เป้าชิงสื่อเสนาบดีฝ่ายขวา สือเหยาเฉียนเสนาบดีโยธาธิการ กู้จี๋เต้าเสนาบดีกรมพระคลัง และหลี่ซื่อฉีเสนาบดีกรมยุติธรรมต่างไม่แสดงสีหน้า ทว่ากลับเยาะเย้ยอยู่ในใจ อำนาจทางการทหารคืออำนาจของฮ่องเต้ ใครก็ตามที่บังอาจแตะต้องง่าย ๆ ย่อมรนหาที่ตาย! เงินบำนาญของราชสำนักไม่ถึงสิบตำลึงด้วยซ้ำ การที่มีคนมอบเงินรางวัลให้มากมายเช่นนั้น ถือเป็นการตบหน้าราชสำนักไม่ใช่หรอกเหรอ! “ฝ่าบาท โปรดสงบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ มีความลับอีกอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ กระหม่อมจะตรวจสอบต้นสายปลายเหตุให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ!” อย่างไรก็ตาม หยางเฟิ่งกั๋วเสนาบดีฝ่ายซ้ายหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อของเขาอย่างใจเย็น “ก่อนสงคราม คุณชายหมิงถัน แม่ทัพหนุ่ม และขุนพลต่างได้รวมเงินกันเพื่อซื้อทรัพย์สินที่ตระกูลใหญ่ในเมืองนำออกมาขาย ประการแรก พวกเขาต้องการลดแรงกดดันต่อเงินบำนาญจากราชสำนัก และประการที่สอง พวกเขาต้องการปกป้องผู้บาดเจ็บและเหล่าขุนพล ในเมื่อพวกเขาสู้รบฝ่าฟันเพื่อปกป้องบ้านเมือง ดังนั้น พวกเขาจึงต้องคิดถึงชัยชนะ” นี่คือจดหมายที่แม่ทัพหนุ่มส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้ชี้แจงเรื่องราวไว้ล่วงหน้า! ฮ่องเต้ซิงหลงหยิบจดหมายขึ
รถม้าเข้าหมู่บ้านต้าหวัง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบฟู่ชิงลงจากรถแล้วเดินสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนที่จะมาถึง เขากำลังคิดว่าดินแดนสววรค์แบบใดที่สามารถปลูกฝังพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ แต่ปรากฏว่าหมู่บ้านต้าหวังเป็นเพียงดินแดนธรรมดา ทว่าชาวบ้านนั้นต่างกันมาก ทุกคนต่างแต่งกายเรียบร้อยผืนหนา มือและหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา ใบหน้ายังมีเนื้อหนังต่างจากชาวบ้านในดินแดนอื่นที่หน้าเหลืองและผอมบาง ราวกับกำลังจะอดอาหารตาย มีการสร้างบ้านใหม่ทุกที่ในหมู่บ้าน และชาวบ้านที่ทำงานก็เต็มไปด้วยพลัง มีเสียงเด็กอ่านหนังสือดังมาจากบ้านใหม่ นอกจากนี้ ยังมีชายหนุ่มกำลังฝึกฝนวิชาดาบและทำปืน ยิ่งกว่านั้น มีแม้กระทั่งชายหนุ่มที่ทำงานด้วยการเกว่งนิ้วขณะเดินไปมา ปรากฏว่าเขากำลังเขียนตัวหนังสืออยู่ ทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น ราวกับกับสวรรค์ของฮ่องเต้ที่นักปราชญ์กล่าวถึง ฟู่ชิงเฝ้ามองด้วยใจที่เร่าร้อน และเดินไปหาชาวบ้านริมถนนทันที เพื่อต้องการทราบข่าวคราวเพิ่มเติม แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ ชาวบ้านต่างก็เดินจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาสนทนา หลังจากที่ฟู่ชิงรู้สึกหดหู่อยู่พักหนึ่ง เขาก็ก้าวไปสองสามก้าว
ผู้มักมากในกามตัณหามักมีหน้าตาหดหู่ ดวงตาขุ่นมัว และดูเหงาหงอยไร้ชีวิตชีวา ครั้งก่อนที่เขาเห็นหวังหยวนที่ที่ว่าการอำเภอ เขาดูมีชีวิตมีวา และดูไม่มักมากในกามตัณหา “สหาย! ท่านมองพลาดแล้ว!” หวังปี่จงพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบแหลม “หากเขาไม่มักมากในกามตัณหา เมื่อสามปีที่แล้วเขาจะเสี่ยงถูกตัดหัวแล้วแต่งกับลูกสาวใต้เท้าหลี่ในเทศบาลได้อย่างไรเล่า” ฟู่ชิงอึ้ง.. เมื่อสามปีที่แล้ว หลี่ปู้อีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ใครก็ตามที่กล้าแต่งงานกับลูกสาวของเขาจะต้องเป็นผู้ที่กล้าหาญอย่างยิ่ง “เมื่อสองเดือนที่แล้ว เขาพาชายหนุ่มคนหนึ่งจากหมู่บ้านของเราไปที่หอนางโลม ซ้ำยังอยู่ที่นั่นตั้งสามวันก่อนจะกลับมา เป็นเวลาถึงสามวันเชียวนะ เจ้าเอ้อหู่ที่สดใสร่าเริงนั่นกลับมาก็แขนขาอ่อนแรง!” หวังปี่จงยื่นสามนิ้วออกมาด้วยสีหน้าอิจฉา “ยิ่งกว่านั้นเมื่อไม่นานมานี้ มีสตรีโฉมงามถึงสองคนมาจากเมืองจวิ้นเพื่อตามหาเขา ตอนที่เขากลับมาจากเมืองจวิ้น เขาก็พาสตรีโฉมงามสองคนกลับมาด้วย นี่ยังไม่นับรวมลูกพี่ลูกน้องในเทศบาลของเขา ไหนจะภรรยาของเขาอีก ท่านลองนับดูว่าซิว่ามีสตรีกี่คน หากเขาไม่มักมากในกามตัณหา แล้วเหตุใดรอบข
ฟู่ชิงหัวเราะเบา ๆ “มีเหมืองหยกน้ำอย่างน้อยหลายสิบแห่งทั่วแผ่นดิน เหมืองที่อยู่ใกล้ท่านที่สุดอยู่ในเขตหลงหนาน สันเขาเชียนเฮ่อในเมืองเฮ่อ ทว่าหยกน้ำนั้นไร้ค่าและไร้ประโยชน์ เหตุใดคุณชายถึงสนใจสิ่งนี้กันเล่า!” “เขตหลงหนาน เมืองเฮ่อ!” เมืองนี้อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยกิโล ดวงตาของหวังหยวนเป็นประกายแล้วกำหมัด “ข้าก็แค่สนใจชั่วคราวเท่านั้น ขอบคุณสำหรับข่าวของท่าน ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ท่านตามสบายเถอะ!” “เอ๊ะ!” หลังจากสอบถามข้อมูลเสร็จ หวังหยวนก็ไม่สนใจเขาแล้ว ฟู่ชิงพูดไม่ออกและรีบไล่ตามเขาไป “คุณชาย ท่านสนใจหยกน้ำ และต้องการไปที่เมืองเฮ่อเพื่อเอาหยกน้ำใช่หรือไม่ ข้าขอเตือนท่าน ท่านห้ามไปเป็นอันขาดนะขอรับ!” หวังหยวนหยุดเดินชั่วคราว “เหตุใดเล่า!” ฟู่ชิงลดเสียงลงและพูดว่า “มีกลุ่มกบฏในเมืองเฮ่อ และทั้งเมืองเฮ่อถูกพวกเขายึดครองไปทั้งหมด!” หวังหยวนประหลาดใจ “อะไรนะ?” “ก่อนหน้านี้อ๋องถูหนานโจมตีชายแดน และผู้พิพากษาของเมืองเฮ่อก็ถือโอกาสเรียกเก็บภาษีระลอกหนึ่ง!” ฟู่ชิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ชาวบ้านไม่สามารถจ่ายภาษีได้ และมีหลายคนบ้านแตกสาแหรกขาด” หวังหยวนขมวดคิ้ว! การจัดเก็บ
"ไม่ทำ!" หงเยี่ยปฏิเสธอย่างไม่ลังเล! เจ้าโจรตัวน้อยไร้ยางอายผู้นี้เจ้าเล่ห์มาก การทำข้อแลกเปลี่ยนกับเขามีแต่ถูกโกงเท่านั้น! หวังหยวนก็ไม่โกรธเช่นกัน “เจ้าไปที่เมืองเฮ่อเพื่อข้าหน่อย ไปสืบให้กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปที่อีเซี่ยนเทียนเมื่อเจ้ากลับมา” “สืบสถานการณ์ในเมืองเฮ่อ!” หงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้าคิดจะทำร้ายพี่ชิงเมี่ยนหลางเหรอ!” “เขาก่อกบฏเป็นเรื่องของเขา ไม่ได้ยั่วโมโหข้าเสียหน่อย ข้าจะไปแตะต้องเขาทำไมเล่า?” หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง “หากเจ้าไม่ตกลงก็ช่างมันเถอะ ปีใหม่ก็อยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังไปเถอะ!” เหตุผลที่เขาต้องการทราบสถานการณ์ในเมืองเฮ่อ ประการแรกคือมีเหมืองหินแก้วสำหรับทำแก้วอยู่ที่นั่น และประการที่สองคือหากต้องการไปที่เมืองโจว เพื่อรับซื่อหานก็ต้องผ่านเมืองเฮ่อเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องเดินทางอ้อมประมาณสองร้อยกิโล! สถานการณ์ในเมืองเฮ่อค่อนข้างแปลก การสังหารเจ้าหน้าที่และการกบฏเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ แต่ข่าวกลับมาไม่ถึงเมืองฝู การปล่อยให้หงเยี่ยไปสืบข่าวคราวประการแรกคือเป็นเรื่องง่าย ประการที่สองคือป้องกันตัวเอง
หูเทียนทรุดตัวลงแล้วคุกเข่า “ข้าขอคำนับท่านแทนคุณหนูด้วยขอรับ” หวังหยวนดึงหูเทียนขึ้น แล้วส่งเขาออกจากประตู เขาขมวดคิ้ว! ประธานที่เขาจับตามองมานานไม่สามารถมาได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมองหาผู้ที่มีความสามารถทางกิจการคนอื่นแล้ว ยุคสมัยนี้มีบัณฑิตอยู่มากมาย แต่ผู้มีความสามารถทางกิจการกลับมีน้อยมาก คนประเภทหูเมิ่งอิ๋งที่กล้าเสี่ยงโชคยามที่ชาวหวงกำลังเข้าใกล้เมือง ช่างเป็นคนประเภทที่ล้ำค่าและหายากนัก คนที่เหมาะสมในการทำกิจการให้เขาในตอนนี้มีเพียงหวังซื่อไห่ และลูกพี่ลูกน้องชิงเหอเท่านั้น! อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ของพวกเขาทั้งสองคนมีจำกัดและต้องใช้เวลาในการปลูกฝัง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเป็นผู้นำในเวลาอันสั้น! อนิจจา เงินทองนั้นได้มาง่าย แต่ความสามารถนั้นหายากนัก! ... “พี่สาว พี่เหม่ออะไรอีกแล้ว พี่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ!” ในสวนหลังบ้านของตระกูลหู อาเป่าดึงมุมเสื้อผ้าของหูเมิ่งอิ๋งแล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง! “พี่กำลังคิดว่าคืนนี้ให้ห้องครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้อาเป่ากิน!” หูเมิ่งอิ๋งลูบหัวน้องชายของนางพร้อมยิ้มหวาน แต่ในใจกลับรู้สึกยากลำบาก ไม่รู้ว่าหลังจากคุณชายได้รับจดหมา
“คุณหนู อย่าโกหกข้าเลย ท่านไม่เหมือนกับคุณหนูของใต้เท้าพวกนั้นที่ร้องไห้จมปลักอยู่กับความทุกข์!” เหลิ่งอวิ๋นส่ายหัวและหรี่ตาลง “หูซานเต๋อทำร้ายท่านกับอาเป่าอีกแล้วใช่ไหม ท่านไม่ควรหยุดข้าตั้งแต่แรก ฆ่าเขาแล้วก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น!” “ไม่ได้!” สีหน้าของหูเมิ่งอิ๋งเปลี่ยนไป “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นลุงของข้า ข้าปล่อยให้เจ้าฆ่าเขาไม่ได้!” “...ก็ได้!” เหลิ่งอวิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณหนู หากอยู่ตระกูลหูแล้วไม่มีความสุข ท่านสามารถพาอาเป่าย้ายออกไปได้ ข้าจะพาท่านไปยังที่ที่จะไม่ทำให้ท่านเสียใจ!” หูเมิ่งอิ๋งประหลาดใจ “ที่ไหน?” เหลิ่งอวิ๋นพูดอย่างคาดหวัง “เมืองเฮ่อ!” หูเมิ่งอิ๋งขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหลิ่งอวิ๋น ด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้และความกล้าหาญของเจ้า เจ้าจะโดดเด่นได้อย่างแน่นอนในอนาคต เจ้าหาสตรีจากครอบครัวที่ดีเถอะ ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานมาแล้วสามครั้ง และจะไม่แต่งงานเป็นครั้งที่สี่อีก ในชีวิตนี้ข้าจะดูแลอาเป่าไปตลอดชีวิต!” นางรู้มาตลอดว่าเหลิ่งอวิ๋นคิดอย่างไรกับนาง! เขาปรากฏตัวในยามวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่า และนางก็รู้สึกประทับใจจริง ๆ แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแ
หัวใจของหูเมิ่งอิ๋งสั่นไหว “ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หูซานเต๋อพูดกึ่งยิ้ม “เร็วกว่าขอทานตัวน้อยนั่นนิดหน่อย!” ดวงตาที่สวยงามของหูเมิ่งอิ๋งจมลง “ลุงรอง ท่านดื่มมากไปแล้ว ที่นี่ไม่มีขอทานสักหน่อย!” ในอดีตลุงรองใช้กำลังเพื่อยึดทรัพย์สินของตระกูล เหลิ่งอวิ๋นเกือบจะทุบตีลุงรองจนตาย เป็นบ่าวทำร้ายเจ้านายเป็นความผิดมหันต์ ดังนั้นเพื่อให้เหลิ่งอวิ๋นมีชีวิตรอด นางจึงขอให้เขาจากไป หูซานเต๋อเยาะเย้ย “เจ้าเสแสร้งไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าได้ยินทุกสิ่งที่เจ้าทั้งรองคุยกันเมื่อครู่นี้!” หูเมิ่งอิ๋งขมวดคิ้วเล็กน้อย! หูซานเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าว่าหากข้าจะไปรายงานเจ้าหน้าที่ที่ศาลาว่าการตอนนี้ แล้วบอกว่าเจ้ายุยงให้ขอทานตัวน้อยนั่นฆ่าสามีทั้งสามคน เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าล่ะ?” “ไม่ใช่ว่าท่านไม่เคยฟ้องร้องมาก่อน!” หูเมิ่งอิ๋งเงียบไปสักพักและกัดฟัน “ข้าไม่ได้ยุยงให้พี่เหลิ่งอวิ๋นทำร้ายใคร!” ในปีนั้น สามีสามคนเสียชีวิตกะทันหัน และบ้านสามีก็รับเงินไปและเงียบไว้! แต่ปรากฏว่าลุงคนที่รองใช้เงินเพื่อไปที่ศาลาว่าการแล้วขอให้ขุนนางผู้ชันสูตรศพไปชันสูตรพลิกศพ และคิดจะส่งนางเข้าคุก น่