"ไม่ทำ!" หงเยี่ยปฏิเสธอย่างไม่ลังเล! เจ้าโจรตัวน้อยไร้ยางอายผู้นี้เจ้าเล่ห์มาก การทำข้อแลกเปลี่ยนกับเขามีแต่ถูกโกงเท่านั้น! หวังหยวนก็ไม่โกรธเช่นกัน “เจ้าไปที่เมืองเฮ่อเพื่อข้าหน่อย ไปสืบให้กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปที่อีเซี่ยนเทียนเมื่อเจ้ากลับมา” “สืบสถานการณ์ในเมืองเฮ่อ!” หงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้าคิดจะทำร้ายพี่ชิงเมี่ยนหลางเหรอ!” “เขาก่อกบฏเป็นเรื่องของเขา ไม่ได้ยั่วโมโหข้าเสียหน่อย ข้าจะไปแตะต้องเขาทำไมเล่า?” หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง “หากเจ้าไม่ตกลงก็ช่างมันเถอะ ปีใหม่ก็อยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังไปเถอะ!” เหตุผลที่เขาต้องการทราบสถานการณ์ในเมืองเฮ่อ ประการแรกคือมีเหมืองหินแก้วสำหรับทำแก้วอยู่ที่นั่น และประการที่สองคือหากต้องการไปที่เมืองโจว เพื่อรับซื่อหานก็ต้องผ่านเมืองเฮ่อเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องเดินทางอ้อมประมาณสองร้อยกิโล! สถานการณ์ในเมืองเฮ่อค่อนข้างแปลก การสังหารเจ้าหน้าที่และการกบฏเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ แต่ข่าวกลับมาไม่ถึงเมืองฝู การปล่อยให้หงเยี่ยไปสืบข่าวคราวประการแรกคือเป็นเรื่องง่าย ประการที่สองคือป้องกันตัวเอง
หูเทียนทรุดตัวลงแล้วคุกเข่า “ข้าขอคำนับท่านแทนคุณหนูด้วยขอรับ” หวังหยวนดึงหูเทียนขึ้น แล้วส่งเขาออกจากประตู เขาขมวดคิ้ว! ประธานที่เขาจับตามองมานานไม่สามารถมาได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมองหาผู้ที่มีความสามารถทางกิจการคนอื่นแล้ว ยุคสมัยนี้มีบัณฑิตอยู่มากมาย แต่ผู้มีความสามารถทางกิจการกลับมีน้อยมาก คนประเภทหูเมิ่งอิ๋งที่กล้าเสี่ยงโชคยามที่ชาวหวงกำลังเข้าใกล้เมือง ช่างเป็นคนประเภทที่ล้ำค่าและหายากนัก คนที่เหมาะสมในการทำกิจการให้เขาในตอนนี้มีเพียงหวังซื่อไห่ และลูกพี่ลูกน้องชิงเหอเท่านั้น! อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ของพวกเขาทั้งสองคนมีจำกัดและต้องใช้เวลาในการปลูกฝัง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเป็นผู้นำในเวลาอันสั้น! อนิจจา เงินทองนั้นได้มาง่าย แต่ความสามารถนั้นหายากนัก! ... “พี่สาว พี่เหม่ออะไรอีกแล้ว พี่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ!” ในสวนหลังบ้านของตระกูลหู อาเป่าดึงมุมเสื้อผ้าของหูเมิ่งอิ๋งแล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง! “พี่กำลังคิดว่าคืนนี้ให้ห้องครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้อาเป่ากิน!” หูเมิ่งอิ๋งลูบหัวน้องชายของนางพร้อมยิ้มหวาน แต่ในใจกลับรู้สึกยากลำบาก ไม่รู้ว่าหลังจากคุณชายได้รับจดหมา
“คุณหนู อย่าโกหกข้าเลย ท่านไม่เหมือนกับคุณหนูของใต้เท้าพวกนั้นที่ร้องไห้จมปลักอยู่กับความทุกข์!” เหลิ่งอวิ๋นส่ายหัวและหรี่ตาลง “หูซานเต๋อทำร้ายท่านกับอาเป่าอีกแล้วใช่ไหม ท่านไม่ควรหยุดข้าตั้งแต่แรก ฆ่าเขาแล้วก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น!” “ไม่ได้!” สีหน้าของหูเมิ่งอิ๋งเปลี่ยนไป “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นลุงของข้า ข้าปล่อยให้เจ้าฆ่าเขาไม่ได้!” “...ก็ได้!” เหลิ่งอวิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณหนู หากอยู่ตระกูลหูแล้วไม่มีความสุข ท่านสามารถพาอาเป่าย้ายออกไปได้ ข้าจะพาท่านไปยังที่ที่จะไม่ทำให้ท่านเสียใจ!” หูเมิ่งอิ๋งประหลาดใจ “ที่ไหน?” เหลิ่งอวิ๋นพูดอย่างคาดหวัง “เมืองเฮ่อ!” หูเมิ่งอิ๋งขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหลิ่งอวิ๋น ด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้และความกล้าหาญของเจ้า เจ้าจะโดดเด่นได้อย่างแน่นอนในอนาคต เจ้าหาสตรีจากครอบครัวที่ดีเถอะ ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานมาแล้วสามครั้ง และจะไม่แต่งงานเป็นครั้งที่สี่อีก ในชีวิตนี้ข้าจะดูแลอาเป่าไปตลอดชีวิต!” นางรู้มาตลอดว่าเหลิ่งอวิ๋นคิดอย่างไรกับนาง! เขาปรากฏตัวในยามวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่า และนางก็รู้สึกประทับใจจริง ๆ แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแ
หัวใจของหูเมิ่งอิ๋งสั่นไหว “ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หูซานเต๋อพูดกึ่งยิ้ม “เร็วกว่าขอทานตัวน้อยนั่นนิดหน่อย!” ดวงตาที่สวยงามของหูเมิ่งอิ๋งจมลง “ลุงรอง ท่านดื่มมากไปแล้ว ที่นี่ไม่มีขอทานสักหน่อย!” ในอดีตลุงรองใช้กำลังเพื่อยึดทรัพย์สินของตระกูล เหลิ่งอวิ๋นเกือบจะทุบตีลุงรองจนตาย เป็นบ่าวทำร้ายเจ้านายเป็นความผิดมหันต์ ดังนั้นเพื่อให้เหลิ่งอวิ๋นมีชีวิตรอด นางจึงขอให้เขาจากไป หูซานเต๋อเยาะเย้ย “เจ้าเสแสร้งไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าได้ยินทุกสิ่งที่เจ้าทั้งรองคุยกันเมื่อครู่นี้!” หูเมิ่งอิ๋งขมวดคิ้วเล็กน้อย! หูซานเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าว่าหากข้าจะไปรายงานเจ้าหน้าที่ที่ศาลาว่าการตอนนี้ แล้วบอกว่าเจ้ายุยงให้ขอทานตัวน้อยนั่นฆ่าสามีทั้งสามคน เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าล่ะ?” “ไม่ใช่ว่าท่านไม่เคยฟ้องร้องมาก่อน!” หูเมิ่งอิ๋งเงียบไปสักพักและกัดฟัน “ข้าไม่ได้ยุยงให้พี่เหลิ่งอวิ๋นทำร้ายใคร!” ในปีนั้น สามีสามคนเสียชีวิตกะทันหัน และบ้านสามีก็รับเงินไปและเงียบไว้! แต่ปรากฏว่าลุงคนที่รองใช้เงินเพื่อไปที่ศาลาว่าการแล้วขอให้ขุนนางผู้ชันสูตรศพไปชันสูตรพลิกศพ และคิดจะส่งนางเข้าคุก น่
“เจ้าจะหาเงินมาได้เท่าไหร่กัน? ข้าอยากได้แค่สูตรลับรองสูตรนั้น!” หูซานเต๋อเยาะเย้ยและพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “หากเจ้าไม่สามารถเอาสูตรลับรองสูตรนั้นได้ภายในสามวัน ข้าก็จะไปรายงานเจ้าหน้าที่ เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าและอาเป่าเด็กโง่นั่นก็รอความตายเถอะ!” “ลุงรอง ท่าน!” เมื่อมองดูแผ่นหลังที่ไร้เยื่อใย หูเมิ่งอิ๋งก็รู้สึกเหมือนมีมีดแทงหัวใจ และดวงตาที่สวยงามก็ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ลุงรองผู้นี้ไม่สนใจในสายสัมพันธ์ของตระกูล ซ้ำยังขับไล่พวกนางรองพี่น้องไปสู่ความตาย เหตุใดถึงบังคับนางอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้! ... บนหลังคาไม่ไกลนัก เหลิ่งอวิ๋นนอนอยู่บนสันเขา พลางมองดูทุกอย่างอย่างเย็นชา เมื่อตกกลางคืนเขาก็จากไปอย่างเงียบ ๆ และมาถึงบ้านส่วนตัว “นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!” คนห้าคนเข้ามาล้อมรอบตัวเขา ชายหนุ่มสี่คนมีใบหน้าหยาบกร้านและดวงตาที่เฉียบคม พร้อมชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาว หลังโก่ง มีเครา และผมสีขาวยาว ดวงตาของเหลิ่งอวิ๋นมืดลง “เรียกท่านแม่ทัพ!” เมื่อห้าปีก่อน เขาถูกบังคับให้ออกจากตระกูลหู เขาจึงหลบหนีไปเป็นโจรที่เมืองเฮ่อ! ด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขา
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญเช่นนี้ นายท่านจะตามหาคนชื่อ 'หวังหยวน' นั่นไปทำไม? ... วันรุ่งขึ้น ขบวนขนส่งเกลือยาวแล่นเข้าสู่หมู่บ้านต้าหวัง! เอ้อหู่ลักษะณะท่าทางสง่างามกำลังขี่ม้าศึก ด้านหลังตามมาด้วยทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬพร้อมครอบครัวและทหารผ่านศึกขนส่งเกลือ! “เอ้อหู่กลับมาแล้ว!” “เกลือของเรากลับมาแล้ว!” “อี๋ ทำไมเกลือนี้ถึงขาวกว่าเดิมล่ะ ไม่มีทรายผสมเลย!” รอบ ๆ ขบวนรถ ชาวบ้านจำนวนมากเปิดถุงเกลือ เมื่อเห็นก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน ตอนนี้เกลือที่เฟ่ยชางต้มล้วนเป็นแบบนี้!” เอ้อหู่ที่ได้รับบัพติศมาในสนามรบ ตอนนี้เขาสูงขึ้นและมีพลังเปี่ยยมล้นพร้อมดวงตาที่สดใส “พ่อข้าบอกว่าพี่หยวนเป็นคนเปลี่ยนวิธีการต้มเกลือในเฟ่ยชาง ตอนนี้เกลือที่ต้มจึงมีสิ่งสกปรกน้อยลง! พี่หยวนมาแล้ว พวกเจ้าถามเขาสิ!” ไม่ไกลนัก หวังหยวนมาพร้อมกับใครบางคน ชาวบ้านก็รีบเข้าไปล้อมเขาไว้ทันที “ใช้ได้!” เมื่อเปิดถุงเกลือและเห็นเกลือสีขาวสะอาด หวังหยวนก็ลิ้มรสและพยักหน้า นี่เป็นสิ่งที่เขาขอให้ครัวเรือนเฟ่ยชางสร้างถังกรองสามขั้นตอน โดยใช้ทราย ถ่าน และสำลี น้ำเกลือที่นำมาจากบ่อ
หวังหยวนไม่เคยเห็นเอ้อหู่เป็นแบบนี้มาก่อน เขาดูเขินอายเหมือนสะใภ้คนเล็ก หวังหยวนถามอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไรเหรอ?” เอ้อหู่เปิดหนังสือแต่งตั้ง “ข้าอยากไปเมืองหลวง ท่านแม่ทัพหนุ่มรายงานทักษะทางการทหารของข้า และกรมกลาโหมก็ตัดสินใจมอบตำแหน่งนายพลเฉียนจ๋งให้ข้าขอรับ!” ในศึกครั้งแรกรบอยู่นอกเมือง เขาได้เอาชนะเชลยหลู่เฉิงเย่ และสังหารทหารม้าของชาวหวงไปเกือบร้อยคน ในศึกครั้งที่สองรบอยู่ในเมือง เขาได้สังหารทหารม้าราบติดอาวุธหนัก และทหารม้าเหล็กไปเกือบร้อยคน! ในศึกครั้งที่สามรบ ชนะค่ายทหารชาวหวงได้ และในศึกครั้งที่สี่ก็ยึดด่านหัวมังกรคืนมาได้! ในศึกทั้งสี่ครั้งเขาได้สังหารทหารติดอาวุธพรั่งพร้อมของชาวหวงไปเกือบสี่ร้อยคน และจำนวนศัตรูที่เขาฆ่านั้นเป็นอันดับสองรองจากแม่ทัพอู๋หลิงเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ทว่ากลมกลาโหมก็เตรียมที่จะละเว้นและเลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ระดับหก-เฉียนจ๋ง! หวังหยวนรับหนังสือแต่งตั้งมาแล้วมองดูและพูดว่า “ไปกับแม่ทัพหนุ่มหรือ?” “อืม!” เอ้อหู่กล่าวอย่างตื่นเต้น “ราชสำนักได้ออกฎีกาว่าให้แม่ทัพหนุ่มกลับไปยังเมืองห
อย่างไรก็ตาม หากว่าเขาไปเมืองจิงตูด้วย ใครจะมาเสี่ยงชีวิตปกป้องพี่หยวนกัน! ทั้งเขาและพ่อของเขาไม่สามารถไว้วางใจคนนอกได้! “ไม่ต้องรีบร้อน เมื่อมีคนเพียงพอแล้ว เจ้าก็สามารถออกไปเรียนรู้เพิ่มเติมในภายหลังได้!” หวังหยวนตบไหล่ต้าหู่แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ให้ทุกคนเข้านอนเร็ว ๆ หน่อย เราจะขนส่งเกลือไปที่เทศบาลในเช้าวันพรุ่งนี้ ได้เวลาซื้อร้านค้าแล้ว” เดิมทีเรื่องเหล่านี้มีการวางแผนว่าจะส่งมอบให้กับหูเมิ่งอิ๋งดูแล แต่ตอนนี้พวกเขาต้องทำด้วยตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หวังหยวนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย มีคนมากมายภายใต้คำสั่งของเขา แต่ไม่มีสักคนที่รู้วิธีการทำกิจการเลย! ชุดเกราะทมิฬและทหารผ่านศึก ขอให้พวกเขาสังหารองครักษ์ศัตรู พวกเขามีฝีมือที่ดีอย่างแน่นอน! แต่ขอให้พวกเขาทำกิจการ พวกเขาต่างมืดบอด ตอนนี้คนเดียวที่รู้วิธีการซื้อและขาย คือลูกพี่ลูกน้องชิงเหอ และกัวฉางก็มีความรู้อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนยุ่งกับเรื่องในหมู่บ้านมากเกินไป จนปลีกตัวมาไม่ได้ ก่อนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น รถม้าและม้ากลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังเมืองฝู และพวกเขาเข้ามาในเมืองตอนรุ่งสาง! ทั้งกลุ่มไปที่ร้านลูกชิ้นปลา
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห