ไม่นึกเลยว่าไป๋อวิ๋นเฟยจะมีความคิดเช่นนี้ด้วย ไม่เลวเลย!“เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยง บอกพวกเขาว่าเรื่องที่ผ่านมาให้ลืมไป จะไม่พูดถึงอีก”หวังหยวนพยักหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดีเลย!”“จริงสิ! ท่านหวังเป็นผู้มีพระคุณของ ข้าคืนนี้ท่านต้องมาร่วมงานเลี้ยงให้ได้!”“ข้าจัดงานนี้เพื่อท่านโดยเฉพาะ!”ไป๋อวิ๋นเฟยกล่าวด้วยความจริงใจหวังหยวนโบกมือกล่าวว่า “ข้าไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้ ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ด้วย ขออยู่เพลิดเพลินกับภรรยาของข้าในห้องจะดีกว่า”ไป๋อวิ๋นเฟยกระแอมสองสามครั้ง ใบหน้าแดงก่ำหวังหยวนหัวเราะ แล้วเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน“พวกท่านคุยกันเสร็จแล้วหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวนถามด้วยความสงสัยหวังหยวนพยักหน้า “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราเที่ยวที่นี่อีกสองวันแล้วค่อยกลับ”หลิ่วหรูเยียนไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าจะไปที่ใด นางก็จะอยู่กับหวังหยวนตราบใดที่มีหวังหยวนอยู่เคียงข้าง ไปที่ใดก็เหมือนกันแต่ไป๋ลั่วหลีกลับรีบถามว่า “ท่านหวัง ท่านจะจากไปแล้วหรือเจ้าคะ?”“เรื่องของชนเผ่าทางเหนือเรียบร้อยแล้วหรือเจ้าคะ? อยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยเป็นไร? หากชนเผ่าทางเหนือมี
นี่...หวังหยวนกระแอมสองสามครั้ง เขาจะลืมสีหน้าของไป๋ลั่วหลีได้อย่างไร?เขาไม่ใช่ท่อนไม้ ย่อมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของไป๋ลั่วหลี แต่เขารู้ดีว่าเขามีภรรยาแสนดีรออยู่ที่บ้านแล้ว อีกทั้งเขากับไป๋ลั่วหลีก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน คงไปกันไม่ได้ จึงปล่อยวางไม่ผูกมัดซึ่งกันและกันเพื่อไม่ให้ไป๋ลั่วหลีต้องทุกข์ใจ“เหตุใด? รู้สึกผิดหรือ? เหตุใดจึงไม่พูดเลยเล่า?”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ หวังหยวนพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแน่นอนว่าการที่บุรุษมีเสน่ห์ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป มีดอกท้องามมากมายรอบตัวก็ยุ่งยาก!ณ หอเจียงหยาง โรงเตี๊ยมที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงของอาณาจักรต้าเย่ตอนนี้เกาเล่อได้จองห้องไว้ให้หวังหยวนแล้ว และกำลังรออยู่ในห้องหวังหยวนมีฐานะสูงส่ง จึงไม่ควรเปิดเผยตัว เกาเล่อได้สั่งให้ทุกคนแยกย้ายออกจากเมืองหลวงชั่วคราวเพื่อไม่ให้ไป๋อวิ๋นเฟยรู้สึกกดดันตอนนี้ไป๋อวิ๋นเฟยเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ แม้ว่าอาณาจักรต้าเย่จะสงบสุข แต่การที่หวังหยวนอยู่ที่นี่อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดปัญหาขึ้นได้“ข้าคิดว่าเจ้าออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังอยู่”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มพล
“ท่านผู้นำ! ท่านคิดว่าของขวัญที่ข้ามอบให้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”เกาเล่อถามด้วยรอยยิ้มหวังหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วเดินไปหาเจี๋ยงโฉ่วอี เดินวนรอบตัวเขาแล้วโบกมือให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อสองคนออกไป “ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้”“ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงร่วมมือกับคนอย่างซือฟาง? ด้วยสติปัญญาของท่าน จะดูไม่ออกเชียวหรือว่าเขาไปได้ไม่ไกล?”ผู้ชนะเป็นราชา ผู้แพ้เป็นโจรมาถึงขั้นนี้แล้ว เจี๋ยงโฉ่วอีก็เหมือนเต่าในไห ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตกไปอยู่ในมือหวังหยวนด้วย แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากมายก็หนีไม่พ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยอมแพ้เสียดีกว่า อาจจะยังพอมีทางเอาชีวิตรอดเพียงแต่บุรุษหัวขาดเสียเลือดได้ แต่อย่ายอมก้มหัวให้ใคร นี่คือศักดิ์ศรีสุดท้ายของเจี๋ยงโฉ่วอี!เขามองหวังหยวน ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าก็ไม่อยากจะร่วมมือกับเขาหรอก ซือฟางชอบโอ้อวด หากไม่ใช่เพราะเขา พวกข้าจะพ่ายแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร?”“มิหนำซ้ำยังแพ้อย่างน่าอนาถ...”ท้ายประโยค เจี๋ยงโฉ่วอีถอนหายใจในใจด้วยความรู้สึกหดหู่หากเป็นไปตามแผน เขาและซือฟางคงจะ
“ข้าจะให้เวลาท่านคิดทบทวนสองสามวัน หากท่านตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปช่วยพูดกับไป๋อวิ๋นเฟยให้เขาไว้ชีวิตท่าน ท่านคิดเห็นเช่นไร?”เจี๋ยงโฉ่วอีพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจเดิมทีเขาคิดว่าตนเองต้องตายเพราะก่อกบฏ ซึ่งเป็นโทษหนักหนาสาหัส!ยิ่งหวังหยวนเป็นคนที่เด็ดขาด ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาด้วย เขาจะรอดได้อย่างไร?แต่ใครจะนึกว่าหวังหยวนจะปล่อยเขาไป?ซ้ำยังจะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้เขาและยังจะช่วยพูดกับไป๋อวิ๋นเฟยให้ด้วย!เขารู้ดีว่าไม่ว่าไป๋อวิ๋นเฟยจะคิดเช่นไร หรือยินดีจะใช้เขาหรือไม่ แต่หากหวังหยวนเอ่ยปาก เขาก็มีโอกาสรอดที่ไป๋อวิ๋นเฟยมีวันนี้ได้ล้วนเป็นเพราะหวังหยวน ดังนั้นหวังหยวนจึงมีอำนาจในการตัดสินใจเมื่อคิดได้ดังนั้น เจี๋ยงโฉ่วอีก็ไม่ลังเล รีบกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “หากท่านหวังให้โอกาสข้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง! ต่อไปข้าจะรับใช้ฝ่าบาทอย่างเต็มที่! จะเป็นขุนนางที่ดีขอรับ!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วมองไปที่เกาเล่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ปลดโซ่ให้เขาเถิด”หากเป็นคนอื่นพูด เกาเล่อคงไม่สนใจ แต่ตอนนี้คนที่สั่งคือหวังหยวน เขาจะลังเลได้อย่างไร?จึงรีบปลดโซ่ให้เจ
แม้ว่าดินแดนทั้งเก้าจะสงบสุข แต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะคงอยู่ได้นานเท่าใด หากเกิดสงครามขึ้นอีก แม้ว่าวันนี้หวังหยวนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไป๋อวิ๋นเฟย แต่หากต้องเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ก็อาจจะขัดแย้งกันได้!เมื่อถึงเวลานั้น เจี๋ยงโฉ่วอีคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน!แต่หวังหยวนกลับโบกมือกล่าวอย่างใจกว้างว่า “ไม่ต้องกังวล คนมีความสามารถเช่นนี้ หากต้องตายในมือพวกเรา ข้าคงเสียใจ ให้เขาไปอยู่กับไป๋อวิ๋นเฟยก่อนเถิด”“ข้าเชื่อว่าไป๋อวิ๋นเฟยไม่ใช่คนเนรคุณ เขาคงเข้าใจความหวังดีของข้า เจี๋ยงโฉ่วอีก็เช่นกัน ต่อไปแม้ว่าข้าจะสู้รบกับไป๋อวิ๋นเฟย เจี๋ยงโฉ่วอีก็คงจะห้ามปราม ยิ่งกว่านั้นคือยังไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นหรือไม่?”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนตัดสินใจแล้ว เกาเล่อจึงไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่เดินออกไป“ท่านช่างมีทั้งพระเดชและพระคุณ”ในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและหลิ่วหรูเยียน“คนอื่นจัดงานเลี้ยงในวัง ชวนท่านไปดื่มสุราด้วย แต่ท่านกลับปฏิเสธ ทำให้ข้าไม่มีอะไรทำเลย ท่านจะชดเชยข้าอย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหวังหยวน แล้วเอาหน้าซบหน้าอกเขาหวังหยวนกอดนางไว้ แล้วจูบที่หน้าผากก่อนกล่าวด
เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้หวังหยวนและหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปด้านหลังของพวกเขามีบุรุษแต่งตัวหรูหราหลายคนเดินเข้ามาแต่แม้ว่าพวกเขาจะสวมใส่เสื้อผ้าอย่างดี แต่บนใบหน้ากลับมีแววร้ายกาจ เพียงแค่มองปราดแรกก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!เพียงแค่มอง หวังหยวนก็รู้สึกรังเกียจแล้วผู้คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็หลบไปไกล ไม่กล้าเข้าใกล้“นั่นคือสี่คุณชายแห่งเมืองหนาน!”“พวกเขามีอิทธิพลมาก อย่าไปยุ่งกับพวกเขา!”“พวกเราอย่ามุงดูเลย! รีบกลับบ้าน! ประเดี๋ยวจะเดือดร้อน!”“หญิงสาวคนนั้นช่างน่าสงสาร ดูเหมือนว่าสี่คุณชายจะหมายตานางแล้ว!”ผู้คนพูดคุยกันแล้วก็พากันจากไปหวังหยวนจะไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาได้อย่างไร?เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็บึ้งตึง หันไปมองชายสี่คนนั้นชายคนหนึ่งเดินมาหน้าหวังหยวน มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็ไม่สนใจ เขากลับจ้องมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขายกมือขึ้นลูบคางจ้องมองหน้าอกหลิ่วหรูเยียน น้ำลายแทบจะไหลออกมา“แม่นางผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก!”“ไม่เพียงแต่รูปร่างดี หน้าตายังงดงามมากด้วย!”“คืนนี้พวกเราคงโชคดีแล้ว!”ชายหนุ่มที่พูดคือซ่างกวนอวิ๋นฮ่าว บุตรชายขอ
บรรดาผู้คนที่มุงดูหลายคนมีดวงตาเป็นประกาย นั่นคือเงินจำนวนมาก!“เจ้าเด็กบ้า!”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ชายหนุ่มหน้าเหมือนลิงกัดฟันกล่าว ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากซือเฉิงเวยแล้วก็ไม่มีคนรุ่นใหม่คนใดกล้าไม่ให้เกียรติเขา!ตอนนี้เขาให้เงินหวังหยวนแล้ว แต่หวังหยวนกลับไม่สนใจ ช่างน่าโมโห!“เหตุใด? ไม่ยอมรับหรือ?”ขณะที่ชายหนุ่มหน้าเหมือนลิงกำลังจะโกรธ ซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวก็เดินมาหาหวังหยวนและขวางทางเขาไว้“ตามใจพวกเจ้า”หวังหยวนไม่โกรธ กลับยกยิ้มมองไปที่หลิ่วหรูเยียน จากนั้นชี้ไปที่นางพลางกล่าวว่า “หากพวกเจ้าสามารถพาภรรยาข้าไปได้ คืนนี้อยากจะทำอะไรก็เชิญ ข้าไม่สนใจ!”“ท่าน...”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าแดงก่ำ นางกลอกตามองหวังหยวน แต่นางก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา เขาต้องการให้นางสั่งสอนคนทั้งสี่!ดูก็รู้ว่าชายทั้งสี่คนนี้ร่างกายอ่อนแอ คงเที่ยวหอคณิกาบ่อยเกินไปจนร่างกายเป็นเช่นนี้!นางไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ แค่ขยับนิ้วก็สามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว!เพียงแต่...ท่าทีของหวังหยวนทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก!ดูเหมือนว่าคืนนี้นางคงต้องสั่งสอนหวังหยวนเสียหน่อยเพื่อให้เขาจดจำไว้!“เอ
ผู้ใต้บัญชาสามคนที่อยู่ข้าง ๆ ซ่างกวนอวิ๋นฮ่าวถึงกับตกใจ รีบพยุงซ่างกวนอวิ๋นฮ่าว ชายหนุ่มหน้าเหมือนลิงชี้นิ้วไปที่หลิ่วหรูเยียน สายตามองมือที่ตกอยู่บนพื้นพลางตะโกนด้วยความโกรธว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”“เขาเป็นถึงบุตรชายของเจ้ากรมพิธีการ! เจ้าเดือดร้อนแน่!”“นางชั่ว! เจ้ากล้าทำร้ายคุณชายซ่างกวน! เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดออกจากเมืองหลวงไปได้!”ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างตกใจเช่นเดียวกัน แต่ก็รู้สึกสาแก่ใจ!พวกคุณชายเหล่านี้สมควรได้รับบทเรียนเสียที ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา เช็ดเลือดบนดาบด้วยเสื้อ แล้วเดินเข้าไปใกล้คนเหล่านั้น“ข้าไม่สนใจว่าบิดาเขาเป็นใคร ข้ารู้แค่ว่าเขามายุ่งกับข้า นี่คือบทลงโทษ!”“ส่วนพวกเจ้าก็ไม่รอดเช่นกัน!”“ทำผิดก็ต้องชดใช้!”จากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็พุ่งเข้าหาคนเหล่านั้นราวกับสายลม ทุกครั้งที่นางลงมือจะมีเสียงร้องดังขึ้น!ท่วงท่าของนางว่องไวและร้ายกาจ!ผู้คนที่มุงดูอยู่จึงเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าหวังหยวนจึงไม่เก็บเงินและยังให้หลิ่วหรูเยียนจัดการเรื่องนี้เอง ที่แท้นางเป็นยอดฝีมือ!การจัดการกับพวกขยะเหล่านี้ได้ ไม่ใช่เรื่อง
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก