“ท่านนักพรต ท่านช่วยไปจัดการเถิด”สถานการณ์ในครั้งนี้พิเศษมาก ไป๋ชิงชางจึงส่งนักพรตเฒ่าชุดดำออกไปจัดการด้วยตนเองเมื่อนักพรตเฒ่าชุดดำได้ยินคำพูดของไป๋ชิงชาง จึงรับคำสั่งแล้วถอยออกไปในขณะที่ออกจากห้องนั้น ดวงตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายเพียงแค่พวกอ่อนแอสามคนเท่านั้น แต่กลับสามารถก่อเรื่องใหญ่โตได้ เขาอยากจะดูนักว่าคนเหล่านั้นเป็นคนประเภทไหน!ยิ่งกว่านั้น หากฆ่าคนผู้นั้นได้ อาจทำให้ไป๋ชิงชางเชื่อฟังพวกเขาอย่างแท้จริง และจะไม่คิดเรื่องอื่นอีกเมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นักพรตเฒ่าชุดดำก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาทั่วร่าง แล้วก็หายวาบไปจากสายตาของทุกคนในทันทีนักพรตชิงอีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่เริ่มออกเดินทางไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้าหลังจากเดินทางมาหลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอาณาจักรต้าเย่ไม่คาดคิดว่าตลอดทางจะไม่มีนักฆ่าตามมา ไม่มีแม้แต่ทหารที่ออกประกาศจับพวกเขาด้วยซ้ำ“คุณชาย บัดนี้เราจะไปยังเมืองหลวงอาณาจักรต้าเย่เลยหรือไม่?”พวกเขาขี่ม้าเข้ามาในอาณาจักรต้าเย่แล้ว แต่ยังคงอยู่ห่างจากเมืองหลวงอาณาจักรต้าเย่พอสมควร“เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไปพบองค์ชายใหญ่กันเลยเถิด”
องค์ชายใหญ่พูดจาด้วยถ้อยคำอันอ่อนโยนนอบน้อมพลางเดินเข้ามาใกล้หวังหยวน หวังหยวนรีบลงจากหลังม้าแท้จริงแล้วหวังหยวนไม่สามารถสนทนากับองค์ชายใหญ่ได้ตามปกติ ด้วยว่าองค์ชายใหญ่ไม่ได้เป็นดั่งศิษย์ในความทรงจำของเขาอีกต่อไปแล้ว“การสนทนาที่นี่ไม่สะดวกนัก ข้าว่าเราไปยังตำหนักขององค์ชายใหญ่จะดีกว่า”เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันห่างเหินของหวังหยวน องค์ชายใหญ่ก็ชะงักไปชั่วขณะ แต่ก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว“ได้เลยขอรับ ท่านอาจารย์ เชิญตามข้ามาเลยขอรับ”องค์ชายใหญ่ไม่ได้สังเกตเห็นเสวี่ยเชียนหลงและนักพรตชิงอีผู้ยืนอยู่ข้างเคียง สายตาของเขาจดจ้องเพียงหวังหยวนเท่านั้นย้อนกลับไปในครั้งที่หวังหยวนช่วยเหลือเขานั้น เขาประสบความยากลำบากอย่างยิ่งกว่าจะรอดพ้นมาได้ แต่บัดนี้เขาได้กลับคืนมายังวังหลวงของต้าเย่อีกครั้งหวังหยวนมองเหล่าทหารที่ยืนงงอยู่ด้านข้างแล้วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นจึงมอบม้าให้แก่พวกเขา แล้วเดินตามหลังองค์ชายใหญ่เข้าไปในตำหนัก พร้อมด้วยเสวี่ยเชียนหลงและนักพรตชิงอีแผ่นดินต้าเย่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่เหมือนเดิมเมื่อมาถึงตำหนักขององค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่ก็รีบเชิญ
“อยู่เพื่อสิ่งใด?”“ท่านอาจารย์ ท่านสามารถอยู่เพื่อช่วยเหลือศิษย์ได้ เราจะร่วมกันพิชิตแผ่นดินนี้ไม่ดีหรือขอรับ? เมื่อข้าได้เป็นฮ่องเต้ เมื่อข้าได้เป็นหนึ่งเดียวในแผ่นดินนี้ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านอาจารย์ก็ยังคงเป็นอาจารย์ของข้าอยู่ไม่ใช่หรือขอรับ!”เมื่อได้ยินคำพูดอันหยิ่งทะนงของจีหย่ง หวังหยวนก็หลับตาลงอย่างช้า ๆเหตุใดจึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ มันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร ผู้ใดคอยยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลัง?เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ และไม่ปรารถนาจะเห็นศิษย์ผู้บริสุทธิ์ในอดีตกลายมาเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้“คงจะไม่ได้แล้ว ด้วยว่าเจ้าไม่ได้เหมือนศิษย์คนเดิมของข้าอีกต่อไปแล้ว”เมื่อพูดจบเช่นนั้น หวังหยวนก็ออกจากตำหนัก พร้อมด้วยเสวี่ยเชียนหลงและนักพรตชิงอีเมื่อออกจากวังหลวงของต้าเย่แล้ว หวังหยวนก็หลับตาลง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถระงับได้เสวี่ยเชียนหลงเข้ามาใกล้หวังหยวนแล้วลูบบ่าของเขาเบา ๆ เพื่อปลอบโยน ย่อมไม่มีผู้ใดปรารถนาให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเมื่อได้ม้าคืนมาแล้ว หวังหยวนก็พาพวกเสวี่ยเชียนหลงไปยังที่พักของไป๋เหยียนเฟยเมื่อได้พบกับไป๋เหยียนเฟย หวัง
หลังจากออกจากตำหนักไป๋แล้ว หวังหยวนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เสวี่ยเชียนหลงเป็นห่วงความรู้สึกของหวังหยวนในเวลานี้เป็นอย่างมากราชสำนักวุ่นวายและใกล้จะเกิดสงครามแล้ว ไม่รู้ว่าหวังหยวนจะอยู่ฝ่ายใด“สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้ามีแผนการอย่างไร?”พี่ชิงอีถามหวังหยวนเกี่ยวกับแผนการอย่างไรต่อไปหวังหยวนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“เวลานี้ข้ายังไม่มีแผนการใดเลย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้แผนการทั้งหมดที่วางไว้ก่อนหน้านี้ต้องพังทลายลง ตอนนี้ทำได้เพียงคิดใหม่ขอรับ”หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวน พี่ชิงอีก็ลูบไหล่เขาเพื่อปลอบใจเพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และผู้ที่รู้สึกไม่ดีไม่ใช่แค่หวังหยวนเพียงคนเดียวถึงเวลาอาหารแล้ว พวกเขามาที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้ ๆ ที่นี่สามารถรับประทานอาหารและใช้โอกาสนี้ในการสืบหาข่าวสารได้ด้วย“เฮ้อ พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ว่าอาณาจักรต้าเป่ยดูเหมือนจะเริ่มส่งทหารมาโจมตีอาณาจักรต้าเย่ของเราแล้ว!”“พวกเขาเพิ่งจะเปลี่ยนฮ่องเต้ไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงรีบมาโจมตีอาณาจักรต้าเย่ของเรา พวกเขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นเลยรึ!”“ใช่ ใครจะไปร
หลังจากพี่ชิงอีพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้า ทั้งสองดื่มเหล้านารีแดงหมดไหไปในคราวเดียว ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองจะดื่มดีถึงเพียงนี้เสวี่ยเชียนหลงยังคงเป็นห่วงหวังหยวนเป็นอย่างมาก จึงคอยยืนอยู่เคียงข้างเขาเพราะหากหวังหยวนยืนไม่ไหว นางก็จะได้ยื่นมือออกไปประคองหวังหยวนได้แต่หวังหยวนไม่เพียงแต่ยืนได้อย่างมั่นคงเท่านั้น แต่ยังพูดจาชัดเจนอีกด้วยไม่นานทั้งสามก็รับประทานอาหารเสร็จ และเตรียมตัวกลับหมู่บ้านต้าหวังระหว่างทาง คนทั้งสามต่างก็มีเรื่องต้องคิดในใจหวังหยวนคิดว่าต่อไปนี้เขาควรเลือกสถานะของตนเองอย่างไร ควรเลือกเส้นทางที่ตนเองจะเดินต่อไปอย่างไรส่วนเสวี่ยเชียนหลงก็เต็มไปด้วยความคิดเรื่องเกี่ยวกับหวังหยวนและนักพรตชิงอีคิดถึงซานไว่ซานกับเทียนไว่เทียนซานไว่ซานเป็นฝ่ายฉีกสัญญาก่อนด้วยการเริ่มแทรกแซงเรื่องราวในราชสำนัก ย่อมต้องมีความทะเยอทะยานที่ชั่วร้าย เทียนไว่เทียนไม่สามารถนิ่งเฉยได้!แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นจอมยุทธ์ และความสามารถของพวกเขาก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จึงไม่สามารถปล่อยให้ซานไว่ซานครองอำนาจได้เพียงลำพังระหว่างทางที่ทั้งสามกำลังกลับไปหมู่บ้านต้าหวังก็ได้พบกับนักพรตเฒ่าชุดดำ
นักพรตชิงอีคำรามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสวี่ยเชียนหลงก็ตามมาติด ๆ แล้วมายืนอยู่ด้านข้าง“นี่คือคนจากซานไว่ซานหรือเจ้าคะ?”เสวี่ยเชียนหลงกระซิบถามหวังหยวนอย่างระมัดระวัง หวังหยวนพยักหน้ารับชายชราตรงหน้ามีจิตสังหารรุนแรง เผยให้เห็นวิทยายุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้อื่นรู้สึกกดดันอย่างมากเสวี่ยเชียนหลงขมวดคิ้วเมื่อมองไปที่ชายชราตรงหน้า นางรู้สึกว่าคนผู้นี้คุ้นเคยมาก แต่คิดไม่ออกว่าเคยพบเจอที่ใดเมื่อรู้แล้วว่าเป็นคนจากซานไว่ซาน แม้ว่าจะต่อสู้กันก็คงไม่มีปัญหาใด เพราะเป็นซานไว่ซานที่ก้าวล่วงมาก่อน!“คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนไว่เทียนที่นี่ ดูเหมือนว่าเทียนไว่เทียนของท่านจะมีเจตนาแอบแฝงมานานแล้ว อยากจะแทรกแซงกิจการของราชวงศ์ใช่หรือไม่ แต่ก็เพียงแค่ยังไม่มีใครจับได้เท่านั้น!”เมื่อนักพรตเฒ่าชุดดำเห็นเสวี่ยเชียนหลงก็พูดจาเสียดสีทันที หวังหยวนเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะพูดให้ตนเองเป็นฝ่ายถูกด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถประกาศต่อสาธารณชนได้ว่า เทียนไว่เทียนเป็นฝ่ายแทรกแซงกิจการของราชวงศ์ก่อน ดังนั้นซานไว่ซานจึงคิดว่าสามารถติดต่อกับคนของราชวงศ์ได้“อย่าคิดจะโยนความผิดให้ข้า เร
“พวกเจ้าจะเป็นอะไรได้นอกจากขยะ? สามคนรุมคนแก่อย่างข้าเพียงคนเดียว แต่ต่อสู้กันมาตั้งนานก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คาดว่าเทียนไว่เทียนของพวกเจ้าคงจะรู้สึกว่าด้อยกว่าซานไว่ซานของเรากระมัง!”เมื่อนักพรตเฒ่าชุดดำหยุดนิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยหวังหยวนและอีกสองคนไม่ได้ตอบโต้เพราะคนผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก เขามีวิธีการโจมตีเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง“ความสามารถของเจ้าไม่ได้สูงส่งอันใด แต่กลับปากเก่งนัก มาที่นี่คนเดียว คงคิดจะฆ่าพวกเราสามคนเพียงลำพัง แต่ผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ว่าเสียแรงเปล่าหรือ?”พี่ชิงอีเผยรอยยิ้มหยันบนใบหน้า คนผู้นี้ช่างโอหังและในที่สุดก็จะต้องตายเพราะความเย่อหยิ่งของตนเอง“จะเสียแรงเปล่าหรือไม่นั้น รอให้ถึงตอนนั้นค่อยรู้ก็ได้ไม่ใช่หรือ? ข้าเป็นเพียงคนชรา หากพวกเจ้าสามคนถูกข้าสังหารก็คงจะน่าอับอายยิ่งนัก แถมยังมีสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปอย่างง่ายดายแน่นอน!”เดิมทีตอนแรกที่เขามาที่นี่ก็เพียงเพื่อฆ่าหวังหยวนเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะตายหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เพราะเพียงแค่ฆ่าหัวหน้าได้ ลูกสมุนก็จะแตกพ่ายไปด้วยแต่เมื่
หวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงซ่อนตัวเงียบกริบอยู่ในป่าลึกตอนนี้นักพรตเฒ่าชุดดำได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีพิษหรือไม่ แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเขามีลางสังหรณ์ไม่ดี หากยังคงต่อสู้ต่อไปจะถูกศัตรูเอาชนะเขาได้หรือไม่?แม้ว่านักพรตเฒ่าชุดดำจะมั่นใจในความสามารถของตนเอง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธลับแล้ว เคล็ดวิชาที่ชอบธรรมทั้งมวลก็แทบจะไร้ประโยชน์พี่ชิงอีไม่ได้ให้โอกาสเขาพัก เขาโจมตีอย่างสุดกำลัง นักพรตเฒ่าชุดดำจึงจำใจหยิบอาวุธของตนขึ้นมาต่อสู้กับพี่ชิงอีอีกครั้งหวังหยวนที่รอคอยจัวหวะอยู่ด้านข้าง เขาไม่รู้ว่าหวังหยวนและภรรยาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน นั่นหมายความว่ามีอันตรายลึกลับกำลังรอเขาอยู่“พวกเจ้าช่างกล้าได้กล้าเสียจริง ๆ แค่ข้าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด พวกเจ้าจึงเริ่มย่ามใจกันแล้วใช่หรือไม่? หวังหยวน เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าอยู่ที่ไหน? อย่างไรเสียก็ไม่พ้นซ่อนตัวอยู่ในป่าเป็นแน่ เจ้าคอยอยู่เถิด ข้าจะตามจับเจ้ามาเดี๋ยวนี้แหละ!”นักพรตเฒ่าชุดดำผลักพี่ชิงอีออกไปอย่างแรง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการหวังห