ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พูดกับไป๋ฝูซานด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “แม่ทัพไป๋ ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากในระยะไกล และยังมีเสียงม้าวิ่งมาอีกด้วย...”รองแม่ทัพยิ่งพูด สีหน้าก็ยิ่งตื่นตระหนกออกมาอย่างชัดเจน!จู่ ๆ เขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หายใจหอบถี่ สีหน้าไม่เชื่อพลันเปลี่ยนเป็นตกใจมากในทันที!ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความตกใจ จากนั้นพูดด้วยสีหน้าหวาดผวาอย่างมาก “ข้า... จบแล้วขอรับ แม่ทัพไป๋ ดูเหมือนว่ากองหนุนของเซิ่งฟางฉยงจะมาแล้วกระมัง?”เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไป๋ฝูซานในเวลานี้ก็มีสีหน้าไม่เชื่อ!เขาตกใจจนพูดไม่ออก รู้สึกหายใจไม่ทัน สีหน้ากังวลและตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง!“แย่แล้ว รีบถอย รีบถอยทัพ!”เสียงตะโกนดังขึ้นทีละเสียงในทันที!เหล่าทหารที่อยู่ข้าง ๆ ก็ราวกับจะคลุ้มคลั่งเหมือนกับคนบ้า!พวกเขาวิ่งถอยทัพไปอย่างบ้าคลั่งทีละคน เซิ่งฟางฉยงมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาตะโกนบอกเหล่าทหารที่อยู่ข้างหลังอย่างบ้าคลั่ง “เหล่าทหารทั้งหลาย!”“พวกเจ้าจงดูเถิด คนกลุ่มนี้พ่ายแพ้ให้กับเราทีละคนแล้ว ตอนนี้เราควรจะไล่สังหารพวกขยะเหล่านี้ให้สิ้นซาก
“ท่านแม่ทัพไป๋พ่ายแพ้ศึกแล้ว บัดนี้ได้ถอยทัพกลับมายังเฉิงโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก!”ทหารผู้นั้นรีบรายงานด้วยเสียงอันแผ่วเบา“อะไรนะ?”ไป๋ชิงชางเบิกตากว้างด้วยความตกใจในทันที มืออ่อนแรงจนถ้วยชาในมือหลุดร่วงลงพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ!“เป็นไปไม่ได้! เจ้าโกหกใช่หรือไม่!”การสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ ทำให้ไป๋ชิงชางไม่อาจรับได้ แม้ว่าจะได้เป็นฮ่องเต้แล้ว แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง จึงควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้!เขาเดินตรงไปหาทหารคนนั้นในทันที คว้าคอเสื้อทหารผู้นั้นไว้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ความโกรธในใจยิ่งเพิ่งขึ้นถึงขีดสุด!“ไป๋ฝูซานมีทหารกล้าในมือถึงหนึ่งแสนนาย! ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นเสาหลักของชาติ! ครั้งนี้เราได้ระดมพลทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อกำจัดต้าเย่! เพื่อให้ต้าเป่ยของเราได้ครอบครองแผ่นดินเก้าแคว้น!”“และก่อนที่จะออกเดินทาง ไป๋ฝูซานได้สาบานกับข้าแล้วว่าจะต้องสำเร็จ! ไม่มีทางที่จะผิดพลาดได้! จะต้องขยายอาณาเขตจากศึกครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน!”“เจ้าคงเป็นไส้ศึกของศัตรู แกล้งมาปั่นป่วนเพื่อทำให้จิตใจของข้าหวาดหวั่นเป็นแน่! เ
มีคำกล่าวว่าการอยู่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจก็เสมือนอยู่ใกล้เสือ ซึ่งเป็นความจริง เพราะหากพูดผิดแม้เพียงคำเดียว ต่อให้สิ่งที่พูดเป็นความจริง ก็อาจจะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง…เมื่อทุกคนได้ออกไปแล้ว ประตูก็ถูกปิดลง ไป๋ชิงชางเดินไปที่ด้านหลังห้อง สายตาจับจ้องไปยังชายชราหลังค่อมคนนั้นชายผู้นั้นถือไม้เท้าในมือ แม้ว่าใบหน้าจะไม่มีริ้วรอยมากนัก แต่กลับมีผมขาวโพลนเต็มศีรษะ“ครั้งนี้ท่านทำเรื่องที่หุนหันพลันแล่นเกินไป”“ข้าเห็นว่าท่านคิดจะลงโทษไป๋ฝูซานใช่หรือไม่?”ชายหลังค่อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับไม่ได้กำลังพูดกับฮ่องเต้ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดยังแฝงไว้ด้วยการเย้ยหยันอย่างชัดเจน สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างปิดไม่มิด ในใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนกันที่กล้าพูดเช่นนี้กับฮ่องเต้?แต่ที่น่าขันก็คือ ไป๋ชิงชางกลับแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าเขา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ต้องกดความโกรธไว้ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งจึงกล่าวเสียงทุ้มว่า “แต่ก่อนที่ไป๋ฝูซานจะออกเดินทาง เขาได้ให้คำมั่นกับข้าแล้ว!”“หากครั้งนี้ไม่สามารถยึดครองดินแดนสามแคว้นของต้าเย่ได้ เขาจะต้องสละหัวของตัวเอง!”“ตอนนี้เขาเพิ่งเดิ
บัดนี้ ณ ดินแดนเฉิงโจว ในค่ายทัพใหญ่แห่งต้าเย่เสียงหัวเราะรื่นเริงดังก้องไปทั่วทั้งค่ายทหาร เหล่าทหารทั้งหลายต่างร้องรำทำเพลง กลิ่นหอมของสุราและอาหารคละคลุ้งไปทั่วทั้งค่าย!เซิ่งฟางฉยงและอู๋หลิงนั่งอยู่ด้วยกันในกระโจมใหญ่ของกองทัพ บัดนี้กำลังดื่มสุราสนทนากันอย่างมีความสุข“ขุนพลอู๋! หากไม่ใช่ว่าท่านนำกองหนุนมาช่วยเหลือทันท่วงที เกรงว่าข้าคงพ่ายแพ้ย่อยยับอยู่ที่นี่แล้ว...”“เกียรติยศที่สั่งสมมาทั้งชีวิตคงพังทลายหมดสิ้น!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น แผ่นดินต้าเย่คงตกไปอยู่ในมือผู้อื่น!”“ดังนั้น คราวนี้ท่านมีความดีความชอบอย่างยิ่ง เมื่อถึงคราวถอนทัพ ข้าจะไปทูลขอพระราชทานรางวัลให้ท่านด้วยตนเอง! จะตอบแทนท่านให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยที่ท่านได้บุกบั่นมาไกลเช่นนี้!”เซิ่งฟางฉยงกล่าวออกมาพลางยกจอกสุราในมือขึ้นดื่มรวดเดียวบัดนี้เขารู้สึกปลื้มปีติอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนครั้งนี้ถือเป็นการศึกครั้งใหญ่ที่ได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ไม่เพียงแต่ทำให้ไป๋ฝูซานต้องล่าถอยไปเท่านั้น แต่ยังได้สังหารทหารต้าเป่ยไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการกระตุ้นขวัญกำลังใจของทหารในกองทัพเป็นอย่างมาก!ในสงครา
เมื่อมองออกไป สี่ด้านล้วนล้อมรอบด้วยภูเขา ขณะที่กองทัพของไป๋ฝูซานได้ยึดครองยอดเขาที่สูงที่สุดแล้ว จากตำแหน่งที่สูงมองลงมา สถานการณ์รอบด้านก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของพวกเขา เป็นแนวป้องกันที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!“ได้สำรวจความสูญเสียของกองทัพแล้วหรือยัง?”เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ไป๋ฝูซานก็เอ่ยถามอย่างเย็นชา โดยไม่หันกลับไปมองคำกล่าวที่ว่าทัพพ่ายแพ้ดุจภูเขาถล่มนั้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของกองทัพอย่างมากเท่านั้น แต่ยังทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหมองหม่น!เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นขุนพลผู้ไร้พ่ายแพ้ของต้าเป่ยมานานหลายปี ไม่ว่าจะรบในแนวหน้าหรือแนวหลังก็ไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เขามีความกล้าหาญชาญชัยมาโดยตลอด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บัดนี้เขาอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ไป๋ชิงชางก็ยังคงมอบหมายภารกิจสำคัญให้เขา!น่าเสียดายที่...เดิมทีคิดว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะมีคนอย่างเฉิงเหย่าจินโผล่มาจากไหน อู๋หลิงแกล้งทำเป็นจะโจมตี แต่กลับนำกองทัพมาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว จึงทำให้ชัยชนะพลิกไปทางเซิ่งฟางฉยง!ไม่เช่นนั้น หากมีเพียงเซิ่งฟางฉยงคนเดียว
“เหล่าขุนพลทั้งหลาย ข้าเชื่อว่าทุกคนคงรับทราบสถานการณ์อันเลวร้ายในเวลานี้แล้วกระมัง?”“บัดนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว หากถอยทัพกลับไปในเวลานี้ จะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง! เมื่อเราได้ปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้แล้ว เราก็ต้องทวงเกียรติยศของเราคืนมาให้ได้!”“ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีความมั่นใจเพียงใด?”ไป๋ฝูซานกล่าวปลุกใจเหล่าขุนพลทั้งหลาย!ไม่ว่าในยามใด ขวัญกำลังใจย่อมสำคัญยิ่ง!พวกเขาอาจพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ แต่ก็ต้องรู้จักละอายใจและพยายามอย่างเต็มที่ ในอนาคตเมื่อเตรียมพร้อมยิ่งขึ้น ย่อมจะทวงคืนชัยชนะกลับคืนมาให้ได้!“มั่นใจยิ่งนัก!”เหล่าแม่ทัพต่างเปล่งเสียงพร้อมเพรียงกัน ขณะที่เหล่าทหารก็ส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง!บรรยากาศเต็มไปด้วยความฮึกเหิมไป๋ฝูซานยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาเดินไปยังเบื้องหน้าของเหล่าแม่ทัพแล้วกล่าวต่อ“ข้ารู้ดีว่าทุกคนล้วนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ในเมื่อมันเกิดเรื่องเช่นนี้แล้ว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่พวกเราต้องการเห็น แต่มันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญหน้า”“และบัดนี้ที่เราเพิ่งพ่ายแพ้มา เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกลอบมาโจมตีเรา!”“เหล่าขุน
ตั้งแต่ที่หวังหยวนกลับมาจากซานไว่ซานและเทียนไว่เทียน เขาก็ค่อย ๆ เข้าใจความจริงข้อหนึ่งอย่างชัดเจนว่า หากต้องการยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนทั้งเก้าอย่างแท้จริง จำเป็นต้องมีแสนยานุภาพที่เหนือกว่า!เมื่อถึงจุดนั้น เขาจึงจะสามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้!และจะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวที่แท้จริง!“แล้วต่อไปนี้เราต้องทำอย่างไรขอรับ?”“บัดนี้ทั้งสองฝ่ายได้ตัดสินแพ้ชนะแล้ว หรือว่าท่านยังต้องการชมละครอยู่ที่นี่ต่อ?”เกาเล่อหันไปมองหวังหยวน รอคอยคำตอบจากเขา“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน...”หวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขายิ่งกว้างขึ้น จากนั้นจึงยกถ้วยชาขึ้นจิบเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ“แม้ว่าไป๋ฝูซานจะพ่ายแพ้แล้ว แต่บัดนี้ยังคงไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครจะได้ชัยชนะในท้ายที่สุด”“ไป๋ฝูซานไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ได้โดยง่าย และข้ารู้จักตระกูลไป๋ดี พวกเขาสูญเสียไพร่พลไปมากมายเช่นนี้ คงจะต้องใช้ไพ่ตายแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้เห็นว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง ที่พวกเขาพึ่งพาอยู่”“นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของเรา”บัดนี้ต้าเย่และต้าเป่ยได้เปิดฉากทำสงครามกันอย่างเปิดเผย ประกอบกับที่ต้าเป่ยเ
“เห็นได้ชัดว่ามีกลอุบายแอบแฝงอยู่ในนี้...”“ไป๋ฝูซานจะไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้แน่นอน โดยเฉพาะการที่เขายังไม่ได้นำกองทัพหลักของตนกลับไป ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีเจตนาจะโต้กลับ!”“ดังนั้นเราจึงต้องระวังไว้!”เซิ่งฟางฉยงโยนจอกสุราในมือทิ้งไปด้านหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นโดยปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่ชอบดื่มสุราสนุกสนาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงกลอุบายของเขาเท่านั้น แต่ทว่าไป๋ฝูซานกลับไม่ติดกับดัก ซึ่งทำให้เขาต้องลำบากใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี“หรือเราจะนำกองทัพบุกไปโจมตีไป๋ฝูซานโดยตรงเสียเลยขอรับ?”“ตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่ในภูเขารกร้างแห่งหนึ่ง ดังนั้นจึงยังคงมีกองทัพของเขาอยู่รอบ ๆ แต่จำนวนของเรามีมากกว่าอย่างแน่นอน!”“ดังนั้นสงครามครั้งนี้เราจะต้องชนะขอรับ!”รองขุนพลรีบเอ่ยขึ้นทหารคนอื่น ๆ ต่างก็พากันเห็นด้วยความคิดของพวกเขาทั้งหมดเกือบจะเหมือนกัน นั่นคือต้องสังหารไป๋ฝูซานโดยเร็วที่สุด หรือขับไล่กองทัพต้าเป่ยออกจากเขตเฉิงโจว!เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ยิ่งไปกว่านั้น การแก้แค้นก็เป็นเหตุผลสำคัญเช่นกัน!เพราะเมื่อไป๋ฝูซานได้เปรียบ เขาช่างเย่อหยิ่งเสียเ
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“