สามวันต่อมาหวังหยวนได้นำคนของเขากลับมายังเมืองอู่เจียงแต่เขาไม่ได้กลับไปที่วัง กลับให้ต่งอวี่พาเขาตรงไปยังภูเขาหนานซาน!โชคดีที่หวังเถี่ยก่านยังไม่ได้จากไป ยังคงอยู่ที่เชิงเขาหนานซาน บัดนี้เขากำลังนอนหลับสนิทอยู่ในศาลาแม้ว่าโดยรอบจะมีบัณฑิตหนุ่มมากมายกำลังแต่งโคลงกลอน แต่ก็ไม่มีใครสนใจหวังเถี่ยก่าน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงชินกับเรื่องเช่นนี้แล้วเขาก็แค่คนพเนจร ไม่คุ้มค่าที่จะเสียเวลาด้วย!“อะแฮ่ม”หวังหยวนเดินเข้าไปกระแอมสองสามครั้งหวังเถี่ยก่านที่กำลังหลับค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ปัดผมที่ปรกหน้าผาก จึงมองเห็นหวังหยวนและต่งอวี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับถุงผ้าในมือของต่งอวี่...บนถุงผ้านั้นมีรอยเลือดเปรอะเปื้อน!ทันใดนั้นหวังเถี่ยก่านดูเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาลุกขึ้นนั่งตัวสั่นสะท้านขณะจ้องมองหวังหยวน แล้วถามด้วยความร้อนใจว่า “ท่านฆ่ามันแล้วหรือ?”“หานเหมิ่งหลง!”“ข้าพูดถูกใช่หรือไม่?”หวังหยวนส่งสายตาให้ต่งอวี่ ต่งอวี่จึงโยนหัวคนในถุงผ้าออกมาเดิมทีเหล่าบัณฑิตหนุ่มที่อยู่โดยรอบก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น บัดนี้จึงต่างพากันมามุงดู แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ สิ่งที่อยู่ในถุงผ
“เพราะเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่นี่ล้วนเชื่อมต่อไปทุกทิศทาง บัดนี้ข้ากำลังดำเนินโครงการชลประทาน จวนใกล้จะเสร็จแล้ว”“แต่ข้างกายข้ากลับไม่มีคนไว้ใจได้ แม้ว่าจะมีพี่น้องมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่อาจปกครองเมืองนี้ได้!”“เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ท่านคือตัวเลือกที่ดีที่สุด!”“ยิ่งกว่านั้น ท่านตงฟางก็ยังยกย่องนับถือท่าน เขามั่นใจว่าท่านจะสามารถปกครองเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี!”หวังหยวนกล่าวถึงตงฟางฮั่นบัณฑิตย่อมชื่นชมบัณฑิต และตงฟางฮั่นก็เป็นบัณฑิตที่โดดเด่น แม้ว่าจะไม่มีชื่อเสียง แต่นับว่ามีความสามารถมาก!ไม่เช่นนั้นคนของพรรคทมิฬคงไม่หมายตาเขา!แม้ในท้ายที่สุดจะไม่ได้ตัวตงฟางฮั่น พวกมันก็ยังคิดที่จะฆ่าตงฟางฮั่น!หากมองจากมุมนี้เพียงอย่างเดียว หวังหยวนต้องขอบคุณพรรคทมิฬอยู่ไม่น้อย เพราะเหตุการณ์นั้นเอง ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตงฟางฮั่นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น!“ท่านตงฟางอยู่กับท่านด้วยหรือ?”“ไม่ใช่ว่าเขาประกาศว่าจะไม่เป็นที่ปรึกษาให้ผู้ใดหรือ?”“ดูเหมือนว่าท่านต้องมีข้อดี จึงทำให้ท่านตงฟางเปลี่ยนใจ!”“ข้าย่อมไม่อาจเทียบกับท่านตงฟาง แต่ข้ายินดีอยู่เคียงข้างท่านเพื่อช่วยเหลือท่าน!”หวังเถี่ยก่า
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างร่ำสุรากันอย่างสำราญเพราะทุกปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว ทุกคนจึงอารมณ์ดี โดยเฉพาะหวังเถี่ยก่านที่ไม่เคยแตะต้องสุรา เพราะมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องความแค้นมาโดยตลอด แต่วันนี้เขากลับดื่มหนักจนเมามายไม่ได้สติ!อาการหนักกว่าหวังหยวนและคนอื่น ๆ เสียอีก!แต่ที่จริงแล้วหวังเถี่ยก่านก็แค่มีความสุขที่สามารถแก้แค้นให้บิดามารดาได้ นี่เป็นสิ่งที่เขารอคอยมาครึ่งชีวิต!บัดนี้เขามีอายุเกินห้าสิบปีแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสแก้แค้นให้บิดามารดา แต่หวังหยวนกลับช่วยให้เขาสมหวัง ในเมื่อไร้ซึ่งห่วงใด ๆ ก็คงต้องปลดปล่อยบ้าง!เกิดมาชาตินี้ต้องไม่เสียชาติเกิด!ภายในห้อง หลิ่วหรูเยียนพยุงหวังหยวนที่เมามายไปยังข้างเตียง แล้วผลักเขาลงบนเตียงอย่างแรง“น่าโมโหจริงเชียว!”“ข้าต้องมาดูแลเขาอีก!”หลิ่วหรูเยียนกำหมัดแน่น จ้องมองหวังหยวนด้วยความโกรธพลางบ่นพึมพำนางล้วงมือเข้าไปในอก แล้วหยิบกริชออกมา แม้ว่าในห้องจะมีแสงเทียน แต่กริชก็ยังคงเปล่งประกายเย็นยะเยือก!เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต!ทหารยามที่ควรจะเฝ้าอยู่หน้าประตูพากันหายไปหมดนี่เป็นโอกาสที่ดี!“จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี?
“หากเจ้าลงมือเมื่อสักครู่นี้ ข้าคงไม่ลังเลที่จะใช้ปืนคาบศิลาให้เจ้าได้รู้ถึงฤทธิ์เดชของมัน!”“อย่าลืมว่าชีวิตของเจ้าอยู่ในมือข้า ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดสามารถแก้พิษให้เจ้าได้!”“หากข้าตายที่นี่ เจ้าก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน!”หวังหยวนพูดพลางเดินเข้าไปใกล้หลิ่วหรูเยียน หลิ่วหรูเยียนยิ่งระแวดระวัง คอยเฝ้าดูหวังหยวนอยู่ตลอดเวลาหวังหยวนไม่ได้สนใจนาง กลับเดินไปที่โต๊ะแล้วรินน้ำชาให้ตัวเองเมื่อดื่มน้ำชาอุ่น ๆ แล้วจึงรู้สึกสบายตัวขึ้นมากหวังหยวนบิดขี้เกียจ ก่อนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ายังคงไม่เข้าใจ เหตุใดเจ้าจึงมาหาข้า”“แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ระดับสูงของพรรคทมิฬ แต่เจ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง!”“นั่นแสดงว่าเจ้าต้องมีแผนการอื่น!”“แต่ข้าก็ยังคิดไม่ออกว่าเจ้ามอบของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ให้ข้าเพื่ออะไร?”หลายวันที่ผ่านมา หวังหยวนครุ่นคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาไม่ได้ไล่หลิ่วหรูเยียนไป เพราะต้องการรู้ความคิดของนางหลิ่วหรูเยียนคงไม่ได้มาที่นี่โดยไม่มีจุดประสงค์ นางต้องมีแผนการบางอย่าง แต่เขายังไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่!นี่คือสิ่งที่หวังหยวนกังวลที่สุดศัตรูที่ไม่รู้จักนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก!“ท่านไม่จ
“ท่านยินดีปล่อยข้าไปจริงหรือ?”หลิ่วหรูเยียนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองในพรรคทมิฬ หวังหยวนถูกเรียกว่าปีศาจร้าย ส่วนพรรคทมิฬก็อ้างว่าต้องการกอบกู้แผ่นดินและช่วยเหลือประชาชน!ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่หวังหยวนกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของพรรคทมิฬ!“แล้วจะอย่างไรเล่า?”“ข้าจะเก็บเจ้าไว้ข้างกายเพื่ออะไร?”“ชายอื่นอาจจะหลงใหลในความงามของเจ้า แต่เจ้าคิดว่าข้าเหมือนคนทั่วไปหรือ?”“เป็นพวกเห็นหญิงงามแล้วเดินไม่ตรงทางงั้นหรือ?”ในบ้านของเขามีสาวงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหลี่ซื่อหาน หวงเจียวเจียว หรือหูเมิ่งอิ๋ง มีใครบ้างไม่เป็นหญิงงามดุจเทพธิดา?หากพวกนางเข้าไปในหอนางโลม คงไม่มีที่ยืนให้หลิ่วหรูเยียน!“ขอบคุณสำหรับยาถอนพิษ!”หลิ่วหรูเยียนไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของหวังหยวน นางกลับหยิบขวดยาบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะกลืนยาลงไป!ทันใดนั้นก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากดูเหมือนว่าหวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษ!“ลาก่อน!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวลา แล้วเตรียมตัวจากไป“จริงสิ”“ข้าไม่ใช่คนเนรคุณ ในเมื่อท่านไม่ได้ฆ่าข้าก็นับว่าข้าติดหนี้ชีวิตท่าน!”“แต่ต่อไปพวกเราคงไม่มีโอกาสพบกันอีก วันนี้ข้าจะตอบแท
อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบ บนใบหน้าของเขามีหน้ากากปิดบังเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าจงใจปิดบังตัวตน!“เจ้าไม่ใช่คนของหวังหยวน!”“เขาเป็นคนเที่ยงตรง หากต้องการฆ่าข้าคงไม่ต้องลงทุนถึงเพียงนี้!”“และไม่จำเป็นต้องให้ยาถอนพิษแก่ข้า!”หลิ่วหรูเยียนพลันเข้าใจ นางเบิกตากว้าง ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้นางคาดเดาตัวตนของชายตรงหน้าได้!“เจ้าเป็นคนของพรรคทมิฬหรือ?”“โอวหยางอวี่!”หลิ่วหรูเยียนร้องด้วยความตกใจ น่าขันที่นางก็กลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งเช่นกัน!“เจ้าเดาถูกแล้ว!”“นางชั่วไร้ประโยชน์!”“ไม่เพียงแต่เจ้าฆ่าหวังหยวนไม่ได้ แต่ยังทำให้พวกเราต้องเสียสละสาวกไปมากมายด้วย!”“หากไม่ฆ่าเจ้า ข้าคงไม่อาจรายงานท่านผู้นำได้!”“โทษฐานที่เจ้าทำงานไม่สำเร็จ จงรับโทษเสีย!”น้ำเสียงของโอวหยางอวี่เย็นยะเยือก ยิ่งกว่านั้น เขายังโกรธที่หลิ่วหรูเยียนนอนร่วมห้องกับหวังหยวนด้วย!ชายหญิงอยู่ด้วยกัน ใครจะเชื่อว่าทั้งสองจะไม่มีอะไรกัน?อย่างน้อยเขาคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ!หากหวังหยวนเป็นสุภาพบุรุษจริง คงไม่มีผู้หญิงมากมายอยู่รอบกายเขาเช่นนี้!“หากจะตาย เจ้าต้องตายก่อน!”หลิ่วหรูเยียนรีบชักกริชออกมาปาใส่โอวหยางอวี่!โชคดีที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ออกจากเมืองอู่เจียงไปแล้วหรอกหรือ?”“หรือว่ามีผู้ใดขัดคำสั่งข้า จงใจทำร้ายนาง?”หวังหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายหลิ่วหรูเยียน ในทางตรงกันข้าม เขายังเห็นนางเป็นเพื่อนด้วยซ้ำบัดนี้เมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนาง หวังหยวนจึงรู้สึกไม่สบายใจ!“ไม่ใช่คนของเราเป็นผู้ลงมือขอรับ”“ตอนที่คนของเราพบนาง นางก็ล้มจมกองเลือด บาดแผลสาหัสไปแล้ว!”“เพราะนางพยายามรักษาบาดแผลด้วยตัวเองเลยทำให้เสียเลือดมาก หากคนของเรามาไม่ทัน นางคงตายไปแล้วขอรับ!”ต่งอวี่รีบรายงานสถานการณ์ไม่นานทั้งสองก็ออกจากวังครู่ต่อมา เมื่อหวังหยวนและคนอื่น ๆ มาถึงหน้าโรงหมอหลังจากที่ทหารยามพบหลิ่วหรูเยียนที่ได้รับบาดเจ็บก็พานางมารักษาที่นี่เมื่อหวังหยวนมาถึง ทุกคนต่างรีบทักทายเขา“อาการนางเป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนรีบก้าวเข้าไปถาม“ข้าได้ควบคุมอาการบาดเจ็บและทำแผลให้เรียบร้อยแล้วขอรับ”“โชคดีที่ลูกธนูไม่มีพิษ จึงไม่มีอันตรายถึงชีวิต!”หมอรีบตอบหวังหยวนจึงโล่งใจ“หญิงผู้นี้ช่างมีบุญนัก”“ตำแหน่งบาดแผลอยู่ใกล้หัวใจมาก หากพลาดไปเพียงนิด นางคงตายไปแล้
“แต่ก็ยังไร้วี่แวว คาดว่าคนร้ายคงไหวตัวทันเลยหนีไปแล้วขอรับ!”ต่งอวี่ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักอย่างไรเสียก็เป็นเพราะเขาทำงานพลาด!“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”“พรรคทมิฬเจ้าเล่ห์นัก ครั้งหนึ่งแม้แต่ข้าก็ยังเคยพลาดท่า เจ้าอย่าได้คิดมาก”หวังหยวนโบกมือ ไม่ได้ตำหนิต่งอวี่เขามองเห็นความสามารถของต่งอวี่ เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ จึงไม่ใช่ความผิดของต่งอวี่หากจะโทษ ก็คงต้องโทษพรรคทมิฬที่เจ้าเล่ห์เกินไป!ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้“เจ้าทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว ไปพักผ่อนเถิด”“ความปลอดภัยของเมืองอู่เจียงยังต้องฝากไว้กับเจ้า เจ้ามีหน้าที่สำคัญ!”หวังหยวนตบบ่าต่งอวี่พลางปลอบใจเขาสองสามคำต่งอวี่จึงจากไปหวังหยวนอยู่ที่โรงหมอจนถึงค่ำ แต่หลิ่วหรูเยียนก็ยังไม่ฟื้นในที่สุด เพื่อความสะดวกในการดูแลหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนจึงตามหมอชื่อดังทั่วเมืองมา แล้วพาหลิ่วหรูเยียนไปพักรักษาตัวที่วัง“ได้ยินมาว่าพี่หรูเยียนบาดเจ็บหรือ?”“นางบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”“ข้าเข้าไปเยี่ยมนางได้หรือไม่?”เจียงเสี่ยวอวี๋ที่ยืนอยู่หน้าประตูพยายามจะเข้าไปในวังหลายครั้งนางกับหลิ่วหร
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม
“ฆ่าหมดแล้วขอรับ!”“ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!”สมาชิกองครักษ์นองเลือดตอบ พร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมโหด ปลาเน่าอยู่กับปลาเน่า กุ้งเน่าอยู่กับกุ้งเน่า คนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดี เป็นไปตามที่หวังหยวนกล่าวไม่มีผิด!ลั่วเฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ“ดี!”“เช่นนั้นพวกเรากลับไปรับรางวัลได้แล้ว!”พูดจบ ทุกคนก็หายตัวไปจากยอดเขา!...ครึ่งชั่วยามต่อมา ขบวนรถม้าที่พาญาติของหลิ่วหรูเยียนมาก็เข้ามาในเมือง ก่อนจะถูกพามายังวังของหวังหยวน!วังของหวังหยวนนับว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองอู่เจียง!ในดินแดนทั้งเก้า สถานที่ที่ปลอดภัยยิ่งกว่าคือหมู่บ้านต้าหวัง!ไม่เพียงแต่มีทหารมากมาย แต่ยังมีเอ้อหู่คอยดูแลปกป้อง!แต่เนื่องจากหวังหยวนอยู่ที่นี่ จึงไม่จำเป็นต้องกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง!“ญาติของข้าอยู่ที่ไหน?”เมื่อหลิ่วหรูเยียนรู้ข่าวก็รีบมาที่ห้องโถงใหญ่ แล้วตะโกนถามหวังหยวนและคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วยบนเก้าอี้ตัวหนึ่งมีชายสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ เขามีอายุมากกว่าหกสิบปี ผมสีดอกเลา ในมือถือไม้เท้าเมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียน ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ จากนั้นพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่แล้ว! นี่คือหรูเยียน!”“เจ้าเป็นห
“แต่เจ้าจงวางใจ ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”หวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็นหลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าในตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางจึงรู้สึกว่าหวังหยวนดูสง่างามขึ้นมากดูเหมือนว่าหวังหยวนจะดีกว่าที่นางคิดไว้ ที่นางมีอคติกับหวังหยวน ล้วนเป็นเพราะประมุขพรรคทมิฬและโอวหยางอวี่คอยเป่าหูล้างสมองแต่เมื่อได้สัมผัสกับตัวจริง นางกลับพบว่าหวังหยวนไม่ได้เป็นอย่างที่ทั้งสองคนกล่าว!ไม่เช่นนั้นเขาจะได้รับความเคารพรักได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น จากการทดสอบก็พอจะพิสูจน์ได้ว่าญาติของนางมีตัวตนอยู่จริง และคนของพรรคทมิฬคงต้องการปิดบังบางอย่าง จึงได้ทำเรื่องลับหลังเช่นนี้!ถูกผิด ประเดี๋ยวจะได้รู้กัน!“ข้าเข้าใจแล้ว”หลิ่วหรูเยียนกล่าวเบา ๆ แล้วเดินออกไปเมื่อถึงหน้าประตู นางก็หันกลับมามองหวังหยวน “เมื่อญาติข้ามาถึง ขอให้ท่านช่วยแจ้งข้าด้วย ข้าอยากพบเขาโดยเร็วที่สุด”“ขอบคุณมาก”หวังหยวนพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใด“ครั้งนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว”“เจ้าทำได้ดีมาก!”หวังหยวนตบบ่าเกาเล่อ บนใบหน้ามีรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่น่าเสียดาย เกาเล่อกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง เขาส่ายหน้ากล่าวด้วยความเสียใจว่า “
ฟึ่บ!สีหน้าของหวังหยวนพลันเปลี่ยนไปหากเป็นเช่นนี้ เขาจะอธิบายกับหลิ่วหรูเยียนอย่างไร?ขณะที่เขากำลังคิด หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่านางก็ได้รับข่าวเช่นกัน!นางนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เพราะเฝ้ารอคอยญาติของนางแต่กลับได้รับข่าวร้าย...“เขาตายแล้วจริงหรือ?”“ใครเป็นคนร้าย?”“เป็นคนของพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนคว้าตัวสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาถามด้วยความร้อนใจ“คนร้ายลงมืออย่างรวดเร็ว พวกเรายังไม่รู้ว่าเป็นใคร!”“แต่พวกเรากำลังสืบหาอยู่!”“พวกเราไม่มีวันยอมให้พี่น้องตายโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้!”สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อกล่าวด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างกลุ่มที่แข็งแกร่งและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อต่างฝึกฝนร่วมกันและกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน!บัดนี้พี่น้องของพวกเขาตาย พวกเขาจะไม่เสียใจได้อย่างไร? ความแค้นบัญชีเลือดต้องชำระ!“เรื่องราวไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิด”“ข้าคาดการณ์ทุกอย่างไว้แล้ว”ทันใดนั้น เกาเล่อก็รีบวิ่งเข้ามาเมื่อหวังหยวนได้รับข่าว ก็มีคนไปรายงานเกาเล่อเช่นเดียวกัน แต่เกาเล่อกลับไม่ใส่ใจเพียงแ
น้ำเสียงของประมุขพรรคทมิฬเย็นยะเยือกน่าสะพรึงกลัว แววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าราวกับพร้อมจะฆ่าทุกคน!โอวหยางอวี่หวาดผวา เสื้อด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น!เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผาก!ตอนนี้เขาอยากรู้ความจริงโดยเร็ว!ไม่มีทางที่หลิ่วหรูเยียนจะยังมีชีวิตอยู่!“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องเตรียมรับมือ!”ทันใดนั้น ชายสวมชุดดำคนหนึ่งก็เดินออกมาเขาเป็นหนึ่งในสี่องครักษ์ผู้มีอำนาจสูงส่ง“ลั่วเฉิน!”“นับจากนี้เจ้าจงรับผิดชอบองครักษ์นองเลือด!”“ข้าได้รับข่าวมาแล้ว จึงรู้เส้นทางของพวกหวังหยวน และเพิ่งรู้ว่าหลิ่วหรูเยียนยังมีญาติอยู่!”“ห้ามปล่อยให้คนผู้นั้นเข้าเมืองอู่เจียงได้!”“ต้องฆ่าให้ได้!”“แม้ว่าหวังหยวนจะช่วยชีวิตหลิ่วหรูเยียน แต่หลิ่วหรูเยียนก็คงจะนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนาง คงไม่ยอมบอกที่ตั้งฐานทัพของเราให้หวังหยวนรู้!”“แต่หากเกาเล่อสืบจนรู้ความจริง แล้วพาญาติของหลิ่วหรูเยียนมาพบ หลิ่วหรูเยียนอาจจะทรยศพวกเรา ทำให้พวกเราเสียเปรียบ!”“จำไว้! ต้องฆ่าคนผู้นั้นให้ได้!”“และส่งคนไปสืบที่เมืองอู่เจียง ดูว่าหลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”ประมุขพรรคทมิฬออกคำ