ไป๋เหยียนเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ท่านใต้เท้ามีอะไรจะรายงานหรือไม่?”“ถ้ามีก็ว่าไป ถ้าไม่มีก็แยกย้ายกันออกไปเถิด”หลังจากพูดจบแล้ว หยางเฟิ่งกั๋วก็หายใจเข้าลึก ๆ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฮองเฮา ตอนนี้ทุกอย่างจัดการได้ง่ายแล้ว แต่เรื่องหมานอี๋นี้ ...”“ฝ่าบาททรงกำลังคิดว่าใครควรรับผิดชอบภารกิจนี้ แต่ฝ่าพระบาทไม่มีกำลังในขณะนี้ หากภารกิจนี้ยังไม่อาจแน่ใจได้ ก็กังวลว่าหมานอี๋จะใช้โอกาสนี้โจมตีต้าเย่ ด้วยการบุกรุกชายแดน!”หลังจากพูดเช่นนี้ ไป๋เหยียนเฟยก็หัวเราะในใจ นั่นคือสิ่งที่ไป๋เฟยเฟยพูดจริง ๆ!แม้ว่าจะไม่พูดถึงมันด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะลุกขึ้นมาพูดเช่นนี้อยู่ดี!“ท่านขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้ว เนื่องจากฝ่าบาทยังไม่ได้เลือก และนี่คือสถานการณ์ตอนนี้ ข้าจึงจะตัดสินใจ ให้เราหารือร่วมกันเพื่อเลือกทูตไปเจรจากับหมานอี๋!”“ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปเพื่อต้าเย่ ท่านทั้งหลาย ขอพูดตามตรง หลังจากเหตุการณ์นี้ หากฝ่าบาทจะตำหนิ ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยกล่าวคำเหล่านี้ เสนาบดีฝ่ายขวา เป้าชิงสื่อก็พูดทันที “ฮองเฮา ครั
หลังจากที่เรื่องนี้คลี่คลายแล้ว หยางเฟิ่งกั๋วก็ถอนหายใจ รู้สึกหดหู่มากมีการออกพระราชกฤษฎีกาทันที เพื่อให้สามารถส่งหวังหยวนไปเป็นทูตเจรจากับหมานอี๋ได้!ทันทีที่เสียนกุ้ยเฟยรู้เรื่องนี้ ก็รีบติดต่อเซิ่งฟางสี่ให้เข้าไปในวังหลวง!“หวังหยวนถูกส่งไปเป็นทูตเจรจากับหมานอี๋หรือ?”เซิ่งฟางสี่ขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเรื่องหวังหยวนคนนี้!แต่เขาไม่คาดคิดว่าฮองเฮาจะให้เขาไปทำภารกิจกับหมานอี๋!เป็นไปได้หรือไม่ว่าหวังหยวนคนนี้มาจากตระกูลไป๋?“เจ้าค่ะ ท่านพี่ เรื่องนี้...”เสียนกุ้ยเฟยพยักหน้า นางยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก“นี่อาจเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้ตระกูลไป๋ลงทุนทำมากถึงเพียงนี้หรือเปล่า!”“พวกเขาต้องการตัดไฟต้นลม ตัดอำนาจของเราในหมู่หมานอี๋หรือเปล่า?”เซิ่งฟางสี่พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา หากเป็นกรณีนี้จริง ก็ไร้สาระจริง ๆ!แม้ว่าตระกูลเซิ่งจะไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจในแดนคนเถื่อน แต่ก็มีสิทธิ์พูดอย่างแน่นอน!ก็รู้อยู่ว่าอ๋องหมานอี๋ที่เพิ่งสถาปนานี้ ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเซิ่งของพวกเขา!“ท่านพี่ ข้ากังวลเรื่องหวังหยวนคนนั้น ไม่เช่นนั้น…”เสียนกุ้ยเฟยรีบพูด หากหวังหยวนรู้เก
หวังหยวนได้วางแผนไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมไปหาหมานอี๋อย่างง่ายดายได้อย่างไร?“พวกเราหรือ?”หลี่ซื่อหานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าหวังหยวนจะสื่ออะไร“ครั้งนี้เราจะผ่านเมืองหยางและเมืองสู่ สถานที่ทั้งสองนี้อุดมสมบูรณ์มาก ธุรกิจของเราก็สามารถก่อร่างสร้างตัวที่นั่นได้”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้สตรีทั้งสามตกตะลึง!“สามี สถานการณ์เช่นนี้ ท่านยังคิดทำธุรกิจอยู่อีกหรือ?”หลี่ซื่อหานพูดด้วยความหงุดหงิด“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าตกลงกับตระกูลไป๋เพราะว่าอยากทำธุรกิจ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงไม่เกิดประโยชน์กับข้า แล้วเหตุใดข้าต้องไปด้วยล่ะ?”หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้ หูเมิ่งอิ๋งก็อุทานออกมาทันที“คุณชาย ท่านกำลังบอกว่า... นี่คือแผนการของท่านตั้งแต่แรกหรือ?”“แต่ว่า... ระหว่างทางก็ต้องเผชิญกับอันตรายมามากมาย พวกเราจะทำธุรกิจดี ๆ ได้อย่างไร?”คนธรรมดาย่อมเข้าใจว่าต้องเป็นเช่นนี้เพราะตระกูลเซิ่งจะไม่ยอมให้หวังหยวนไปเป็นทูต!เกรงว่าตระกูลเซิ่งต้องลงมือเป็นแน่!ตราบใดที่หมานอี๋กดดันต้าเย่ ความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขาก็จะยิ่งเพิ่มมมากขึ้นหลังจากนั้น...องค์ชายใหญ่แห่งตระกูลเซิ่งฉลาดที่ส
หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้ยินดังนั้น สตรีทั้งสามก็หัวเราะกันหมดตราบใดที่พวกนางสามารถอยู่กับหวังหยวนได้ ย่อมไม่รู้สึกว่าตนต้องลำบากเลย!ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางยังต้องการติดตามหวังหยวนไปอยู่แล้วด้วย!แทนที่จะเฝ้ารอเขาทั้งวันทั้งคืนอยู่ในหมู่บ้านต้าหวัง พวกนางอยากไปกับเขามากกว่า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ พวกนางก็ไม่หวั่น!เนื่องจากเขากำลังจะเป็นทูตไปหาหมานอี๋ หวังหยวนจึงต้องเตรียมการล่วงหน้าระหว่างทาง เขาแค่อยากหาเงิน ดังนั้นแทนที่จะเอาสินค้าราคาถูกไป เขากลับนำรถเข็นที่เต็มไปด้วยแก้วคริสตัลมา!สิ่งนี้มีราคาแพง และเป็นที่ชื่นชอบคนรวย!ส่วนสินค้าอื่น หวังหยวนก็เอาบางส่วนไปด้วย เขาไม่จำเป็นต้องเปิดร้านทำธุรกิจที่นี่เพียงที่เดียว เขาสามารถหาพ่อค้าที่สนใจได้สองสามคนที่นี่ หากพวกเขาถูกใจ ก็สามารถซื้อตุนไปชายที่เมืองหลิงได้แนวคิดปัจจุบันของหวังหยวน คือการสร้างตลาดค้าส่งเหมือนยุคสมัยใหม่!ในเวลาเดียวกัน แก้วคริสตัลนี้มีไว้ใช้สร้างรายได้อยู่แล้ว อย่างไรเสีย ก็ต้องได้ทองหลายหมื่นตำลึงแน่!นอกจากนี้ยังมีหมานอี๋ด้วย!ที่นั่นมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากคริสตัลน้อย ดังนั้นราคาจึงอาจสูงกว่าเดิม!
หลังจากที่จ้าวต้าฉุยทำสิ่งนี้สำเร็จ เขาก็ต้องตกใจมากเพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากภาพวาดที่วาดโดยหวังหยวน เขากับจู่ปันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้!หวังหยวนก็มีความสุขมากเช่นกัน ตอนนี้เมื่อผลิตปืนทรงอานุภาพเช่นนี้ได้แล้ว พวกเขาควรจะได้รับอนุญาตให้รู้วิธีใช้มันดังนั้นหวังหยวนจึงเรียกสตรีทั้งสามและต้าหู่มา คราวนี้เขาไม่ได้วางแผนจะพาคนไปเมืองหมานอี๋เยอะเกินไป เขาคัดเลือกคนมีฝีมือสิบคนในหมู่ทหารเกราะทมิฬไปด้วย กลุ่มสิบคนนี้ก็เพียงพอแล้ว!แต่ละคนจะได้รับปืนคาบศิลารุ่นพัฒนาแล้ว หลังจากสอนวิธีใช้ กลุ่มติดอาวุธของพวกเขามากกว่าสิบคนก็พร้อมรบ!ในกรณีนี้ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับกองโจร ก็จะไม่กลัวอีกต่อไป!เขาไม่เชื่อว่าในฐานะที่เขาก็เป็นข้าราชการ ตระกูลเซิ่งจะสามารถส่งกองทหารไปจัดการกับพวกเขาได้หรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตระกูลไป๋ด้วย!เมื่อมีตระกูลไป๋ที่นี่ ก็เชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้จะปลอดภัยขึ้นมาก!ท้ายที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลอื่นแล้ว ตระกูลไป๋หวังว่าพวกเขาจะสามารถเข้าถึงหมานอี๋ และแก้ไขปัญหานี้ได้!หลังจากตัดไฟแต่ต้นลมแล้ว ก็สามารถจบเรื่องนี้ได้!หลังจากที่หวัง
แน่นอนว่าหวังหยวนเข้าใจ เนื่องจากตระกูลเซิ่งบรรลุข้อตกลงระหว่างหมานอี๋และราชวงศ์ได้ พวกเขาย่อมต้องอำนาจมาก!วิกฤตที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ต้าเย่ แต่อยู่ที่หมานอี๋!นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับคนอื่น แต่สำหรับหวังหยวน มันไม่ได้น่าเกรงกลัวเลย!หมานอี๋...ฮ่าฮ่า...คิดว่าการร่วมมือกับตระกูลเซิ่ง จะสร้างความสงบสุขและปลอดภัยได้จริงหรือ?เหลวไหล!“พี่หวัง นี่คือนักดาบจากตระกูลไป๋ของข้า นามของเขาคือเป่ยซาน ชายคนนี้มีทักษะพิเศษ ด้วยกำลังคนและม้าของเขาจะคุ้มกันพี่หวังในต้าเย่ได้แน่นอน มีหลายคนที่เข้าไปในแดนหมานอี๋ แล้วพลังการต่อสู้ลดลงมาก ท่านต้องระวังให้ดี!”หลังจากพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็มองเป่ยซาน แล้วพูดว่า“เป่ยซาน ทำความเคารพท่านหมิงถันสิ”ชายคนนี้ที่ชื่อเป่ยซานพยักหน้าทันที แล้วโค้งคำนับหวังหยวนด้วยความเคารพ!“เป่ยซานขอคำนับท่านหมิงถันขอรับ”หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ด้วยความยินดี เนื่องจากเจ้าเป็นนักดาบของน้องไป๋ เช่นนั้นก็ถือเป็นครอบครัวกันได้! แต่... คนและม้าของเจ้า... อยู่ที่ไหน?”จนถึงตอนนี้ก็เห็นเขาเพียงคนเดียว แต่ไม่มีใครเห็นอีกเลยได้ยินเช่นนั้น เป่ยซานก็หยิบนกหวีดออกมาเป่าส่งเสียง
พวกนางรู้ดีว่าภารกิจครั้งนี้ไม่ง่ายเลยอาจมีอันตรายมากมายแต่พวกนางเต็มใจที่จะอยู่กับหวังหยวน แม้ว่าพวกนางจะต้องสิ้นชีพก็ตามเช้าวันรุ่งขึ้น คณะเดินทางก็เตรียมสัมภาระออกเดินทางจากหมู่บ้านต้าหวังคนกลุ่มนี้รีบรุดไปข้างหน้า หลังจากเดินไปหนึ่งวัน แม้จะอยู่บนรถม้า แต่สตรีทั้งสามก็ยังเหนื่อยอยู่เล็กน้อย“พวกเจ้าต้องการน้ำหรือไม่?”หวังหยวนมองสตรีทั้งสามคน แล้วถามด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณสามี”หลี่ซื่อหานหยิบน้ำขึ้นมาจิบ จากนั้นได้ยินหวงเจียวเจียวพูดขึ้น ในขณะชี้อย่างตื่นเต้นไปในระยะไกล “คุณชาย มีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งอยู่ไกลออกไป!”หวังหยวนมองแล้วพยักหน้าทันทีเขาหันกลับมามองทุกคนด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดเบา ๆ “หลังจากเดินทางมานานถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าทุกคนคงเหนื่อยกันแล้วใช่หรือไม่?”“เราสามารถแวะพักที่โรงเตี๊ยมข้างหน้า พักผ่อนสักหนึ่งคืนก่อนที่จะเดินทางต่อได้”“ดีเลย คุณชาย เราเหนื่อยมากเหมือนกัน มีสถานที่พักผ่อนเติมความสดชื่นเช่นนี้ก็ดี”หูเมิ่งอิ๋งก็พูดด้วยรอยยิ้ม แล้วพยักหน้าเห็นด้วยเป่ยซานไม่มีอะไรจะพูด ตราบใดที่หวังหยวนตัดสินใจ เขาก็ยินดีติดตามไปไม่นานทั้งคณะก็มาถึงโรงเตี๊ยมห
หลี่ซื่อหานกับหวงเจียวเจียวกำลังใช้ซอสทาอาหารปิ้งย่างส่วนหูเมิ่งอิ๋งที่อยู่ข้าง ๆ กำลังทำตาม 'สูตรลับ' ที่หวังหยวนเพิ่งมอบให้นาง“งาบดสองช้อน น้ำส้มสายชูหนึ่งช้อน...”“ใส่ทุกอย่างตามที่คุณชายเขียนไว้แล้ว ท่านรีบมาดูสิ!”หวังหยวนรับมาดูด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ราวกับว่าเขารอไม่ไหวอีกต่อไป!“ฮ่าฮ่า ดีแล้ว ตราบใดที่เจ้าทำตามวิธีที่ข้าให้ไป ก็จะไม่มีปัญหา!”หวังหยวนชิมดูแล้ว รสชาติดีมาก!เขาย่างอาหารทั้งหมด ก่อนจะหยิบออกมาวางลงบนโต๊ะ“มามามา ลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็พากันมารวมตัวกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าของเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทุกคนหยิบของปิ้งย่างเสียบไม้ขึ้นมาชิมอย่างระมัดระวังต้าหู่ประหลาดใจ “พี่หยวน สิ่งที่ท่านทำมีรสชาติอร่อยจริง ๆ มันแตกต่างจากสิ่งที่ข้าเคยกินมาทั้งชีวิต!”“ใช่แล้ว”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าหมักสิ่งนี้ด้วยน้ำจิ้มสูตรลับ แน่นอนว่ารสชาติต้องดีแน่”อาหารปรุงในร้านอาหารส่วนใหญ่ใช้แค่เกลือปรุงรส รสชาติจึงไม่เป็นที่พอใจแน่นอนกินไปแล้วก็เรียกได้ว่าแค่อิ่มท้องเท่านั้นหลี่ซื่อหานได้กินของปิ้งย่างที่ปรุงโดยหวังหยว
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห