“ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีเถิด ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น”หวังหยวนกล่าวเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องจ้าวชิงหย่วนส่งหวังหยวนออกมาเมื่อเดินออกจากโรงรับจำนำ สีหน้าของหวังหยวนก็ยังคงเคร่งเครียดว่านซิ่วเอ๋อร์ที่เดินตามหลังหวังหยวนกล่าวเบา ๆ ว่า “สามี ข้าได้ยินมาว่าท่านเคยจับกุมสาวกของพรรคทมิฬมาก่อน และเนื่องจากเรื่องของตระกูลว่านของข้า จึงทำให้ท่านเป็นศัตรูกับพรรคทมิฬ” “ท่านคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพรรคทมิฬหรือไม่เจ้าคะ?”คำพูดของว่านซิ่วเอ๋อร์ทำให้หวังหยวนนึกขึ้นได้หรือว่า…เรื่องนี้จะเป็นฝีมือของพรรคทมิฬ?แต่คิดดูแล้วก็ไม่น่าใช่ แม้ว่าจะเป็นฝีมือของพรรคทมิฬ ก็ไม่น่าจะลงมือในเมืองปิง นี่ไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กับตัวพวกเขาเองหรอกหรือ?“ข้าเพิ่งนึกถึงที่แห่งหนึ่งขึ้นมาได้” “เจ้าไปกับข้าเถิด ไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเหล่านั้น” “ข้าคิดว่าพวกเขาคงรู้เรื่องบางอย่าง”หวังหยวนตบหัวตัวเองเบา ๆ แล้วรีบกล่าวโชคดีที่หวังหยวนยังจำที่อยู่ที่กู่เฟิงให้ไว้ได้!เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเหล่านั้นไม่ได้อาศัยอยู่ในเมือง ทั้งสองจึงต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมาถึงนอกเมือง!ขณะนี้พวกเข
ทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า ผู้คนต่างรู้ดีว่าหวังหยวนมีปืนคาบศิลาอยู่ในครอบครอง! แต่ก็มองว่าเป็นเพียงอาวุธลับชนิดหนึ่งเท่านั้น! ไม่น่าแปลกใจที่กู่เฟิงจะแนะนำคนเหล่านี้ให้หวังหยวนรู้จัก เพราะดูเหมือนพวกเขาจะมีฝีมือฉกาจจริง ๆชายร่างกำยำกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “วัตถุชิ้นนี้มีอานุภาพทำลายล้างสูง แม้แต่ยอดฝีมือผู้มีวิทยายุทธก็ยากที่จะหลบหลีกการโจมตีของมันได้!” “ท่านมีวัตถุชิ้นนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา!” “แต่พวกข้าก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับท่านมาก่อน ไม่ทราบว่าท่านมีเจตนาเช่นไร?”หวังหยวนยิ้มเยาะ เก็บปืนคาบศิลาเข้าฝัก แล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้าเพียงต้องการพูดคุยกับหัวหน้าของพวกเจ้าเท่านั้น” “เมื่อเขาออกมาพบข้าแล้ว เขาก็จะเข้าใจเจตนาของข้าเอง เราเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู!”ชายร่างกำยำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อนเถิด ข้าจะไปตามพี่ใหญ่มาให้เดี๋ยวนี้!”“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบสุราลงทัณฑ์”เมื่อมองดูชายร่างกำยำเดินจากไป หวังหยวนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้ แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เกียรติ จึงทำให้เรื่องรา
“ได้เลย!”ชายผู้นำหัวเราะ ปรากฏว่าชายร่างกำยำที่ยืนอยู่หน้าประตูเปิดประตูออก แต่ในวินาทีต่อมา ชายผู้นั้นก็เบิกตากว้าง“คนหายไปไหนแล้ว?”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตึงเครียดขึ้น!หวังหยวนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งออกไปนอกห้อง แต่ก็ไม่พบว่านซิ่วเอ๋อร์!ชายผู้นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน แล้วขมวดคิ้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”คนรอบข้างต่างส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา!เมื่อครู่ทุกคนอยู่ในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นว่านซิ่วเอ๋อร์ที่อยู่หน้าประตู!เพราะหวังหยวนไม่ได้กังวลมากนัก!เสียเวลาไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และว่านซิ่วเอ๋อร์ก็อยู่ใกล้กับหวังหยวนมาก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแค่ร้องขอความช่วยเหลือ หวังหยวนก็จะมาทันที!แต่ที่ไม่คาดคิดคือ…ประมาทเพียงเสี้ยววินาทีก็แก้ไขไม่ได้แล้ว!หวังหยวนหันกลับไปคว้าคอเสื้อชายผู้นำ เล็งปืนคาบศิลาไปที่หน้าผากของเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธจัดว่า “รีบส่งซิ่วเอ๋อร์กลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” “ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ถึงอานุภาพของสิ่งของชิ้นนี้!”ชายร่างกำยำหลายคนรีบลุกขึ้นยืน หยิบอาวุธขึ้นมาเล็งไปที่หวังหยวน!ชายที่
“นี่…” ชายผู้เป็นหัวหน้ากล่าวด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “ท่าน! พวกข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าภรรยาของท่านอยู่ที่ใด ไม่เช่นนั้นพวกข้าคงปล่อยนางไปนานแล้ว!” “จะมาทำให้ท่านต้องลำบากใจได้อย่างไร?” ทุกคนที่อยู่ข้างกายเขาต่างพากันรับรองหวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพวกเขาดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่น แสดงว่าเหตุการณ์นี้คงไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง ๆ กระมัง? แล้วว่านซิ่วเอ๋อร์หายไปไหน?“เช่นนี้เถิด” “พวกเจ้ารีบเก็บของแล้วตามข้าไปเดี๋ยวนี้” “ข้าว่าที่นี่คงไม่ปลอดภัยแล้ว!”การหายตัวไปของว่านซิ่วเอ๋อร์เป็นสัญญาณเตือนหวังหยวน รอบกายเขาคงมีใครบางคนแอบเฝ้ามองอยู่เป็นแน่! ฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบเลี่ยงสายตาขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อได้ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนธรรมดา! ไม่อาจประมาทได้!ทุกคนมองหน้ากัน แล้วรีบพยักหน้ารับ!หลังจากเก็บของเรียบร้อย ทุกคนก็ตามหวังหยวนออกไป ตอนนี้เหลือเพียงแต่ไปพบกับจ้าวชิงหย่วน เพื่อให้เขาสืบหาข่าวของว่านซิ่วเอ๋อร์ต่อไป และให้รายงานโดยเร็วที่สุด!เมื่อพวกเขาเพิ่งออกจากบ้านก็พบศพสองศพนอนอยู่หน้าบ้าน หวังหยวนรีบเข้าไปตรวจสอบ พบว่าหนึ่งในนั้นยังมีลมหายใจอยู่
ส่วนชายที่ถูกเรียกว่าผู้ปกป้องกฎยังคงหลับตาทำสมาธิอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของคนพวกนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึง แล้วกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ไร้สาระ!” “ตอนนี้เรามีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ หากหวังหยวนตามมา แต่พวกเจ้ากลับไปสนุกกับหญิงสาว แล้วเราจะรับมืออย่างไร?” “พวกเจ้าอย่าลืมว่าหวังหยวนมีปืนคาบศิลา!” “อานุภาพของมันทำลายล้างสูง เป็นราชาแห่งอาวุธลับ!” “พวกเจ้าอยากตายกันหรืออย่างไร?”ทุกคนจึงสงบลง แต่ว่านซิ่วเอ๋อร์ยังคงหวาดกลัว นางไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน“ท่านผู้ปกป้องกฎ” “ยังมีอีกเรื่องที่ลืมบอกท่าน” “นางชื่อว่านซิ่วเอ๋อร์ เป็นคนตระกูลว่าน!” “นางมีความเกี่ยวข้องกับพวกเรา อย่าลืมนะขอรับ ว่าเป็นเพราะพ่อของนางที่ทำให้พวกเราเดือดร้อน!” ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นสีหน้าของผู้ปกป้องกฎก็แปรเปลี่ยนไปเป็นโกรธแค้น เขาลุกขึ้นเดินไปหาว่านซิ่วเอ๋อร์ทันที หลังจากมองสำรวจนางจากหัวจรดเท้าแล้วก็ถามเสียงเย็นว่า “พ่อของเจ้าคือว่านเชียนซานจริงหรือ?”ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า“คนที่ไม่อยากเห็นหน้ามักจะพบกันง่ายดาย!” “เดิมทีแค่ต้องการจัดการกับหวังหยวน ไม่คิดเลยว่าจะ
“ถึงคราวนี้แล้ว พวกเจ้ายังกล้าขู่ข้าอีกหรือ?” “พวกเจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง!”หวังหยวนเยาะเย้ย แล้วก็เหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง ชายคนหนึ่งล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นอีกคน!สีหน้าของผู้ปกป้องกฎเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วกล่าวว่า “ดี! เช่นนั้นข้าจะฆ่าภรรยาของเจ้าเดี๋ยวนี้!”พร้อมกับนั้นเขาก็ชักดาบออกมาฟันไปที่คอของว่านซิ่วเอ๋อร์!ว่านซิ่วเอ๋อร์กรีดร้องขณะหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว นางได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แล้วก็มีของเหลวเหนียวข้นกระเด็นมาโดนใบหน้าของนาง! นางใช้มือปาดออกโดยไม่รู้ตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าผู้ปกป้องกฎที่ยืนอยู่ข้างนางได้เสียชีวิตแล้ว! ใบหน้าและมือของนางเปื้อนเลือดเต็มไปหมด!หวังหยวนรีบเข้าไปหาว่านซิ่วเอ๋อร์ ปกป้องนางไว้ข้างหลังแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว ข้ามาแล้ว”ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ ไม่กล้าเอ่ยคำใดในขณะนั้น คนอื่น ๆ ในถ้ำมองหน้ากันและกำลังจะวิ่งหนี แต่ก็ได้ยินเสียงของหวังหยวนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นดุจดั่งยมทูตจากนรกหวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “หากพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็จงยืนนิ่งอยู่กับที่!” “ไม่เช่นนั้นข้าจะยิงพวกเจ้าให้ตายด้วยกระสุนคนละนัด!”ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก พวก
ในชั่วพริบตา หวังหยวนก็เข้าใจและมั่นใจในความคิดของตนเองแล้วพรรคทมิฬมีจุดมุ่งหมายอื่น ไม่เพียงแต่แทรกซึมเข้ามาในดินแดนของเขาเท่านั้น แต่ยังโจมตีไป๋ชิงชางด้วย! ดูเหมือนว่าดินแดนทั้งเก้าคงไม่มีวันสงบสุข!“พวกข้าพูดไปหมดแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่รู้เลย…” “ท่านขอรับ โปรดเมตตาพวกข้าได้หรือไม่ขอรับ?” “ต่อไปพวกข้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านอีก!”คนพวกนั้นพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เจ้าว่าอย่างไร?”หวังหยวนไม่ได้ตอบทันที แต่หันไปมองว่านซิ่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังว่านซิ่วเอ๋อร์ดูเหมือนลูกแมวที่กำลังตกใจกลัว นางกลืนน้ำลายแล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “สามี เมื่อครู่คนพวกนั้นจะย่ำยีข้า หากไม่ใช่เพราะผู้ปกป้องกฎขัดขวาง พวกเขาก็คงทำสำเร็จ…” “ดังนั้นท่านคงเข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”คนเหล่านั้นหน้าซีดเผือด ไม่ใช่แค่หวังหยวนเข้าใจสิ่งที่ว่านซิ่วเอ๋อร์จะสื่อ แต่พวกเขาก็เข้าใจเช่นกัน! นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องตาย!ในวินาทีต่อมา สีหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนไป เขายกมือขึ้นเหนี่ยวไกปืนทันใด!เสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง คนเหล่านั้นล้มลงจนหมด! ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาทำตัวชั่วช้าเองยิ่งไปกว
หวังหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วหันไปมองต่งอวี่“คนพวกนี้มาจากพรรคทมิฬ” “เจ้ารีบติดต่อเกาเล่อ แล้วแจ้งเขาว่าพวกนี้เตรียมจะลงมือโจมตีว่านเชียนซาน!” “ให้เขาเตรียมตัวไว้ให้ดี” “ตอนนี้ข้าไม่อยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง ทุกอย่างต้องให้เขาและต้าหู่ดูแล”ต่งอวี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า “พี่หยวนวางใจเถิดขอรับ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน!”ในชั่วพริบตา หวังหยวนและคณะก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมแล้ว ขณะนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธอยู่ในห้อง เมื่อหวังหยวนเปิดประตู ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน แต่ไม่กล้าสบตาหวังหยวน เพราะพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของหวังหยวนแล้ว เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว หวังหยวนนั้นสูงส่งกว่าราวฟ้ากับเหว! เมื่อนึกถึงท่าทีที่พวกเขามีต่อหวังหยวนก่อนหน้านี้ และเรื่องที่ภรรยาของหวังหยวนหายตัวไปเพราะพวกเขา พวกเขาก็หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง! เพราะหากหวังหยวนต้องการชีวิตของพวกเขา เพียงแค่สั่งการคำเดียว พวกเขาก็จะตายในทันที…“ซิ่วเอ๋อร์ เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถิด”ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินออกจากห้องไปสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกสองคนก็ตามนางไปด้วย เพราะว่านซิ่วเอ๋อร์หายตั
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห