“ท่านหวัง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนฝ่าบาทกระมัง...”“ท่านใจกว้าง มีเมตตา ข้าจะสั่งสอนลูกชายให้ดีแน่นอนขอรับ เรื่องวันนี้ปล่อยผ่านไปเถิดนะขอรับ”ซ่างกวนอวี้รีบกล่าวใครต่างก็รู้ว่าขุนนางใหม่มักจะเข้มงวดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้แต่ฮ่องเต้ก็เป็นเช่นนั้นตอนนี้ไป๋อวิ๋นเฟยเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ ประกอบกับก่อนหน้านี้เกิดความวุ่นวายในราชสำนัก มีกองกำลังมากมายและยังมีคนที่จงรักภักดีต่อซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีไม่น้อย แม้ว่าตอนนี้ไป๋อวิ๋นเฟยจะมีอำนาจ แต่เขาก็รอบคอบ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำอะไร ซ่างกวนอวี้จึงไม่กล้าไปยั่วยุเขา!ส่วนฮูหยินใหญ่ก็ตกตะลึง นางคิดว่าหวังหยวนเป็นแค่ขุนนางธรรมดา จะมีอำนาจมากมายได้อย่างไร?แต่นางไม่นึกเลยว่าซ่างกวนอวี้จะพูดถึงฝ่าบาทต่อหน้าหวังหยวน และดูเหมือนว่าทั้งสองจะสนิทสนมกันด้วย!เรื่องนี้คงจะยุ่งยากแล้ว!มิน่าเล่าซ่างกวนอวี้จึงโกรธมาก ดูเหมือนว่าซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวคงจะไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งเข้าแล้ว!ยังไม่ทันที่หวังหยวนจะพูด ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ทันใดนั้นซ่างกวนอวี้ก็ตกตะลึงแม้แต่หวังหยวนก็ยังแปลกใจยังไม่ได้แจ้งไป๋อวิ๋นเฟยเลย เหตุ
ตอนนี้มาถึงจวนตระกูลซ่างกวนแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรมากเรื่องต่อไปก็ให้ไป๋อวิ๋นเฟยจัดการเองไป๋อวิ๋นเฟยพยักหน้า มองซ่างกวนอวี้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ปลดเขาจากตำแหน่งเจ้ากรมเดี๋ยวนี้! ส่วนซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวก็จับขังคุกให้เจ้าหน้าที่สอบสวน!”ซ่างกวนอวี้ทรุดลงกับพื้น หน้ามืดเกือบจะเป็นลม!เรื่องราวเลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาคิด!“ท่านหวัง...”ซ่างกวนอวี้รีบมองหวังหยวน ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับหวังหยวนในอาณาจักรนี้ หากจะมีใครทำให้ไป๋อวิ๋นเฟยเปลี่ยนใจได้ คงมีแค่หวังหยวนเท่านั้นอะแฮ่มหวังหยวนกระแอมสองสามครั้ง ทหารที่กำลังจะพาซ่างกวนอวี้ไปจึงหยุดมองไปที่หวังหยวนและไป๋อวิ๋นเฟยเพื่อรอคำสั่งหวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้ก็ให้จบเพียงเท่านี้เถิด”“ซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวล่วงเกินข้าจริง แต่ข้าก็ไม่คิดจะเอาเรื่องเขา เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเถิด”“ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ทำผิดคือซ่างกวนอวิ๋นฮ่าว ไม่เกี่ยวกับท่านซ่างกวน อย่าได้พาดพิงถึงเขาเลย”ไป๋อวิ๋นเฟยลังเลครู่หนึ่ง จึงยอมให้เกียรติหวังหยวน เขาโบกมือทหารทั้งสองจึงถอยออกไปซ่างกวนอวี้และฮูหยินใหญ่ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอดตัวไป
“จริงสิ ในเมื่อฝ่าบาทเสด็จมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นพวกเราออกไปสนทนากันข้างนอกดีหรือไม่?”“ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากจะปรึกษาหารือกับท่านพอดี”หวังหยวนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มซ่างกวนอวี้รีบลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อมาถึงจวนของกระหม่อมแล้ว ฝ่าบาทและท่านหวัง สนทนากันที่นี่เถิด! หากรู้สึกว่าที่นี่ไม่สะดวก ด้านหลังจวนของกระหม่อมยังมีสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ กระหม่อมสามารถให้คนไปจัดเตรียมขนมและน้ำชาได้ จะไม่มีผู้ใดมารบกวนพวกท่านอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ซ่างกวนอวี้ต้องการแสดงความภักดีบุตรชายของเขาเพิ่งก่อความผิดร้ายแรง หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยกล่าวขออภัย คาดว่าป่านนี้ตัวเขาเองคงถูกลงโทษไปด้วย!ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คะแนนนิยมของเขาต่อหน้าไป๋อวิ๋นเฟยก็ลดฮวบลงเสียแล้ว!เขาจึงยิ่งต้องแสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์!“พี่หวัง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ไป๋อวิ๋นเฟยยังไม่ได้เอ่ยตอบในทันที แต่กลับหันไปมองหวังหยวน แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวังหยวนจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ต้องรบกวนใต้เท้าซ่างกวนแล้ว”“ไม่ลำบาก ไม่ลำบากเลยขอรับ!”“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรกระทำ!”ซ่างกวนอว
เขาถูกขับไล่ ต้องถูกกักบริเวณอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซ้ำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากเป็นผู้อื่น มีใครบ้างที่จะทนรับเรื่องราวมากมายเช่นนี้ได้?“ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น”หวังหยวนส่ายหน้า เมื่อเห็นไป๋อวิ๋นเฟยชะงักงันไปชั่วครู่ จึงเอ่ยต่อว่า “เจี๋ยงโฉ่วอีเป็นผู้มีความสามารถแท้จริง เขาแตกต่างจากซือฟาง คนผู้นี้ไม่มีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ แต่กลับมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองให้สงบสุขได้”“ยามนี้ท่านเพิ่งขึ้นครองราชย์ แน่นอนว่าย่อมต้องการคนมาช่วยสนับสนุน ข้ากลับมองว่าเขาเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยม หากได้รับความช่วยเหลือจากเขาย่อมเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างยิ่ง”“อีกทั้งข้าได้เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว หากท่านยินยอม เขาจะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านโดยปราศจากเงื่อนไขใด ภายภาคหน้าย่อมไม่บังเกิดความคิดคดทรยศอีก”หวังหยวนเอ่ยความคิดในใจออกมาตามตรงเขาคิดเพื่อประโยชน์ของไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหวังหยวนและคนของราชวงศ์ต้าเป่ยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำศึกสงครามกันอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เกรงกลัวราชวงศ์ต้าเป่ย แต่เขาก็ไม่อยากให้ปวงประชาต้องทนทุกข์ทรมาน จึงจำต้องนั่งลงเ
“เช่นนั้นภายภาคหน้าท่านต้องหาโอกาสไปทำความรู้จักกับท่านหวังให้บ่อย!”“การได้รู้จักคนเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางขุนนางของท่านอย่างยิ่งนะเจ้าคะ!”ฮูหยินใหญ่รีบเอ่ยเสริม พยายามพูดเอาอกเอาใจซ่างกวนอวี้ทว่าซ่างกวนอวี้กลับแค่นเสียงเย็นชา “ด้วยฐานะเช่นข้า เจ้าคิดว่าข้าจะมีโอกาสได้รู้จักกับท่านหวังหรือ?”“ครานี้ต้องขอบคุณบุตรชายคนดีของเจ้า!”“แต่เกือบทำให้พวกเราต้องหัวหลุดจากบ่า!”“โชคดีที่ท่านหวังเป็นคนใจกว้าง จึงไม่ถือสาเอาความกับพวกเรา!”“ภายภาคหน้าหากพบเจอท่านหวัง พวกเราควรรีบหลีกหนีให้ห่าง หากไปล่วงเกินคนเช่นนี้เข้า เกรงว่าภัยพิบัติจะมาเยือนตระกูลเรา!”ครั้งนี้แม้ว่าหวังหยวนจะละเว้นโทษให้แก่ตระกูลซ่างกวน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้หากวันใดหวังหยวนอารมณ์ไม่ดี แล้วตนบังเอิญไปขวางหูขวางตาเข้าก็อาจจะเป็นโทษซ้ำรอยเดิมก็เป็นได้!ซ่างกวนอวี้ไม่กล้าที่จะเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องโถง เขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแล้วความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!”ฮูหยินใหญ่พยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง “ประเดี
แต่ท่าทีเช่นนี้ของเขา กลับทำให้หวังหยวนและภรรยารู้สึกเหนื่อยล้าหวังหยวนนวดขมับตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ออกเดินทางกันเลยหรือไม่?”“ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกเกาเล่อให้เขาเตรียมการล่วงหน้า อีกอย่าง เมืองอู่เจียงตอนนี้จะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ ข้าต้องกลับไปดูสักหน่อย”เส้นทางน้ำทั่วหล้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แม้ว่าเมืองอู่เจียงจะสร้างเสร็จแล้ว แต่ในเมืองหลิงยังมีเส้นทางน้ำอีกมากมายที่ต้องพัฒนาแม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ คอยดูแล แต่เขาก็ไม่อาจเป็นนายที่เอาแต่โยนงานทิ้งให้คนอื่นทำได้เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ผิดต่อหลักการหลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “ดี! เช่นนั้นกลับไปแล้วก็พักผ่อนแต่หัววัน พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะได้ออกเดินทางเลย!”เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม หวังหยวนกลับหยุดฝีเท้าลง“เป็นอะไรไป?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามโดยสัญชาตญาณหวังหยวนเหลือบมองไปด้านหลัง เห็นเงาคนหลายคนค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืดเนื่องจากเป็นยามพลบค่ำ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังสวมชุดสีดำ ใบหน้าก็ถูกปกปิดด้วยผ้าสีดำ จึงมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาและไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด“พวกเจ้าเป็นใคร?”หวังหยวนเอ่ยถามเสียงเย็
เพล้ง!ในเสี้ยววินาทีวิกฤตพลันมีเสียงดังสนั่น หน้าต่างของโรงเตี๊ยมแตกกระจายเป็นเสี่ยง!ร่างหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า นั่นก็คือไฉจวิ้น!หลายวันนี้ เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมมาโดยตลอดซึ่งเพราะว่าหวังหยวนกับภรรยาต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แล้วเขาจะไปติดตามอยู่ข้างกายเป็นก้างขวางคอผู้อื่นได้อย่างไร?“ไฉจวิ้น!”“เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี!”หวังหยวนราวกับได้เห็นผู้มาโปรด รีบเอ่ยกับเขายามนี้เขาต้องดูแลหลิ่วหรูเยียน อีกทั้งยังต้องรับมือกับคนเหล่านี้ เขาไม่ได้มีสามเศียรหกกร จะจัดการเรื่องราวทั้งหมดนี้คนเดียวได้อย่างไร?“พี่ใหญ่ไปก่อน! เรื่องทางนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”“ก็แค่กุ๊ยข้างถนนไม่กี่คน”ไฉจวิ้นเอ่ยจบ ก็เข้าปะทะกับคนเหล่านั้นอีกครั้ง“ข้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ถูกฟันทีเดียว ไม่ได้ร้ายแรงอะไร...”“ข้ายังทนไหว!”“รีบไปช่วยไฉจวิ้นเถิด!”หลิ่วหรูเยียนรีบเอ่ยขึ้น“วางใจเถิด เขารับมือคนเดียวได้แน่นอน อีกไม่นานเกาเล่อก็จะกลับมา ข้าจะพาเจ้าไปทำแผลก่อน”หวังหยวนอุ้มหลิ่วหรูเยียนขึ้นมาโดยไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังโรงหมอที่อยู่ไม่ไกล“มีใครอยู่หรือไม่?”“รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”หวังหย
นางไม่อยากประสบชะตากรรมที่ต้องถูกจองจำ!“หนีหรือ? เจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น?”“แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้า ส่วนหนึ่งเป็นของฝ่าบาท อีกส่วนเป็นของหวังหยวน ส่วนที่เหลืออีกสองส่วน หวังหยวนยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับหนึ่งในนั้น แต่หากพวกเราต้องการไปราชวงศ์ต้าเป่ย ก็ยังต้องผ่านดินแดนที่หวังหยวนปกครองอยู่ดี!”“เจ้าคิดว่าพวกเราจะหนีไปที่ไหนได้?”ยามนี้ซ่างกวนอวี้ก็ร้อนรน กระวนกระวายใจดั่งมดบนกระทะร้อนฮูหยินใหญ่ไม่เอ่ยคำใดอีกเช่นนี้จะทำอย่างไรดี!“ถ้าเป็นพรอันประเสริฐก็ย่อมไม่เกิดภัยพิบัติ ถ้าเป็นภัยพิบัติก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”“ในเมื่อหวังหยวนมาถึงที่แล้ว ไม่ว่าเขาจะมาด้วยจุดประสงค์ใด พวกเราก็ไม่อาจหลบซ่อนเช่นนี้ต่อไปได้!”ซ่างกวนอวี้กัดฟัน เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะออกไปพบหวังหยวน ดูว่าเขาต้องการสิ่งใด บางทีเรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ทั้งหมดอาจเป็นเพียงความคิดมากเกินไปของพวกเราเองก็ได้ไม่ใช่หรือ?”ยามนี้คงต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน เผื่อว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น!หากดื้อรั้น เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งเลวร้ายลงเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมาย่อมดีกว่า!“เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย!
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าท่านหวังจะไม่สงสัยพวกเราใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเห็นขบวนรถม้าของหวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปแล้ว เฉินซานเตาพลันกอดอกเอ่ยถาม ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแม้ว่าเฉินซานเตาจะเป็นเพียงขุนศึกผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นเฟย!ไป๋อวิ๋นเฟยเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพี่หวังคงไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย ยามนี้ราชวงศ์ต้าเย่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ผู้ที่ข้าต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือพี่หวัง แต่ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้เป็นใครกันแน่ ช่างยากที่จะคาดเดา...”“คนของซือฟางในอดีตล้วนถูกพวกเราจับกุมตัวไปหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลือที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าลงมือสังหาร”“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการมาอย่างดี หากพวกเขาต้องการจะล้างแค้น เช่นนั้นเป้าหมายก็ไม่น่าจะพุ่งตรงมาที่หวังหยวน...”ไป๋อวิ๋นเฟยก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนยามนี้หลิ่วหรูเยียนบาดเจ็บสาหัส จิตใจของหวังหยวนต้องจดจ่ออยู่กับอาการของหลิ่วหรูเยียน แต่ความเคียดแค้นในครั้งนี้ย่อ
“ได้ขอรับ! เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมการ พวกเราจะได้รีบออกเดินทางกันเลย!”เพียงชั่วครู่ หวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าทางเหนืออย่างเอิกเกริกหน้าประตูวังหลวงในเมืองไป๋อวิ๋นเฟยและเหล่าทหารองครักษ์กำลังยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่นี่ สองคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาคนหนึ่งคือเฉินซานเตา ส่วนอีกคนเป็นชายแปลกหน้าชายคนนี้สวมชุดเกราะ ในมือถือดาบใหญ่ แม้จะผ่านวัยกลางคนมาแล้ว แต่ก็ยังคงองอาจผ่าเผย เห็นได้ชัดว่ามีที่มาไม่ธรรมดาสายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ชายคนนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองไป๋อวิ๋นเฟย “ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นกังวล บ้านเมืองเพิ่งจะสงบสุข ท่านยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ข้าขอตัวไปก่อน”“เมื่อทางข้ามีข่าวคราว ข้าจะส่งจดหมายผ่านนกพิราบสื่อสารมาบอกท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”ไป๋อวิ๋นเฟยรีบจับมือหวังหยวน แล้วชี้ไปยังบุรุษข้างกายก่อนเอ่ยว่า “พี่หวัง นี่คือขุนพลเซียวเหรินอู่ ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ในเผ่าทางเหนือ อีกทั้งเส้นทางยังยากลำบาก ข้าให้ขุนพลเซียวเหรินอู่ติดตามท่านไปด้วย ระหว่างทางหากต้องการสิ่งใด ขุนพลเซีย
เมื่อเห็นว่าพวกหมอตรวจอาการของหลิ่วหรูเยียนเสร็จแล้ว หวังหยวนจึงเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านมีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นได้บ้าง?”พวกหมอสบตากัน ต่างพูดไม่ออก“หรือว่าเรื่องนี้ยากเย็นถึงเพียงนั้นเลย?”“พวกท่านก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหมอหลวงได้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าวิชาแพทย์ของพวกท่านล้วนยอดเยี่ยม แต่พวกท่านทั้งหมดอยู่ที่นี่ หมอมากมายเพียงนี้รวมกัน กลับคิดหาวิธีรักษาภรรยาข้าไม่ได้เลยหรือ?”หวังหยวนแทบจะตวาดลั่นหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรให้หลิ่วหรูเยียนติดตามมาด้วยตั้งแต่แรกครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเย่เกิดเรื่องราวมากมาย หลายครั้งที่หลิ่วหรูเยียนตกอยู่ในอันตราย หวังหยวนรู้สึกผิดในใจยิ่งนักหากหลิ่วหรูเยียนไม่อาจหายดีได้ เช่นนี้เขาคงต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต“ไสหัวออกไปให้หมด!”หวังหยวนตวาดสั่งให้ทุกคนออกไปเสียงดัง ทุกคนรีบออกไปทันใดนี่ไม่ใช่ข้ออ้างของพวกเขา แต่เพราะพิษในร่างของหลิ่วหรูเยียนนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก แม้แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แล้วจะคิดหาวิธีถอนพิษได้อย่างไร?ยามนี้ทำได้เพียงเย็บปิดปากแผลและห้ามเลือดให้หลิ่วหรูเยียนเพื่อยื้อชีว
เมื่อห้องกลับคืนสู่ความเงียบสงบ หมอก็กลับไปนั่งที่ข้างเตียง ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของหลิ่วหรูเยียนออกดังเช่นที่หมอได้กล่าวไว้ บริเวณหน้าท้องส่วนล่างของหลิ่วหรูเยียนมีบาดแผลจากคมดาบ บาดแผลดูน่าสยดสยองยิ่งนัก โลหิตยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง“ภรรยาของข้าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”ยามนี้ เนื่องจากความเจ็บปวดแสนสาหัสหรือเพราะเสียเลือดมากเกินไป หลิ่วหรูเยียนจึงสลบไป ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆไม่เพียงใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากก็ไร้สีเลือดฝาดหมอปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ท่านหวัง วิชาแพทย์ของข้ายังตื้นเขิน อีกทั้งไม่เคยรักษาบาดแผลเช่นนี้มาก่อน เกรงว่าข้าคงไม่อาจรักษาภรรยาของท่านได้!”“นี่เป็นเพียงบาดแผลจากคมดาบทั่วไป เจ้าจัดการเรื่องเพียงเท่านี้ไม่ได้หรือ?”หวังหยวนขมวดคิ้วถามหมอรีบกล่าวต่อว่า “บาดแผลนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เย็บปิดแผลและทำความสะอาดก็เรียบร้อย แต่ที่ยุ่งยากที่สุดในตอนนี้ก็คือบนคมดาบนั้นมียาพิษ ตอนนี้ฮูหยินจึงถูกพิษร้าย!”“แต่ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินถูกพิษชนิดใด ทำให้ไม่รู้วิธีถอนพิษให้นางขอรับ...”หมอไม่กล้าล่วงเกินหวังหยวนแม้เขาจะไม่รู้ฐานะของหวังหยวน แต่ก็รู้ว่าซ่
นางไม่อยากประสบชะตากรรมที่ต้องถูกจองจำ!“หนีหรือ? เจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น?”“แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้า ส่วนหนึ่งเป็นของฝ่าบาท อีกส่วนเป็นของหวังหยวน ส่วนที่เหลืออีกสองส่วน หวังหยวนยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับหนึ่งในนั้น แต่หากพวกเราต้องการไปราชวงศ์ต้าเป่ย ก็ยังต้องผ่านดินแดนที่หวังหยวนปกครองอยู่ดี!”“เจ้าคิดว่าพวกเราจะหนีไปที่ไหนได้?”ยามนี้ซ่างกวนอวี้ก็ร้อนรน กระวนกระวายใจดั่งมดบนกระทะร้อนฮูหยินใหญ่ไม่เอ่ยคำใดอีกเช่นนี้จะทำอย่างไรดี!“ถ้าเป็นพรอันประเสริฐก็ย่อมไม่เกิดภัยพิบัติ ถ้าเป็นภัยพิบัติก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”“ในเมื่อหวังหยวนมาถึงที่แล้ว ไม่ว่าเขาจะมาด้วยจุดประสงค์ใด พวกเราก็ไม่อาจหลบซ่อนเช่นนี้ต่อไปได้!”ซ่างกวนอวี้กัดฟัน เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะออกไปพบหวังหยวน ดูว่าเขาต้องการสิ่งใด บางทีเรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ทั้งหมดอาจเป็นเพียงความคิดมากเกินไปของพวกเราเองก็ได้ไม่ใช่หรือ?”ยามนี้คงต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน เผื่อว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น!หากดื้อรั้น เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งเลวร้ายลงเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมาย่อมดีกว่า!“เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย!
เพล้ง!ในเสี้ยววินาทีวิกฤตพลันมีเสียงดังสนั่น หน้าต่างของโรงเตี๊ยมแตกกระจายเป็นเสี่ยง!ร่างหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า นั่นก็คือไฉจวิ้น!หลายวันนี้ เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมมาโดยตลอดซึ่งเพราะว่าหวังหยวนกับภรรยาต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แล้วเขาจะไปติดตามอยู่ข้างกายเป็นก้างขวางคอผู้อื่นได้อย่างไร?“ไฉจวิ้น!”“เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี!”หวังหยวนราวกับได้เห็นผู้มาโปรด รีบเอ่ยกับเขายามนี้เขาต้องดูแลหลิ่วหรูเยียน อีกทั้งยังต้องรับมือกับคนเหล่านี้ เขาไม่ได้มีสามเศียรหกกร จะจัดการเรื่องราวทั้งหมดนี้คนเดียวได้อย่างไร?“พี่ใหญ่ไปก่อน! เรื่องทางนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”“ก็แค่กุ๊ยข้างถนนไม่กี่คน”ไฉจวิ้นเอ่ยจบ ก็เข้าปะทะกับคนเหล่านั้นอีกครั้ง“ข้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ถูกฟันทีเดียว ไม่ได้ร้ายแรงอะไร...”“ข้ายังทนไหว!”“รีบไปช่วยไฉจวิ้นเถิด!”หลิ่วหรูเยียนรีบเอ่ยขึ้น“วางใจเถิด เขารับมือคนเดียวได้แน่นอน อีกไม่นานเกาเล่อก็จะกลับมา ข้าจะพาเจ้าไปทำแผลก่อน”หวังหยวนอุ้มหลิ่วหรูเยียนขึ้นมาโดยไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังโรงหมอที่อยู่ไม่ไกล“มีใครอยู่หรือไม่?”“รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”หวังหย
แต่ท่าทีเช่นนี้ของเขา กลับทำให้หวังหยวนและภรรยารู้สึกเหนื่อยล้าหวังหยวนนวดขมับตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ออกเดินทางกันเลยหรือไม่?”“ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกเกาเล่อให้เขาเตรียมการล่วงหน้า อีกอย่าง เมืองอู่เจียงตอนนี้จะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ ข้าต้องกลับไปดูสักหน่อย”เส้นทางน้ำทั่วหล้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แม้ว่าเมืองอู่เจียงจะสร้างเสร็จแล้ว แต่ในเมืองหลิงยังมีเส้นทางน้ำอีกมากมายที่ต้องพัฒนาแม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ คอยดูแล แต่เขาก็ไม่อาจเป็นนายที่เอาแต่โยนงานทิ้งให้คนอื่นทำได้เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ผิดต่อหลักการหลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “ดี! เช่นนั้นกลับไปแล้วก็พักผ่อนแต่หัววัน พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะได้ออกเดินทางเลย!”เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม หวังหยวนกลับหยุดฝีเท้าลง“เป็นอะไรไป?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามโดยสัญชาตญาณหวังหยวนเหลือบมองไปด้านหลัง เห็นเงาคนหลายคนค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืดเนื่องจากเป็นยามพลบค่ำ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังสวมชุดสีดำ ใบหน้าก็ถูกปกปิดด้วยผ้าสีดำ จึงมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาและไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด“พวกเจ้าเป็นใคร?”หวังหยวนเอ่ยถามเสียงเย็
“เช่นนั้นภายภาคหน้าท่านต้องหาโอกาสไปทำความรู้จักกับท่านหวังให้บ่อย!”“การได้รู้จักคนเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางขุนนางของท่านอย่างยิ่งนะเจ้าคะ!”ฮูหยินใหญ่รีบเอ่ยเสริม พยายามพูดเอาอกเอาใจซ่างกวนอวี้ทว่าซ่างกวนอวี้กลับแค่นเสียงเย็นชา “ด้วยฐานะเช่นข้า เจ้าคิดว่าข้าจะมีโอกาสได้รู้จักกับท่านหวังหรือ?”“ครานี้ต้องขอบคุณบุตรชายคนดีของเจ้า!”“แต่เกือบทำให้พวกเราต้องหัวหลุดจากบ่า!”“โชคดีที่ท่านหวังเป็นคนใจกว้าง จึงไม่ถือสาเอาความกับพวกเรา!”“ภายภาคหน้าหากพบเจอท่านหวัง พวกเราควรรีบหลีกหนีให้ห่าง หากไปล่วงเกินคนเช่นนี้เข้า เกรงว่าภัยพิบัติจะมาเยือนตระกูลเรา!”ครั้งนี้แม้ว่าหวังหยวนจะละเว้นโทษให้แก่ตระกูลซ่างกวน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้หากวันใดหวังหยวนอารมณ์ไม่ดี แล้วตนบังเอิญไปขวางหูขวางตาเข้าก็อาจจะเป็นโทษซ้ำรอยเดิมก็เป็นได้!ซ่างกวนอวี้ไม่กล้าที่จะเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องโถง เขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแล้วความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!”ฮูหยินใหญ่พยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง “ประเดี
เขาถูกขับไล่ ต้องถูกกักบริเวณอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซ้ำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากเป็นผู้อื่น มีใครบ้างที่จะทนรับเรื่องราวมากมายเช่นนี้ได้?“ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น”หวังหยวนส่ายหน้า เมื่อเห็นไป๋อวิ๋นเฟยชะงักงันไปชั่วครู่ จึงเอ่ยต่อว่า “เจี๋ยงโฉ่วอีเป็นผู้มีความสามารถแท้จริง เขาแตกต่างจากซือฟาง คนผู้นี้ไม่มีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ แต่กลับมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองให้สงบสุขได้”“ยามนี้ท่านเพิ่งขึ้นครองราชย์ แน่นอนว่าย่อมต้องการคนมาช่วยสนับสนุน ข้ากลับมองว่าเขาเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยม หากได้รับความช่วยเหลือจากเขาย่อมเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างยิ่ง”“อีกทั้งข้าได้เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว หากท่านยินยอม เขาจะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านโดยปราศจากเงื่อนไขใด ภายภาคหน้าย่อมไม่บังเกิดความคิดคดทรยศอีก”หวังหยวนเอ่ยความคิดในใจออกมาตามตรงเขาคิดเพื่อประโยชน์ของไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหวังหยวนและคนของราชวงศ์ต้าเป่ยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำศึกสงครามกันอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เกรงกลัวราชวงศ์ต้าเป่ย แต่เขาก็ไม่อยากให้ปวงประชาต้องทนทุกข์ทรมาน จึงจำต้องนั่งลงเ