ทุกคนในกลุ่มผู้ชมมองหน้ากันด้วยความตกใจ!คนธรรมดาทั่วไปใช้ชีวิตไปวันต่อวัน!ไม่ต้องพูดถึงห้าปี แค่หนึ่งปีหรือหกเดือน ก็ยังไม่มีใครคิดวางแผนล่วงหน้าเลยหากทำไร่ทำนาแล้วผลผลิตฤดูกาลหน้าไม่ดี ก็อาจจะอยู่ไม่ได้แม้ว่าผลผลิตจะดี แต่เมื่อเสียภาษีก็ยังมีเงินเหลืออยู่ไม่มากเมื่อปวดหัวและมีไข้ ก็ไม่ไปหาหมอ จะรอดไปได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์ต้าหู่ก็เงียบไปเช่นกันพวกโจรก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยเช่นกัน กังวลว่าจะถูกโจรต่างถิ่นรุกราน กังวลว่าสักวันหนึ่งจะถูกกองทัพของฝ่ายราชการเข้าล้อมปราบปราม และยังกังวลว่าลูกน้องจะกบฏและลอบสังหาร ใครจะกล้าคิดล่วงหน้าห้าปี ซึ่งยาวนานถึงเพียงนี้!“อย่าเพิ่งพูดถึงแผนโดยรวมสำหรับห้าปีข้างหน้า!”หวังหยวนพูดช้า ๆ “ข้าแค่อยากจะบอกว่าปีหน้า ถนนและทางเดินในหมู่บ้านจะปูด้วยหินกรวด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีโคลนติดเท้า เมื่อออกไปข้างนอกในวันที่ฝนตก! ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านต้องอาศัยอยู่ในบ้านอิฐ และจะไม่มีใครหิวโหยหรือหนาวเหน็บอีกต่อไป”ชาวบ้านต่างตกใจทุกวันนี้มีกินเพียงพอทุกวัน และมีรายได้ทุกเดือนก็พอใจแล้วไม่เคยกล้าคิดที่จะใช้ชีวิตในบ้านอิฐ ไม
คนอื่น ๆ ยังคงขมวดคิ้วจ้าวชิงเหอตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ผ้าป่านผืนหนึ่งราคาสามถึงสี่ร้อยอีแปะ ผ้าฝ้ายผืนหนึ่งราคาเจ็ดถึงแปดร้อยอีแปะ ป่านหนึ่งจินราคาประมาณห้าอีแปะ และฝ้ายหนึ่งจินมีราคาประมาณสองร้อยอีแปะ ท่านพี่ เหตุใดถึงถามเรื่องนี้?”คนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจ และสงสัยว่าหวังหยวนถามเรื่องนี้เพื่ออะไร!หวังหยวนขมวดคิ้วพูดว่า “พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่ที่มาประชุมวันนี้ ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นมาก!”ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้ว สมาชิกหลายคนในกลุ่มประมง กลุ่มขายปลา และกลุ่มคุ้มกัน ยังคงสวมเสื้อตัวเดียว และอาศัยการผิงไฟ!ทุกคนพยักหน้าอย่างงุนงง!กัวฉางกล่าวว่า “แม้ว่าทุกคนจะทำเงินได้มากมายที่นี่ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าชีวิตสบายเช่นนี้จะยืนยาวนานเพียงใด พวกเขาจึงไม่กล้าใช้เงิน เพราะฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็ต้องจ่ายภาษีอีก!”ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยมีการเก็บภาษีปีละสองครั้ง ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน หากจ่ายไม่ได้ จะต้องเข้าคุกและถูกส่งไปทำงานหนัก!“ใช่แล้ว ตอนนี้แม้จะจ่ายเงินให้ทุกคนแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าใช้!”หวังหยวนกล่าวว่า “ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่า ตราบใดที่ทำงานที่น
“ไม่ใช่!” หวังหยวนถอนหายใจและพูดว่า “หากเจ้าจับข้าเป็นตัวประกันตอนนี้ บางทีเจ้าอาจจะได้ม้าศึกตัวหนึ่ง แล้วขี่มันกลับไปถึงอีเซี่ยนเทียนในคืนเดียว!” หลังจากจับหญิงสาวโจรภูเขานางนี้เป็นตัวประกัน พูดตามตรง เขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย หญิงสาวโจรภูเขานางนี้มีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้สูงมาก จนต้องมอบหมายคนพิเศษมาคอยจับตาดูนาง! มิฉะนั้น ไม่รู้ว่านางจะก่อปัญหาอะไรบ้าง ตอนนี้รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาควรใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการจับอีเซี่ยนเทียนในตอนแรก และกำจัดพวกโจรภูเขาทั้งหมด หงเยี่ยถอยกลับและรักษาระยะห่าง “ข้าจะไม่หลงกลเจ้าหรอก เจ้าต้องวางหลุมพรางไว้แล้วเป็นแน่ แล้วรอให้ข้าติดกับดัก!” “...” ไม่มีใครเชื่อความจริงข้อนี้ ดังนั้นหวังหยวนจึงเปลี่ยนเรื่อง “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าขอให้เจ้าอยู่เพราะอยากให้เจ้าช่วยดูแลลูกพี่ลูกน้องของข้า!” “ดูแลลูกพี่ลูกน้องของเจ้า!” คิ้วสวยของหงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่เคียงข้างเจ้าตลอดเมื่อครู่นี้เหรอ!” “ใช่!” หวังหยวนพยักหน้าและพูดว่า “นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนี้นิ้วของนางได้รับบาดเจ็บ และทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดว
“ตระกูลโจวในเทศบาลต้องการแย่งชิง…” จ้าวชิงเหออธิบายเรื่องนี้อย่างรวบรัดอีกรอบ “การลงโทษที่โหดร้ายทารุณสารพัดรูปแบบขนาดนั้น เจ้ากลับรอดมาได้ เจ้านี่สุดยอดจริง ๆ!” หงเยี่ยเอ่ยชื่นชมแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ตระกูลโจวและจู่เป๋าหม่านั่นช่างไร้มนุษยธรรมจริง ๆ ถ้ากลับไปแล้วข้าจะรวบรวมกำลังคนมาช่วยเจ้าจัดการกับพวกเขา!” “รวบรวมกำลังคนเหรอ?” จ้าวชิงเหอพูดด้วยความประหลาดใจ “พี่สะใภ้รอง ท่านทำอะไรกันแน่?” “แค่ก ๆ!” ใบหน้าของหงเยี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ “ข้า ข้าหมายถึงว่าข้าจะช่วยเจ้ารวบรวมกองกำลังของลูกพี่ลูกน้องของเจ้า!” “เช่นนั้นก็ไม่จำเป็น!” หงเยี่ยยิ้ม “วันนี้ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไปที่ที่ว่าการอำเภอ และกวาดล้างตระกูลโจวหมดแล้ว ซ้ำยังลากจู่เป๋าหม่าเข้าคุกอีกด้วย!” “เอ๊ะ!” หงเยี่ยถึงกับอ้าปากค้าง! เจ้าโจรตัวน้อยนั่นช่างเก่งกาจจริง ๆ บอกว่าจะโค่นล้มผู้มีอำนาจในเทศบาลก็ทำได้ตามประสงค์ของเขา ซ้ำยังลากจู่เป๋า ใต้เท้าคนที่สองของที่ว่าการอำเภอเข้าคุก อุบายนี้ทำให้ผู้คนหวาดผวาจริง ๆ! ทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอน! ผ้าห่มสองผืนในเตียงเดียว! จ้าวชิงเหออดไม่ได้ที่จะถามว่า
เขาไม่เชื่อว่าหวังหยวนเป็นผู้คิดนโยบายขึ้นมา และยังเชื่อมาตลอดว่าวังไห่เทียนอยู่เบื้องหลังนโยบายนี้ เขาต้องการให้หวังหยวนเข้าราชสำนัก และแทรกแซงกิจการของรัฐจากระยะไกล! “ฝ่าบาท ถึงเวลาตอบแทนคุณชายหมิงถันแล้ว เขาได้บริจาคเงินให้กับราชสำนักอีกด้วยขอรับ!” หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวอย่างจริงใจ “ตราบใดที่บังคับใช้นโยบายนี้ ก็จะสามารถแก้ไขความยากลำบากของราชสำนัก และแก้ไขความคับข้องใจของประชาชนได้อย่างแน่นอน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินจ้าน เจ้ากระทรวงกรมกลาโหม และโจวจิงเหย่ เจ้ากระทรวงกรมพิธีการต่างพยักหน้าพร้อมกัน แม้ว่านโยบายนี้จะไม่ดีเท่ากับการแบ่งปันที่ดินกับเกษตรกร และการจ่ายพืชพันธ์ให้กับชนชั้นสูงในระยะยาว แต่ก็มีประสิทธิภาพมากกว่าในระยะสั้น เป้าชิงสื่อไม่แสดงสีหน้า “ฝ่าบาท กระหม่อมเชื่อว่านโยบายนี้มีประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่ บุคคลที่เสนอนโยบายนี้ย่อมต้องมีเจตนาชั่วร้าย จิตใจไม่บริสุทธิ์!” หยางเฟิ่งกั๋วจ้องมองด้วยความโกรธ “ท่านเสนาบดีฝ่ายขวา เหตุใดต้องเจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจกลัวด้วยเล่า!” ฮ่องเต้ซิงหลงตรัสว่า “ท่านเสนาบดีฝ่ายขวา เชิญพูด!”
เป้าชิงสื่อเสนาบดีฝ่ายขวา สือเหยาเฉียนเสนาบดีโยธาธิการ กู้จี๋เต้าเสนาบดีกรมพระคลัง และหลี่ซื่อฉีเสนาบดีกรมยุติธรรมต่างไม่แสดงสีหน้า ทว่ากลับเยาะเย้ยอยู่ในใจ อำนาจทางการทหารคืออำนาจของฮ่องเต้ ใครก็ตามที่บังอาจแตะต้องง่าย ๆ ย่อมรนหาที่ตาย! เงินบำนาญของราชสำนักไม่ถึงสิบตำลึงด้วยซ้ำ การที่มีคนมอบเงินรางวัลให้มากมายเช่นนั้น ถือเป็นการตบหน้าราชสำนักไม่ใช่หรอกเหรอ! “ฝ่าบาท โปรดสงบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ มีความลับอีกอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ กระหม่อมจะตรวจสอบต้นสายปลายเหตุให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ!” อย่างไรก็ตาม หยางเฟิ่งกั๋วเสนาบดีฝ่ายซ้ายหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อของเขาอย่างใจเย็น “ก่อนสงคราม คุณชายหมิงถัน แม่ทัพหนุ่ม และขุนพลต่างได้รวมเงินกันเพื่อซื้อทรัพย์สินที่ตระกูลใหญ่ในเมืองนำออกมาขาย ประการแรก พวกเขาต้องการลดแรงกดดันต่อเงินบำนาญจากราชสำนัก และประการที่สอง พวกเขาต้องการปกป้องผู้บาดเจ็บและเหล่าขุนพล ในเมื่อพวกเขาสู้รบฝ่าฟันเพื่อปกป้องบ้านเมือง ดังนั้น พวกเขาจึงต้องคิดถึงชัยชนะ” นี่คือจดหมายที่แม่ทัพหนุ่มส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้ชี้แจงเรื่องราวไว้ล่วงหน้า! ฮ่องเต้ซิงหลงหยิบจดหมายขึ
รถม้าเข้าหมู่บ้านต้าหวัง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบฟู่ชิงลงจากรถแล้วเดินสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนที่จะมาถึง เขากำลังคิดว่าดินแดนสววรค์แบบใดที่สามารถปลูกฝังพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ แต่ปรากฏว่าหมู่บ้านต้าหวังเป็นเพียงดินแดนธรรมดา ทว่าชาวบ้านนั้นต่างกันมาก ทุกคนต่างแต่งกายเรียบร้อยผืนหนา มือและหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา ใบหน้ายังมีเนื้อหนังต่างจากชาวบ้านในดินแดนอื่นที่หน้าเหลืองและผอมบาง ราวกับกำลังจะอดอาหารตาย มีการสร้างบ้านใหม่ทุกที่ในหมู่บ้าน และชาวบ้านที่ทำงานก็เต็มไปด้วยพลัง มีเสียงเด็กอ่านหนังสือดังมาจากบ้านใหม่ นอกจากนี้ ยังมีชายหนุ่มกำลังฝึกฝนวิชาดาบและทำปืน ยิ่งกว่านั้น มีแม้กระทั่งชายหนุ่มที่ทำงานด้วยการเกว่งนิ้วขณะเดินไปมา ปรากฏว่าเขากำลังเขียนตัวหนังสืออยู่ ทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น ราวกับกับสวรรค์ของฮ่องเต้ที่นักปราชญ์กล่าวถึง ฟู่ชิงเฝ้ามองด้วยใจที่เร่าร้อน และเดินไปหาชาวบ้านริมถนนทันที เพื่อต้องการทราบข่าวคราวเพิ่มเติม แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ ชาวบ้านต่างก็เดินจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาสนทนา หลังจากที่ฟู่ชิงรู้สึกหดหู่อยู่พักหนึ่ง เขาก็ก้าวไปสองสามก้าว
ผู้มักมากในกามตัณหามักมีหน้าตาหดหู่ ดวงตาขุ่นมัว และดูเหงาหงอยไร้ชีวิตชีวา ครั้งก่อนที่เขาเห็นหวังหยวนที่ที่ว่าการอำเภอ เขาดูมีชีวิตมีวา และดูไม่มักมากในกามตัณหา “สหาย! ท่านมองพลาดแล้ว!” หวังปี่จงพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบแหลม “หากเขาไม่มักมากในกามตัณหา เมื่อสามปีที่แล้วเขาจะเสี่ยงถูกตัดหัวแล้วแต่งกับลูกสาวใต้เท้าหลี่ในเทศบาลได้อย่างไรเล่า” ฟู่ชิงอึ้ง.. เมื่อสามปีที่แล้ว หลี่ปู้อีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ใครก็ตามที่กล้าแต่งงานกับลูกสาวของเขาจะต้องเป็นผู้ที่กล้าหาญอย่างยิ่ง “เมื่อสองเดือนที่แล้ว เขาพาชายหนุ่มคนหนึ่งจากหมู่บ้านของเราไปที่หอนางโลม ซ้ำยังอยู่ที่นั่นตั้งสามวันก่อนจะกลับมา เป็นเวลาถึงสามวันเชียวนะ เจ้าเอ้อหู่ที่สดใสร่าเริงนั่นกลับมาก็แขนขาอ่อนแรง!” หวังปี่จงยื่นสามนิ้วออกมาด้วยสีหน้าอิจฉา “ยิ่งกว่านั้นเมื่อไม่นานมานี้ มีสตรีโฉมงามถึงสองคนมาจากเมืองจวิ้นเพื่อตามหาเขา ตอนที่เขากลับมาจากเมืองจวิ้น เขาก็พาสตรีโฉมงามสองคนกลับมาด้วย นี่ยังไม่นับรวมลูกพี่ลูกน้องในเทศบาลของเขา ไหนจะภรรยาของเขาอีก ท่านลองนับดูว่าซิว่ามีสตรีกี่คน หากเขาไม่มักมากในกามตัณหา แล้วเหตุใดรอบข