เมื่อมาถึงลานเล็ก ๆ ที่มีกำแพงอิฐ จ้าวอู่ดึงมีดหางวัวออกมาแล้วเหวี่ยงมันไปมาชายฉกรรจ์สองคนถือไม้พลอง และเตะเปิดประตูไม้ที่ทรุดโทรม!ชายฉกรรจ์สามคนอยู่ข้างหน้า นักธนูสองคนวาดคันธนูและยิงธนูพุ่งเข้าไปพร้อมกันผู้หญิงร่างผอมเดินออกมาจากครัว "นายท่านชา มีเรื่องอะไรหรือ!" "กัวฉาง เจ้าก่ออาชญากรรม รีบออกมาซะอย่าขัดขืน!” เขาไม่สนใจผู้หญิงคนนั้น จ้าวอู่เหวี่ยงมีดหางวัวในมือ เป็นเวลาเดียวกับที่ห้าคนกำลังจะบุกเข้าไปในบ้านปัง!! ประตูไม้สองบานกระแทกออกด้านนอก กระแทกคนทั้งห้าให้หงายหลัง ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบพุ่งเข้าหาจ้าวอู่พร้อมกับมีดในมือหวังหยวนตกใจ ดวงตาของชายหนุ่มคนนี้ช่างน่ากลัว ใบหน้าของเขาเต็มไปความอันตราย!จ้าวอู่หัวเราะเย้ยหยัน เขาไม่ได้ตั้งมีด เพียงแค่พูดขึ้นว่า "กัวฉาง การฆ่าเจ้าหน้าที่เท่ากับการก่อกบฏ มันเป็นอาชญากรรมใหญ่ ข้า จ้าวอู่ จะยืนอยู่ที่นี่ไม่ขยับ เอ็งกล้าออกมาฆ่าข้าหรือไม่!"กัวฉางถือมีดไว้ด้วยความตกใจ เขาหันหลังกลับ และวิ่งไปที่กำแพงลานบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปบนกำแพงที่สูงถึงสองเมตร"การเคลื่อนไหวช่างรวดเร็วเสียนี่กระไร เร็วกว่าปรมาจารย์ปาร์กูร์บางคนในโลกเสียอีก!"
“หุบปาก ใครก็ตามที่กล้าตะโกนอีกครั้ง จะถูกจับไปขังรวมกันในเรือนจำของมณฑล!”จ้าวอู่พูดขึ้นอย่างเย็นชาเขาเห็นเรื่องแบบนี้มามากแล้ว จะมีโจรที่ไหนที่เกิดมาแล้วเป็นคนเลวเลยในโลกที่ขุ่นมัวใบนี้ ถ้าแม่ของเขาอยากจะมีชีวิตที่ดี ใจจะต้องแข็งชาวบ้านไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป แม่กัวและลูกสะใภ้ทั้งสามคนเช็ดน้ำตาด้วยเบา ๆ"กัวฉาง กัวเหลียง กัวเฉียง เมื่อคืนนี้พวกเจ้าไปขโมยของที่บ้านของหวังหยวน กัวเฉียงถูกเอ้อหู่ชกเข้าที่หลัง และกัวเหลียงก็ถูกเอ้อหู่คว้าไหล่ และเสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ย ตอนนี้มีหลักฐานเพียบ พวกเจ้าจะยอมรับหรือไม่!”จ้าวอู่ยกเสื้อผ้าของทั้งสองคน เผยให้เห็นรอยกำปั้นบนหลังของกัวเฉียง รอยเปื้อนเลือดบนไหล่ของกัวเหลียง และหยิบรอยเลือดที่ได้รับมาจากหวังหยวนขึ้นมา"ยอมรับขอรับ!"สามพี่น้องมองหน้ากันแล้วพยักหน้าหลักฐานที่แน่นหนาราวกับภูเขา ไม่ใช่สิ่งที่สามพี่น้องจะปฏิเสธได้จ้าวอู่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ยอมรับผิดก็ดีแล้ว แล้วเงินของหวังซื่อไห่ที่พวกเจ้าขโมยไปล่ะ?""เงิน?"พี่น้องทั้งสามรู้สึกงุนงงพวกเขาแค่ไปขโมยบ้านของหวังหยวน แต่พวกเขาถูกเอ้อหู่จัดการก่อนที่จะลงมือสำเร็จแม่กัวแ
เอ้อหู่ที่ยังไม่ทันได้สติ ก็ถูกต้าหู่ฟาดเข้าที่เอว จากนั้นมองไปที่ดวงตาที่จริงจังของหวังหยวน และพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ "ใช่ หัวขโมยมีแค่คนเดียว"“อื้ม คนเราก็ต้องมีจำผิดจำถูกบ้าง เมื่อจำได้ก็ดีแล้ว!”จ้าวอู่รับเงินอย่างเงียบ ๆ "ในเมื่อหัวขโมยมีแค่คนเดียว งั้นพวกเราจับมาเกินสองคน นายน้อยหวัง ท่านคิดว่าเจ้าจะปล่อยพวกเขาไปดีหรือไม่!"หวังหยวนมองไปที่พี่น้องทั้งสาม "คนไหนในพวกเจ้าที่จะติดคุก และใครจะอยู่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว พวกเจ้าเลือกกันเอง!"“ข้าเป็นพี่ ข้าจะติดคุกเอง พวกเอ็งทั้งสองดูแลครอบครัวให้ดี!”“พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าจะไปเอง ข้าได้รับบาดเจ็บคงอยู่ได้อีกไม่นาน ให้ข้าไปเถิด!”“พี่ใหญ่ น้องเล็ก ให้ข้าไปเถอะ เสื้อผ้าบนไหล่ของข้ามีรอยถลอก หลักฐานแน่นหนา”พี่น้องทั้งสามถกกันไปมา!"พอแล้ว!" หวังหยวนโบกมือ "กัวเหลียงเจ้าเข้าคุกไป เสื้อผ้าของเขาขาด และไหล่ก็ได้รับบาดเจ็บ หลักฐานมีครบ จะได้พูดง่ายขึ้นเมื่อไปที่อำเภอ"จ้าวอู่ชำเลืองมองชายฉกรรจ์สองคนก้าวไปข้างหน้า เพื่อไขกุญแจมือให้กับพี่ใหญ่กัวฉาง และน้องเล็กกัวเฉียง พี่น้องทั้งสามมองไปที่หวังหยวนอย่างสับสนหวังหยวนมีสีหน้าเรีย
หมู่บ้านเสี่ยวหลิวเป็นบ้านอิฐทั้งหมด และนี่คฤหาสน์ของหลิวโหย่วไฉหัวหน้าหมู่บ้านหลิวโหย่วไฉเอนตัวอยู่บนเก้าอี้และประคบหน้าด้วยผ้าร้อน เมื่อวานนี้ใบหน้าบวมเหมือนหัวหมู แต่วันนี้อาการบวมลดลงมาก เขากัดฟันและพูดว่า "เมื่อคืนนี้มีหัวขโมยไปขโมยที่หมู่บ้านต้าหวังไหม?"ผู้ช่วยคนหนึ่งพูดขึ้นว่า "มีขอรับ โจรขโมยเงินได้ห้าสิบตำลึงจากหวังซื่อไห่ ไอ้นักเลงนั่นร้องไห้อย่างหนักในตอนเช้าตรู่"หลิวโหย่วไฉตกตะลึง "ไอ้ลูกชายผู้ล้างผลาญมันบ้าไปแล้วหรือ? ถึงได้ให้เงินนักเลงนั่นถึงห้าสิบตำลึง!"ผู้ช่วยนึกเหยียดหยามในใจ เขาไม่ได้บ้า แต่เขาใจกว้าง ไม่เหมือนคนตระหนี่เช่นเจ้า ทำงานหนักกับเจ้ามาหนึ่งปี แต่ได้เงินมาไม่กี่กว้านหลิวโหย่วไฉกัดฟันและพูดว่า "แล้วไอ้ลูกชายผู้ล้างผลาญล่ะ สามพี่น้องตระกูลกัวได้ไปบ้านของมันไหม ได้แทงมันสักแผลหรือไม่?"นักเลงส่ายหัว "ไม่ขอรับ สามพี่น้องตระกูลกัวพลาดไป ได้ยินมาว่าถูกเอ้อหู่ทุบตีจนแตกกระเจิง"“เอ้อหู่ตีสามพี่น้องนั่นอย่างนั้นรึ!”หลิวโหย่วไฉรู้สึกประหลาดใจ และกัดฟันแน่น "ให้ตายเถอะ ถือว่าดวงของไอ้ลูกชายผู้ล้างผลาญนั่นยังดีอยู่"“ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ดีแล้วขอรับ!”ทันใดน
ชาวบ้านหยุดชะงัก“อย่าไปฟัง ข้าก็เป็นสมาชิกของที่ว่าการอำเภอ ใครก็ตามที่จับไอ้ลูกชายผู้ล้างผลาญคนนั้นได้ จะได้รับการยกเว้นค่าเช่าสิบเปอร์เซ็นต์ในปีหน้า และหากทุบตีเขา ก็จะลดการเตะต้นเอื้องหนึ่งครั้ง!”หลิวโหย่วไฉเสนอรางวัลนั่นเป็นเงินน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของเงินที่สัญญาไว้ แต่มันก็ทำให้ชาวบ้านคลั่ง และรีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว“หยุด หยุด หากพวกเจ้ากล้าก้าวมาอีกล่ะก็ ข้าฉี๋จ่างจะสั่งให้คนยิงธนูเสีย!”จ้าวอู่ตะโกนเสียงดัง แต่ชาวบ้านก็ไม่หยุด จึงได้รีบตะโกนให้คนของตนถอย "หวังหยวน ท่าไม่ดีแล้ว ชาวบ้านพวกนี้คลั่งไม่ได้สติ พวกเราต้องถอยกลับไปก่อน ไม่เช่นนั้นได้โดนพวกมันรุมกระทืบตายแน่!"นักธนูและชายฉกรรจ์ถอยหนีด้วยความตกใจ!“เอาคันธนูและลูกธนูมาให้ข้า!” หวังหยวนคว้าคันธนูและลูกธนูจากมือพลธนู เขาดึงลูกธนูก่อนจะยิงมันออกไปหวืด!ลูกธนูขนนกถูกยิงไปที่ชาวบ้าน"อา!" ชาวบ้านเหล่านั้นที่วิ่งเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นว่าหวังหยวนกล้าที่จะยิงธนูจริง ๆ พวกเขาจึงหยุดทันทีด้วยความตกใจ“ชักคันธนูแล้วยิงซะ ใครก็ตามที่กล้าพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ยิงมันให้ตาย!”เมื่อเห็นพลังของลูกธนู จ้าวอู่ก็หยุด และเรีย
หลิวโหย่วไฉแอบกระหยิ่มใจ จ้าวอู่อยากได้เงิน จึงน่าจะกล้าทำทุกอย่าง หากให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอแก่เขายอมมอบเงินหกสิบตำลึงให้ เพื่อเอาใจเจ้าลูกล้างผลาญพ่อแม่คนนี้ก่อน แล้วค่อยไปคิดบัญชีเขาทีหลัง!หวังหยวนเหลือบมองจ้าวอู่ “ใจเต้นแล้วหรือ?”“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ข้า จ้าวอู่ จะเป็นคนที่ละทิ้งคุณธรรมของตนเอง เพื่อผลประโยชน์ไปได้อย่างไร!”จ้าวอู่มีสีหน้าเรียบเฉยขณะโบกมือ “หลิวโหย่วไฉสมรู้ร่วมคิดกับโจร ต้องถูกส่งตัวไปยังที่ว่าการอำเภอ!”“เอ๊ะ จ้าวอู่ เจ้า เจ้า...”หลิวโหย่วไฉสะอึกเพราะคำพูดของเขาไปครู่หนึ่ง และสงสัยว่าเหตุใดจ้าวอู่ถึงเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันจ้าวอู่นึกเย้ยหยัน แต่ไม่ได้เอ่ยคำใดเขาอยากได้เงิน แต่เขารู้ว่าเงินแบบไหนที่รับได้ และแบบไหนที่ไม่อาจรับได้หลิวโหย่วไฉเป็นคนใจแคบ หากวันนี้เขายอมรับหกสิบตำลึงไป ไม่ช้าก็เร็วเขาจะถูกเอาคืนเป็นแน่ส่วนหวังหยวนเป็นคนใจกว้างมาก แม้แต่พวกหัวขโมย เขายังให้เงินด้วยซ้ำ ดังนั้นหากรับเงินของเขา ก็จะไม่มีปัญหายิ่งกว่านั้น หากวันนี้หาเงินได้สามสิบตำลึง ก็จะยังมีเวลาหาอีกมากในอนาคต!น้ำน้อยค่อยไหล แต่ไหลยาวนานใช่หรือไม่!หลิวโหย่วไฉมอง
สีหน้าของจ้าวอู่เปลี่ยนไปมากในเมืองนี้มีผู้มีอิทธิพลสามตระกูล ได้แก่ตระกูลโจว ตระกูลหลิว และตระกูลหู ซึ่งทำธุรกิจค้าผ้า เกลือ และธัญพืชที่ทำกำไรได้มากที่สุด ตระกูลหลิวเป็นตระกูลพ่อค้าเกลือรายใหญ่ที่สุดในอำเภอตอนที่หลิวโหย่วไฉบอกว่าตนมาจากเชื้อสายเดียวกันกับตระกูลหลิวในอำเภอ เดิมทีคิดว่าเขาแค่พยายามจะรักษาหน้าตัวเองเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจมีความจริงอยู่บ้างม่านรถม้าเปิดออก ชายหนุ่มสวมผ้าพันคอและเสื้อคลุมลงมาจากรถ แล้วชูหมัดใส่หวังหยวนแต่ไกล “พี่หมิงถัน ไม่ได้พบกันเสียนาน!”หมิงถัน คำที่ญาติผู้ใหญ่เรียกสีหน้าของหวังหยวนไร้อารมณ์ “มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ!”หลิวเจี้ยนเย่ ทายาทตระกูลหลิวผู้ยิ่งใหญ่ในอำเภอ เขาได้เข้าสอบถงเซิง ในปีนี้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นซิ่วไฉ และกลายเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในเมืองฝูตอนที่เขาเรียนอยู่ในเมือง หลิวเจี้ยนเย่เป็นคนหยิ่งผยอง และดูถูกบรรพบุรุษของตนเองที่เป็นคนชนบทญาติผู้ใหญ่จะให้แต่งงานกับหลี่ซื่อหาน แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาต้องไปเตรียมสอบ ทั้งสองจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยตระกูลหลี่และตระกูลหลิวมีมิตรภาพกันมานมนาน ส่วนหลี่ซื่อหานและหลิวเจี้ยนเย
จ้าวอู่ตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าจะมีการสมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หลิวโหย่วไฉหัวเราะเยาะ เขาจะกล้าวางแผนต่อต้านบัณฑิตได้อย่างไร หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากนายน้อยเย่ต้าหู่, เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่กัดฟันกำหมัดแน่น จ้องมองไปที่หลิวเจี้ยนเย่ด้วยความโกรธ“หายนะที่หนักหนากว่านี้!”หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้น แล้วหรี่ตาลง จากนั้นจึงชกหน้าหลิวเจี้ยนเย่ “หนักหนาถึงเพียงนี้เลยหรือเปล่า?”ผัวะ ผัวะ ผัวะ!หลิวเจี้ยนเย่โซเซไปข้างหลัง ใบหน้าครึ่งซ้ายของเขาบวมแดง และมุมปากก็มีเลือดออกจ้าวอู่และหลิวโหย่วไฉต่างตกใจกลัวไม่มีใครคิดว่าหวังหยวน จะกล้าทำร้ายลูกชายคนโตของตระกูลหลิวในที่สาธารณะ“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาต่อยข้า!”ดวงตาของหลิวเจี้ยนเย่แดงก่ำ!เจ้าหน้าที่ศาลสองคนรีบวิ่งเข้ามาก่อนที่จะเข้ามาใกล้ เสือทั้งสองก็ลงมาจากภูเขา แล้วจับพวกเขาโยนออกไปหวังหยวนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “เจ้าคิดถึงภรรยาของข้า ทั้งยังต้องการทำลายชีวิตข้า การต่อยเจ้านั้นยังน้อยไป”“ดี ดีมาก!”หลิวเจี้ยนเย่เช็ดเลือดจากมุมปากตัวเอง “ข้าจะให้เจ้าชดใช้การต่อยนี้ให้หนักหนาเป็นร้อยเท่า ในเมืองฝูไม่มีใครกล้าแตะต้องคนตระกูลหลิ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห