แววตาของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยความมืดมน เขาพูดอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า “ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าข้าพูดอะไร เรื่องนี้ก็เหมือนกับว่าข้าไม่เคยพูดเลยก็แล้วกัน”แววตาของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาจ้องมองไป๋ฝูซานตรงหน้าด้วยสีหน้าเหมือนจะบอกว่า “ตามใจเจ้าเถิด” แล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้มอีกครั้งว่า “เจ้าไม่ต้องการโจมตีพวกข้าหรือ ในเมื่อเจ้าคิดจะทำ ก็รีบลงมือทำเสียเถิด”สีหน้าของไป๋ฝูซานเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเขาหรี่ตาลงมองเซิ่งตงฉยงด้วยความระแวง แล้วถามอย่างสงสัยว่า “อะไรกัน เจ้ารีบร้อนขนาดนั้นแล้วหรือ?”“ใช่”เซิ่งตงฉยงหัวเราะเสียงดังกึกก้อง เขาสูดหายใจแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าที่เหลือแต่ทหารขี้แพ้ จะสามารถเอาชนะทหารในค่ายของข้าได้อย่างไร”เมื่อเซิ่งตงฉยงพูดไปได้ครึ่งประโยค ก็เหลือบมองไปรอบ ๆ อย่างจงใจแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มใจ จากนั้นกล่าวอย่างจริงจังทีละคำว่า “ความจริงแล้วมีบางเรื่องที่ข้าอยากถามเจ้า”“หืม?”ไป๋ฝูซานได้ยินคำพูดของเซิ่งตงฉยงก็หรี่ตาลงแล้วยกยิ้มอย่างเย็นชาแววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ยังกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถามมาเถิด ข้าอยากรู้
“เล่ห์เหลี่ยมชั่วร้ายกระนั้นหรือ?”ไป๋ฝูซานอดหัวเราะเยาะไม่ได้ เขาหรี่ตาลง แววตาอันตรายยิ่งนักจ้องมองไปยังเซิ่งฟางฉยงเบื้องหน้า พลางกอดอกพูดจาเสียดสีเย้ยหยัน “ขุนพลเซิ่ง ข้าว่าเจ้าควรระมัดระวังคำพูดของเจ้าสักหน่อย”“ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ไม่อาจล่วงรู้ได้”คำพูดเยาะเย้ยของไป๋ฝูซานทำให้สีหน้าของเซิ่งฟางฉยงเย็นชาลงในทันใดเขาแค่นหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเย้ยหยัน ก่อนเอ่ยปากพูดเหน็บแนม “ไป๋ฝูซาน เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรที่จะพูดเช่นนี้กับข้ากระนั้นหรือ?”“ต่อหน้าคนทรยศเจ้าเล่ห์เช่นเจ้า ข้าจำต้องเตรียมการทุกวิถีทางที่ทำได้!”คำพูดของเซิ่งฟางฉยงกล่าวไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดลง เขาก็หัวเราะเยาะพร้อมกับพูดต่ออย่างประชดประชันว่า “แล้วใครจะรู้ได้ว่าลิงน้ำอย่างเจ้าจะใช้กลอุบายชั่วช้าใดจัดการข้า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของไป๋ฝูซานก็มืดมนลงในทันทีลมหายใจของเขาเริ่มถี่รัวขึ้น สีหน้ามืดมนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นแววตาของไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม ความดูแคลนฉายชัดในแววตาของเขาเขาแค่นหัวเราะก่อนพูดเสียดสี “เซิ่งฟางฉยง หากเจ้าเตรียมการไว้พร้อมแล้วก็คงไม่ต้องมาประจันหน้ากั
“อะไรนะ?”ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อได้ยินเซิ่งฟางฉยงพูดเช่นนี้ ใจของไป๋ฝูซานก็เต้นรัวในทันทีดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววตาแห่งความไม่เชื่อ สีหน้าแปลกใจก็ปรากฏขึ้นในทันทีตาแก่คนนี้รู้ความคิดในใจของเขาได้อย่างไร?ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับเซิ่งฟางฉยงอย่างจริงจัง แต่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากทางด้านหลังเป็นหลักแต่เซิ่งฟางฉยงกลับดูเหมือนจะไม่ติดกับดักของเขาเขายังคงยืนอยู่ในค่ายทหารอย่างสงบนิ่ง แม้ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไม่มีท่าทีว่าจะจากไป!ท้ายที่สุดแล้ว คนของเขามีจำนวนน้อยกว่าพวกเขา จะสู้กันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลยไป๋ฝูซานมองเซิ่งฟางฉยงด้วยสายตาเย็นชา เดิมทีเขาเตรียมไว้ว่าหากได้รับข่าวว่ากองกำลังด้านหลังเผาเสบียงไปแล้ว เขาก็จะไม่ลังเลที่จะลงมือกวาดล้างเซิ่งฟางฉยง!แต่ตอนนี้เซิ่งฟางฉยงเจ้าเล่ห์คนนี้ดูเหมือนจะล่วงรู้บางสิ่งบางอย่างแล้วในขณะนี้ไป๋ฝูซานรู้สึกหมดความมั่นใจในทันทีหากแผนการของเขาถูกเปิดโปงแล้วจริง ๆ ในเวลานั้น สถานการณ์จะต้องกลายเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน ตาแก่คนนี้จะต้องคิดหาวิธีต่าง ๆ เพื่อต่อต้านเป็นแน่!เมื่อคิดเช่นนี้ ไป๋ฝูซานก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป!ตอน
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้คนที่อยู่เบื้องหลัง เขาได้วางสายลับไว้พร้อมสรรพแล้ว!เพียงแต่การที่ไป๋ฝูซานพาทหารกว่าพันนายมาตะโกนท้าทายต่อหน้าเขาเช่นนี้ ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติเขาเลยแววตาของเซิ่งฟางฉยงวาววับด้วยประกายอันเฉียบคมเขาเหลือบมองไป๋ฝูซานที่อยู่ไกลออกไปอย่างเย็นชา มุมปากเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ อีกครั้งว่า “อย่าได้คิดว่าผู้อื่นเป็นคนโง่ กลอุบายเล็ก ๆ น้อยของเจ้า ข้าล้วนรู้ดี”แววตาของเซิ่งฟางฉยงแฝงไปด้วยความมืดมน เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “หากต้องการรบก็รบเลยเถิด!”“เซิ่งฟางฉยงอย่างข้า จะกลัวเจ้าคนทรยศเช่นเจ้าหรือ ช่างน่าขันนัก อย่าว่าแต่ข้ามีไพร่พลน้อยกว่าเจ้าเลย แม้ข้าจะไม่มีไพร่พลเลยสักคน หากเจ้าหมาแก่ไป๋ตัวนี้ต้องการรบกับข้า ข้าก็จะสู้จนถึงที่สุด!”เมื่อคำพูดนั้นจบลง สายลมก็พัดแรงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ!รัศมีอันทรงพลังแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง!รัศมีของเซิ่งฟางฉยงทำให้หัวใจของไป๋ฝูซานเต้นรัว ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัด ใบหน้าของเขาแสดงถึงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน เขาคิดโดยไม่รู้ตัวว่าเซิ่งฟางฉยงมีรัศมีที่น่ากลัวมาก“อะแฮ่ม”ไป๋ฝูซานกระแอมออกมาด้วยความประหม่า เขาพยายามกลั
“เอ๊ะ?”แววตาของเซิ่งฟางฉยงเย็นชาลงทันที เริ่มหายใจถี่ขึ้นขณะจ้องไป๋ฝูซานอย่างโกรธจัด ความโกรธในใจของเขาระเบิดออกอย่างรุนแรง!“รองขุนพลหลิน เตรียมไพร่พลทั้งหมดให้พร้อมเดี๋ยวนี้!”เซิ่งฟางฉยงลดเสียงพูดกับรองขุนพลที่ยืนอยู่ด้านข้าง เสียงของเขาเบาเหมือนเสียงยุงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เซิ่งฟางฉยงก็ไม่ลังเล รีบพยักหน้าทันที!เขาตอบตกลงโดยไม่ลังเล สีหน้าโกรธจัด แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!ไม่นานนักรองขุนพลก็เตรียมไพร่พลไว้พร้อมแล้ว!เมื่อไป๋ฝูซานเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีคนมากมาย เขาก็รู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะพูดเสียงเบาว่า “แล้วไพร่พลของเราล่ะ อีกนานแค่ไหนพวกเขาจะมาถึงที่นี่?”รองขุนพลข้างกายไป๋ฝูซานกลืนน้ำลายอย่างกังวล แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “คิดดูแล้วเวลานี้ควรจะมาถึงแล้ว เหตุใดไม่มีใครมาเลย หรือว่ามีคนตั้งใจเล่นตลกกับเรา?”หลังจากคำพูดนี้สิ้นสุดลง ไป๋ฝูซานก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแววตาของเขาแฝงไปด้วยความระมัดระวังและความไม่สงบ เขาคิดว่าจะถอยทัพ แต่เหตุการณ์ที่ไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้นนี้กลับปรากฏอยู่ในสายตาของเซิ่งฟางฉยงทันทีดวงตาของเซิ่งฟ
คำพูดของไป๋ฝูซานทำให้สีหน้าของเซิ่งฟางฉยงเปลี่ยนไปในทันทีดวงตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยมดุดัน กำมือแน่นจนส่งเสียงดังกร๊อบ ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดมนเซิ่งฟางฉยงอดไม่ได้ที่จะถามเย้ย “งั้นหรือ?”“ไป๋ฝูซาน เจ้าคงไม่ได้คิดจริง ๆ ใช่หรือไม่ว่าด้วยพวกขยะข้างหลังเจ้าจะจัดการพวกข้าได้อย่างง่ายดาย?”สีหน้าของเซิ่งฟางฉยงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเยาะที่เต็มไปด้วยความดูถูกดวงตาของเขาฉายแววโกรธเคือง ขณะพูดจาเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ไม่รู้ว่าใครสั่งสอนให้เจ้าบังอาจพูดกับข้าเช่นนี้?”หลังจากคำพูดนั้น ดวงตาของไป๋ฝูซานก็โหดเหี้ยมในทันทีเขาหายใจถี่รัว ความโกรธเกรี้ยวพลันปรากฏบนใบหน้า!“ฮึ่ม!”น้ำเสียงของไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความดูถูกเขาหัวเราะอย่างเย็นชาไม่ต่างจากใบหน้า “แท้จริงแล้วข้าคิดเรื่องนี้มานานแล้ว”“ในเมื่อเจ้าดูถูกพวกข้าเช่นนี้ เช่นนั้นเราลองมาประลองกันดูดีกว่า ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ!”เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้นอย่างเย็นยะเยือก!ขณะนี้ไป๋ฝูซานมีใบหน้าที่มืดมน แววโกรธเกรี้ยวในดวงตาปรากฏชัดในทันที!ด้วยคำสั่งของไป๋ฝูซาน ทหารม้าเกราะเหล็กนับไม่ถ้วนก็กระโจนเข้ามาด้วยเสียงดังกึกก้อง พุ่งเข้ามาห
หากไม่รีบสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาอย่างรุนแรง ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง!ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ เซิ่งฟางฉยงก็ยิ่งทนรอไม่ไหวลมหายใจของเขาเริ่มถี่ขึ้นอีกครา สีหน้าเย็นชาเริ่มปรากฏขึ้นอีก!“ดี ข้าเห็นพวกเจ้าแต่ละคนก็แทบจะรอไม่ไหวแล้ว!”ดวงตาของเซิ่งฟางฉยงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่เย็นชาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง “ไป๋ฝูซาน วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าอะไรคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง!”หลังจากพูดจบ ตอนนี้ความโกรธของเซิ่งฟางฉยงก็ระเบิดออกมาบนใบหน้าทันที!เขาแทบจะระงับความโกรธในใจของตัวเองไม่อยู่แล้ว เขากล่าวด้วยสีหน้าดุดันว่า “ข้าบอกเลยว่าวันนี้เจ้าต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”ทันทีที่เซิ่งฟางฉยงออกคำสั่ง ในวินาทีถัดมา เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!เสียงฝีเท้ามากมายระคนเสียงโห่ร้องดุดันดังก้องไปทั่วฟ้า!เปลวไฟแห่งสงครามโหมกระหน่ำ!เดิมทีไป๋ฝูซานไม่ต้องการสู้ในสงครามนี้ แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องลงมือแล้ว!ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด ลูกธนูมากมายพุ่งว่อนไปทั่ว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งสงคราม ควันจากเขม่าลอยฟุ้ง ในเวล
ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าเพราะเหตุใด ความรู้สึกถึงวิกฤตที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจึงโถมล้อมตัวเขาโดยพลัน!ไป๋ฝูซานหายใจไม่ทั่วท้อง สีหน้าตึงเครียดวิตกกังวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสานสายตากับเซิ่งฟางฉยง ความโหดเหี้ยมและอาฆาตในดวงตาคู่คมกริบนั้นทำให้ลมหายใจของเขาติดขัด หัวใจก็สั่นระรัว!บัดซบ!คนชาติชั่วคนนี้มีกลอุบายอันแยบยลซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า!ยิ่งข้าประสานสายตากับเซิ่งฟางฉยงมากเท่าใด ความมั่นใจในใจของเขาก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นเท่านั้น!ความหวาดกลัวคุกคามโหมกระหน่ำเข้ามา!หัวใจของไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความกระวนกระวายเขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับความโกรธแค้นที่อยู่ในใจลง แล้วคำรามด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “ฮ่าฮ่า เซิ่งฟางฉยง เจ้าหมาแก่ คงจะแกล้งขู่ข้าอยู่สินะ!”“เจ้ารู้ดีว่าเมื่อใดที่เจ้าจ้องมองข้าเช่นนี้ ข้าก็อาจคิดมากไป เจ้าคงจงใจใช้กลอุบายชั่วร้ายเช่นนี้ข่มขู่ให้ข้าหวาดกลัว เพื่อบั่นทอนขวัญกำลังใจของพวกข้า!”ดวงตาของไป๋ฝูซานแฝงไปด้วยความอาฆาต เขากำดาบยาวในมือแน่นราวกับจะบดขยี้ให้แหลกละเอียด อยากจะพุ่งเข้าไปในค่ายข้าศึกโดยพลัน แล้วคว้าศีรษะของเซิ่งฟางฉยงมาไว้ในกำมือ!“เซิ่งฟาง