หลังจากที่ขุนพลนายหนึ่งสบประมาทต้าหู่แล้ว จากนั้นเขาก็พาทหารจากไปต้าหู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรีบไปสำรวจประตูเมืองเขาได้ตรวจสอบประตูเมืองทั้งสี่ทิศแล้ว พบว่ามีเพียงประตูเมืองทิศตะวันตกเท่านั้นที่มีกำลังพลเฝ้าอยู่น้อยกว่าประตูเมืองอื่น ๆหลังจากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้าหู่ก็กลับมาที่ร้านหม้อไฟ แล้วเปิดประตูห้องเตรียมรายงานเรื่องนี้ให้หวังหยวนทราบแต่ใครจะรู้ว่าเมื่อหวังหยวนเห็นเขา ใบหน้าของหวังหยวนจะเต็มไปด้วยความตกใจจนถึงกับรินน้ำในมือล้นออกมานอกถ้วย“ต้าหู่ ข้าแค่ให้เจ้าออกไปสืบหาข้อมูล เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเหมือนกับคนที่อดอยากมาหลายสิบวัน แถมยังเหมือนกับไปต่อสู้กับคนอื่นมาอีก?”น้ำร้อนราดไปที่มือของหวังหยวน ทำให้เขาเพิ่งจะรู้สึกตัว จึงรีบสอบถามต้าหู่ว่าเกิดอะไรขึ้นต้าหู่เกาหัวด้วยความอับอาย จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หวังหยวนฟัง“เป็นอย่างนี้เอง แล้วเจ้าพบอะไรบ้าง?”“พี่หยวน ข้าได้ตรวจสอบประตูเมืองทั้งสี่ทิศแล้ว มีเพียงประตูเมืองทิศตะวันตกเท่านั้นที่มีกำลังพลเฝ้าอยู่น้อยกว่าประตูอื่น พวกเราบุกฝ่าออกไปทางนั้นในคืนนี้ดีกว่าขอรับ!”เมื่อได้ยินคำพูดของต้าห
ในที่สุดเสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่นจากภายนอก ก็ดึงดูดความสนใจของผู้รักษาประตูเมืองที่กำลังหลับใหลอยู่ภายใน“เสียงอะไรนั่น?” “ท่านองครักษ์ ไม่ดีแล้วขอรับ ข้างนอกมีพวกจอมยุทธ์โผล่มาจากไหนไม่รู้ พวกเราใกล้จะถูกฆ่าหมดแล้ว!”ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากภายนอกในสภาพสะบักสะบอม ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้รักษาประตูเมืองตกใจกลัวอย่างมากเขาไม่สนใจแม้แต่จะสวมเสื้อผ้าของตัวเอง หยิบของแล้วเตรียมจะหนี เงินเหล่านี้จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือใคร!ขณะที่เขากำลังหันหลังกลับไปหยิบเงิน หวังหยวนก็พุ่งเข้ามาในห้องแล้วใช้กระบองจัดการทหารที่เพิ่งเข้ามา จากนั้นก็มองเขาด้วยสายตาเย็นชา“ท่านจอมยุทธ์ช่วยชีวิตข้าด้วย ข้าไม่เคยทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อแผ่นดินเลย แค่มาทำงานเป็นข้าหลวงที่นี่เท่านั้น ขอท่านจอมยุทธ์ช่วยไว้ชีวิตข้าด้วยขอรับ!”เมื่อผู้รักษาประตูเมืองรีบก้มลงกราบขอความเมตตา หลังจากที่เห็นว่าทหารคนนั้นถูกหวังหยวนฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย“ท่านจอมยุทธ์! ข้าจะปล่อยท่านออกไปเดี๋ยวนี้ จะเปิดประตูเมืองให้เลย ขอท่านจอมยุทธ์เมตตาชีวิตข้าด้วย ข้ามีทั้งพ่อแ
หวังหยวนมองต้าหู่ เอ้อหู่ และเกาเล่อ แล้วบอกให้พวกเขารีบกลับไปพักผ่อนจากนั้นก็ให้นักพรตชิงอี เชียนหลงกับไป๋เฟยเฟยตามเขาไปไป๋เฟยเฟยและเชียนหลงเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ด้วยกันภรรยาสามคนของหวังหยวนรีบมารออยู่ที่นี่ตั้งแต่ได้รับข่าว เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไปในที่สุดพวกนางก็ได้เห็นหวังหยวนกลับมา“คุณชาย ท่านกลับมาแล้ว เฟยเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ให้ข้าทำอะไรให้เจ้ากินก่อนหรือไม่?” เดิมทีสายตาของหลี่ซื่อหานจับจ้องอยู่ที่หวังหยวน แต่เมื่อเห็นไป๋เฟยเฟยที่พวกเขาเพิ่งช่วยมาดูอ่อนล้าและโศกเศร้าก็อดสงสารไม่ได้ภรรยาทั้งสามมารวมตัวกันอยู่ข้าง ๆ ไป๋เฟยเฟย“พวกเจ้าพาเฟยเฟยไปพักผ่อนก่อน พี่ชิงอี เชียนหลงอยู่ที่นี่ก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดคุย” หวังหยวนกล่าวหลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ภรรยาทั้งสามของเขาก็พาไป๋เฟยเฟยออกไปจากที่นี่ จากนั้นในห้องใหญ่เหลือเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น“หวังหยวน เจ้ามีอะไรจะพูดกับเราหรือ เจ้าคิดออกแล้วหรือว่าจะทำอย่างไรต่อไป?”“พี่ชิงอี ต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก ข้ารู้ว่าการดึงท่านเข้ามาโดยพลการ เพื่อให้ท่านเข้าร่วมการต่อสู้เป็นเรื่องที่ไม่สุภาพ แ
“ทางต้าเย่มีความเคลื่อนไหวใดบ้าง?”“พี่หยวน ขณะนี้ทางต้าเย่ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยขอรับ”หวังหยวนรู้สึกสงสัย ทั้งสองอาณาจักรกำลังจะเปิดศึกกัน ต้าเย่จะเฉยเมยได้อย่างไร?ดูเหมือนจะมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ และแม้แต่เกาเล่อก็ยังสืบหาไม่พบจำเป็นต้องสอบถามจากคนผู้นั้นเสียแล้ว“ดีแล้ว เจ้าจงไปก่อนเถิด เรื่องนี้ข้าจะไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เมื่อได้ผลลัพธ์แล้ว ข้าจะเรียกเจ้ามาอีกครั้ง”หวังหยวนจำเป็นต้องเขียนจดหมายถึงอู๋หลิงเพื่อสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น จึงให้เกาเล่อกลับไปก่อนหลังจากเกาเล่อจากไป หวังหยวนก็อยู่เพียงลำพังในห้องโถงในขณะที่เขากำลังเขียนจดหมายนี้ หวังหยวนรู้สึกหนักใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอีกเรื่องของตระกูลไป๋ยังไม่ทันจะจัดการเสร็จสิ้น ทางต้าเย่เกิดปัญหาขึ้นอีก ก็จะยิ่งยากลำบากยิ่งนัก“คุณชาย เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่? เมื่อเช้าข้าเห็นท่านรีบร้อนนัก” เสียงของเสวี่ยเชียนหลงดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากหน้าประตู หวังหยวนหันไปมองนางแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่เสียแล้วเสวี่ยเชียนหลงเดินเข้ามาหาหวังหยวน แล้วยื่นมืออันเรียวสว
“ช่างน่าสงสารนัก น้องเฟยเฟย ทั้ง ๆ ที่เป็นถึงองค์หญิง แต่กลับต้องมาอยู่กับพวกเรา”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ รุมล้อมถามไป๋เฟยเฟยมากมายหลายคำถามเมื่อหวังหยวนเข้ามา พวกนางก็ไม่ได้สังเกตเห็น จนกระทั่งเขากระแอมสองสามครั้ง จึงดึงดูดความสนใจของพวกนางได้“เฟยเฟยจะอาศัยอยู่ที่นี่กับเราสักระยะหนึ่ง พวกเจ้ามีเวลาพูดคุยกันอีกมากมาย ไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้ ถามคำถามก็ค่อย ๆ ถาม อย่าไปทำให้เฟยเฟยต้องลำบากใจ”“ไม่เป็นอะไรเลยเจ้าค่ะ! เมื่อได้พบกับพี่สาวทั้งหลาย เฟยเฟยก็ดีใจมากแล้ว ไม่ได้ส่งจดหมายมาหาพวกพี่สาว เฟยเฟยต้องขออภัยด้วย เพราะเฟยเฟยถูกพี่ชายขังไว้ ไม่สามารถติดต่อกับภายนอกได้ แต่บัดนี้เราได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็สามารถพูดคุยกันได้ทุกวันเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน ไป๋เฟยเฟยก็รีบโบกมือปฏิเสธว่านางไม่ได้รู้สึกลำบากใจจากนั้นก็เล่าเรื่องราวของตนเองให้พี่สาวทั้งหลายฟัง เมื่อได้ฟังเรื่องราวของไป๋เฟยเฟยก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจยิ่งนักจนต้องกอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหัวปลอบโยนพวกนางผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายด้วยกันจนกลายเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันไปแล้ว เมื่อเห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้ พวกนางก็ย่อมต้องช่ว
“วางใจเถิด” เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เฟยเฟย หวังหยวนจึงตอบรับนาง“ท่านพี่ การเดินทางครั้งนี้ย่อมอันตรายนัก หากไป๋ชิงชางส่งคนมาลอบสังหารพวกท่านจะทำอย่างไร? ข้าว่าควรพาคนติดตามไปอีกสักสองสามคนเถิด”หลี่ซื่อหานยังคงกังวลใจเรื่องนี้การเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาจะต้องผ่านสถานที่ต่าง ๆ มากมาย และการนอนกลางดินกินกลางทรายก็เป็นเรื่องปกติหากพวกมือสังหารของไป๋ชิงชางตามมาทันและฉวยโอกาสเข้าโจมตีในยามที่พวกเขาอ่อนแอที่สุดเช่นนั้นจะทำอย่างไร?สิ่งที่หลี่ซื่อหานพูดนั้นเป็นปัญหาจริง แต่หวังหยวนรู้สึกว่าพวกเขาสามคนนั้นเพียงพอแล้วแม้ว่าไป๋ชิงชางจะส่งมือสังหารมาจริง ก็คงไม่สามารถเอาชนะนักพรตชิงอีได้“เรามีนักพรตชิงอีอยู่แล้ว ยังต้องกลัวพวกนั้นอีกหรือ? ท่านว่าจริงหรือไม่ขอรับ? พี่ชิงอี”หวังหยวนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองพี่ชิงอี บางทีอาจเป็นเพราะเขินอายเล็กน้อยที่ถูกหวังหยวนชมพี่ชิงอีจึงเพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใดในยุทธภพปัจจุบันนี้มีน้อยนักที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ แม้แต่คนที่มีฝีมือเสมอกับเขาก็มีไม่มากนักดังนั้นการพานักพรตชิงอีเดินทางไปด้วยจึงปลอดภัยที่สุดหลังจากได้ยินคำพูดของหวัง
“ท่านนักพรต ท่านช่วยไปจัดการเถิด”สถานการณ์ในครั้งนี้พิเศษมาก ไป๋ชิงชางจึงส่งนักพรตเฒ่าชุดดำออกไปจัดการด้วยตนเองเมื่อนักพรตเฒ่าชุดดำได้ยินคำพูดของไป๋ชิงชาง จึงรับคำสั่งแล้วถอยออกไปในขณะที่ออกจากห้องนั้น ดวงตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายเพียงแค่พวกอ่อนแอสามคนเท่านั้น แต่กลับสามารถก่อเรื่องใหญ่โตได้ เขาอยากจะดูนักว่าคนเหล่านั้นเป็นคนประเภทไหน!ยิ่งกว่านั้น หากฆ่าคนผู้นั้นได้ อาจทำให้ไป๋ชิงชางเชื่อฟังพวกเขาอย่างแท้จริง และจะไม่คิดเรื่องอื่นอีกเมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นักพรตเฒ่าชุดดำก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาทั่วร่าง แล้วก็หายวาบไปจากสายตาของทุกคนในทันทีนักพรตชิงอีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่เริ่มออกเดินทางไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้าหลังจากเดินทางมาหลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอาณาจักรต้าเย่ไม่คาดคิดว่าตลอดทางจะไม่มีนักฆ่าตามมา ไม่มีแม้แต่ทหารที่ออกประกาศจับพวกเขาด้วยซ้ำ“คุณชาย บัดนี้เราจะไปยังเมืองหลวงอาณาจักรต้าเย่เลยหรือไม่?”พวกเขาขี่ม้าเข้ามาในอาณาจักรต้าเย่แล้ว แต่ยังคงอยู่ห่างจากเมืองหลวงอาณาจักรต้าเย่พอสมควร“เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไปพบองค์ชายใหญ่กันเลยเถิด”
องค์ชายใหญ่พูดจาด้วยถ้อยคำอันอ่อนโยนนอบน้อมพลางเดินเข้ามาใกล้หวังหยวน หวังหยวนรีบลงจากหลังม้าแท้จริงแล้วหวังหยวนไม่สามารถสนทนากับองค์ชายใหญ่ได้ตามปกติ ด้วยว่าองค์ชายใหญ่ไม่ได้เป็นดั่งศิษย์ในความทรงจำของเขาอีกต่อไปแล้ว“การสนทนาที่นี่ไม่สะดวกนัก ข้าว่าเราไปยังตำหนักขององค์ชายใหญ่จะดีกว่า”เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันห่างเหินของหวังหยวน องค์ชายใหญ่ก็ชะงักไปชั่วขณะ แต่ก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว“ได้เลยขอรับ ท่านอาจารย์ เชิญตามข้ามาเลยขอรับ”องค์ชายใหญ่ไม่ได้สังเกตเห็นเสวี่ยเชียนหลงและนักพรตชิงอีผู้ยืนอยู่ข้างเคียง สายตาของเขาจดจ้องเพียงหวังหยวนเท่านั้นย้อนกลับไปในครั้งที่หวังหยวนช่วยเหลือเขานั้น เขาประสบความยากลำบากอย่างยิ่งกว่าจะรอดพ้นมาได้ แต่บัดนี้เขาได้กลับคืนมายังวังหลวงของต้าเย่อีกครั้งหวังหยวนมองเหล่าทหารที่ยืนงงอยู่ด้านข้างแล้วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นจึงมอบม้าให้แก่พวกเขา แล้วเดินตามหลังองค์ชายใหญ่เข้าไปในตำหนัก พร้อมด้วยเสวี่ยเชียนหลงและนักพรตชิงอีแผ่นดินต้าเย่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่เหมือนเดิมเมื่อมาถึงตำหนักขององค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่ก็รีบเชิญ