จักรพรรดิซิงหลงถูกคำพูดของไป๋เหยียนเฟยกำราบไว้แน่นอนว่าเขาแค่ปล่อยไป๋เหยียนเฟยไว้ก่อน แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยตระกูลไป๋ไปแต่หากว่ากันอีกครั้งว่าตระกูลไป๋ยังไม่ได้ทำอะไร อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ ตระกูลไป๋ก็ยังเก็บตัวเงียบอยู่อย่างไรก็ตาม เขายังกังวลเกี่ยวกับตระกูลเซิ่ง“ฮองเฮาใส่ใจจริง ๆ” จักรพรรดิซิงหลงยิ้มแล้วเอ่ยออกมาไป๋เหยียนเฟยยิ้มและพูดว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นแค่ผู้หญิง ฝ่าบาทคือฟ้าของหม่อมฉัน ตราบใดที่ฝ่าบาททรงสบายดี เรื่องอื่นหม่อมฉันก็ไม่สนใจเพคะ"“ยิ่งกว่านั้น หม่อมฉันรู้ว่าลูกหลานของหม่อมฉันโชคดี ตำแหน่งของจักรพรรดิองค์นี้ถูกกำหนดโดยพระองค์ หากไม่ใช่พระองค์ หม่อมฉันจะทำอะไรได้”คำพูดของไป๋เหยียนเฟยทำให้จักรพรรดิซิงหลงรู้สึกสบายใจหลังจากที่เขาออกจากตำหนักของไป๋เหยียนเฟยแล้ว เขาก็ไปยังตำหนักของพระสนมเสียนกุ้ยเฟยช่วงนี้รู้สึกไม่พอใจมากเกี่ยวกับหัวข้อเรื่ององค์ชายใหญ่หย่งเอ๋อร์ที่เป็นรัชทายาท!ดังนั้นหลังจากมาถึง พระสนมเสียนกุ้ยเฟยก็เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีพระสนมเสียนกุ้ยเฟยรู้อยู่นานแล้วว่าฝ่าบาทจะสงสัยระแวงนาง และนางก็ได้คิดหาข้อแก้ตัวไว้แล้ว“ฝ่าบาท พระองค์ทรงฝ
หลังจากที่เซิ่งฟานสี่พูดจบ พระสนมเสียนกุ้ยเฟยก็ตกใจมาก“พี่...หมายความว่า...ให้ข้าลงมือกับฝ่าบาทรึ...? แต่...ไม่รีบเกินไปหน่อยหรือ?”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยคิดว่าการปล่อยให้จักรพรรดิซิงหลงป่วยไปอย่างช้า ๆ ถึงตอนนั้นลูกชายของนางจะมีโอกาสได้เป็นรัชทายาทเมื่อได้เป็นรัชทายาทแล้ว ทุกอย่างก็เป็นอันจบแต่ใครจะรู้ ที่พี่ใหญ่จะสื่อคือรอนานขนาดนั้นไม่ได้!เซิ่งฟานสี่เองก็รู้ว่าเขาร้อนรนอยู่ไม่น้อยแต่...เขารอไม่ไหวแล้ว!ถ้ามัวแต่รอแบบนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ!จักรพรรดิซิงหลงสงสัยตระกูลหลักทั้งสี่อยู่แล้ว หากพวกเขาไม่ลงมือ จักรพรรดิซิงหลงจะค่อยๆ ทำให้พวกเขาอ่อนแอลงท้ายที่สุดแล้ว จักรพรรดิซิงหลงก็ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนหมูในคอก เลี้ยงให้โตรอเวลาถูกเชือด!ตอนนี้จักรพรรดิซิงหลงทรงประชวร เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือ!หากทิ้งโอกาสนี้ พูดตามตรง ไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีช่วงเวลาแบบนี้ได้อีก!“น้องพี่ เวลาไม่คอยท่า หากเราไม่ลงมือตอนนี้ โอกาสก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ.นะ!”เซิ่งฟานสี่พูดขึ้นมา หลังจากพูดจบ พระสนมเสียนกุ้ยเฟยก็กังวลมาก!เดิมทีนางไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้เลย!“พี่ชาย พี่..
หวังหยวนไม่ได้ประจบ แต่เขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆเขารู้เกี่ยวกับความสามารถของหมานต๋าถู เขาเป็นคนมีความสามารถอย่างมาก และมีทักษะความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งมาก พูดตามตรง มีเขาอยู่ แคว้นหมานจะไม่มีเหตุคาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากนักแน่เป็นคู่แข่งกัน!เมื่อเทียบกันแล้ว อาจจัดการได้ยากกว่าเซียวฉู่ฉู่!เพราะหมานต๋าถูเป็นนกอินทรีที่ต้องการโผบินสู่ท้องฟ้าและโลก ความอ่อนโยนของเขามีไว้เพื่อแคว้นหมานเท่านั้นสำหรับคนนอก เขาคือคนเลือดเย็น!ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซิ่งหรือตัวเองก็ตาม!นั่นเป็นเรื่องจริง!คำพูดที่เขาพูดกับเขานั้น เป็นการเตือนตัวเองว่าทั้งสองจะต้องต่อสู้กันไม่ช้าก็เร็วถ้าเขามีพลังที่จะยึกครองใต้หล้าได้ เขาจะไม่ยอมปล่อยเขาไป!หมานจิ้งยิ้ม นางรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ชายของนางสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ความวุ่นวายในตอนนี้ ทำให้นางกังวลมากนางไม่ใช่คนกระหายเลือด นางไม่ชอบต่อสู้ฆ่าฟัน แต่นางไม่มีหนทางจะจัดการกับเรื่องแบบนี้ได้“พี่ชายของข้าบอกว่าวันนี้เขาอยากพบเจ้า”หมานจิ้งพูดขึ้นมาหวังหยวนนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากเข้าไปในวัง ก็เห็นหมานต๋าถู“หวังหยวน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะออกเดินทา
ตอนไปใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่พอกลับไปใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังหยวนก็เข้ามาในเมืองเมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งสามสาวที่ได้เห็นหวังหยวนก็หลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาทันทีในสามวันมานี้ พวกนางกังวลและกระวนกระวายใจเหลือเกิน“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบอกเจ้าแล้ว ครั้งนี้ข้าจะรีบกลับมา เป็นห่วงอะไรกัน หืม”หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแต่หลี่ซือหานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้า...ข้าไม่ห่วง เป็นน้องหูและน้องหวงต่างหากที่ห่วงท่านจนนอนไม่หลับเลย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งสองสาวก็ไม่พอใจทันที และพูดประชดเบา ๆ “ฮึ ไม่รู้ว่าใคร ข้าวน้ำไม่แตะ เฝ้ารอที่หน้าประตูทุกวัน”“ใช่แล้ว! ยังมาพูดแบบนั้นกับเราอีก คุณชาย พี่หลี่เป็นคนที่เป็นห่วงท่านมากที่สุด!”ผู้หญิงสองคนอดไม่ได้ที่จะแย้งกลับ เมื่อได้ฟังแบบนี้ หวังหยวนก็หัวเราะออกมาในตอนกลางคืน หลี่ซือหานนอนอยู่บนเตียงกอดหวังหยวนและพูดเบา ๆ “ท่านพี่ เมื่อท่านกลับมาแล้ว มาจัดงานแต่งงานกันเถอะ เอาล่ะ...น้องสาวทั้งสองแทบรอไม่ไหวแล้ว…”หลี่ซื่อหานรีบพูด ทั้งสองคนมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เหมือนนางกับหวังหยวนตอนนี้ไม่มีแม่สื่ออย่างเป็นทางการให้แต่
หลังจากได้ฟัง หวังหยวนก็เข้าใจทันทีฉนวนกันเสียงในยุคนี้ไม่ดีเลยจริง ๆ แล้วเมื่อคืนก็เสียงดังจริง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”หวังหยวนหัวเราะ หลี่ซื่อหานที่ตื่นขึ้นในตอนนี้ เห็นทั้งสองสาวก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเช้านี้ ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังรับประทานอาหารอยู่ บรรยากาศก็ดูแปลกไปเล็กน้อยหลังอาหารเช้า หวังหยวนเมื่อมาถึงซูโจว ร้านของเขาเริ่มสงบลงแล้ว ในขณะเดียวกัน หลังจากที่แรงกดดันจากตระกูลเซิ่งลดลง พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากต่างก็ชื่นชอบสินค้าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลคริสตัลหรือถ้วยคริสตัลอย่างไรก็ตาม การสร้างเส้นทางการค้าจริง ๆ ยังยากอยู่สักหน่อย!เขาไม่กังวลเรื่องอื่นเลย สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือพวกโจรระหว่างทาง!เมื่อคิดตรงจุดนี้แล้ว หวังหยวนก็หายใจเข้าลึก ๆ และเรียกต้าหู่มา“ต้าหู่ ข้าอยากจะถามฐานที่มั่นของพวกโจรในซูโจวและข้าต้องการเปิดเส้นทางการค้า ข้าย่อมอยากร่วมมือกับพวกเขาอยู่แล้ว”หลังจากได้ยินดังนั้น.ต้าหู่ก็พยักหน้าและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำทั้งสามสาวที่เห็นฉากนี้ พวกนางไม่ได้พูดอะไรมาก พวกนางเข้าใจ มีทั้งอันตรายและความยากลำบากมากมายตลอดทาง หากต้องการความปลอดภัย พวกเขาก็ต้องปลอบใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังหยวนก็เหนื่อยใจ ชายผู้นี้เป็นนักฆ่า ในหัวของเขามีแต่การฆาตกรรมกับลอบวางเพลิง ไม่ได้ฉลาดมากนักหวังหยวนรู้สึกสิ้นหวัง ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนเจ้านายเสียแล้ว“ลูกพี่เป่ยซา เราเข้าไปคุยกันข้างในดีหรือไม่?”หวังหยวนยิ้ม เมื่อเขาพูดจบ ลูกพี่เป่ยซาก็ไม่ได้คิดมาก รีบพยักหน้าทันทีก่อนจะมองหวังหยวนหัวจรดเท้า เขาเป็นนายน้อย ส่วนชายที่อยู่ข้าง ๆ ก็น่าจะมีความสามารถในการต่อสู้ แต่กลุ่มเป่ยซามีคนนับร้อย พวกเขาคงสู้ไม่ไหวแน่ จึงไม่ต้องกังวลว่าชายสองคนนี้จะมีกลอุบายซ่อนอยู่ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องโถง หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลูกพี่เป่ยซา เจ้าไม่ได้แต่งตั้งหัวหน้ารอง หรือหัวหน้าคนที่สามเลยหรือ?”ลูกพี่เป่ยซาถอนหายใจทันที อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “กลุ่มเป่ยซามีคนเพียงไม่กี่คน การมีผู้นำหลายคนจะมีประโยชน์อันใด ข้าจัดการเองคนเดียวได้”หวังหยวนได้ยินก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น แต่ก็ยังพูดว่า “ธุรกิจที่ข้าจะนำมาคุยกับเจ้าวันนี้นั้นง่ายมาก นั่นคือการร่ำรวยไปด้วยกัน”“ร่ำรวยไปด้วยกันหรือ?”เมื่อลูกพี่เป่ยซาได้ยินก็สับสนเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าหมายความเช่นไรเป็นไปได้หรือไม่ว่าชายผู้น
เมื่อหวังหยวนพูดจบ ทุกคนในกลุ่มเป่ยซาก็ตกตะลึงให้พวกเขาเปลี่ยนหัวหน้ากลุ่มเป่ยซาหรือ?ชายผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?พูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?“ฮ่าฮ่าฮ่า...หวังหยวน เจ้าน่าสนใจจริง ๆ ในถิ่นของข้า การพูดกับพี่น้องของข้าเช่นนี้ ก็เหมือนกับร้องขอความตายสถานเดียว!”ลูกพี่เป่ยซามองหวังหยวนด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ราวกับกำลังดูละครตลกหวังหยวนยกยิ้ม ไม่ได้สนใจลูกพี่เป่ยซา ยังคงมองไปยังพวกลูกน้องต่อไปแต่พวกเขาก็ทำให้หวังหยวนผิดหวัง ไม่มีใครกล้าแสดงตัวว่าจะติดตามเขาเขายิ้ม แล้วพูดอีกครั้ง “พวกเจ้าไม่กล้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นหากลูกพี่ของเจ้าตายแล้วล่ะ? พวกเจ้าจะยินดีร่วมมือกับข้าหรือไม่?”หวังหยวนพูดเช่นนี้ ราวกับบอกว่าจะขยี้มดให้ตายทำให้ทุกคนสับสนมากยิ่งขึ้น!มีคนมากมายล้อมรอบเขาทั้งสอง แต่เขายังจะบอกว่าอยากฆ่าลูกพี่ของพวกเขาอีก!ชายผู้นี้ต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ!ลูกพี่เป่ยซาก็รู้สึกเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็หมดความอดทน จึงโบกมือสั่งการ“จับตัวหวังหยวนมาให้ข้า”เมื่อเขาพูดจบ หวังหยวนก็ส่ายหน้า แล้วพูดอย่างใจเย็น “ฆ่าเขาซะ”หลังจากพูดเช่นนั้น ต้าหู่ก็หยิบปืนออกมายิงเข้าที่หัวลูกพี่เป่ยซา ก่อนท
แต่ว่า...แม้ว่าพวกเขาจะยินดี แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น!“ท่านหวังหยวน แม้ว่าเราจะยินดีทำเช่นนั้น... แต่นอกจากกลุ่มเป่ยซาของเราแล้ว ก็ยังมีกลุ่มอื่นอีกมากมาย”“แม้ว่ากลุ่มเป่ยซาของเราจะเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด แต่... ท่านต้องเข้าใจหลักการขับไล่หมาป่าเขมือบเสือ กลุ่มเป่ยซาของพวกเราไม่อาจปกคลุมท้องฟ้าได้ด้วยมือเดียว”นั่นคือเรื่องที่พวกเขากังวลทุกคนย่อมยินดีที่จะสร้างรายได้แต่คงดีกว่าหากมีทั้งเงินและชีวิต!การเผชิญหน้ากับอีกหลายกลุ่ม มันยากเกินไปสำหรับกลุ่มเป่ยซาโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้!หวังหยวนย่อมเข้าใจ จึงพูดว่า “ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าจะสื่อ ข้าจะจัดการกับกลุ่มอื่น ๆ เช่นเดียวกับกลุ่มเจ้า”“คงดีที่สุดหากรวมกลุ่มเหล่านี้เข้าด้วยกัน มันจะสะดวกกว่า”หวังหยวนไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ การกำราบคนเพียงกลุ่มสองกลุ่มนั้นช่างง่ายดายไม่ใช่ว่าหวังหยวนหยิ่งผยอง แต่มันคือข้อเท็จจริง!ประการแรก ดั่งกลยุทธ์ที่ว่าจับโจรเอาหัวโจก หากไม่มีผู้นำ ก็เปรียบเสมือนฝูงมังกรที่ไร้ซึ่งกระดูกสันหลังประการที่สอง ไม่ได้ต้องการแค่ฆ่าเจ้านายของพวกเขา แล้วกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตเท่านั