ส่วนชายที่ถูกเรียกว่าผู้ปกป้องกฎยังคงหลับตาทำสมาธิอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของคนพวกนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึง แล้วกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ไร้สาระ!” “ตอนนี้เรามีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ หากหวังหยวนตามมา แต่พวกเจ้ากลับไปสนุกกับหญิงสาว แล้วเราจะรับมืออย่างไร?” “พวกเจ้าอย่าลืมว่าหวังหยวนมีปืนคาบศิลา!” “อานุภาพของมันทำลายล้างสูง เป็นราชาแห่งอาวุธลับ!” “พวกเจ้าอยากตายกันหรืออย่างไร?”ทุกคนจึงสงบลง แต่ว่านซิ่วเอ๋อร์ยังคงหวาดกลัว นางไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน“ท่านผู้ปกป้องกฎ” “ยังมีอีกเรื่องที่ลืมบอกท่าน” “นางชื่อว่านซิ่วเอ๋อร์ เป็นคนตระกูลว่าน!” “นางมีความเกี่ยวข้องกับพวกเรา อย่าลืมนะขอรับ ว่าเป็นเพราะพ่อของนางที่ทำให้พวกเราเดือดร้อน!” ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นสีหน้าของผู้ปกป้องกฎก็แปรเปลี่ยนไปเป็นโกรธแค้น เขาลุกขึ้นเดินไปหาว่านซิ่วเอ๋อร์ทันที หลังจากมองสำรวจนางจากหัวจรดเท้าแล้วก็ถามเสียงเย็นว่า “พ่อของเจ้าคือว่านเชียนซานจริงหรือ?”ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า“คนที่ไม่อยากเห็นหน้ามักจะพบกันง่ายดาย!” “เดิมทีแค่ต้องการจัดการกับหวังหยวน ไม่คิดเลยว่าจะ
“ถึงคราวนี้แล้ว พวกเจ้ายังกล้าขู่ข้าอีกหรือ?” “พวกเจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง!”หวังหยวนเยาะเย้ย แล้วก็เหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง ชายคนหนึ่งล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นอีกคน!สีหน้าของผู้ปกป้องกฎเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วกล่าวว่า “ดี! เช่นนั้นข้าจะฆ่าภรรยาของเจ้าเดี๋ยวนี้!”พร้อมกับนั้นเขาก็ชักดาบออกมาฟันไปที่คอของว่านซิ่วเอ๋อร์!ว่านซิ่วเอ๋อร์กรีดร้องขณะหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว นางได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แล้วก็มีของเหลวเหนียวข้นกระเด็นมาโดนใบหน้าของนาง! นางใช้มือปาดออกโดยไม่รู้ตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าผู้ปกป้องกฎที่ยืนอยู่ข้างนางได้เสียชีวิตแล้ว! ใบหน้าและมือของนางเปื้อนเลือดเต็มไปหมด!หวังหยวนรีบเข้าไปหาว่านซิ่วเอ๋อร์ ปกป้องนางไว้ข้างหลังแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว ข้ามาแล้ว”ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ ไม่กล้าเอ่ยคำใดในขณะนั้น คนอื่น ๆ ในถ้ำมองหน้ากันและกำลังจะวิ่งหนี แต่ก็ได้ยินเสียงของหวังหยวนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นดุจดั่งยมทูตจากนรกหวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “หากพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็จงยืนนิ่งอยู่กับที่!” “ไม่เช่นนั้นข้าจะยิงพวกเจ้าให้ตายด้วยกระสุนคนละนัด!”ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก พวก
ในชั่วพริบตา หวังหยวนก็เข้าใจและมั่นใจในความคิดของตนเองแล้วพรรคทมิฬมีจุดมุ่งหมายอื่น ไม่เพียงแต่แทรกซึมเข้ามาในดินแดนของเขาเท่านั้น แต่ยังโจมตีไป๋ชิงชางด้วย! ดูเหมือนว่าดินแดนทั้งเก้าคงไม่มีวันสงบสุข!“พวกข้าพูดไปหมดแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่รู้เลย…” “ท่านขอรับ โปรดเมตตาพวกข้าได้หรือไม่ขอรับ?” “ต่อไปพวกข้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านอีก!”คนพวกนั้นพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เจ้าว่าอย่างไร?”หวังหยวนไม่ได้ตอบทันที แต่หันไปมองว่านซิ่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังว่านซิ่วเอ๋อร์ดูเหมือนลูกแมวที่กำลังตกใจกลัว นางกลืนน้ำลายแล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “สามี เมื่อครู่คนพวกนั้นจะย่ำยีข้า หากไม่ใช่เพราะผู้ปกป้องกฎขัดขวาง พวกเขาก็คงทำสำเร็จ…” “ดังนั้นท่านคงเข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”คนเหล่านั้นหน้าซีดเผือด ไม่ใช่แค่หวังหยวนเข้าใจสิ่งที่ว่านซิ่วเอ๋อร์จะสื่อ แต่พวกเขาก็เข้าใจเช่นกัน! นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องตาย!ในวินาทีต่อมา สีหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนไป เขายกมือขึ้นเหนี่ยวไกปืนทันใด!เสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง คนเหล่านั้นล้มลงจนหมด! ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาทำตัวชั่วช้าเองยิ่งไปกว
หวังหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วหันไปมองต่งอวี่“คนพวกนี้มาจากพรรคทมิฬ” “เจ้ารีบติดต่อเกาเล่อ แล้วแจ้งเขาว่าพวกนี้เตรียมจะลงมือโจมตีว่านเชียนซาน!” “ให้เขาเตรียมตัวไว้ให้ดี” “ตอนนี้ข้าไม่อยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง ทุกอย่างต้องให้เขาและต้าหู่ดูแล”ต่งอวี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า “พี่หยวนวางใจเถิดขอรับ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน!”ในชั่วพริบตา หวังหยวนและคณะก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมแล้ว ขณะนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธอยู่ในห้อง เมื่อหวังหยวนเปิดประตู ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน แต่ไม่กล้าสบตาหวังหยวน เพราะพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของหวังหยวนแล้ว เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว หวังหยวนนั้นสูงส่งกว่าราวฟ้ากับเหว! เมื่อนึกถึงท่าทีที่พวกเขามีต่อหวังหยวนก่อนหน้านี้ และเรื่องที่ภรรยาของหวังหยวนหายตัวไปเพราะพวกเขา พวกเขาก็หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง! เพราะหากหวังหยวนต้องการชีวิตของพวกเขา เพียงแค่สั่งการคำเดียว พวกเขาก็จะตายในทันที…“ซิ่วเอ๋อร์ เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถิด”ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินออกจากห้องไปสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกสองคนก็ตามนางไปด้วย เพราะว่านซิ่วเอ๋อร์หายตั
หวังหยวนพยักหน้า “ไม่รีบร้อน!” “ตอนนี้พวกเจ้าช่วยข้าสร้างอาวุธก่อนก็ได้ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง!” “ประเดี๋ยวข้าจะจัดคนไปส่งพวกเจ้าไปที่หมู่บ้านต้าหวัง และจะดูแลความปลอดภัยให้พวกเจ้า” “เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วก็จะปลอดภัยแน่นอน” “เพียงแค่ทำหน้าที่ของพวกเจ้าให้ดี ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวัง!”ทุกคนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง หากทำธุรกิจครั้งนี้เสร็จสิ้น ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องแล้ว! ที่สำคัญคือพวกเขาสามารถใช้เหล็กเย็นสร้างอาวุธได้ หากเล่าให้คนอื่นฟังก็สามารถคุยโม้ได้ตลอดชีวิต!“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามพวกเจ้า” “ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับพวกเจ้าว่าน้องชายข้าคนหนึ่งเดินทางมาหาพวกเจ้า!” “และเขามีจดหมายของกู่เฟิงอยู่ในมือ!” “พวกเจ้าเคยพบเขาหรือไม่?”เมื่อถูกหวังหยวนถาม ทุกคนมองหน้ากัน แล้วส่ายหน้าหลี่ต้าจ้วงกล่าวเป็นคนแรก “ท่านหวัง! พวกข้าจำคนผู้นั้นไม่ได้และไม่ได้รับจดหมายจากกู่เฟิงด้วย คงมีการเข้าใจผิดบางอย่างขอรับ” “หรือว่าน้องชายของท่านติดธุระจึงไม่ได้มาพบพวกข้าขอรับ!”คนอื่น ๆ ก็พากันกล่าวเสริม ดูท่าทางแล้ว พวกเขาดูเหมือนไม่ได้โกหก
สายตาของหวังหยวนมองไปยังชายผู้เอ่ยประโยคนั้น ปรากฏว่าเป็นเพียงเสี่ยวเอ้อที่หวังหยวนเคยเห็นหน้าที่ชั้นล่างมาก่อนหวังหยวนถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องใดหรือ?”เสี่ยวเอ้อชี้ลงไปยังชั้นล่าง “มีผู้ต้องการพบท่านที่ห้องส่วนตัวชั้นสอง ขอให้ท่านไปพบเพียงลำพังขอรับ!”ขณะเดียวกันเขาก็หันไปมองต่งอวี่ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตือนต่งอวี่โดยเจตนาต่งอวี่จ้องมอง มือเลื่อนไปแตะธนูที่เอวโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ฝ่ายตรงข้ามนั้นมาด้วยเจตนาไม่ดี และรู้ตัวตนของพวกเขาแล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้มาเยือนเป็นเสี่ยวเอ้อ ต่งอวี่คงลงมือไปแล้ว! ในยามวิกฤตเช่นนี้ย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ!“ได้ ข้าจะไปดู” “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิด ไม่ต้องห่วงตรงนี้แล้ว”หวังหยวนโบกมือให้เสี่ยวเอ้อ แล้วหันไปมองต่งอวี่ก่อนกล่าวเบาๆ ว่า “ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เมื่อรู้ว่าข้ามีผู้ติดตาม นั่นหมายความว่าเขาสืบหาความเคลื่อนไหวของข้าได้แล้ว” “ยิ่งเขาตามมาถึงที่นี่ ข้าก็ต้องไปดูให้กระจ่าง” “เจ้าไม่ต้องห่วง” “ฝากดูแลคนอื่น ๆ ที่นี่ด้วย”ถึงแม้ต่งอวี่จะไม่เต็มใจนัก แต่ก็จำต้องรับคำผ่านไปครู่หนึ่งหวังหยวนก็เดิ
“อันที่จริงแล้วข้าลืมเรื่องราวแค้นเคืองระหว่างเราไปนานแล้ว”หวังหยวนจิบน้ำชา แล้วกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพราะมีธุระสำคัญ ไม่ได้มีเจตนาอื่น ท่านจึงไม่จำเป็นต้องระแวงหรอก” “พูดตามตรงว่าน้องชายข้าชื่อเอ้อหู่หายตัวไปที่นี่ เมื่อข้าพบเขาก็จะจากไป จะไม่รั้งอยู่ที่นี่นาน!” “ก่อนหน้านี้ข้ากลัวว่าท่านจะคิดมากจึงไม่ได้ติดต่อท่านไปเมื่อข้ามาที่นี่อีกครั้ง หวังว่าท่านจะไม่โกรธเคือง”หวังหยวนก็สุภาพมากเช่นกันแต่ไป๋ชิงชางส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ตำหนิท่าน เหตุผลที่ข้ามาพบท่านไม่ใช่เพราะคอยเฝ้าดูท่าน ที่นี่เป็นเมืองหลวงของข้า มีสายลับมารายงานบ้างก็เป็นเรื่องปกติ” “ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่ท่านมาถึง ข้าก็รู้ตำแหน่งของท่านแล้ว!” “แต่ไม่ทราบว่าเอ้อหู่หายตัวไปได้อย่างไร?”หวังหยวนจ้องมองไปที่ดวงตาของไป๋ชิงชาง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โกหก เป็นไปได้หรือไม่ว่า… การหายตัวไปของเอ้อหู่จะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคทมิฬและไป๋ชิงชาง? เช่นนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เอ้อหู่จะหายตัวไปในอากาศอย่างไร? เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง แต่หวังหยวนยังไม่พบเบาะแส!“เรื่องราวยาวนาน” “เอ้อหู่มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากคนสอ
“พ่ะย่ะค่ะ!” หนึ่งในนั้นรับคำ แล้วเดินออกจากประตูไป“จงวางใจเถิด ข้าได้ส่งคนไปสืบสวนแล้ว เชื่อว่าในไม่ช้าก็จะมีเบาะแส” ไป๋ชิงชางหันกลับมามองหวังหยวนแล้วกล่าวปลอบโยน ครั้งหนึ่งหวังหยวนและไป๋ชิงชางเป็นดั่งพี่น้องกัน เขาย่อมเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหวังหยวนกับเอ้อหู่เป็นอย่างดี“ขอบคุณมาก” “หากท่านช่วยข้าหาเอ้อหู่เจอ ต่อไปข้าจะตอบแทนท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นการตอบแทนบุญคุณของท่าน”หวังหยวนจิบน้ำชาแล้วกล่าวเบาๆ หวังหยวนและไป๋ชิงชางอยู่ในกองกำลังที่เป็นศัตรูกัน เหตุผลที่พวกเขามาร่วมมือกันได้ก็เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่ออีกฝ่ายช่วยเหลือก็ไม่ควรปล่อยให้เขาช่วยเหลือโดยเปล่าประโยชน์ ไม่เช่นนั้นจะถูกติฉินนินทาในอนาคตได้หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หวังหยวนก็จากไปเมื่อกลับมาถึงห้อง ต่งอวี่และคณะก็กลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังรวมตัวกันอยู่ แต่สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีนัก หวังหยวนไม่จำเป็นต้องถามก็สามารถอ่านความรู้สึกของพวกเขาได้จากสีหน้า ดูเหมือนว่ายังไม่พบเบาะแสของเอ้อหู่“ข้าไม่เชื่อหรอก เอ้อหู่จะหายไปจากโลกนี้ได้อย่างไร?” “ขอเพียงแต่พบตัว ไม่ว่าจะตายหรือเป็น!” “ข้าจะ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ