จากคำพูดของอากู่ฉา ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันแต่ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ถามว่า “หวังหยวน อากู่ฉาต้องการล้างแค้นให้บิดาของเขา ไม่ทราบว่าเจ้าคิดอย่างไร?”หวังหยวนยิ้ม แล้วพูดว่า “ไทเฮา ต้องมีคนพูดเหลวไหลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นแน่ ข้าไม่ได้สังหารอ๋องถูหนาน อย่าได้กล่าวหาทูตต่างแผ่นดินในเรื่องเช่นนี้อย่างไม่ยุติธรรม”ในเมื่อพวกเจ้าต้องการแสดงละคร ข้าก็จะแสดงละครร่วมกับพวกเจ้า!“เหลวไหล เจ้าสร้างหน้าไม้ขนาดยักษ์ แล้วปล่อยให้คนอื่นยิงพ่อของข้า เจ้ายังไม่กล้ายอมรับเลย หวังหยวน เจ้าเป็นคนขี้ขลาดจริง ๆ เจ้ากล้าทำเช่นนี้เลยหรือ?”อากู่ฉาตะโกนด้วยความโกรธทันที ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็โบกมืออย่างรวดเร็ว“เฮ้ อ๋องถูหนาน โปรดอย่ากล่าวหาข้า ข้าสร้างหน้าไม้ขนาดยักษ์จริง แต่ข้าไม่ได้สั่งให้ฆ่าพ่อของเจ้า อีกทั้งกองทัพทั้งสองยังต่อสู้กันในระยะไกลขนาดนี้ ข้าไม่เห็นพ่อของเจ้าด้วยซ้ำ จะฆ่าเขาได้อย่างไร บางทีเขาอาจถูกคนอื่นฆ่า... ฆ่าโดยไม่ตั้งใจก็ได้”“ไม่ต้องกังวล ข้าจะตรวจสอบอย่างรอบคอบเมื่อข้ากลับไป ว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของเจ้า? ดีหรือไม่?”หวังหยวนไม่ยอมรับ ไม่ใช่เพราะขี้ขลาด แต่เป็นเพราะเขาปฏิบัติตามคำพ
ในขณะนี้ ไทเฮาทรงส่งเสียงกระแอมอย่างเย็นชา! “นี่คือท้องพระโรง อากู่ฉา ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องการล้างแค้นให้พ่อของเจ้า ทว่านี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำท่าทางเหิมเกริมได้ ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ถอยออกจากราชสำนักซะ!” เมื่อพูดเช่นนั้น หวังหยวนก็เห็นร่างที่อยู่หลังม่านลุกขึ้นและจากไป และนางกำนัลหลายคนก็พาอ๋องตัวน้อยออกไปด้วย หวังหยวนกระพริบตา ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งไทเฮา” หลังจากพูดเช่นนั้น หวังหยวนก็กำลังจะหันหลังกลับและจากไป และในเวลานี้นั่นเอง ข้าหลวงในวังก็รีบขวางทางหวังหยวนไว้ “คุณชายหวังหยวน ไทเฮาทรงเชิญท่าน” หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไทเฮาผู้นี้... รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า? มีคนมากมายคอบจับตามองอยู่ แต่กลับขอให้ตัวเขาไปเข้าเฝ้าพระองค์เชียวหรือ? อย่างไรก็ตาม ในเมื่อผู้อื่นมีความตั้งใจเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าหวังหยวนต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “โปรดนำทางด้วย” ขณะที่พูด ข้าหลวงในวังโน้มตัวไปข้างหน้า และเดินนำหวังหยวนเข้าไปข้างใน ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงส่วนลึกของพระราชวังและมาถึงห้องทรงพระอักษร ทันทีที่หวังหยวนเข้าไป เขาก็เห็นอ๋องตัวน้อยกำลังเล่นอยู่ ในขณะนี
เซียวฉู่ฉู่มองตรงไปที่หวังหยวน ขณะที่นางพูดเช่นนี้ หวังหยวนไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาฆ่าเลยแม้แต่น้อย อย่างที่นางพูด มันทำให้ข้าตระหนักถึงความเป็นจริงอย่างแท้จริง! หวังหยวนยิ้มและกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ไทเฮา พระองค์ทรงเชิญกระหม่อมมาที่นี่ คงไม่คิดที่จะฆ่ากระหม่อมง่ายดายเช่นนี้ใช่หรือไม่?” เซียวฉู่ฉู่หัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “หวังหยวน ข้ารู้ว่าเจ้าฉลาดมาก นี่คือเหตุผลที่ข้าใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อพาเจ้ามาที่เมืองหวง แต่สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดนั้นไม่ได้พูดผิดชีวิตและความตายของเจ้าเกี่ยวข้องกับข้าจริง ๆ ข้าไม่เพียงแต่พูดถึงเมืองหวงเท่านั้น แม้กระทั่ง... ต้าเย่!” ท่าทางของเซียวฉู่ฉู่โอหังมากเมื่อนางพูดแบบนี้! สิ่งนี้ทำให้หวังหยวนตกใจมาก! “ไทเฮาตรัสเช่นนี้ เพื่ออยากบอกกระหม่อมว่า พระองค์สามารถปกป้องกระหม่อมได้ แม้อยู่ในต้าเย่เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เซียวฉู่ฉู่ยิ้มและกล่าวว่า “อำนาจของเมืองหวงนั้นแข็งแกร่งกว่าต้าเย่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แม่ทัพมู่สิ้นชีพ ต้าเย่ก็เสื่อมโทรมลงทุกวัน เจ้าย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าข้า” “เหตุผลที่ข้าพูดไปมากมายเช่นนี้ ก็เพื่อให้เราเจราจาเรื่องต่อไปไ
“ข้าก็กำลังลังเลเช่นกัน ว่าพวกเขาจะมองออกหรือไม่…เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรต่อไป?” ในเวลานี้ เซียวฉู่ฉู่อดไม่ได้ที่จะถาม หวังหยวนพูดอย่างใจเย็น “ทำต่อไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” “เหตุใดเล่า? เจ้าก็คิดว่าพวกเขาไม่เชื่อไม่ใช่หรือ?” เซียวฉู่ฉู่พูดอย่างร้อนรนพร้อมกับสงสัย หวังหยวนหยิบถ้วยชาขึ้นมา เขาจิบชาแล้วหัวเราะทันที “ประการแรก แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย แต่พวกเขาอาจรู้เจตนาของไทเฮาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงคอยเฝ้าดู แต่... อากู่ฉาเป็นเช่นนี้เสมอมา แสดงละครอย่างต่อเนื่อง และทวีความไม่พอใจในตัวไทเฮามากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะเชื่อท่านไม่มากก็น้อย” “ประการที่สองนั่นก็คือ อากู่ฉาเข้ารับตำแหน่งแทนอ๋องถูหนาน และควบคุมกองทัพชายแดน! กองทัพแข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาจะไม่อิจฉาได้อย่างไร?” “ดังนั้น... ความไว้วางใจเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แม้ว่าร่องรอยจะหนักกว่าเล็กน้อย และร้อนรนไปบ้าง แต่ก็ไม่สำคัญ” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เซียวฉู่ฉู่ก็พยักหน้า “อย่างไรก็ตาม...ยังคงต้องขจัดข้อสงสัยของพวกเขาถึงจะถูก” ขณะที่พูด นางก็มองไปที่หวังหยวน ทำให้หวังหยวนดูทำอะไรไม่ถูก “ไทเฮา วันนี้กระหม่อมเพิ
หวังหยวนถอนหายใจ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวว่าตนเองเกิดมาเป็นคนมีสติปัญญาความรู้ แต่ชอบอิสระ หากไทเฮาแสร้งทำเป็นให้หวงเจียวเจียวแต่งงานกับตัวเขาจริง ๆ พวกเขาอาจจะเชื่ออย่างนั้นก็ได้!“ไทเฮา พระองค์ทรงตรัสเช่นนั้นแล้ว กระหม่อมก็ไม่อาจปฏิเสธ” “ทว่าหากกระหม่อมทำเช่นนี้แล้ว กระหม่อมจะได้อะไรตอบแทนเล่าพ่ะย่ะค่ะ?” หวังหยวนไม่ได้โง่เขลาขนาดนี้ เซียวฉู่ฉู่ผู้นี้ขอให้เขาช่วยนางมากมายเช่นนี้ แล้วเขาจะไม่ขออะไรเลยได้อย่างไร? “เจ้าขอสิ่งที่เจ้าต้องการได้ตามต้องการ ตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะตอบตกลงทั้งหมด” เซียวฉู่ฉู่ยิ่งโอหังมากขึ้น หวังหยวนหัวเราะมากขึ้น “ไทเฮาใจกว้างเช่นนี้ พระองค์ไม่ทรงกังวลว่ากระหม่อมจะหักหลังพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ?” “เจ้าไม่มีวันทำเช่นนั้นหรอก...” เซียวฉู่ฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้? เหตุใดเล่า? ไทเฮาทรงพบกระหม่อมวันนี้เป็นครั้งแรก ว่ากันว่ารู้คนรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ ไทเฮารู้ได้อย่างไรเล่าว่ากระหม่อมไม่มีวันทำเช่นนั้น?” หวังหยวนเริ่มแปลกใจขึ้นมา เหตุใดเซียวฉู่ฉู่ผู้นี้ถึงมั่นใจมากว่าเขาจะเป็นพันธมิตรกับนาง! “เพราะเจ้าเคยบอกว่าเจ้าจะไม่ทรยศต่อ
หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในวินาทีต่อมา ชายคนนั้นก็ถอดเสื้อคลุมสีดำออกและเผยให้เห็นตัวตน! “กระหม่อม อ๋องหลงซี คาราวะไทเฮาขอรับ!” เป็นอ๋องหลงซี! ถึงแม้ว่าหวังหยวนจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่แปลกใจนัก เขารู้ว่าอ๋องหลงซีเป็นสหายที่ภักดีและดีที่สุดของไทเฮา และการปรากฏตัวของเขาที่นี่ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร “ข้าเรียกเขามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องจะพูด แม้ว่าเจ้าจะไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนลอบสังหารครั้งนั้น แต่ข้าก็ยังต้องให้เขาอธิบายให้ชัดเจนต่อหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงช่องว่างระหว่างเจ้าและข้า” เซียวฉู่ฉู่เอ่ยพูดและมองไปที่อ๋องหลงซี คนข้างหลังหยิบตำราแผ่นไม้ไผ่ออกมาทันที แล้วมอบให้หวังหยวน “องครักษ์เงาของข้าเต็มไปด้วยช่องโหว่มานาน ไม่ว่าจะเป็นอ๋องเจิ้นตงหรืออ๋องเซ่อเป่ย ล้วนมีคนอยู่ในองครักษ์เงาของข้า” “พวกเขาแอบระดมองครักษ์เงาเพื่อสังหารเจ้า ข้ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว และไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เหตุผลง่ายมาก ข้าคิดว่าเจ้าสามารถจัดการได้” อ๋องหลงซีมองดูหวังหยวนด้วยสีหน้าสงบ ซึ่งทำให้หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อ๋องหลงซีผู้นี้สงบนิ่งมาก และหวังหยวนไม่สามารถมองเห็นสีห
หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้จบ เกาเล่อก็หัวเราะออกมาทันที “คุณชายหมิงถันพูดเล่นแล้ว ว่ากันว่าใกล้ชิดฮ่องเต้เสมือนอยู่กับพยัฆร้าย ไหนเลยจะไปกล้าพูดจาโผงผางเล่า?” หลังจากที่เกาเล่อพูดจบ เขาก็มองไปที่หวังหยวนและถามอย่างราบเรียบว่า “คุณชายหมิงถัน ท่านคิดอย่างไรกับราชสำนักหวงของข้า?” หวังหยวนพยักหน้า “กองทัพแข็งแกร่ง ม้าบึกบึน บ้านเมืองสงบ ประชาชนสันติอยู่เย็นเป็นสุข!” เมื่อเกาเล่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะ “คุณชายหมิงถันพูดจาฉะฉาน ทว่าแผ่นดินเมืองหวงของเราก็มีบางอย่างผิดปกติ” หวังหยวนกระพริบตาและถามว่า “ผิดปกติอันใด?” เกาเล่อเหลือบมองหวังหยวน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายหมิงถัน การสนทนาระหว่างท่านกับข้านั้นเป็นการพูดไปเรื่อยเปื่อย ท่านอย่าเอามาใส่ใจเป็นอันขาด” หวังหยวนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล วันนี้ข้าเพียงพูดคุยกับใต้เท้าเกาแบบสบาย ๆ เท่านั้น หลังจากพูดจบ ข้าก็ลืมแล้วและจะไม่เก็บเอาไปใส่ใจ” “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก” หลังจากที่เกาเล่อหัวเราะเสร็จ เขาก็พูดว่า “เมืองหวงของข้าดีงามไปทุกสิ่ง ทว่าก็เว้นแต่ไทเฮาองค์นี้... เฮ้อ... มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับสตรีที่จะมีอำนาจควบคุม คุณชายห
“อย่างที่สองคืออ๋องหลงซี เขาถูกไทเฮาปล่อยออกมาเพื่อเป็นเหยื่อ ทว่า... เหยื่อนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ยุยงมากกว่า ข้าสงสัยว่ามันยังเกี่ยวข้องกับท่าน ให้ข้าเดานะ... ... ไทเฮาคิดที่จะให้อ๋องหลงซีหันมาต่อต้านท่าน และเรื่องนี้ยังเชื่อมโยงกับท่านอีกด้วย…” “แต่เกี่ยวกับท่านอย่างไรเล่า? อาจจะเป็นไปได้ว่า...พระราชทานงานแต่งงานกระมัง?” หลังจากที่เกาเล่อพูดจบ เขาก็มองหวังหยวนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และซ่อนสายตาที่เย็นชา! หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก และรู้สึกสั่นสะท้านมาก! เกาเล่อผู้นี้เฉลียวฉลาดมาก! เขาถึงกับมองทะลุแผนการดังกล่าว! “หวงเจียวเจียว...เป็นทางเลือกที่ดี เพียงแต่ว่า... ร่องรอยการเคลื่อนไหวเช่นนี้ค่อนข้าชัดเจนไปหน่อย คุณชายหมิงถัน ท่านว่า... วิธีการเหล่านี้ของไทเฮา ทั้งสองท่านนั้นมองไม่ออกหรือ?” “เฮ้อ...บางครั้งสตรีก็มักจะคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ความเป็นจริงเล่า? คนอื่นต่างก็มองเห็นทั้งหมดนี้” “ท่านคิดว่าตลกไหม?” ดูเหมือนว่าเกาเล่อจะพูดกับตัวเอง แต่คำพูดดังกล่าวยังคงก้องอยู่ในหูของหวังหยวนทุกถ้อยคำ ในขณะนี้ ในใจของหวังหยวนเกิดเจตนาสังหารแล้ว! เกาเล่อผู้นี้เก่งกาจจ
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต