หวังหยวนยืนอยู่บนบอลลูนอย่างมีความสุขยิ่ง! คงไม่มีใครคิดว่าตัวเขาจะสามารถหนีรอดออกมาได้กระมัง? ในเวลานี้ แม้ว่าพวกเขาจะโกรธเมื่อพบว่าตัวเองหนีออกมาได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้! เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกปลงอนิจจังบนใบหน้า พลางเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามบนท้องฟ้าด้วยความพึงพอใจมาก ในขณะนี้ หวังหยวนกำลังควบคุมบอลลูน และเตรียมลอยไปทางหมู่บ้านต้าหวัง คาดไม่ถึงว่าในขณะนี้ จู่ ๆ จะมีลมแรงพัดมาอย่างบ้าคลั่งจากระยะไกล! หลังจากนั้น บอลลูนก็เบี่ยงไปทางทิศตะวันตกอย่างควบคุมไม่ได้ทันที! หวังหยวนไม่สามารถยืนนิ่งได้ด้วยซ้ำ เขารีบคว้าที่จับของบอลลูนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตกลงไป ทว่าทิศทางได้เบี่ยงไปอีกทางอย่างสิ้นเชิง ในขณะนี้ และไม่มีทางที่จะกลับไปได้อีก! ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว บอลลูนก็ค่อย ๆ ร่อนลงบนภูเขาที่แห้งแล้งไกลโพ้น หวังหยวนกระโดดลงจากบอลลูน และเดินตรงไปตามเส้นทางที่มีเมืองขนาดเล็กที่ตีนเขา เขาออกมาครั้งนี้โดยไม่มีเงินติดตัวเลย ทว่าการเดินทางนั่นจำเป็นต้องมีเงินติดตัวไว้ ทั้งตัวเขานอกจากปืนกระบอกนี้แล้ว ก็มีเพียงเสื้อผ้าบนตัวเขาเท่านั้นแล้วที่มีมูล
หญิงชรามองขอทานตัวน้อยด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว และตะโกนอย่างสั่นเทา “รีบเอาของไปคืนให้คนอื่นเร็วเข้า!” ขอทานตัวน้อยอ้าปากค้างและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นของให้หวังหยวนอย่างเชื่อฟัง หญิงชราเดินไปหาหวังหยวนและขอโทษอย่างสุภาพ “ขอโทษนะ คุณชาย ท่านอย่าได้ตำหนิอายวี้ไปเลย เขาขโมยเงินก็เพราะเหตุสุดวิสัย...” หวังหยวนรับของที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา เขามองขอทานตัวน้อยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เจ้าไม่มีเงิน เจ้าก็สามารถหาเงินได้ด้วยมือทั้งสองของเจ้าเอง เจ้าไม่รู้สึกละอายใจกับการที่ขโมยของหรือ?” “เจ้าสามารถขโมยได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่สามารถขโมยได้ตลอดชีวิต!” ขอทานตัวน้อยไม่พูดจา แต่กลับหันหลังวิ่งเข้าไปในบ้าน หญิงชรามองหวังหยวนด้วยท่าทางขอโทษแล้วพูดว่า “คุณชาย ข้าขอโทษจริง ๆ ท่านเชิญเข้ามาดื่มชาสักถ้วยเถอะ คนแก่อย่างข้าขอขมาท่านด้วย!” เมื่อเห็นท่าทางที่สุภาพมากของหญิงชรา หวังหยวนก็ไม่ปฏิเสธและก้าวเข้าไป แม้ว่าบ้านจะเล็กมาก แต่ก็เรียบร้อยมากเช่นกัน มีโต๊ะ เก้าอี้ และเตียงที่เรียบง่าย ทั้งนี้ยังมีชายชราที่เป็นอัมพาตนอนอยู่บนเตียง เขามีสีหน้าซีดเซียว หน้าเหลือ
ขอทานตัวน้อยมีสีหน้าตื่นเต้น เขารีบกินลูกชิ้นเนื้อที่หวังหยวนมอบให้ตัวเองจนหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเลียน้ำแกงเนื้อที่เหลืออยู่บนนิ้ว “เป็นยังไงบ้าง อร่อยใช่ไหมเล่า?” หวังหยวนถามด้วยรอยยิ้ม “อร่อยขอรับ!” ขอทานตัวน้อยปรบมือแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “หากว่าเอาไปขายในตลาดจริง ๆ จะต้องมีคนจำนวนมากมาซื้อ้ป็นแน่!” ขอทานตัวน้อยเปลี่ยนทัศนคติที่ดูถูกกิจการนี้ในเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นท่าทางของตัวเองที่สร้างผลกำไรอย่างล้นเหลือ! เขาค่อย ๆ คลุมลูกชิ้นเนื้อด้วยผ้านึ่งอย่างระมัดระวัง จากนั้นเดินตามหวังหยวนไปยังตลาดในเทศบาล ทั้งสองเลือกสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน จากนั้นหาที่ว่างและเริ่มตั้งแผงขายของ ขอทานตัวน้อยมักจะออกมาเดินที่ตลาดบ่อย ๆ และเขาก็คุ้นเคยกับการตะโกนอยู่แล้ว เขาเริ่มเลียนแบบพ่อค้าและคนหาบเร่ที่อยู่รอบ ๆ แล้วเริ่มขายลูกชิ้นพร้อมกับตะโกน “เร่เข้ามา เร่เข้ามา ลูกชิ้นวัวที่เพิ่งทำสดใหม่ออกจากเตา ยังร้อน ๆ แถมยังอร่อยมาก!” หลังจากตะโกนไปหลายครั้ง มีผู้คนมากมายเริ่มมารวมตัวกัน ทุกคนต่างสับสนและไม่รู้ว่าขอทานตัวน
ใบหน้าขอทานตัวน้อยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขามอบเงินทั้งหมดให้หวังหยวนอย่างตื่นเต้น และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หวัง พี่เก่งมากจริง ๆ!” “เงินพวกนี้ ข้าให้เจ้า!” หวังหยวนไม่ได้รับเงินมา แต่กลับมองขอทานตัวน้อยด้วยรอยยิ้มแล้วพูดเบา ๆ ว่า “เอาเงินพวกนี้ไปซื้อเนื้อวัวแล้วมาทำลูกชิ้นเนื้อต่อไป” เมื่อขอทานตัวน้อยได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก “เงินทั้งหมดที่หามาได้จะเอาไปซื้อเนื้อวัวหมดเลยหรือ นี่คือเงินสิบตำลึงเชียวนะ…” “แน่นอนซิ แค่หาเงินก็พอแล้วหรือ?” หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม “รีบไปเร็วเข้า พรุ่งนี้เราจะขายลูกชิ้นเนื้อที่นี่ต่อไป วันนี้เปิดตลาดแล้ว พรุ่งนี้จะมีคนมาซื้อลูกชิ้นเนื้อวัวที่นี่มากขึ้นแน่นอน” เมื่อขอทานตัวน้อยเห็นหวังหยวนยืนกราน เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่พยักหน้าและตกลง จากนั้นจึงรีบวิ่งไปร้านขายเนื้อเพื่อซื้อเนื้อ! เนื่องจากมีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ดังนั้นความสามารถในการทำลูกชิ้นจึงพัฒนาขึ้นมากในวันถัดมา! ขอทานตัวน้อยสามารถทำตามขั้นตอนทั้งหมดที่หวังหยวนสอนเขาด้วยตัวเอง! ในไม่ช้า ลูกชิ้นเนื้อสดใหม่ก็ออกมาจากเตา คราวนี้ เนื่องจากมีลูกชิ้นจำนวนเยอะมาก ขอทานตัวน้อยและหวังหยวนจึ
“พวกเจ้าไม่มีตราประทับอย่างเป็นทางการ ดังนั้นการตั้งแผงขายของที่นี่จึงผิดกฎหมาย” ใบหน้าของเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการเคร่งขรึมมาก เขาขมวดคิ้วและมองไปที่หวังหยวน แล้วพูดอย่างเย็นชา “หากพวกเจ้าไม่รีบออกไปล่ะก็ ข้าก็จะจับตัวคนไป!” เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหวังหยวนก็ดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก เขาชี้ไปที่พ่อค้าและคนหาบเร่เล็ก ๆ ที่ตั้งแผงขายของรอบ ๆ ตัวเขา และถามด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “เช่นนั้นพวกเขาล่ะ เหตุใดพวกเขาไม่มีตราประทับอย่างเป็นทางการ แต่ยังสามารถตั้งแผงขายของได้ตามต้องการเล่า?” “ข้าไม่เคยได้ยินมาว่าการตั้งแผงขายของต้องได้รับอนุมัติจากนักการในศาล!” ท่าทางของหวังหยวนนั้นเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “พวกเจ้าทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังมุ่งเป้ามาที่พวกเราโดยเจตนา” “อวดดี!” เจ้าหน้าที่ศาลาว่าการดูโกรธมาก เขาชี้ไปที่หวังหยวนแล้วพูดเสียงดัง “เจ้ากล้าพูดจากับเราเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย พาพวกเขาออกไป และจับกุมพวกเขาทั้งหมด!” เจ้าหน้าที่ศาลาว่าการโบกมือ และหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขารีบคว้าหวังหยวนและขอทานตัวน้อย แล้ววิ่งตรงไปที่ศาลาว่าการ! ชายที่อยู่ไกล ๆ มองดูทั้งสองถูกจับ ใ
ยิ่งที่ปรึกษาคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งตื่นเต้นและตื่นตระหนกมากขึ้น! หากสืบสาวราวเรื่องว่ามีปัญหาระหว่างคนสองคนนี้จริง ๆ ล่ะก็ เช่นนั้นตัวเองก็สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อให้เจ้าเมืองลงจากตำแหน่งได้โดยตรง! เมื่อถึงเวลาตัวเองก็ไม่ต้องเป็นที่ปรึกษาอีกต่อไป ตำแหน่งท่านเจ้าเมืองจะเป็นของตัวเองอย่างแน่นอน! ดวงตาของที่ปรึกษาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทว่าเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ดูเคร่งขรึมอย่างยิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านเจ้าเมือง คนผู้นี้เป็นคนทรยศแผ่นดินจริง ๆ!” “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราต้องจับเขาให้ได้ ไม่เช่นนั้น หากคนผู้นี้หลุดมือเราไป นั่นคงเป็นเรื่องยากที่จะกล่าวว่าฮ่องเต้จะไม่ตำหนิเรา!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของท่านเจ้าเมืองก็ดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก เขาตีไม้ปลุกสติและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นว่า “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอันใด คุณชายหมิงถันปราบปรามกบฏที่ชายแดนในใต้หล้าเพื่อต้าเย่!” “เขาปกป้องแผ่นดินต้าเย่ให้มีความสงบสุขชั่วนิรันดร์ของราษฎร ปกป้องภูเขา และแม่น้ำหลายพันไมล์ของต้าเย่ ซ้ำยังมีคุณูปาการในการปลงพระชนม์อ๋องถูหนาน!” “เขาไปพบเม
ในจวนศาลาว่าการ หลี่เหวินป๋อเตรียมโต๊ะอาหารอร่อยในห้องหนังสือเรียบร้อยแล้ว เขานั่งตรงข้ามหวังหยวน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมในขณะที่มองไปที่หวังหยวน และไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นในใจได้ เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่หวังหยวนกระทำ เขาเป็นศิษย์ของวังไห่เทียน แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ข้างกายอาจารย์ตลอดเวลา แต่ก็ยังแลกเปลี่ยนจดหมายกัน ซ้ำยังเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ต้าถงด้วย เขาย่อมรู้สิ่งเหล่านี้โดยปริยาย! “คุณชายหมิงถัน เชิญ!” หลี่เหวินป๋อพูดด้วยความเคารพ หวังหยวนก็ไม่สุภาพมากนัก เพียงแต่ในแววตาของเขายังคงมีข้อสงสัย ไม่รู้ว่าหลี่เหวินป๋อผู้นี้เป็นใคร ตัวเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขา แล้วเหตุใดเขาถึงเคารพตัวเองมากขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นขุนนางชั้นผู้น้อย ที่ซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม และเข้าใจถึงความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่? “ใต้เท้าหลี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านและข้าพบกัน เหตุใด...ท่านถึงปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ด้วยเล่า?” หวังหยวนถามด้วยความสับสน หากเขาไม่ถาม เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จากนั้นหลี่เหวินป๋อก็หัวเราะและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายหมิงถันย่อมต้องแปลกใจแน่นอน ไม่สู้
“ถูกตัอง” หวังหยวนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขามาจากโลกอื่น และมีเทคโนโลยีจากอีกโลกหนึ่ง! “เรื่องนี้... ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่น่าเชื่อจริง ๆ คุณชายหมิงถัน อาจารย์บอกว่าท่านคืออัจฉริยะและมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อได้พบท่านในวันนี้ สมคำร่ำลือจริง ๆ!” หลี่เหวินป๋อรีบพูดด้วยความชื่นชมเต็มเปี่ยมในสายตา “ทว่า... วันนี้ท่านหนีออกมา ฝ่าบาท... จะไม่จับตัวท่านกลับไปหรือ?” หวังหยวนยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่อีกแล้ว!” หลี่เหวินป๋อยังคงสับสน เหตุใดจึงไม่ทำอีกต่อไป? โดยปกติแล้ว เขาควรจะถูกจับตัวกลับไปนี่! เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นมองหวังหยวนแล้วรีบโค้งคำนับทันที “คุณชายหมิงถัน โปรดชี้แจงข้อสงสัยให้ข้าด้วย” หวังหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด “จริง ๆ แล้วง่ายมาก ข้าไม่มีความผิด แล้วเหตุใดต้องจับข้าด้วยเล่า?” หลี่เหวินป๋อพูดทันที “แต่ว่าท่าน... ได้รับตำแหน่งว่าเป็นอ๋องเป่ยหลิงไม่ใช่หรือ? ในสายตาของทุกคน ตอนนี้ท่านได้ทรยศต่อต้าเย่นะ!” หวังหยวนพยักหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ แต่ความผิดไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต ในเมื่อตอนที่ข้าถูกต้
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห