ทหารผ่านศึกเกราะทมิฬต้องการชักดาบเช่นกัน แต่ดวงตาของหวังหยวนมืดมน และเขากำลังจะออกคำสั่ง!จ้าวเว่ยหมินรีบออกจากที่นั่ง หยุดอยู่หน้าหวังหยวน มองทหารที่ถือธนูแล้วพูดว่า “หากเจ้ายิงท่านอาจารย์จนบาดเจ็บ ข้ารับรองว่าราชสำนักจะลงโทษพวกเจ้า ด้วยการสั่งประหารเจ็ดชั่วโคตร!”ทหารกลุ่มหนึ่งยอมหยุดด้วยความตกใจ แล้วมองย้อนกลับไปที่ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ซุน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อหัวหน้าทะเลาะกัน คนลำบากใจคือลูกน้อง ตอนนี้ไม่รู้จะเลือกข้างอย่างไร!ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ซุนกล่าวอย่างเหยียดหยาม “จ้าวเว่ยหมิน เขาปล้นคนจากคุก ซึ่งเป็นความผิดฐานกบฏอยู่แล้ว ท่านเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยการปกป้องเขา ท่านไม่อาจป้องกันตัวเองได้ แต่ก็ยังพูดเพื่อช่วยเขาอีก!”จ้าวเว่ยหมินหัวเราะเยาะ “ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ซุน ข้ารู้ว่าอาจารย์ของข้าทำลายค่ายซานหู่ ซึ่งทำให้เจ้าที่เป็นผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ต้องเสียหน้า เจ้าคิดจะระบายความโกรธแค้นส่วนตัวมาโดยตลอด แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องท่านอาจารย์!”“ทำลายค่ายซานหู่... ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง!”หลังจากได้ยินข้อมูลสองเรื่องนี้ ดวงตาของฟู่ชิงก็สั่นไหว หัวใจก็เต็มไปด้วยความสั
หลายคนคิดว่าชัยชนะครั้งนั้น ขึ้นอยู่กับแม่ทัพหนุ่ม มีน้อยคนที่รู้ถึงชื่อเสียงของเสนาธิการทหารแต่ใครจะกล้าแตะเสนาธิการทหาร!ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสนาบดีฝ่ายซ้ายในราชสำนักต้าเย่ หรือไทเฮาในวังหลวง ก็จะฉีกคนหยามหมิ่นเป็นชิ้น ๆ และแม้แต่สั่งสังหารประหารเก้าชั่วโคตร!“เจ้า เจ้า... อึก!”เพื่อนสนิทคนนี้ขอให้เขาตายจริง ๆ หม่าเฉียนกระอักเลือดและเป็นลมไปเจ้าเด็กคนนี้เป็นใคร เขาเป็นเพื่อนสนิทมาสิบปีแล้ว แต่ยังพูดเช่นนี้ได้!หม่าเฉียนเป็นลม!ผู้ตรวจกำกับฟู่เปลี่ยนข้างแล้ว!ผู้ตรวจการหลิวกัง สองพี่น้องตระกูลโจว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งเดิมทีรู้สึกดีใจมาก และคิดว่าความช่วยเหลือจากต่างแดนกำลังมา ตอนนี้ทุกคนดูซีดเซียวและตกอยู่ในความกลัวอย่างยิ่ง!คดีก็ยุติอย่างรวดเร็วพาชิงเหอและลุงของเขากลับไปที่ร้านตีเหล็ก หวังหยวนหยิบแอลกอฮอล์ออกจากรถม้า มาฆ่าเชื้อในบาดแผลของพวกเขานอกจากนี้เขายังตามหมอที่ดีที่สุดในเมือง มาตรวจดูอาการบาดเจ็บภายในด้วยชิงเหอไม่เป็นอะไร ถูกราดน้ำเย็นใส่ จึงเป็นหวัดนิดหน่อย กินยาสักหม้อก็จะหาย!แต่ลุงถูกหลิวกังและเจ้าหน้าที่รุมซ้อม ทำให้มีอาการบาดเจ็บภายใน
ดวงตาของหวังหยวนมืดมน “ไม่พบ!”เมื่อชายคนนั้นจำเขาได้ เขาก็เลิกคบกับหม่าเฉียนทันที โดยไม่คำนึงถึงมิตรภาพสิบปีของพวกเขาเขาไม่ชอบ และไม่ต้องการจะรู้จักคนมีอำนาจที่เจ้าเล่ห์เช่นนี้“ไป!”ผิงเจี้ยนยกแส้ขึ้นเพื่อขับรถม้านอกหน้าต่าง ผู้ตรวจการกำกับกังวล และไล่ตามรถม้าไป “ท่านหมิงถัน มีใต้เท้าหลายคนในเมืองจิงตู ขอให้ข้านำจดหมายมาให้ท่าน”รถม้าหยุด!หวังหยวนขมวดคิ้วพูดว่า “ข้าไม่รู้จักใครในเมืองจิงตู ใครจะเขียนถึงข้า?”“ถึงแม้จะยังไม่เคยไปเมืองจิงตู แต่ใต้เท้าหลายคนในเมืองจิงตูก็ชื่นชมชื่อท่านมานานแล้วขอรับ!”ฟู่ชิงถือจดหมายสามฉบับในมือ “นี่คือจดหมายที่เขียนโดยใต้เท้าหยาง เสนาบดีฝ่ายซ้าย ใต้เท้าฉิน เจ้ากระทรวงกรมกลาโหม และใต้เท้าโจว เจ้ากระทรวงกรมพิธีการขอรับ!”ลุงกับจ้าวชิงเหอตกใจมากเสนาบดีและเจ้ากระทรวงเป็นบุคคลสำคัญ ที่สามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ แล้วพวกเขาเขียนถึงหยวนเอ๋อร์จริง ๆ!เมื่อไปที่เมืองจิ่วซานในครั้งนี้ เขาทำอะไรกันแน่แม้ว่าทหารผ่านศึกเกราะทมิฬจะตกใจ แต่ก็ยังเข้าใจเหตุผลได้เสนาธิการทหารได้มีส่วนร่วมอย่างมาก เป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะเขียนจดหมายขอบคุณ ข
ในจดหมายที่เขียนโดยทั้งสามคน พวกเขาล้วนกล่าวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของหวังหยวน ในการยิงอ๋องถูหนาน และเอาชนะทหารม้าหนึ่งแสนนายของชาวหวงทั้งสองคนเหมือนอยู่ในความฝัน!จ้าวชิงเหอมองหวังหยวน ดวงตาคู่งามของนางเป็นประกายสดใส นางรู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ร่างกายของเขาเหมือนมีรัศมีเปล่งประกาย“ท่านพี่ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ที่ท่านได้รับเงินมากกว่าหนึ่งพันตำลึง?”“อืม!”“ข้ายังไม่อยากเชื่อเลย...”“...”เมื่อกลับถึงบ้าน ลุงและจ้าวชิงเหอก็ตื่นตาตื่นใจ เมื่อเห็นบ้านที่เต็มไปด้วยตั๋วเงิน ทองคำ หยก ทองและเงินหลังอาหารเย็น หวังหยวนได้เรียกประชุมสมาชิกของหมู่บ้าน เตรียมการประชุมหมู่บ้าน เพื่อจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ในหมู่บ้าน และจัดเตรียมการพัฒนาขั้นต่อไปของหมู่บ้านต้าหวัง…“เขาสังเกตเห็นความตั้งใจของข้าหรือเปล่า? เขาไม่เปิดโอกาสให้ข้าพูดเลย!”มองขบวนรถม้าที่ออกไปพร้อมกับขมวดคิ้ว ฟู่ชิงหยิบหยกสีขาวออกมาจากแขนเสื้อหยกชิ้นนี้มีความวิจิตรงดงาม แกะสลักเป็นรูปมังกรและนกฟีนิกซ์ สลักคำว่า “ฉู่ฉู่”หากเขาไม่ได้เป็นองครักษ์เหยี่ยวดำ แล้วหัวหน้าเหยี่ยวขาวมอบสิ่งนี้ให้กับเขา
ใบหน้าของหูเมิ่งอิ๋งเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย “อาเป่า อย่าพูดไร้สาระ เขาไม่ใช่พี่เขยคนใหม่ เขาเป็นเจ้านายคนใหม่ต่างหาก!”อาเป่าส่ายหัว แล้วพูดว่า “อาเป่าไม่ต้องการเจ้านาย อาเป่าต้องการพี่เขย! หลังจากมีพี่เขยแล้ว จะได้ไม่มีใครพูดว่าพี่สาวของข้าเป็นปีศาจจิ้งจอก หรือไม่สามารถแต่งงานได้อีก!”“อาเป่า หากแต่งงานไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่งงาน พี่สาวจะอยู่กับเจ้าไปตลอดชีวิต!”หูเมิ่งอิ๋งกอดน้องชาย แล้วยิ้มเศร้า รู้สึกเศร้าเล็กน้อย!นางเป็นหญิงที่แต่งงานแล้วสามครั้ง แม้ว่าตระกูลหูจะปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ แต่ก็ยังแอบนินทากันมากโดยเฉพาะต่อหน้าน้องชายที่เป็นโรคเอ๋อ หลายคนมักจะพูดออกมาอย่างไม่ลังเล“เอาล่ะ ก็ได้ หากมีพี่สาวอยู่ข้าง ๆ ก็จะไม่มีใครรังแกอาเป่าอีกต่อไปแล้ว!”อาเป่าปรบมือเล็ก ๆ ด้วยใบหน้าที่มีความสุขดวงตาคู่งามของหูเมิ่งอิ๋งเคร่งขรึม “ใครรังแกเจ้าอีกแล้ว บอกพี่สาวมาเร็ว ใช่ท่านอารองหรือเปล่า!”“ไม่ใช่ ไม่ใช่!”ใบหน้าของอาเป่าตื่นตระหนก เขาโบกมือ “พี่สาว ท่านอารองไม่ได้รังแกอาเป่า ท่านอารองไม่ได้ผลักอาเป่าลงไปในบ่อน้ำ ท่านอารองไม่ได้ต้องการให้อาเป่าจมน้ำ อย่าไปหาท่านอารองนะ
คุณชายกล่าวว่าเขาจะแบ่งหุ้นให้นางร้อยละสิบ กำไรในครั้งนี้ เป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสนตำลึง ซึ่งมีมูลค่าห้าเท่าของเงินออมของตระกูลหู ห้ารุ่นในระยะเวลาร้อยปี!ตอนนี้นางได้เห็นแล้วว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใด นางไม่อยากต่อสู้จนตายกับญาติทางสายเลือดของตัวเอง ในสระน้ำเล็ก ๆ แห่งนี้ เพื่อแย่งชิงทรัพย์สินของบรรพบุรุษ!หลังจากไตร่ตรองความหมายเบื้องหลังคำพูดนางแล้ว ดวงตาของหูซานเต๋อก็เป็นประกาย “เมิ่งอิ๋ง เจ้าพบวิธีใหม่ในการหาเงินแล้วสินะ จึงไม่สนใจทรัพย์สินของบรรพบุรุษเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้อีกต่อไป!”ใบหน้างามของหูเมิ่งอิ๋งเรียบเฉย “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน อาเป่ากับข้าจะออกจากครอบครัวหูในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับคนของข้า ท่านดูแลทุกอย่างได้เลย!”หูซานเต๋อยังคงไม่ปล่อยไป “เมิ่งอิ๋ง ข้าก็ยังเป็นอาของเจ้า อย่างน้อยที่สุดที่เจ้าก็ควรบอกให้ข้ารู้ ว่าเจ้ากำลังจะไปไหน!”“ข้าจะไปที่หมู่บ้านต้าหวัง เพื่อเป็นผู้ดูแลธุรกิจของหวังหยวน ท่านน่าจะเคยได้ยินเรื่องเขา!”กลัวว่าจะถูกอารองของนางเข้าไปพัวพันอีกครั้ง หูเมิ่งอิ๋งคิดก่อนจะเอ่ยถึงชื่อของหวังหยวน“หวังหยวน!”ดวงตาของหูซานเต๋อสั่นไหว เขารีบพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน
บ้านหลังใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ มีขนาดใหญ่กว่าโถงจวี้อี้อีก สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนมีโคมไฟแขวนอยู่ข้างนอก และข้างในเต็มไปด้วยเทียน!ตอนนี้ไม่เพียงแต่ในบ้านเท่านั้นที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน แต่ด้านนอกบ้านก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนด้วย“ต้าหู่มาแล้ว!”“หัวหน้าต้าหู่มาแล้ว!”“ต้าหู่มากับภรรยาของเขาแล้ว!”ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัว ชาวบ้านหลายคนก็ทักทายพวกเขา บางคนก็มองหงเยี่ยแล้วล้อเลียนใบหน้างามของหงเยี่ยเรียบเฉยต้าหู่หน้าแดงและพูดว่า “อย่าพูดเหลวไหล นางไม่ได้เป็นอะไรกับข้า เป็นของพี่หยวนต่างหาก...”ชาวบ้านหัวเราะและพูดว่า “อ๋อ ปรากฏว่านางเป็นอนุของเสี่ยวหยวน เหตุใดไม่บอกก่อนหน้านี้ล่ะ!”หงเยี่ยรู้สึกอับอายและโกรธมาก อยากจะตะโกนด่า ใครเป็นอนุของเจ้าโจรหน้าด้านคนนั้น!แต่ก็กลัวจะทำเสียงดังมากเกินไป เพราะจะทำให้ความสนใจของทุกคนอยู่ที่นาง ทำให้หลบหนีไม่สะดวก“นาง นาง...”ต้าหู่ต้องการอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะแนะนำหงเยี่ยอย่างไร!เมื่อกลับมาแล้ว พี่หยวนบอกข้าว่าอย่าบอกว่าหงเยี่ยเป็นโจรที่ถูกจับตัวประกัน!ไม่อย่างนั้นจะเกิดความตื่นตระหนกในหมู่บ้าน!“จะเขินอายไปเพื่ออันใด เสี่ยวหยวนมีความสา
เมื่อได้ยินคำว่ากฎเดิม ชาวบ้านหลายคนก็ตื่นเต้น และอดไม่ได้ที่จะเอามือถูกันไปมาหงเยี่ยถามด้วยความสงสัย “กฎเดิมคืออะไร?”“จ่ายค่าจ้างและเงินพิเศษ!”หลังจากพูดไปสองประโยค ต้าหู่ก็ก้าวเข้าไปช่วย!หงเยี่ยเบ้ปาก “ปรากฏว่าเป็นการแบ่งเงินที่ริบมาได้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะตื่นเต้นดีใจมาก!”ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ครั้งใหญ่ในหมู่บ้าน ของที่ริบมาได้จะถูกแบ่งให้กับพี่น้อง ทุกคนต่างตื่นเต้นมากเนื่องจากหลี่ซื่อหานถูกหลี่ซานซือพาตัวไป สมุดบัญชีล่าสุดจึงถูกจัดทำโดยหัวหน้าผู้อาวุโสของตระกูล หวังปี่จงหวังหยวนเปิดสมุดบัญชี แล้วบอกให้คนนำเงินออกมา เตรียมจ่ายค่าจ้างและเงินพิเศษหวังปี่จงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างหลังหวังหยวนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ!นับตั้งแต่ดูแลโรงเรียนภาคค่ำและดูแลบัญชี เขาก็ได้รับศักดิ์ศรีแห่งความเป็นผู้นำกลับคืนมาได้พบกับความรู้สึกที่เหนือกว่าแบบที่เคยมีมาก่อน ตอนที่เป็นหัวหน้าในหมู่บ้าน!แต่ต่อหน้าหวังหยวน เขาไม่กล้าที่จะอวดดีเพราะมีบทเรียนมากมายจากอดีต และวันนี้จู่เป๋าหม่าก็ประสบปัญหาอีกครั้ง ย้ำเตือนให้เขาตระหนักอยู่เสมอ“พี่หยวน จับปลาได้น้อยลงเพราะอากาศหนาว สบู่ก็ขา
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น