ในวังหลวง ครึ่งชั่วยามล่วงไปหวังหยวนพร้อมด้วยผู้ติดตามได้เดินทางกลับเข้ามายังตำหนักของไป๋อวิ๋นเฟย บัดนี้อยู่ในห้องโถง บ่าวไพร่จัดเตรียมน้ำชาและขนมหวานไว้คอยท่า แต่ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดอยากอาหารมากนัก บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดขณะนี้สถานการณ์ภายในวังหลวงยังคงคลุมเครือ อีกทั้งทหารองครักษ์ล้วนตกอยู่ใต้อำนาจของซือฟาง นอกเมืองหลวงก็ยังมีกองกำลังของซือฟางประจำการ จึงอาจกล่าวได้ว่าตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก!อีกไม่นานคาดว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงอีก!“ท่านหวัง ข้าได้ยินว่าท่านออกไปนอกเมืองหลวงเสียแล้ว คิดว่าท่านคงจะจากไปโดยไม่ได้หวนกลับมา เหตุใดจึงได้ย้อนกลับมาที่แห่งนี้อีกเล่า!”“แม้ในใจข้าจะซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ท่านหวังคงจะทราบดี บัดนี้เมืองหลวงเปรียบเสมือนวังมังกรถ้ำพยัคฆ์ หากพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อยก็อาจถึงแก่ชีวิตได้!”“เช่นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ หากท่านถูกสองคนชั่วช้าลากตัวไป ใครเล่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์อันเลวร้ายได้...”ไป๋อวิ๋นเฟยพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาคือองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เหตุใดจึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!ช่างน่าขันสิ้นดี!เขาทราบดี หากไม่ใช่เพราะอ
โชคดีที่หวังหยวนและไป๋ลั่วหลีมีสายตาและมือที่ว่องไว จึงช่วยพยุงเขาไว้ได้ทัน“ฝ่าบาท! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ?”ไป๋ลั่วหลีเอ่ยถามด้วยความร้อนใจหวังหยวนกล่าวเสริมว่า “ฝ่าบาท การสวรรคตของจักรพรรดินีเป็นเรื่องน่าเศร้าโศก แต่บัดนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เราต้องรีบเข้าวังหลวงโดยเร็วที่สุด!”“จักรพรรดินีไม่ใช่ผู้นำไร้เหตุผล ก่อนสวรรคตคงจะทรงมีพระราชโองการไว้ เราต้องรีบไปดูโองการนั้น!”“หากแต่งตั้งท่านเป็นจักรพรรดิ พวกข้าก็จะช่วยเหลือท่านขึ้นครองราชย์ แต่หากซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีแอบแก้ไขโองการเล่า จะทำเช่นไร?”หวังหยวนวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็วทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่เวลาที่จะมัวโศกเศร้า!“ได้! เช่นนั้นข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้!”“ต่อให้พวกมันมีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็เชื่อว่าคงไม่กล้าแก้ไขโองการหรอก!”“นั่นคือโทษประหารเก้าชั่วโคตร!”ไป๋ลั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาช่างเป็นองค์ชายที่เยาว์วัยและไร้เดียงสายิ่งนัก!หวังหยวนส่ายหน้าบัดนี้สถานการณ์คับขัน ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีรู้ดีว่าไป๋ลั่วหลีถือว่าพวกเขาเป็นเสี้ยนหนาม แม้จะต้องเสี่ยง พว
“พวกเจ้า...”ไป๋อวิ๋นเฟยโกรธจนหน้าซีดเซียว เขาชี้นิ้วไปยังขุนพลนายกองผู้นั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “มันเป็นแค่ขุนนาง ข้าเป็นถึงองค์ชายใหญ่!”“พวกเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของมัน แต่กลับขัดขืนคำสั่งของข้า!”“พวกเจ้าไม่ได้เห็นข้าผู้เป็นองค์ชายใหญ่อยู่ในสายตาบ้างเลยหรือ?”เหล่าราชองครักษ์ก้มหน้าไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ยังคงขวางทางไว้!“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงกับพวกมันแล้ว...”“พวกมันล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของซือฟาง บัดนี้พวกมันคงจะเปลี่ยนแซ่เป็นแซ่ซือกันหมดแล้ว ลืมไปแล้วว่าแผ่นดินนี้เป็นของผู้ใด”หวังหยวนกล่าวเย้ยหยันมุมปากของไป๋อวิ๋นเฟยกระตุก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดจักรพรรดินีเพิ่งจะสวรรคต สถานการณ์ก็วุ่นวายเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานราชบัลลังก์คงจะเปลี่ยนมือ!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“เช่นนั้นข้าก็จะไม่ได้ไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่เป็นครั้งสุดท้ายกระนั้นหรือ?”ไป๋อวิ๋นเฟยเกือบจะร่ำไห้ในฐานะบุตร ไม่ได้อยู่เคียงข้างแม่ในยามสิ้นใจช่างเป็นความอัปยศยิ่งนัก!“เรื่องนี้ง่ายมาก”“ในเมื่อพวกมันไม่ยอมเปิดทาง เราก็ฝ่าเข้าไปก็สิ้นเรื่อง”“ข้าไม่เชื่อหรอก พวกราชองครักษ์จะก
ช่างน่าเจ็บใจนัก คิดคำนวณมาอย่างดีกลับยังมีช่องโหว่!เจี๋ยงโฉ่วอีหรี่ตามอง เช่นเดียวกับที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ โองการระบุชัดเจนว่าไป๋อวิ๋นเฟยคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เหตุที่ทั้งสองคนก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้โองการนี้ตกถึงมือขุนนางทั้งหลาย!ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ไป๋หมิงจึงจะขึ้นครองราชย์ได้อย่างถูกต้อง!น่าเสียดาย...พลาดท่าเสียแล้ว!แต่โชคยังดี ที่นี่ถูกพวกเขาควบคุมไว้หมดแล้ว ต่อให้หวังหยวนและพรรคพวกจะมีฝีมือเก่งกล้าเพียงใดก็คงไม่อาจต้านทานได้!“ใครก็ได้!”“จับกบฏพวกนี้ให้หมด!”เมื่อซือฟางออกคำสั่ง เหล่าทหารก็กรูกันเข้ามาล้อมพวกหวังหยวนไว้!“พวกเจ้าจงเบิกตาดูให้ดี!”“ข้าคือไป๋อวิ๋นเฟย องค์ชายใหญ่!”“พวกเจ้าจะฟังคำสั่งซือฟางหรือว่าคิดจะทำร้ายข้ากันแน่?”ไป๋อวิ๋นเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหล่าทหารมองหน้ากัน แม้จะลังเลใจ แต่ไม่ได้ถอยหนี!ยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ในมือของซือฟาง!พวกเขาคือทหารของราชวงศ์ต้าเย่ แต่ต้องเชื่อฟังผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ทางการทหารเท่านั้น!“จักรพรรดินีมีรับสั่ง!”ทันใดนั้น ซือฟางเดินออกมาข้างหน้า แล้วชูพระราชโองการขึ้น พร้อมกับชี้ไปยังไป๋อวิ๋นเฟยแ
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้ น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?” แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโ
หวังหยวนเลิกคิ้ว "ถ้าข้าทำได้ล่ะ?" หลิวโย่วไฉเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะไม่คิดดอกเบี้ย! แต่ถ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องขายตัวเองเป็นคนรับใช้นายของข้า ว่าอย่างไรบ้าง?" หลี่ซื่อหานหน้าถอดสี “ท่านพี่ อย่ารับปากนะ!” เจ้าของที่ใจดำคนนี้ต้องการให้เขาขายตัวเองเป็นทาส หวังหยวนโกรธมาก แต่เขาเดินไปเขียนสัญญาสองฉบับและหยิบแผ่นหมึกสีแดงออกมา "เขียนชื่อและประทับนิ้วซะ!" “ได้!” หลังจากเขียนชื่อด้วยลายมือน่าเกลียด และประทับลายนิ้วมือสีแดงแล้ว หลิวโย่วไฉก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คนเสเพลเช่นนี้ เขาไม่มีหาเงินสี่สิบกว้านได้ภายในสามวันอย่างแน่นอน แม้ว่าครอบครัวของสาวน้อยจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็อยากให้นางทิ้งคนเสเพลพรรค์นี้อยู่เสมอ ดังนั้นการยืมเงินคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ การเดิมพันครั้งนี้ จะได้ทาสมาฟรี ๆ และสามารถขายได้ต่อในราคาหลายสิบกว้านด้วย! เข้าใกล้เป้าหมายที่ตระกูลหลิวจะครอบครองที่ดินพันหมู่ไปอีกหนึ่งเก้า 'สามีภรรยา' ยืนอยู่ตรงข้ามกันในลานบ้าน “ซื่อหาน” หวังหยวนอยากจะปลอบนาง หลี่ซื่อหานเช็ดน้ำตา และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน หวังหยวนเข้าใจว่านี่เป็นทำร้าย
งานที่เหลือใช้แรงออกน้อยกว่ามาก แค่ล้างรากหญ้าแล้วบดในครกหิน หลังจากทำงานยุ่งมานาน หวังหยวนรู้สึกเหนื่อยมากจนปวดหลังไปหมด เขาจึงเอารากหญ้าที่ตำใส่ถังน้ำ จึงค่อย ๆ เดินทอดน่องไปที่ริมแม่น้ำ หวังหยวนเห็นพวกปลาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เขาจึงโรยแป้งหมี่ถั่วเหลืองและน้ำลงไป ด้วยเหยื่อที่วางลงไป จำนวนปลาที่รุมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หวังหยวนค่อย ๆ เทของเหลวที่ได้จากการตำรากหญ้าลงไปอย่างระมัดระวัง เมื่อน้ำที่ได้จากการตำรากหญ้านั้นกระจายตัว ปลาที่ค่อย ๆ ลอยหงายท้องขึ้นมาจากน้ำ หนึ่งตัว! สองตัว! ... หลังจากนั้นสักพัก หวังหยวนก็จับปลาตัวใหญ่ได้แปดตัว และตัวเล็กอีกสิบห้าตัว ปลาตัวใหญ่หนักประมาณสองกิโลครึ่ง ตัวเล็กหนักประมาณสองร้อยห้าสิบกรัม ปลาที่เล็กกว่านี้ก็ปล่อยมันไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังหยวนก็กลับบ้านด้วยของที่เต็มตะกร้า ผ่านกระท่อมมุงหลังคาจากสี่หลัง คอกวัวและลานเล็ก ๆ ที่ล้อมรั้วทางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน “ลุงหานซาน!” หวังหยวนตะโกนเรียกเขา เด็กน้อยน่ารักที่เหมือนตุ๊กตาตัวน้อยสวมเสื้อคลุมยัดนุ่นวิ่งออกมาจากเรือน ไปมองดูหวังหยวนในชุดคลุมตัวอย่างสงสัยและเขินอาย "หวั
ในโลกนี้มีการตกปลา ตกเบ็ด จับปลา แต่ยังไม่มีใครวางยาปลา หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ข้าค้นพบเคล็ดลับการตกปลาและก็จับปลากลับมาได้ตั้งเยอะ รีบกินเร็วเข้า ระวังถูกก้างทิ่มเอาล่ะ!" “เคล็ดลับการตกปลา!” หลี่ซื่อหานที่สงสัยอยู่แล้วนั้น ยิ่งเจอความเป็นห่วงเอาใจใส่ของหวังหยวน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกวางที่ตกใจอีกครั้ง ทั้งสองคนก็กินปลาต่อไป ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้กินปลาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะปลาสดใหม่ หวังหยวนพบว่าปลาที่ทอดในน้ำมันหมูสักพัก และใส่เกลืออบรอสักสิบห้านาที และโรยด้วยผักป่า มันจะอร่อยมากซะกินจนหมดเกลี้ยง มาดูทางหลี่ซื่อหาน นางกินเหมือนแมวดมไม่มีผิด กินไปเพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้น “ท่านพี่ ข้าอิ่มแล้ว อีกครึ่งตัวนี้ข้ายังไม่ได้แตะมัน!” เห็นหวังหยวนมองมาที่นาง หลี่ซื่อหานก็วางตะเกียบลงแล้วผลักจานปลานั้นมา “ข้ากินอิ่มแล้ว แค่มองเจ้ากินปลาแบบนี้ก็น่ามองแล้ว รีบกินเถอะ!” หวังหยวนลุกขึ้นและออกจากห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่มีเนื้ออยู่ในบ้าน หลี่ซื่อหานลังเลไม่กล้ากินมัน ปล่อยให้เจ้าของร่างเดิมกินก่อนเสมอ นี่จึงทำให้นางผอมลงจนผอมซูบ จนความงามแต่เดิมของนางก็หายไ
ช่างน่าเจ็บใจนัก คิดคำนวณมาอย่างดีกลับยังมีช่องโหว่!เจี๋ยงโฉ่วอีหรี่ตามอง เช่นเดียวกับที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ โองการระบุชัดเจนว่าไป๋อวิ๋นเฟยคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เหตุที่ทั้งสองคนก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้โองการนี้ตกถึงมือขุนนางทั้งหลาย!ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ไป๋หมิงจึงจะขึ้นครองราชย์ได้อย่างถูกต้อง!น่าเสียดาย...พลาดท่าเสียแล้ว!แต่โชคยังดี ที่นี่ถูกพวกเขาควบคุมไว้หมดแล้ว ต่อให้หวังหยวนและพรรคพวกจะมีฝีมือเก่งกล้าเพียงใดก็คงไม่อาจต้านทานได้!“ใครก็ได้!”“จับกบฏพวกนี้ให้หมด!”เมื่อซือฟางออกคำสั่ง เหล่าทหารก็กรูกันเข้ามาล้อมพวกหวังหยวนไว้!“พวกเจ้าจงเบิกตาดูให้ดี!”“ข้าคือไป๋อวิ๋นเฟย องค์ชายใหญ่!”“พวกเจ้าจะฟังคำสั่งซือฟางหรือว่าคิดจะทำร้ายข้ากันแน่?”ไป๋อวิ๋นเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหล่าทหารมองหน้ากัน แม้จะลังเลใจ แต่ไม่ได้ถอยหนี!ยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ในมือของซือฟาง!พวกเขาคือทหารของราชวงศ์ต้าเย่ แต่ต้องเชื่อฟังผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ทางการทหารเท่านั้น!“จักรพรรดินีมีรับสั่ง!”ทันใดนั้น ซือฟางเดินออกมาข้างหน้า แล้วชูพระราชโองการขึ้น พร้อมกับชี้ไปยังไป๋อวิ๋นเฟยแ
“พวกเจ้า...”ไป๋อวิ๋นเฟยโกรธจนหน้าซีดเซียว เขาชี้นิ้วไปยังขุนพลนายกองผู้นั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “มันเป็นแค่ขุนนาง ข้าเป็นถึงองค์ชายใหญ่!”“พวกเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของมัน แต่กลับขัดขืนคำสั่งของข้า!”“พวกเจ้าไม่ได้เห็นข้าผู้เป็นองค์ชายใหญ่อยู่ในสายตาบ้างเลยหรือ?”เหล่าราชองครักษ์ก้มหน้าไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ยังคงขวางทางไว้!“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงกับพวกมันแล้ว...”“พวกมันล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของซือฟาง บัดนี้พวกมันคงจะเปลี่ยนแซ่เป็นแซ่ซือกันหมดแล้ว ลืมไปแล้วว่าแผ่นดินนี้เป็นของผู้ใด”หวังหยวนกล่าวเย้ยหยันมุมปากของไป๋อวิ๋นเฟยกระตุก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดจักรพรรดินีเพิ่งจะสวรรคต สถานการณ์ก็วุ่นวายเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานราชบัลลังก์คงจะเปลี่ยนมือ!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“เช่นนั้นข้าก็จะไม่ได้ไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่เป็นครั้งสุดท้ายกระนั้นหรือ?”ไป๋อวิ๋นเฟยเกือบจะร่ำไห้ในฐานะบุตร ไม่ได้อยู่เคียงข้างแม่ในยามสิ้นใจช่างเป็นความอัปยศยิ่งนัก!“เรื่องนี้ง่ายมาก”“ในเมื่อพวกมันไม่ยอมเปิดทาง เราก็ฝ่าเข้าไปก็สิ้นเรื่อง”“ข้าไม่เชื่อหรอก พวกราชองครักษ์จะก
โชคดีที่หวังหยวนและไป๋ลั่วหลีมีสายตาและมือที่ว่องไว จึงช่วยพยุงเขาไว้ได้ทัน“ฝ่าบาท! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ?”ไป๋ลั่วหลีเอ่ยถามด้วยความร้อนใจหวังหยวนกล่าวเสริมว่า “ฝ่าบาท การสวรรคตของจักรพรรดินีเป็นเรื่องน่าเศร้าโศก แต่บัดนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เราต้องรีบเข้าวังหลวงโดยเร็วที่สุด!”“จักรพรรดินีไม่ใช่ผู้นำไร้เหตุผล ก่อนสวรรคตคงจะทรงมีพระราชโองการไว้ เราต้องรีบไปดูโองการนั้น!”“หากแต่งตั้งท่านเป็นจักรพรรดิ พวกข้าก็จะช่วยเหลือท่านขึ้นครองราชย์ แต่หากซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีแอบแก้ไขโองการเล่า จะทำเช่นไร?”หวังหยวนวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็วทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่เวลาที่จะมัวโศกเศร้า!“ได้! เช่นนั้นข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้!”“ต่อให้พวกมันมีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็เชื่อว่าคงไม่กล้าแก้ไขโองการหรอก!”“นั่นคือโทษประหารเก้าชั่วโคตร!”ไป๋ลั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาช่างเป็นองค์ชายที่เยาว์วัยและไร้เดียงสายิ่งนัก!หวังหยวนส่ายหน้าบัดนี้สถานการณ์คับขัน ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีรู้ดีว่าไป๋ลั่วหลีถือว่าพวกเขาเป็นเสี้ยนหนาม แม้จะต้องเสี่ยง พว
ในวังหลวง ครึ่งชั่วยามล่วงไปหวังหยวนพร้อมด้วยผู้ติดตามได้เดินทางกลับเข้ามายังตำหนักของไป๋อวิ๋นเฟย บัดนี้อยู่ในห้องโถง บ่าวไพร่จัดเตรียมน้ำชาและขนมหวานไว้คอยท่า แต่ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดอยากอาหารมากนัก บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดขณะนี้สถานการณ์ภายในวังหลวงยังคงคลุมเครือ อีกทั้งทหารองครักษ์ล้วนตกอยู่ใต้อำนาจของซือฟาง นอกเมืองหลวงก็ยังมีกองกำลังของซือฟางประจำการ จึงอาจกล่าวได้ว่าตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก!อีกไม่นานคาดว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงอีก!“ท่านหวัง ข้าได้ยินว่าท่านออกไปนอกเมืองหลวงเสียแล้ว คิดว่าท่านคงจะจากไปโดยไม่ได้หวนกลับมา เหตุใดจึงได้ย้อนกลับมาที่แห่งนี้อีกเล่า!”“แม้ในใจข้าจะซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ท่านหวังคงจะทราบดี บัดนี้เมืองหลวงเปรียบเสมือนวังมังกรถ้ำพยัคฆ์ หากพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อยก็อาจถึงแก่ชีวิตได้!”“เช่นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ หากท่านถูกสองคนชั่วช้าลากตัวไป ใครเล่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์อันเลวร้ายได้...”ไป๋อวิ๋นเฟยพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาคือองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เหตุใดจึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!ช่างน่าขันสิ้นดี!เขาทราบดี หากไม่ใช่เพราะอ
“ท่านขุนพล ท่านเจี๋ยง!”“พวกท่านหมายความว่าอย่างไร?”ไป๋อวิ๋นเฟยรีบเดินเข้ามาในฝูงชน ไป๋ลั่วหลีที่เดินตามหลังมาแบกกล่องใบใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าข้างในมีอะไร แต่ดูจากขนาดแล้ว หวังหยวนรู้ว่าข้างในต้องเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิง!มีผู้ช่วยมาแล้ว เขาไม่ต้องกังวล!“ท่านหวังเป็นแขกของข้า!”“เป็นแขกคนสำคัญของเสด็จแม่ด้วย!”“ข้าเชิญท่านหวังมาปรึกษาหารือ แต่พวกท่านกลับจะทำร้ายท่านหวัง นี่หรือคือมารยาทการต้อนรับแขกของราชวงศ์ต้าเย่?”ไป๋อวิ๋นเฟยมองซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีอย่างเย็นชา พลางตะโกนตำหนิ โดยไม่สนใจฐานะของคนทั้งสอง!“องค์ชายใหญ่! คงเป็นการเข้าใจผิดกันพ่ะย่ะค่ะ!”เจี๋ยงโฉ่วอีไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาคนสำคัญของราชวงศ์ต้าเย่ แต่ยังเป็นคนเจ้าเล่ห์หน้าตายอีกด้วย ในชั่วพริบตา เขาก็ตีหน้ายิ้มแย้ม เดินไปหาไป๋อวิ๋นเฟย“พวกกระหม่อมคิดว่าท่านหวังออกจากเมืองหลวงไปแล้ว บังเอิญมาพบกันที่นี่ จึงอยากเชิญท่านหวังไปที่จวน ส่วนที่พาทหารมาด้วยก็เพื่อคุ้มครองท่านหวัง!”“ไม่ว่าใครก็รู้ว่าท่านหวังเป็นบุคคลสำคัญ หากท่านประสบปัญหาในเมืองหลวง แล้วข่าวแพร่กระจายออกไป คงไม่เป็นผลดีต่อพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมทำเช่นนี
“ข้าพูดดี ๆ กับท่านหวัง หวังว่าท่านจะให้เกียรติพวกข้า เพื่อรักษาหน้าตาของกันและกัน”“แต่หากท่านหวังยังดื้อรั้น ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน...”“แม้ว่าข้าจะไม่อยากมีเรื่องกับท่าน แต่ผู้ใต้บัญชาของข้าล้วนเป็นคนใจร้อน!”นี่เป็นการข่มขู่ หวังหยวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?หึหวังหยวนไม่โกรธ กลับหัวเราะ แล้วหยิบปืนคาบศิลาออกมา มองซือฟางก่อนกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้ายินดีพร้อมจะสู้กับข้าแล้วจริง ๆ กระมัง?”“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป”“ข้าอยากรู้ว่าผู้ใต้บัญชาของเจ้า หรือปืนคาบศิลาของข้า ใครจะแน่กว่ากัน!”ซือฟางกัดฟันแน่น เขาไม่คิดว่าหวังหยวนจะกล้าหาญถึงเพียงนี้!มีคนมากมายอยู่ตรงหน้า แต่หวังหยวนกลับไม่เกรงกลัว ซ้ำยังจะลงมือต่อสู้อีกด้วย?ช่างน่าเจ็บใจ!คิดว่าทุกคนในต้าเย่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ หรืออย่างไร?“หวังหยวน!”“ท่านอวดดีเกินไปแล้วหรือไม่?”“ในเมื่อท่านอยากเล่น ข้าก็จะเล่นกับท่าน!”ซือฟางโกรธมากจนตะโกนลั่น ก่อนจะโบกมือสั่งผู้ใต้บัญชา เห็นได้ชัดว่าจะให้ผู้ใต้บัญชารุมหวังหยวน!เจี๋ยงโฉ่วอีไม่ได้เอ่ยคำใดสถานการณ์เลวร้ายเกินควบคุมแล้วทำได้เพียงรอดูสถานการณ์!“พี่ใหญ่!
เขายังรู้จักชื่อของข้าด้วยงั้นหรือ?“พี่ใหญ่ไม่ต้องแปลกใจหรอกขอรับ”“ท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกล!”“แม้ว่าที่นี่จะเป็นดินแดนของราชวงศ์ต้าเย่ แต่พวกเราก็เคยได้ยินเรื่องราวของท่าน”“ไม่ใช่แค่ข้า แต่ชาวบ้านแถวนี้ก็รู้จักท่านกันทั้งนั้นขอรับ!”“ท่านคือวีรบุรุษในดวงใจของพวกเขา!”“หากไม่มีท่าน คงเกิดสงครามไม่หยุดหย่อน!”“พี่ใหญ่คือผู้มีพระคุณของชาวโลก ใครจะลืมท่านได้เล่าขอรับ?”ไฉจวิ้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจที่แท้เป็นเช่นนี้หวังหยวนเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าการกระทำของเขาทำให้ผู้คนประทับใจ!ก็คงเป็นเช่นนั้น หากไม่มีเขา ดินแดนทั้งเก้าคงไม่สงบสุข และสี่ผู้นำคงไม่ได้เจรจากันที่หอหลิวหลีจนสำเร็จ!ช่างเป็นเรื่องราวที่ดี!“การได้ติดตามพี่ใหญ่นับเป็นบุญของข้า!”ไฉจวิ้นกล่าวต่อ “เมื่อคืนท่านปู่ได้สั่งเสียข้าไว้ว่าให้ติดตามท่าน แล้วท่านจะพาข้าไปสู่ความสำเร็จ”“ข้าเชื่อมั่นในท่านปู่ และเชื่อมั่นในตัวท่านมากด้วยขอรับ!”“พี่ใหญ่โปรดวางใจ ต่อไปข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง หากท่านต้องการสิ่งใด ข้ายินดีตอบแทนด้วยชีวิต!”“แม้ว่าข้าจะไม่มีความสามารถอะไร แต่ข้าก็มีพละกำลัง ข้าคงช่
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเกี่ยวข้องกับพวกมัน!”หวังหยวนกำหมัดแน่น แล้วถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ทหารมากมายขนาดนี้สามารถบุกเข้าเมืองได้ในทันที!ไป๋อวิ๋นเฟยถูกลดอำนาจไปแล้ว เหลือเพียงตำแหน่งองค์ชาย แต่ไม่มีอำนาจใด หากสู้รบกันจริง พวกเขาคงจะเสียเปรียบ!สุดท้ายหวังหยวนคงต้องหนีไปจากที่นี่!แต่หากเป็นเช่นนั้น ราชวงศ์ต้าเย่ก็จะวุ่นวายไร้การควบคุม!ยิ่งกว่านั้น การกระทำของเขาคงทำให้ซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอีเกลียดชัง สุดท้ายก็จะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิม!นี่ไม่ใช่สิ่งที่หวังหยวนต้องการ!“ข้ารู้ว่าท่านผู้นำกังวลเรื่องนี้”“ก่อนมาที่นี่ ข้าได้จับทหารสองสามคนมาสอบถามแล้ว!”“พวกเขาบอกว่ายกทัพมาเพื่อปราบกบฏ ไม่ได้คิดก่อกบฏ!”“ดังนั้น ข้าคิดว่าพวกเขาแค่เตรียมแผนสำรอง ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิดขอรับ”เกาเล่อรีบตอบที่แท้เป็นเช่นนี้หวังหยวนเข้าใจ ซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอีเป็นคนรอบคอบจริง ๆ“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด”“จำไว้! ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาให้ดี!”“หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ข้าจะติดต่อเจ้าให้เจ้าพาข้าออกจากเมืองโดยเร็วที่สุด!”หวังหยวนกำชับซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอ
“เรื่องอะไร?”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เราเป็นพี่น้องกันแล้ว เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า ไม่ต้องเกรงใจ พูดมาตามตรงได้เลย”“ท่านก็รู้ว่าบ้านข้ายากจน ข้าไม่มีเงิน...”“แม้แต่เมื่อวานตอนซื้อยาให้ท่านปู่ ท่านก็เป็นคนออกเงินให้...”“ตอนนี้ท่านปู่จากไป ข้ากลับไม่มีเงินซื้อโลงศพดี ๆ ให้ท่าน ช่างอกตัญญูนัก!”“ข้าหวังว่าท่านจะให้ข้าหยิบยืมเงินเพื่อฝังท่านปู่ นับเป็นการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายของข้า...”ไฉจวิ้นกล่าวนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำได้ไฉปิ่งอี้เลี้ยงดูเขามาอย่างดี เขาเห็นมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรตอบแทน ทำได้เพียงซื้อโลงศพอย่างดีให้ไฉปิ่งอี้จากไปอย่างสงบ นับเป็นการตอบแทนครั้งสุดท้าย...หวังหยวนพยักหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนกตัญญู เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”“ข้าจะกลับเข้าเมืองไปจัดการงานศพให้ท่านไฉ จะให้เขาได้จากไปอย่างสมเกียรติ!”ไฉจวิ้นพยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง ในที่สุดก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป...เขายังโชคดี แม้ว่าไฉปิ่งอี้ ญาติคนเดียวของเขาจะจากไป แต่เขาก็ได้พบกับหวังหยวนสวรรค์ยังเมตตาเขา!ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลังหวังหยวนหันกลับไปมอง ป