“ถูกตัอง” หวังหยวนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขามาจากโลกอื่น และมีเทคโนโลยีจากอีกโลกหนึ่ง! “เรื่องนี้... ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่น่าเชื่อจริง ๆ คุณชายหมิงถัน อาจารย์บอกว่าท่านคืออัจฉริยะและมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อได้พบท่านในวันนี้ สมคำร่ำลือจริง ๆ!” หลี่เหวินป๋อรีบพูดด้วยความชื่นชมเต็มเปี่ยมในสายตา “ทว่า... วันนี้ท่านหนีออกมา ฝ่าบาท... จะไม่จับตัวท่านกลับไปหรือ?” หวังหยวนยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่อีกแล้ว!” หลี่เหวินป๋อยังคงสับสน เหตุใดจึงไม่ทำอีกต่อไป? โดยปกติแล้ว เขาควรจะถูกจับตัวกลับไปนี่! เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นมองหวังหยวนแล้วรีบโค้งคำนับทันที “คุณชายหมิงถัน โปรดชี้แจงข้อสงสัยให้ข้าด้วย” หวังหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด “จริง ๆ แล้วง่ายมาก ข้าไม่มีความผิด แล้วเหตุใดต้องจับข้าด้วยเล่า?” หลี่เหวินป๋อพูดทันที “แต่ว่าท่าน... ได้รับตำแหน่งว่าเป็นอ๋องเป่ยหลิงไม่ใช่หรือ? ในสายตาของทุกคน ตอนนี้ท่านได้ทรยศต่อต้าเย่นะ!” หวังหยวนพยักหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ แต่ความผิดไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต ในเมื่อตอนที่ข้าถูกต้
หวังหยวนเพียงแค่ยิ้ม จากนั้นมองไปที่หลี่เหวินป๋อแล้วพูด “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องข้าเลย ท่านออกตัวพูดอย่างยึดหลักคุณธรรมเช่นนี้ เกรงว่าหากเรื่องไปถึงราชสำนักคงมีคนไม่น้อยที่อยากเข้าร่วมกับท่านหรอกกระมัง?” หลังจากพูดแบบนี้ หลี่เหวินป๋อก็หัวเราะทันที “ความตายไม่มีอะไรน่ากลัว ถือเป็นเกียรติที่ได้ตายเพื่อคนอย่างคุณชายหมิงถัน!” “ยิ่งกว่านั้น คงจะไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ออกไปจริง ๆ!” หวังหยวนก็วางใจลง ในเวลานี้ เขานึกถึงขอทานตัวน้อยแล้วพูดว่า “ขอทานตัวน้อยคนนั้นเป็นคนมีชะตาชีวิตที่ยากลำบาก ข้าเห็นจิตใจบริสุทธิ์ของเขาจึงอยากจะช่วยเหลือ ท่านห้ามขัดขวางเส้นทางการทำกิจการของเขาเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นปู่ของเขายังคงรอกินยาอยู่” หวังหยวนนึกถึงขอทานตัวน้อยแล้วพูดทันที “เรื่องนี้ท่านวางใจได้เลย ข้าสั่งให้คนปล่อยตัวขอทานตัวน้อยแล้ว” หลี่เหวินป๋อหัวเราะ และไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งสองดื่มสุรากันจนถึงเวลารุ่งสาง หลี่เหวินป๋อเลื่อมใสในความรู้และความสามารถอันล้นหลามของหวังหยวนมากยิ่งขึ้น! ตอนนี้เขาจึงรู้ทันทีแล้ว ว่าเหตุใดอาจารย์วังไห่เทียนถึงชื่นชมหวังหยวนมากขนาดน
“พี่หยวน!” “น้องหวัง!” “ท่านพี่...” เมื่อมองดูใบหน้าที่คุ้นเคย และท่าทางที่เป็นกังวลของพวกเขา หวังหยวนก็ยิ้ม “ข้ากลับมาแล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง” วังไห่เทียนรีบเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “น้องหวัง ข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยจริง ๆ ว่าเจ้าจะกลับมาได้ นี่มัน... นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!” “พี่หยวน! กลับมาก็ดีแล้ว! กลับมาก็ดีแล้ว!” ถังหม่างและคนอื่น ๆ ต่างตื่นเต้นมาก แม้แต่ต้าหู่และเอ้อหู่ ชายฉกาจทั้งสองคนต่างก็หลั่งน้ำตาออกมาเล็กน้อย หวังหยวนมองไปที่หลี่ซื่อหาน ท่ามกลางฝูงชนแล้วยิ้มกว้างขึ้น “น้องหญิง มานี่เร็ว” หวังหยวนอ้าแขน และรู้สึกเป็นทุกข์มากเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหลี่ซื่อหาน หลี่ซื่อหานรู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่มากมาย แต่นางก็ไม่สนใจพวกเขาในขณะนี้ จากนั้นรีบโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของหวังหยวนทันที! สตรีต่างมีด้านที่เปราะบาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหวังหยวนยังถูกคุมขังอยู่ในวังลึก เป็นตายอย่างไรไม่อาจรู้ได้อย่างแน่ชัด! อย่ามองว่านางสงบสติอารมณ์ต่อหน้าคนอื่น และคอยปลอบคนอื่นอยู่เสมอ ทว่าความกดดันในใจของนางยิ่งใหญ่กว่าใคร ๆ! ตอนนี้เมื่อเห็นหวังหยวนกลับมาแล้ว ความ
พวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่าหวังหยวนถูกขังอยู่ในเมืองซ่างจิง แต่บัดนี้กลับมาแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงตรัสอะไรอีก? หลังจากที่หวังหยวนอธิบายให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “หากเป็นเช่นนั้น ฝ่าบาทจะไม่จับกุมตัวท่านกลับไปอีกแล้ว” “ถูกต้อง ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ เราทุกคนต่างก็รู้สึกวางใจแล้ว” ทุกคนรู้สึกโล่งใจและกลับบ้านของตัวเอง แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูด แต่หวังหยวนเพิ่งกลับมาในวันนี้ ดังนั้นจึงต้องปล่อยให้หวังหยวนได้อยู่กับสตรีที่รักทั้งสามของเขาถึงจะถูก! “ท่านพี่ ท่านหิวแล้วหรือยัง? ข้าจะไปทำอาหารให้ท่านเดี๋ยวนี้” “คุณชายหวัง ข้า...ข้าจะไปช่วยพี่ซื่อหาน” “ข้าก็เหมือนกัน...” หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดจากไปแล้ว สตรีทั้งสามก็เริ่มกังวล “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้กินหม้อไฟมานานแล้ว เรามากินหม้อไฟด้วยกันเถอะ ไม่ต้องไปเปลืองแรงทำ” หม้อไฟเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด เพียงแค่ล้างวัตถุดิบแล้วขึ้นเสิร์ฟทันที สตรีทั้งสามคนใช้เวลาไม่นานในการเตรียมโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร เมื่อเห็นหวังหยวนกินอาหารอย่างมูมมาม สตรีทั้งสามก็หัวเราะ ในขณะนี้ พวกนางรู้สึกสงบใจอย่างยิ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลี่ซื่อหานก็มีความสุขมาก “ท่านพี่ปฏิบัติต่อข้าอย่างดีมาโดยตลอด ข้าไม่เคยรู้สึกว่าท่านพี่ปฏิบัติต่อข้าอย่างไม่ยุติธรรมเลย” หลี่ซื่อหานยิ้ม หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ในไม่ช้าพระอาทิตย์ก็ตก หูเมิ่งอิ๋งและหวงเจียวเจียวต่างก็มีไหวพริบดีมาก และกลับไปที่ห้องของตัวเอง แม้ว่าพวกนางจะคิดถึงหวังหยวนอย่างมาก แต่คืนนี้พวกนางจะไม่แย่งชิงกับหลี่ซื่อหานอย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางยังไม่ได้แต่งงานเข้าบ้าน แล้วจะไปกล้าขอให้หวังหยวนนอนห้องเดียวกับพวกนางได้อย่างไร? ในตอนกลางคืน หลี่ซื่อหานนอนอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าสวยที่แดงก่ำ หวังหยวนมองไปยังภรรยาที่ทั้งงดงามและน่าอร่อย เขารู้สึกโหยหานางอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “ท่านพี่...ข้าสบายดีแล้ว...ท่าน...หากว่าท่านต้องการล่ะก็...ข้าไหว...” เสียงของหลี่ซื่อหานแผ่วเบาราวกับยุง! หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก เขาอยากจะทำมันจริง ๆ แต่กลับเอ่ยพูดว่า “น้องหญิง ข้าคิดว่าเรารอจนกว่าจะถึงคืนโล้สำเภากันดีกว่า!” “ในเมื่อข้าต้องการจัดงานแต่งงานใหม่ให้กับเจ้า ข้าไม่สนใจว่าจะต้องรออีกหลายวัน!” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบแล้ว หลี่ซื่อหานก็รู้สึกซาบ
หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึกและพยักหน้า จากนั้นก็ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “พวกเจ้าอย่าเพิ่งกังวล ข้าต้องหารือเรื่องนี้กับใครสักคนก่อน” “ใครหรือขอรับ?” ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “พี่วัง” เหตุผลที่หวังหยวนต้องการหารือกับวังไห่เทียน แน่นอนว่าย่อมต้องถามความคิดเห็นของเขา! คนเหล่านี้ของตัวเองล้วนมาจากหมู่บ้านต้าหวัง และพวกเขามีจิตใจหนึ่งเดียวกับเขา แม้จะบอกว่าวังไห่เทียนไม่มีเจตนาเห็นแก่ตัวกับเขาก็ตาม แต่จริง ๆ แล้วพบกันครั้งแรกก็เหมือนเป็นเป็นสหายที่รู้จักกันมานาน ทว่าบัดนี้กำลังวางแผนสิ่งต่าง ๆ ก็เพื่อพยายามหาทางให้ตัวเองอยู่อย่างสงบสุข แน่นอนว่าต่างวาระกัน จะนำมาเปรียบเทียบไม่ได้! “เข้าใจ!” เกาเล่อและถังหม่างต่างมองหน้ากัน และย่อมเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งที่แฝงอยู่ ในขณะนี้ หวังหยวนก็เข้าพบวังไห่เทียนแล้วยิ้ม “พี่วัง เราออกไปเดินเล่นด้วยกันดีหรือไม่?” วังไห่เทียนพยักหน้าทันที เมื่อเขาเห็นท่าทางเช่นนี้ของหวังหยวน เขาเข้าใจว่าหวังหยวนมีบางอย่างที่จะหารือกับเขา พวกเขาทั้งสองเดินไปที่ภูเขาด้านหลังของหมู่บ้านต้าหวัง จากที่นี่ เพียงแค่ก้มหน้ามองพวกเขาก็สามารถเห็นทิวทัศน์ของหมู่
ส่วนอู๋หลิง หวังหยวนไม่ได้พิจารณาเรื่องเขา ตำแหน่งปัจจุบันของเขาปลอดภัยพอแล้ว! เพราะตราบใดที่ต้าเย่ไม่ทำให้ใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว อู๋หลิงก็จะไม่ตกอยู่ในอันตราย! ฮ่องเต้ซิงหลงยังคงต้องพึ่งพาอู๋หลิงเพื่อปราบกบฏ! แต่วังไห่เทียนนั้นแตกต่างออกไป เขาไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เขาดำรงตำแหน่งสำคัญในกลุ่มผู้รู้หนังสือ หากเขาคัดค้าน ก็แสดงว่ามีคนจำนวนมากต่อต้านตัวเอง ตัวเองกำลังวางแผนสิ่งเหล่านี้ เกรงว่ายังไม่ทันเริ่มดำเนินการด้วยซ้ำ ก็ต้องชนเข้ากับกำแพงทุกด้าน! “พี่วังพูดถูก ข้ามีความกังวลเรื่องนี้จริง ๆ” หวังหยวนไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดทันที แต่หลังจากได้ยินสิ่งนี้ วังไห่เทียนก็ยิ้มและพูดว่า “น้องหวัง เจ้าจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่?” หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านพูดถึงเรื่องอะไรหรือ?” “ข้าเคยบอกว่าข้าไม่อยากให้เจ้ากลายเป็นคนที่สองอย่าง...อู๋มู่!” หลังจากพูดแบบนี้ วังไห่เทีย ก็ยิ้มแล้วพูดเบา ๆ “เรื่องบางเรื่อง ข้ารู้ดีว่าต้องจัดการอย่างไร น้องหวัง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล... ต้าเย่ ... ไม่ใช่แค่ของฮ่องเต้ต้าเย่เท่านั้น แต่ยังเป็นของราษฎรใต้หล้านี้ของพวกเราด้วย..
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด!แววตาของพวกเขามีความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!อันที่จริงบางคนไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ในใจพวกเขาอยากให้หวังหยวนวางแผนแล้ว!ต้าเย่ในตอนนี้กำลังล่มสลายจริง ๆ ราษฎรตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ยากลำบาก ตอนนี้มีแค่คนกลุ่มเดียวในต้าเย่ที่กำลังดิ้นรนเพื่อประคับประคอง!หากสงครามปะทุขึ้นจริง ๆ เกรงว่าต้าเย่อาจล่มสลาย!ถึงตอนนั้นต้องการความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของเรา!ทุกคนมองที่หวังหยวนด้วยความคาดหวัง และรอคอยแผนการของเขา!หวังหยวนไม่พูดเรื่องไร้สาระ และเข้าเรื่องทันที“ขั้นแรก เราวางเครือข่ายหน่วยข่าวกรองลับไว้ทุกที่ในต้าเย่ แม้แต่ในแคว้นหวง เผ่าหมาน และซ่งหนู!”“เราต้องติดตามข่าวสารโลกใบนี้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะเตรียมการล่วงหน้าเอาไว่ได้!”“นี่ก็เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับพวกเราที่จะทำในตอนนี้ เกาเล่อ... ข้าฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้า เจ้าเต็มใจไหม”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็มองไปที่เกาเล่อ!ชายผู้นี้มีไหวพริบอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นเขายังมีทักษะมากกว่าอีกด้วย หากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา หวังหยวนคงสบายใจที่สุดแล้ว
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต