ดวงตาของไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาเฝ้ามองเซิ่งฟางฉยงที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แสยะยิ้มเยาะอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยปากเสียดสีว่า “เซิ่งฟางฉยง เจ้าคิดจริงหรือว่าเจ้าคู่ควรพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้?”“ฮ่าฮ่า ช่างน่าขัน ช่างน่าขันยิ่งนัก”“ขยะอย่างเจ้าสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ในความฝันเท่านั้น หากเจ้ามีความสามารถจริงและกล้าที่จะประลองกับข้าก็จงลองดูเถิด ข้าจะสนองให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือความโหดเหี้ยมที่แท้จริง!”หลังจากที่เซิ่งฟางฉยงได้ยินคำพูดของไป๋ฝูซาน มุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันดวงตาของเขาฉายแววเย็นชา จากนั้นก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมว่า “ข้าบอกเจ้าเลยว่าคนอย่างเจ้ามีชีวิตอยู่ก็เหมือนเศษสวะ!”“ข้าสามารถกำจัดคนอย่างเจ้าได้ในพริบตาเดียว หากเจ้ากล้าล่วงเกินข้า ก็จงเตรียมตัวรอรับความตายได้เลย”“หยุดพูดเหลวไหลสักที มาเริ่มกันเถิด ตอนนี้ทุกนาทีที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็เท่ากับเป็นการเสียเวลาเปล่า!”“ขยะอย่างเจ้า ข้าฟันทีเดียวก็ตายแล้ว จะไม่ให้เจ้ามีโอกาสได้พูดอีกต่อไป!”ทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน แต่การด่าทอและการโจมตีทางวาจาก็ยังไม่ยอมหยุด!ตอนนี้ไป๋ฝ
สีหน้าของไป๋ฝูซานดูไม่สู้ดีนัก!ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว!เมื่อถูกเซิ่งฟางฉยงคอยยั่วยุเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็กลั้นความโกรธและความหงุดหงิดเอาไว้ไม่อยู่ เขาชูดาบในมือขึ้น ฟันลงไปที่ไป๋ฝูซานอย่างแรงด้วยความโกรธแค้น!“เซิ่งฟางฉยง เจ้าเฒ่าไร้ค่าปากสกปรกดีแต่พูด ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายในวันนี้!”ตอนนี้ความโกรธแค้นที่รุนแรงนับไม่ถ้วนถาโถมเข้ามาในทันที!ดวงตาของเขาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกไหม้ และโทสะที่แผ่ขยายออกไปอย่างรุนแรง!เหล่าทหารนับไม่ถ้วนต่างก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ!สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จากนั้นก็มองไป๋ฝูซานโดยไม่รู้ตัว!แต่ไป๋ฝูซานไม่ยอมแพ้ เมื่อเผชิญกับการดูถูกและการยั่วยุของเซิ่งฟางฉยง เขาเหมือนกับทนกินดินปืนไปหลายจิน พร้อมที่จะระเบิดความโกรธออกมา เขาเงื้อดาบในมือขึ้นมารวดเร็วด้วยความโกรธแค้นเต็มหัวใจ แล้วฟาดฟันไปที่เซิ่งฟางฉยงอย่างแรง!“อ๊ากกก!”“ฆ่ามัน!”เสียงคำรามนับไม่ถ้วนดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องกึกก้องไปทั่วในทันที!ในไม่ช้าบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยภูเขาซากศพและทะ
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พูดกับไป๋ฝูซานด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “แม่ทัพไป๋ ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากในระยะไกล และยังมีเสียงม้าวิ่งมาอีกด้วย...”รองแม่ทัพยิ่งพูด สีหน้าก็ยิ่งตื่นตระหนกออกมาอย่างชัดเจน!จู่ ๆ เขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หายใจหอบถี่ สีหน้าไม่เชื่อพลันเปลี่ยนเป็นตกใจมากในทันที!ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความตกใจ จากนั้นพูดด้วยสีหน้าหวาดผวาอย่างมาก “ข้า... จบแล้วขอรับ แม่ทัพไป๋ ดูเหมือนว่ากองหนุนของเซิ่งฟางฉยงจะมาแล้วกระมัง?”เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไป๋ฝูซานในเวลานี้ก็มีสีหน้าไม่เชื่อ!เขาตกใจจนพูดไม่ออก รู้สึกหายใจไม่ทัน สีหน้ากังวลและตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง!“แย่แล้ว รีบถอย รีบถอยทัพ!”เสียงตะโกนดังขึ้นทีละเสียงในทันที!เหล่าทหารที่อยู่ข้าง ๆ ก็ราวกับจะคลุ้มคลั่งเหมือนกับคนบ้า!พวกเขาวิ่งถอยทัพไปอย่างบ้าคลั่งทีละคน เซิ่งฟางฉยงมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาตะโกนบอกเหล่าทหารที่อยู่ข้างหลังอย่างบ้าคลั่ง “เหล่าทหารทั้งหลาย!”“พวกเจ้าจงดูเถิด คนกลุ่มนี้พ่ายแพ้ให้กับเราทีละคนแล้ว ตอนนี้เราควรจะไล่สังหารพวกขยะเหล่านี้ให้สิ้นซาก
“ท่านแม่ทัพไป๋พ่ายแพ้ศึกแล้ว บัดนี้ได้ถอยทัพกลับมายังเฉิงโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก!”ทหารผู้นั้นรีบรายงานด้วยเสียงอันแผ่วเบา“อะไรนะ?”ไป๋ชิงชางเบิกตากว้างด้วยความตกใจในทันที มืออ่อนแรงจนถ้วยชาในมือหลุดร่วงลงพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ!“เป็นไปไม่ได้! เจ้าโกหกใช่หรือไม่!”การสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ ทำให้ไป๋ชิงชางไม่อาจรับได้ แม้ว่าจะได้เป็นฮ่องเต้แล้ว แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง จึงควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้!เขาเดินตรงไปหาทหารคนนั้นในทันที คว้าคอเสื้อทหารผู้นั้นไว้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ความโกรธในใจยิ่งเพิ่งขึ้นถึงขีดสุด!“ไป๋ฝูซานมีทหารกล้าในมือถึงหนึ่งแสนนาย! ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นเสาหลักของชาติ! ครั้งนี้เราได้ระดมพลทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อกำจัดต้าเย่! เพื่อให้ต้าเป่ยของเราได้ครอบครองแผ่นดินเก้าแคว้น!”“และก่อนที่จะออกเดินทาง ไป๋ฝูซานได้สาบานกับข้าแล้วว่าจะต้องสำเร็จ! ไม่มีทางที่จะผิดพลาดได้! จะต้องขยายอาณาเขตจากศึกครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน!”“เจ้าคงเป็นไส้ศึกของศัตรู แกล้งมาปั่นป่วนเพื่อทำให้จิตใจของข้าหวาดหวั่นเป็นแน่! เ
มีคำกล่าวว่าการอยู่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจก็เสมือนอยู่ใกล้เสือ ซึ่งเป็นความจริง เพราะหากพูดผิดแม้เพียงคำเดียว ต่อให้สิ่งที่พูดเป็นความจริง ก็อาจจะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง…เมื่อทุกคนได้ออกไปแล้ว ประตูก็ถูกปิดลง ไป๋ชิงชางเดินไปที่ด้านหลังห้อง สายตาจับจ้องไปยังชายชราหลังค่อมคนนั้นชายผู้นั้นถือไม้เท้าในมือ แม้ว่าใบหน้าจะไม่มีริ้วรอยมากนัก แต่กลับมีผมขาวโพลนเต็มศีรษะ“ครั้งนี้ท่านทำเรื่องที่หุนหันพลันแล่นเกินไป”“ข้าเห็นว่าท่านคิดจะลงโทษไป๋ฝูซานใช่หรือไม่?”ชายหลังค่อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับไม่ได้กำลังพูดกับฮ่องเต้ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดยังแฝงไว้ด้วยการเย้ยหยันอย่างชัดเจน สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างปิดไม่มิด ในใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนกันที่กล้าพูดเช่นนี้กับฮ่องเต้?แต่ที่น่าขันก็คือ ไป๋ชิงชางกลับแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าเขา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ต้องกดความโกรธไว้ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งจึงกล่าวเสียงทุ้มว่า “แต่ก่อนที่ไป๋ฝูซานจะออกเดินทาง เขาได้ให้คำมั่นกับข้าแล้ว!”“หากครั้งนี้ไม่สามารถยึดครองดินแดนสามแคว้นของต้าเย่ได้ เขาจะต้องสละหัวของตัวเอง!”“ตอนนี้เขาเพิ่งเดิ
บัดนี้ ณ ดินแดนเฉิงโจว ในค่ายทัพใหญ่แห่งต้าเย่เสียงหัวเราะรื่นเริงดังก้องไปทั่วทั้งค่ายทหาร เหล่าทหารทั้งหลายต่างร้องรำทำเพลง กลิ่นหอมของสุราและอาหารคละคลุ้งไปทั่วทั้งค่าย!เซิ่งฟางฉยงและอู๋หลิงนั่งอยู่ด้วยกันในกระโจมใหญ่ของกองทัพ บัดนี้กำลังดื่มสุราสนทนากันอย่างมีความสุข“ขุนพลอู๋! หากไม่ใช่ว่าท่านนำกองหนุนมาช่วยเหลือทันท่วงที เกรงว่าข้าคงพ่ายแพ้ย่อยยับอยู่ที่นี่แล้ว...”“เกียรติยศที่สั่งสมมาทั้งชีวิตคงพังทลายหมดสิ้น!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น แผ่นดินต้าเย่คงตกไปอยู่ในมือผู้อื่น!”“ดังนั้น คราวนี้ท่านมีความดีความชอบอย่างยิ่ง เมื่อถึงคราวถอนทัพ ข้าจะไปทูลขอพระราชทานรางวัลให้ท่านด้วยตนเอง! จะตอบแทนท่านให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยที่ท่านได้บุกบั่นมาไกลเช่นนี้!”เซิ่งฟางฉยงกล่าวออกมาพลางยกจอกสุราในมือขึ้นดื่มรวดเดียวบัดนี้เขารู้สึกปลื้มปีติอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนครั้งนี้ถือเป็นการศึกครั้งใหญ่ที่ได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ไม่เพียงแต่ทำให้ไป๋ฝูซานต้องล่าถอยไปเท่านั้น แต่ยังได้สังหารทหารต้าเป่ยไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการกระตุ้นขวัญกำลังใจของทหารในกองทัพเป็นอย่างมาก!ในสงครา
เมื่อมองออกไป สี่ด้านล้วนล้อมรอบด้วยภูเขา ขณะที่กองทัพของไป๋ฝูซานได้ยึดครองยอดเขาที่สูงที่สุดแล้ว จากตำแหน่งที่สูงมองลงมา สถานการณ์รอบด้านก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของพวกเขา เป็นแนวป้องกันที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!“ได้สำรวจความสูญเสียของกองทัพแล้วหรือยัง?”เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ไป๋ฝูซานก็เอ่ยถามอย่างเย็นชา โดยไม่หันกลับไปมองคำกล่าวที่ว่าทัพพ่ายแพ้ดุจภูเขาถล่มนั้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของกองทัพอย่างมากเท่านั้น แต่ยังทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหมองหม่น!เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นขุนพลผู้ไร้พ่ายแพ้ของต้าเป่ยมานานหลายปี ไม่ว่าจะรบในแนวหน้าหรือแนวหลังก็ไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เขามีความกล้าหาญชาญชัยมาโดยตลอด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บัดนี้เขาอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ไป๋ชิงชางก็ยังคงมอบหมายภารกิจสำคัญให้เขา!น่าเสียดายที่...เดิมทีคิดว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะมีคนอย่างเฉิงเหย่าจินโผล่มาจากไหน อู๋หลิงแกล้งทำเป็นจะโจมตี แต่กลับนำกองทัพมาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว จึงทำให้ชัยชนะพลิกไปทางเซิ่งฟางฉยง!ไม่เช่นนั้น หากมีเพียงเซิ่งฟางฉยงคนเดียว
“เหล่าขุนพลทั้งหลาย ข้าเชื่อว่าทุกคนคงรับทราบสถานการณ์อันเลวร้ายในเวลานี้แล้วกระมัง?”“บัดนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว หากถอยทัพกลับไปในเวลานี้ จะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง! เมื่อเราได้ปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้แล้ว เราก็ต้องทวงเกียรติยศของเราคืนมาให้ได้!”“ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีความมั่นใจเพียงใด?”ไป๋ฝูซานกล่าวปลุกใจเหล่าขุนพลทั้งหลาย!ไม่ว่าในยามใด ขวัญกำลังใจย่อมสำคัญยิ่ง!พวกเขาอาจพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ แต่ก็ต้องรู้จักละอายใจและพยายามอย่างเต็มที่ ในอนาคตเมื่อเตรียมพร้อมยิ่งขึ้น ย่อมจะทวงคืนชัยชนะกลับคืนมาให้ได้!“มั่นใจยิ่งนัก!”เหล่าแม่ทัพต่างเปล่งเสียงพร้อมเพรียงกัน ขณะที่เหล่าทหารก็ส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง!บรรยากาศเต็มไปด้วยความฮึกเหิมไป๋ฝูซานยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาเดินไปยังเบื้องหน้าของเหล่าแม่ทัพแล้วกล่าวต่อ“ข้ารู้ดีว่าทุกคนล้วนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ในเมื่อมันเกิดเรื่องเช่นนี้แล้ว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่พวกเราต้องการเห็น แต่มันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญหน้า”“และบัดนี้ที่เราเพิ่งพ่ายแพ้มา เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกลอบมาโจมตีเรา!”“เหล่าขุน