญิงสาวที่ชื่ออวิ๋นซีมากแน่ๆแต่เมื่อกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไป หัวใจของนางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาดนางได้เห็นผู้ชายที่สวมอาภรณ์สีขาวคนนั้นแล้วแว๊บแรกที่ได้เห็นเขา “สงบ” คำนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางทันทีเขากำลังดีดพิณอยู่ชุดสีขาว ผมยาว แค่มองจากด้านข้างก็รู้ได้ว่าต้องเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน สง่างามไร้มลทินงดงาม งดงามราวกับออกมาจากภาพวาดงดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ปุถุชน แต่เป็นเหมือนเทวดาในโลกแห่งจินตนาการกู้อวิ๋นซียืนอยู่ตรงทางเดิน มองไปที่เงาร่างที่อยู่ในเรือนไม่ไกลนั้นด้วยอาการตกตะลึงจนตัวเย็นวาบและที่เย็นยิ่งกว่าตัวนางในตอนนี้ก็คือคำพูดของจวินเย่เสวียนที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง“เจ้ามีสามีที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ยังจะกล้าไปคิดออกนอกลู่นอกทางกับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ?”“กู้อวิ๋นซี คิดจะเป็นผู้หญิงของข้า เจ้าไปเอาสิทธิ์นั้นมาจากไหน?”คำพูดของเขาเป็นดั่งมีดคมๆ ที่ทิ่มแทงเข้าไปยังหัวใจของนาง
คำถามนี้ กู้อวิ๋นซีไม่มีคำตอบให้กับเขาสองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักรักษาตัวอยู่ตลอดในห้องมีเงาร่างอบอุ่นอ่อนโยนร่างหนึ่ง คอยอยู่ดูแล คอยปกป้องนางตลอดเวลาไม่ห่างไปไหนกู้อวิ๋นซีตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่ของวันที่สาม ในที่สุดนางก็อาการดีขึ้นแล้วหลังจากป่วยหนักเนื่องจากตกใจมากจนหมดสติ ตัวร้อนจี๋ มึนๆ งงๆ ไม่ค่อยได้สติ จนถึงตอนนี้ก็จัดว่าอาการดีขึ้นมากแล้วอย่างแท้จริงเพียงแต่ร่างกายของนางก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่จวินฉู่หลีรับเอายาที่สาวใช้นำมาส่งให้ที่หน้าประตู เมื่อเขาหันกลับมาก็เห็นว่านางลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงแล้วเขารู้สึกร้อนใจ วางชามยาลงแล้วเดินเข้าไปหาทันที เพื่อช่วยประคองนาง “ระวังหน่อย!”ตอนที่ฝ่ามือใหญ่แตะโดนมือของนาง กู้อวิ๋นซีก็ชักมือของนางกลับไปโดยสัญชาตญาณ“ข้าไม่เป็นไร แค่เพียงอยากออกไปเดินเล่นเท่านั้น”ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์มาตั้งหลายวัน รู้สึกเหมือนร่างกายจะยิ่งอ่อนแอลงแล้วนางจำเป็นจะต้องเข้มแข็งขึ้นจวินฉู่หลีมองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของเขา ในดวงตาปรากฎประกายแห่งความเศร้าหมองแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขายกยาเข้าไปตรงหน้านาง “ออกไปก็ได้ แต่ว่าจะต้องดื่มยาให้หม
การคัดเลือกพระชาให้เสวียนอ๋องเรื่องนี้ พระสนมหรงเริ่มดำเนินการไปตั้งนานแล้วหนิความจริงกู้อวิ๋นซีไม่อยากมีส่วนร่วมเลยจริงๆ แต่ทุกครั้งพระสนมหรงก็ดึงนางเข้าไปร่วมวงด้วยตลอดบอกว่า นางเองก็เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋อง เรื่องนี้นางจำเป็นจะต้องมีส่วนร่วมด้วยกู้อวิ๋นซีเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า วันนี้จวินเย่เสวียนก็จะอยู่ด้วย“เสวียนเออร์ ก่อนที่เจ้าจะไปออกรบ ก็ได้เจอกับหญิงสาวเหล่านั้นแล้ว ไม่รู้ว่าในบรรดาพวกนาง เจ้าถูกใจคนไหนมากที่สุดกัน?”พระสนมหรงเพิ่งจะถามจบก็เห็นกู้อวิ๋นซีเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้พอดีนางกวักมือเรียกอย่างยิ้มๆ “ซีเออร์ เจ้าเองก็มานั่งสิ”กู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย “เสด็จแม่”จากนั้นก็เบนสายตาไปมองที่จวินเย่เสวียนนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับจวินเย่เสวียน หลังจากที่หายป่วยผ่านมาหลายวัน ดูเหมือนว่าบาดแผลของเขาจะอาการดีขึ้นไม่น้อยแล้วอย่างน้อยๆ สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ขาวซีดเหมือนในตอนแรกอีกกู้อวิ๋นซีหลุบสายตาลง ก่อนจะทักทายเขาเสียงเบาๆ “องค์ชายสี่”น้ำเสียงไม่แข็งกระดาง แต่ก็ไม่อ่อนหวาน ไม่เย็นชา แต่ก็ไม่กระตือรือร้นดีใจนิ่งสงบเพียงนี้
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี