ชายหนุ่มทั้งแปดคนปลอบใจกันเองราวกับกำลังสะกดจิตตัวเองว่าหวังหยวนไม่น่ากลัว หวังหยวนไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายอันที่จริงจากการดูชายผู้นั้นเมื่อครู่ก็พอจะรู้ได้ ว่าความสามารถของหวังหยวนไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเขาเห็นอาจเป็นเพราะยังมีการประลองเพื่อหาคู่รออยู่ข้างหน้า หวังหยวนจึงยังคงเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุดชายหนุ่มสี่คนโจมตีหวังหยวนจากด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้ายและด้านขวา มีชายคนหนึ่งที่ต้องการโจมตีหวังหยวนจากด้านบนด้วยเขากระโดดขึ้นไป จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทางของตัวเอง คมดาบพุ่งตรงไปที่กระหม่อมของหวังหยวนแต่หวังหยวนใช้กระบองของตนหมุนไปรอบเอวเพื่อจัดการชายทั้งสี่คนที่โจมตีมาจากด้านข้างได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เหลือเพียงชายคนนี้ที่อยู่ด้านบนหวังหยวนหลบไปด้านข้าง จากนั้นจึงใช้กระบองยกขึ้นสกัด“โอ๊ย!”“เจ็บจะตายแล้ว!”ชายทั้งห้าคนที่ถูกฟาดจนล้มลงไปกองกับพื้นต่างก็ร้องโอดโอย พวกเขารู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงเจ้าหวังหยวนคนนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาแค่ต้องการแสดงฝีมือเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดหวังหยวนถึงได้จะลงมือฆ่าพวกเขาหวังหยว
ชายสวมหน้ากากออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ผลักให้หวังหยวนกระเด็นออกไปไกลหวังหยวนถอยหลังไปหลายเมตรกว่าจะทรงตัวได้ เขาหายใจหอบถี่ชายผู้นี้ซ่อนเร้นความสามารถที่แท้จริงไว้จริง ๆ ระดับการบ่มเพาะของเขาต้องสูงกว่าหวังหยวนอย่างน้อยหนึ่งขั้น!แต่ผู้คนในสนามกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แม้แต่เสวี่ยโส่วจุนก็ยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินั่นหมายความว่าชายผู้นี้ยังไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตน และยังคงซ่อนระดับการบ่มเพาะของตนอยู่เพราะหากถูกจับได้ เขาก็อาจจะถูกเสวี่ยโส่วจุนตัดสินให้พ่ายแพ้ในทันทีขณะที่หวังหยวนยังไม่ทันตั้งตัว ชายสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเขาอีกครั้ง แล้วถีบเข้าที่ท้องของเขา หวังหยวนจึงกระเด็นออกไปอีกครั้งการถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้หวังหยวนยืนแทบไม่ไหว เขาพยายามใช้กระบองของตนเองยันตัวขึ้นมาอีกครั้งแต่ทุกครั้งที่เขาลุกขึ้น ชายสวมหน้ากากก็จะเข้ามาโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เจ้ามีฝีมือแค่นี้เองหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงพูดดูหมิ่นเย้ยหยันนี้ หวังหยวนก็รู้ในทันทีว่าชายผู้นี้เป็นใคร นี่มันนายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งไม่ใช่หรือ?ไม่แปลกใจเลยที่เขาต้องสวมหน้ากากเข้าแข่งขัน อาจเป็นเพราะกลัวว่า
แต่เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อผลการแข่งขันครั้งนี้ หวังหยวนจึงตัดสินใจถามเสวี่ยโส่วจุนอีกครั้ง“ถูกต้องแล้ว ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ถือว่าเจ้าชนะ”เมื่อได้รับคำตอบจากเสวี่ยโส่วจุน หวังหยวนก็สบายใจขึ้น เขาใช้กระบองของตนเองฟาดดาบของชายสวมหน้ากาก“หวังหยวน เจ้าทำให้ข้าขบขันยิ่งนัก เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยอาวุธลับเช่นนั้นหรือ ระหว่างเรามีความแตกต่างอย่างมาก ระดับการบ่มเพาะของข้าสูงกว่าเจ้าถึงหนึ่งขั้นเลยนะ!”ชายสวมหน้ากากมีสีหน้าดูถูก ขณะวางดาบไว้บนบ่าอย่างไม่แยแสแต่หวังหยวนกลับไม่สนใจเขา เขาโยนกระบองในมือทิ้งไปทางด้านข้างในทันที“เหตุใดเจ้าจึงโยนอาวุธของตนเองทิ้ง? หรือว่าเจ้ารู้สึกว่าตนเองไม่มีโอกาสชนะแล้วจึงคิดจะยอมแพ้? หากเจ้าคุกเข่าลงและขอให้ข้าไว้ชีวิต ข้าอาจจะเมตตาทำให้เจ้าสมหวังก็ได้”เมื่อนายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งเห็นการกระทำของหวังหยวน เขาก็คิดว่าหวังหยวนกำลังจะยอมแพ้แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะบิดคอของตนเองและเหยียดขาออก เหมือนกับว่าเตรียมที่จะต่อสู้กับเขาด้วยมือเปล่านายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งเริ่มสับสนแล้ว หวังหยวนคิดจะทำอะไรกันแน่?เสวี่ยเชียนหล
รูกลมสองรูนี้ไม่ใช่เพียงรูกลมธรรมดา หากแต่ยังมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาด้วยนั่นแสดงว่าเมื่อสักครู่นี้หวังหยวนได้ใช้ของร้อนใดบางอย่างเผาจนมันจนหลอมละลายหรือเปล่า?“เจ้าใช้อาวุธลับอันใดกันแน่ ถึงได้ทำให้มือข้าเจ็บปวดเช่นนี้!”นายน้อยพยายามหยิบดาบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาจะหยิบ ดาบก็จะถูกหวังหยวนปัดตกลงไปอย่างง่ายดายด้วยเหตุนี้มือของนายน้อยจึงสั่นระริกหัวหน้าตระกูลเจิ้งที่นั่งอยู่บนที่นั่งทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว บัดนี้บุตรชายคนเล็กของเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบหากหวังหยวนไม่คิดจะยั้งมือ ฆ่าบุตรชายคนเล็กของเขาในเวลานี้ก็สมควรแล้ว เพราะเมื่อสักครู่นี้บุตรชายคนเล็กของเขาล้อเลียนอีกฝ่ายอย่างหนัก“ข้ารู้สึกว่าหวังหยวนจะได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้แล้ว หรือเราควรหยุดการประลองนี้เสีย”หัวหน้าตระกูลเจิ้งพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อจะหยุดการประลองนี้ แต่นักพรตชิงอีกลับหัวเราะเยาะ“เหตุใดจึงหยุดง่ายดายเช่นนี้เล่า? อีกฝ่ายยังไม่ได้ขอร้องให้หยุดเลย และหวังหยวนก็ยังไม่ได้ทำให้เขาพ่ายแพ้หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ หากหยุดเช่นนี้ก็เกรงว่าฝูงชนจะไม่ยอมรับ!”คำพูดของนักพรตชิงอีชัดเจนมากแล้วว่า
ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่ผลการประลองก็เป็นเช่นนี้ นายน้อยก้มหน้าลง สายตาเต็มไปด้วยความหมองหม่นเช่นนี้ก็ยังดีกว่าหวังหยวนเก็บปืนพกขนาดเล็ก แล้วเดินไปยังใจกลางเวทีการประลอง โค้งคำนับต่อเสวี่ยโส่วจุนบนเวทีและหัวหน้าตระกูลทั้งแปด“การประลองสิ้นสุดลงแล้ว ข้าได้เอาชนะพวกเขาทั้งสิบคนแล้วขอรับ”หลังจากหวังหยวนพูดประโยคนี้จบลง นายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งก็โยนหน้ากากลงบนเวทีด้วยความโกรธ จากนั้นก็ลงจากเวทีก่อนที่จะจากไป เขาก็ยังไม่ลืมที่จะจ้องมองหวังหยวนด้วยแววตาอาฆาตมาดร้ายความแค้นได้ก่อตัวขึ้นแล้ว อย่าคิดว่าต่อไปเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ เขาจะไม่ปล่อยหวังหยวนไปอย่างแน่นอนแม้ว่าหวังหยวนจะชนะการประลองสามครั้งนี้จริง ๆ แต่เมื่อถึงการประลองเพื่อเลือกคู่ครอง เขาก็คงไม่มีทางเอาชนะได้ เพราะในเวลานั้นจะมีผู้ที่เก่งกาจกว่าเขามากมาย!“ยอดเยี่ยม หวังหยวนมีความสามารถในการต่อสู้ที่โดดเด่น! เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในโลกอย่างแท้จริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงขอประกาศว่าหวังหยวนผ่านการทดสอบครั้งนี้!”เสวี่ยโส่วจุนลุกขึ้นยืนกล่าวชื่นชมหวังหยวน จากนั้นจึงประกาศว่าหวังหยวนได้รับชัยชนะหวังหยวนพยักหน้าเบา ๆ จากนั
อารมณ์ที่คลุมเครือแฝงเร้นอยู่ในดวงตาของทั้งสองเสวี่ยเชียนหลงเป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อนจึงเบือนสายตาหนี แต่สีแดงบนใบหน้าได้ทรยศความรู้สึกในใจนางในขณะนี้ในที่สุดเสวี่ยโส่วจุนก็เหมือนจะได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงเดินออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมก็ไม่ได้เอ่ยคำใดตอนแรกเขายังเป็นกังวลว่าหากนักพรตชิงอีพบผู้ที่ฝึกเคล็ดวิชามหาสุริยันแล้ว แต่เสวี่ยเชียนหลงไม่ชอบคนผู้นั้นจะทำอย่างไร?บัดนี้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่ลูกสาวของตนจะชอบเท่านั้น แต่คนผู้นี้ยังมีฝีมือและความสามารถเป็นเลิศอีกด้วยนอกจากการมีภรรยาอยู่แล้วสามคน ก็นับว่าเป็นบุรุษที่หาได้ยากยิ่งส่วนเรื่องที่ว่าหวังหยวนจะได้แต่งงานกับลูกสาวของตนหรือไม่นั้น ยังต้องผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายของเสวี่ยโส่วจุนอีกหลังจากส่งเสวี่ยเชียนหลงกลับห้องแล้ว หวังหยวนก็กลับมายังห้องของตนเองเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หวังหยวนก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดประตูออกก็พบกับสาวใช้ที่ตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“สวัสดีเจ้าค่ะคุณชายหวัง ข้าเป็นสาวใช้ข้างกายของสตรีสูงศักดิ์ สตรีสูงศักดิ์ประสงค์จะเชิญท่านไปพบ แต่เนื่องจากเกรงใจในฐานะจึงไม่อาจมา
สาวใช้พยักหน้าอย่างรุนแรง หวังให้หวังหยวนไว้ชีวิตนางหวังหยวนก็ไม่ได้อยากปลิดชีวิตนางอยู่แล้ว ในเมื่อคนผู้นี้สารภาพทุกอย่างแล้ว เขาก็จะเมตตาสาวใช้จึงพาหวังหยวนออกจากจวนเสวี่ยไปยังจวนตระกูลเจิ้ง นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ก้าวเข้าสู่ประตูจวนของแปดตระกูลใหญ่หลังจากที่หวังหยวนออกจากจวนเสวี่ย เสวี่ยเชียนหลงก็ได้รับข่าวทันทีนางรีบแต่งตัวแล้วไปที่ห้องของบิดา หวังให้บิดาออกมาจัดการเรื่องนี้เพราะหากหวังหยวนได้รับอันตราย นางเกรงว่าตนจะไม่มีทางรอดชีวิตอีกต่อไป“ท่านพ่อ ลูกเข้าใจว่าท่านไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของลูก ลูกจึงหวังให้ท่านช่วยด้วยเจ้าค่ะ”หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเสวี่ยเชียนหลง สีหน้าของเสวี่ยโส่วจุนก็เปลี่ยนไป ก่อนจะรีบส่งคนของตนไปสืบหาความจริงหากเป็นตระกูลเจิ้งที่ตั้งใจหาเรื่อง เขาจะไม่เข้าข้างปกป้องอย่างแน่นอน และจะต้องลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสาสม“ก่อนที่พ่อจะสืบหาความจริงได้ เจ้าจงอยู่แต่ในเรือน เรื่องนี้ให้พ่อจัดการเอง วางใจเถิด พ่อจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอันตรายอย่างแน่นอน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ ไม่ว่าอย
“เจ้าหนูสกปรกกล้ามาอาละวาดที่จวนเจิ้งของพวกข้าหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าตระกูลเจิ้งของพวกข้าเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่?”“พ่อบ้าน ท่านคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี? ข้าควรจะพูดพล่ามกับมันต่อไปหรือไม่? หากไม่ควรก็คงต้องรุมกระทืบเจ้าหนูสกปรกตัวนี้ แล้วโยนมันออกไป”“ตั้งแต่เกิดมาข้าเพิ่งเคยพบคนโอหังเช่นนี้ เป็นเพียงหนูสกปรกไร้ชื่อเสียง กลับกล้ามาอาละวาดที่จวนเจิ้ง”เหล่าคนรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เกรงกลัวสถานะของเขาเลย กลับเอ่ยวาจาหยาบคายและเย่อหยิ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นสมุนที่อยู่ในตระกูลใหญ่มาช้านาน จนหลงคิดว่าตนเองก็เป็นสมาชิกตระกูลใหญ่เช่นกันหลังจากที่พ่อบ้านเห็นว่าตนมีพวกหนุนหลังแล้วก็กลายเป็นคนเย่อหยิ่งขึ้นมาทันทีเขาไม่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เดินอย่างองอาจไปตรงหน้าหวังหยวน“เห็นหรือไม่ พวกนี้ล้วนมีฝีมือสูงส่งกว่าเจ้าทั้งสิ้น หากเจ้ายังกล้าบังอาจอีกก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกข้าเป็นคนของตระกูลใหญ่ที่ต้องรักษาหน้าตา ก็คงจัดการเจ้าไปนานแล้ว!”พ่อบ้านรู้สึกว่าตนเองเมตตาพูดจาเตือนสติหวังหยวนอย่างดีที่สุดแล้ว หากหวังหยวนไม่ฟังก็คงช่วยอะไรไม่ได้หวังหยวนมองพวกเ
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น