“ท่านผู้นำ! ท่านคิดว่าของขวัญที่ข้ามอบให้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”เกาเล่อถามด้วยรอยยิ้มหวังหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วเดินไปหาเจี๋ยงโฉ่วอี เดินวนรอบตัวเขาแล้วโบกมือให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อสองคนออกไป “ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้”“ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงร่วมมือกับคนอย่างซือฟาง? ด้วยสติปัญญาของท่าน จะดูไม่ออกเชียวหรือว่าเขาไปได้ไม่ไกล?”ผู้ชนะเป็นราชา ผู้แพ้เป็นโจรมาถึงขั้นนี้แล้ว เจี๋ยงโฉ่วอีก็เหมือนเต่าในไห ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตกไปอยู่ในมือหวังหยวนด้วย แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากมายก็หนีไม่พ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยอมแพ้เสียดีกว่า อาจจะยังพอมีทางเอาชีวิตรอดเพียงแต่บุรุษหัวขาดเสียเลือดได้ แต่อย่ายอมก้มหัวให้ใคร นี่คือศักดิ์ศรีสุดท้ายของเจี๋ยงโฉ่วอี!เขามองหวังหยวน ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าก็ไม่อยากจะร่วมมือกับเขาหรอก ซือฟางชอบโอ้อวด หากไม่ใช่เพราะเขา พวกข้าจะพ่ายแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร?”“มิหนำซ้ำยังแพ้อย่างน่าอนาถ...”ท้ายประโยค เจี๋ยงโฉ่วอีถอนหายใจในใจด้วยความรู้สึกหดหู่หากเป็นไปตามแผน เขาและซือฟางคงจะ
“ข้าจะให้เวลาท่านคิดทบทวนสองสามวัน หากท่านตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปช่วยพูดกับไป๋อวิ๋นเฟยให้เขาไว้ชีวิตท่าน ท่านคิดเห็นเช่นไร?”เจี๋ยงโฉ่วอีพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจเดิมทีเขาคิดว่าตนเองต้องตายเพราะก่อกบฏ ซึ่งเป็นโทษหนักหนาสาหัส!ยิ่งหวังหยวนเป็นคนที่เด็ดขาด ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาด้วย เขาจะรอดได้อย่างไร?แต่ใครจะนึกว่าหวังหยวนจะปล่อยเขาไป?ซ้ำยังจะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้เขาและยังจะช่วยพูดกับไป๋อวิ๋นเฟยให้ด้วย!เขารู้ดีว่าไม่ว่าไป๋อวิ๋นเฟยจะคิดเช่นไร หรือยินดีจะใช้เขาหรือไม่ แต่หากหวังหยวนเอ่ยปาก เขาก็มีโอกาสรอดที่ไป๋อวิ๋นเฟยมีวันนี้ได้ล้วนเป็นเพราะหวังหยวน ดังนั้นหวังหยวนจึงมีอำนาจในการตัดสินใจเมื่อคิดได้ดังนั้น เจี๋ยงโฉ่วอีก็ไม่ลังเล รีบกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “หากท่านหวังให้โอกาสข้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง! ต่อไปข้าจะรับใช้ฝ่าบาทอย่างเต็มที่! จะเป็นขุนนางที่ดีขอรับ!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วมองไปที่เกาเล่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ปลดโซ่ให้เขาเถิด”หากเป็นคนอื่นพูด เกาเล่อคงไม่สนใจ แต่ตอนนี้คนที่สั่งคือหวังหยวน เขาจะลังเลได้อย่างไร?จึงรีบปลดโซ่ให้เจ
แม้ว่าดินแดนทั้งเก้าจะสงบสุข แต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะคงอยู่ได้นานเท่าใด หากเกิดสงครามขึ้นอีก แม้ว่าวันนี้หวังหยวนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไป๋อวิ๋นเฟย แต่หากต้องเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ก็อาจจะขัดแย้งกันได้!เมื่อถึงเวลานั้น เจี๋ยงโฉ่วอีคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน!แต่หวังหยวนกลับโบกมือกล่าวอย่างใจกว้างว่า “ไม่ต้องกังวล คนมีความสามารถเช่นนี้ หากต้องตายในมือพวกเรา ข้าคงเสียใจ ให้เขาไปอยู่กับไป๋อวิ๋นเฟยก่อนเถิด”“ข้าเชื่อว่าไป๋อวิ๋นเฟยไม่ใช่คนเนรคุณ เขาคงเข้าใจความหวังดีของข้า เจี๋ยงโฉ่วอีก็เช่นกัน ต่อไปแม้ว่าข้าจะสู้รบกับไป๋อวิ๋นเฟย เจี๋ยงโฉ่วอีก็คงจะห้ามปราม ยิ่งกว่านั้นคือยังไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นหรือไม่?”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนตัดสินใจแล้ว เกาเล่อจึงไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่เดินออกไป“ท่านช่างมีทั้งพระเดชและพระคุณ”ในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและหลิ่วหรูเยียน“คนอื่นจัดงานเลี้ยงในวัง ชวนท่านไปดื่มสุราด้วย แต่ท่านกลับปฏิเสธ ทำให้ข้าไม่มีอะไรทำเลย ท่านจะชดเชยข้าอย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหวังหยวน แล้วเอาหน้าซบหน้าอกเขาหวังหยวนกอดนางไว้ แล้วจูบที่หน้าผากก่อนกล่าวด
เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้หวังหยวนและหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปด้านหลังของพวกเขามีบุรุษแต่งตัวหรูหราหลายคนเดินเข้ามาแต่แม้ว่าพวกเขาจะสวมใส่เสื้อผ้าอย่างดี แต่บนใบหน้ากลับมีแววร้ายกาจ เพียงแค่มองปราดแรกก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!เพียงแค่มอง หวังหยวนก็รู้สึกรังเกียจแล้วผู้คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็หลบไปไกล ไม่กล้าเข้าใกล้“นั่นคือสี่คุณชายแห่งเมืองหนาน!”“พวกเขามีอิทธิพลมาก อย่าไปยุ่งกับพวกเขา!”“พวกเราอย่ามุงดูเลย! รีบกลับบ้าน! ประเดี๋ยวจะเดือดร้อน!”“หญิงสาวคนนั้นช่างน่าสงสาร ดูเหมือนว่าสี่คุณชายจะหมายตานางแล้ว!”ผู้คนพูดคุยกันแล้วก็พากันจากไปหวังหยวนจะไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาได้อย่างไร?เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็บึ้งตึง หันไปมองชายสี่คนนั้นชายคนหนึ่งเดินมาหน้าหวังหยวน มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็ไม่สนใจ เขากลับจ้องมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขายกมือขึ้นลูบคางจ้องมองหน้าอกหลิ่วหรูเยียน น้ำลายแทบจะไหลออกมา“แม่นางผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก!”“ไม่เพียงแต่รูปร่างดี หน้าตายังงดงามมากด้วย!”“คืนนี้พวกเราคงโชคดีแล้ว!”ชายหนุ่มที่พูดคือซ่างกวนอวิ๋นฮ่าว บุตรชายขอ
บรรดาผู้คนที่มุงดูหลายคนมีดวงตาเป็นประกาย นั่นคือเงินจำนวนมาก!“เจ้าเด็กบ้า!”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ชายหนุ่มหน้าเหมือนลิงกัดฟันกล่าว ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากซือเฉิงเวยแล้วก็ไม่มีคนรุ่นใหม่คนใดกล้าไม่ให้เกียรติเขา!ตอนนี้เขาให้เงินหวังหยวนแล้ว แต่หวังหยวนกลับไม่สนใจ ช่างน่าโมโห!“เหตุใด? ไม่ยอมรับหรือ?”ขณะที่ชายหนุ่มหน้าเหมือนลิงกำลังจะโกรธ ซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวก็เดินมาหาหวังหยวนและขวางทางเขาไว้“ตามใจพวกเจ้า”หวังหยวนไม่โกรธ กลับยกยิ้มมองไปที่หลิ่วหรูเยียน จากนั้นชี้ไปที่นางพลางกล่าวว่า “หากพวกเจ้าสามารถพาภรรยาข้าไปได้ คืนนี้อยากจะทำอะไรก็เชิญ ข้าไม่สนใจ!”“ท่าน...”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าแดงก่ำ นางกลอกตามองหวังหยวน แต่นางก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา เขาต้องการให้นางสั่งสอนคนทั้งสี่!ดูก็รู้ว่าชายทั้งสี่คนนี้ร่างกายอ่อนแอ คงเที่ยวหอคณิกาบ่อยเกินไปจนร่างกายเป็นเช่นนี้!นางไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ แค่ขยับนิ้วก็สามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว!เพียงแต่...ท่าทีของหวังหยวนทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก!ดูเหมือนว่าคืนนี้นางคงต้องสั่งสอนหวังหยวนเสียหน่อยเพื่อให้เขาจดจำไว้!“เอ
ผู้ใต้บัญชาสามคนที่อยู่ข้าง ๆ ซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวถึงกับตกใจ รีบพยุงซ่างกวนอวิ๋นฮ่าว ชายหนุ่มหน้าเหมือนลิงชี้นิ้วไปที่หลิ่วหรูเยียน สายตามองมือที่ตกอยู่บนพื้นพลางตะโกนด้วยความโกรธว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”“เขาเป็นถึงบุตรชายของเจ้ากรมพิธีการ! เจ้าเดือดร้อนแน่!”“นางชั่ว! เจ้ากล้าทำร้ายคุณชายซ่างกวน! เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดออกจากเมืองหลวงไปได้!”ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างตกใจเช่นเดียวกัน แต่ก็รู้สึกสาแก่ใจ!พวกคุณชายเหล่านี้สมควรได้รับบทเรียนเสียที ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา เช็ดเลือดบนดาบด้วยเสื้อ แล้วเดินเข้าไปใกล้คนเหล่านั้น“ข้าไม่สนใจว่าบิดาเขาเป็นใคร ข้ารู้แค่ว่าเขามายุ่งกับข้า นี่คือบทลงโทษ!”“ส่วนพวกเจ้าก็ไม่รอดเช่นกัน!”“ทำผิดก็ต้องชดใช้!”จากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็พุ่งเข้าหาคนเหล่านั้นราวกับสายลม ทุกครั้งที่นางลงมือจะมีเสียงร้องดังขึ้น!ท่วงท่าของนางว่องไวและร้ายกาจ!ผู้คนที่มุงดูอยู่จึงเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าหวังหยวนจึงไม่เก็บเงินและยังให้หลิ่วหรูเยียนจัดการเรื่องนี้เอง ที่แท้นางเป็นยอดฝีมือ!การจัดการกับพวกขยะเหล่านี้ได้ ไม่ใช่เรื่อง
“ตอนนี้เจ้ากลายเป็นวีรสตรีในสายตาทุกคนแล้ว!”“หากข้าเป็นคนลงมือ เจ้าจะได้รับเกียรติเช่นนี้หรือ?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตาใส่หวังหยวน นี่เขาแก้ตัวหรือ?จะมีบุรุษคนใดบ้างที่ให้ภรรยาออกหน้าจัดการคนร้ายแทน?“ขี้เกียจเถียงกับท่าน!”“หากครั้งหน้ามีใครมายุ่งกับข้า ท่านยังยืนดูเฉย ๆ อีก หมัดของข้าคงไม่ตกที่พวกเขา แต่จะตกที่หน้าท่านแทน!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างไม่พอใจหวังหยวนยิ้มพลางพยักหน้า “ได้ ได้ ได้! ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จะไม่มีครั้งหน้าอีก”ไม่นานทั้งสองก็เดินเล่นบนถนนต่อชมสิ่งแปลกตาและลิ้มลองอาหารต่าง ๆ ช่างมีความสุขยิ่งนัก!แต่ความสุขของคนหนึ่งคือความทุกข์ของอีกคนขณะที่หวังหยวนและหลิ่วหรูเยียนกำลังเดินเล่นกัน ซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวและพรรคพวกก็กลับถึงบ้านแล้ว ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้ากรมพิธีการซ่างกวนอวี้ที่กำลังดื่มสุราอยู่กับไป๋อวิ๋นเฟยในวังรู้ข่าวก็รีบกลับบ้านตอนนี้หมอมาถึงแล้วตระกูลซ่างกวนวุ่นวายไปหมด!ซ่างกวนอวี้ไม่ชอบลูกชายคนนี้ เขาชอบลูกชายคนเล็กมากกว่าเพราะซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวไร้ความสามารถ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่มีชื่อเสียง เป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่เกีย
“ไร้ประโยชน์!”“ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี!”ซ่างกวนอวี้ตะโกนด่าทอ แล้วปาถ้วยชาลงพื้น พ่อบ้านและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงจึงรีบมา“รีบไปตามหาคนร้ายสองคนนั้นเดี๋ยวนี้!”“ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร! ก็ต้องให้พวกมันชดใช้!”“ทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะไม่ปล่อยไปแน่!”พ่อบ้านรับคำ แล้วรีบออกไป“พาข้าไปดูเจ้าลูกทรพีนั่น!”ซ่างกวนอวี้กล่าว แล้วเดินออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับฮูหยินใหญ่ในเวลาเดียวกัน หวังหยวนและหลิ่วหรูเยียนก็เดินเล่นอยู่บนถนนมาหนึ่งชั่วยามแล้ว แค่กินอาหารข้างทางก็อิ่มแล้ว แต่ก็ยังอยากกินอีก แม้ท้องจะไม่มีที่ว่างแล้ว...หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจ “รู้อย่างนี้ตอนเย็นไม่น่ากินเยอะถึงเพียงนั้นเลย”“อย่างไรเสีย พวกเราก็ต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน พรุ่งนี้ค่อยออกมาเที่ยวใหม่ก็ได้”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม นางช่างเป็นนักกินตัวยงจริง ๆเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของหลิ่วหรูเยียนก็เป็นประกาย “ท่านพูดจริงหรือ?”“ข้าเคยหลอกลวงเจ้าเมื่อใด?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มทันใดนั้นก็มีคนมากมายวิ่งเข้ามาล้อมหวังหยวนและหลิ่วหรูเยียนไว้คนที่ยืนอยู่แถวหน้าคือพ่อบ้านของตระกูลซ่างกวน!เมืองหลวงไม่ได้กว้างใหญ่นั
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก
“ส่วนท่าน ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ท่านคงยังไม่ได้นอนเลยใช่หรือไม่?”“ดูสีหน้าของท่านสิว่าซีดเซียวเพียงใด?”“เชื่อข้าเถิด รีบไปนอนพักสักครู่ ให้ไฉจวิ้นดูแลข้าไปพลางก่อน”“เมื่อท่านตื่นแล้วค่อยสลับเปลี่ยนกับไฉจวิ้น เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนแรงยิ่งนักหวังหยวนส่ายหน้า ฝืนยิ้มขมขื่น “เจ้าเป็นเช่นนี้ คิดว่าข้าจะนอนหลับลงหรือ?”“ตอนนี้ข้าเพียงต้องการให้เจ้าหายดีโดยเร็ว ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น...”หวังหยวนเอ่ยความในใจออกมา เขาไม่เพียงปฏิบัติต่อหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ แต่กับภรรยาคนอื่น ๆ รอบกาย เขาก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันไม่เช่นนั้นในครอบครัวจะมีหญิงงามมากมายเพียงนี้ได้อย่างไร?“ท่านนี่...”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้าอย่างจนใจ จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นข้าจะพักผ่อนอีกสักครู่ ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าจริง ๆ”“ดี!”หวังหยวนรีบตอบรับ พลางโอบกอดหลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง เขามองสตรีในอ้อมแขนด้วยความเจ็บปวดส่วนไฉจวิ้นที่อยู่ด้านข้างพลันรู้สึกไม่สบายใจ“หากเจ้าเหนื่อยก็พักผ่อนเถิด พี่สะใภ้ก็บอกแล้วว่านางไม่เป็นอะไร อีกทั้งยังมีข้าคอยดูแลนาง
“หวังหยวน ระหว่างเจ้ากับข้ายังมีความอาฆาตแค้นที่ต้องสะสาง ภายภาคหน้าข้าจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าให้สิ้นซาก เจ้าจงรอก่อนเถิด!”...อีกด้านหนึ่ง ภายในป่าลึกหวังหยวนและพรรคพวกกำลังเร่งรุดเดินทางผ่านป่าภายในรถม้า หวังหยวนโอบกอดหลิ่วหรูเยียนไว้ตลอดเวลา เพราะว่ารถม้านั้นสั่นสะเทือนยิ่งนัก เพื่อรักษาความเร็ว จึงไม่อาจสั่งให้คนด้านนอกชะลอความเร็วลงได้ ยามนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือโอบกอดหลิ่วหรูเยียนไว้ให้มั่น เพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พี่ใหญ่! พี่สะใภ้เป็นคนดี สวรรค์ย่อมคุ้มครอง คาดว่าอีกไม่นานจะต้องหายดีแน่นอน ท่านอย่าได้กังวลไปเลยขอรับ”ไฉจวิ้นที่นั่งอยู่ด้านข้างปลอบโยนหวังหยวนตลอดการเดินทางนี้ ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว หวังหยวนไม่ได้แตะต้องน้ำแม้สักหยด อีกทั้งยังไม่ได้กินสิ่งใดเลยยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคืนก็ไม่ได้หลับใหลแม้แต่น้อย สภาพของเขาจึงดูอิดโรยยิ่งนักแม้ว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องร่วมสาบาน แต่ไฉจวิ้นก็ยังคงรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนักหวังหยวนถอนหายใจ กล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่ใช่เพราะหรูเยียนยืนกรานที่จะอยู่กับข้า เรื่องราวมากมายเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“โง่เขลา! เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าทำเพื่อข้าอีกหรือ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของพวกเจ้าได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับข้า มันอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรด้วยซ้ำ?”หานเทามีสีหน้าบึ้งตึง ดุด่าบุรุษตรงหน้าอย่างต่อเนื่องเดิมทีเขาวางแผนทุกวิถีทางเพื่อเปิดศึกกับหวังหยวน แต่ยามนี้กลับเปลี่ยนความคิดแล้วไม่ใช่เพราะว่าราชวงศ์ต้าเป่ยไม่อาจต่อกรกับหวังหยวนได้ แต่เป็นเพราะการก่อสร้างเส้นทางน้ำ ทำให้หานเทาและคนอื่น ๆ ได้ประจักษ์ถึงประโยชน์ของเส้นทางน้ำนี้ จึงไม่อยากเปิดศึกในยามนี้พัฒนาบ้านเมืองไปเงียบ ๆ ก่อนจะดีกว่า แล้วภายภาคหน้าย่อมต้องเหนือกว่าหวังหยวนอย่างแน่นอน!เพราะว่าดินแดนของต้าเป่ยนั้นกว้างใหญ่กว่าดินแดนของหวังหยวนมากนัก หากพัฒนาอย่างสงบสุข ผู้ที่เสียเปรียบย่อมต้องเป็นหวังหยวน!อีกประการหนึ่ง ยามนี้หวังหยวนก็ยังร่วมมือกับไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหากเปิดศึกอย่างผลีผลาม ย่อมจะถูกทั้งสองอาณาจักรรุมโจมตี ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเลวร้าย เกรงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่!“จริงสิ หวังหยวนไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”หานเทาเปลี่ยนท่าทีในฉับพลัน เขาเอ่ยถามขึ้น“ข้ายืนยันได้ว่าไม่มีทา
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าท่านหวังจะไม่สงสัยพวกเราใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเห็นขบวนรถม้าของหวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปแล้ว เฉินซานเตาพลันกอดอกเอ่ยถาม ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแม้ว่าเฉินซานเตาจะเป็นเพียงขุนศึกผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นเฟย!ไป๋อวิ๋นเฟยเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพี่หวังคงไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย ยามนี้ราชวงศ์ต้าเย่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ผู้ที่ข้าต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือพี่หวัง แต่ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้เป็นใครกันแน่ ช่างยากที่จะคาดเดา...”“คนของซือฟางในอดีตล้วนถูกพวกเราจับกุมตัวไปหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลือที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าลงมือสังหาร”“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการมาอย่างดี หากพวกเขาต้องการจะล้างแค้น เช่นนั้นเป้าหมายก็ไม่น่าจะพุ่งตรงมาที่หวังหยวน...”ไป๋อวิ๋นเฟยก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนยามนี้หลิ่วหรูเยียนบาดเจ็บสาหัส จิตใจของหวังหยวนต้องจดจ่ออยู่กับอาการของหลิ่วหรูเยียน แต่ความเคียดแค้นในครั้งนี้ย่อ