สายตาของเฉินอวิ๋นจื้อเต็มไปด้วยความอาลัยและความอดทนอย่างเต็มที่!หงหยิ่งได้ฟังแล้วนัยน์ตาก็ฉายแววฝืนใจ แต่ไม่นานก็กลับมาเย็นชาเช่นเดิม!“เฉินอวิ๋นจื้อ เจ้าเป็นคนโง่หรือไร? ข้าบอกเลยว่าข้าไม่เคยชอบเจ้าเลย ข้าเพียงแค่หลอกใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้า เข้าใจหรือไม่!”“ฆ่าข้าเสียเถิด ไม่เช่นนั้นข้าจะหาโอกาสฆ่าคุณชายของเจ้าให้ได้ จงจำคำข้าไว้!”บัดนี้หงหยิ่งปรารถนาความตายที่สุด เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินอวิ๋นจื้อ นางก็โศกเศร้าจนแทบใจสลาย กล่าวตามตรงคือนางกำลังสับสนและเจ็บปวดมากทุกคำพูดของเฉินอวิ๋นจื้อเปรียบเสมือนมีดแหลมคมที่แทงทะลุหัวใจของนาง!ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางทรมานเหลือเกิน!ความตายอาจเป็นจุดจบที่ดีที่สุดสำหรับนาง!แต่เฉินอวิ๋นจื้อไม่ได้สนใจหงหยิ่ง กลับกล่าวต่อไปว่า“ข้าฝึกฝนวิทยายุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ข้าเป็นเด็กกำพร้า อาจารย์ของข้าเป็นผู้เลี้ยงดูข้ามา ท่านสอนข้าหลายสิ่ง แต่... อาจารย์ของข้ากลับสิ้นชีพด้วยน้ำมือของคนต่ำช้า!”“บุคคลผู้นั้น ข้ายังจำได้จนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นเศรษฐีในท้องถิ่น เมื่ออาจารย์ของข้ายึดมั่นในความยุติธรรมและทำร้ายเขาเพราะเขารังแกชาวบ้าน เขาจึงว่าจ้างคนจำนวนมากม
รู้เพียงแค่ว่า...ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ!ภารกิจแล้วภารกิจเล่า!บางทีอาจเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับจากชายคนนั้น หรืออาจเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของชายคนนั้นแต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็มาถึงวันนี้เฉินอวิ๋นจื้อกล่าวว่านางทำให้เขาได้เกิดใหม่เป็นครั้งที่สาม!แล้วตัวนางเองล่ะ?เมื่อได้อยู่ร่วมกับเฉินอวิ๋นจื้อ นางได้สัมผัสอย่างแท้จริงว่าชีวิตที่เรียบง่ายคืออะไร!แม้ว่าจะไม่ร่ำรวยนักแต่ก็อิ่มท้องและอบอุ่น ไม่เคยมีเรื่องใดให้ต้องกังวล!กล่าวโดยแท้จริง คือนางชื่นชอบชีวิตและเพลิดเพลินกับชีวิตเช่นนี้มาก!แต่นางก็รู้ว่า...สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของนาง...นางเหนื่อยล้า นางไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร ดังนั้น...นางจึงเลือกที่จะตาย!ตายแล้วจึงจะจบ!เมื่อตายแล้ว บางทีอาจจะหลุดพ้นได้อย่างแท้จริง!“เฉินอวิ๋นจื้อ เจ้าฆ่าข้าเถิด ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ข้าเหนื่อยมาก...”“จริง ๆ นะ ข้าเบื่อหน่ายชีวิตในตอนนี้ ข้าเกลียดตัวเองในตอนนี้...”“ขอร้องล่ะ ฆ่าข้าเถิด หากชาติหน้ามีอยู่จริง ข้า... ข้ายินดีจะอยู่กับเจ้า...”จู่ ๆ หงหยิ่งก็เอ่ยขึ้น เมื่อเฉ
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ทั้งเฉินอวิ๋นจื้อและหงหยิ่งก็ต่างตกตะลึงพวกเขาทั้งสองย่อมไม่รู้ว่าหวังหยวนต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ยังพยักหน้า“เหล่าเฉิน เจ้ากับแม่นางหงหยิ่งยังมีหนทางที่จะเดินโดยไม่จำเป็นต้องตาย”เมื่อหวังหยวนพูดจบ หงหยิ่งก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และมองหวังหยวนด้วยความสงสัย“แม่นางหงหยิ่ง ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดว่าเหตุใดข้าจึงจะปล่อยเจ้าไป เหตุผลก็ยังคงเป็นเหตุผลเดิม เฉินอวิ๋นจื้อเป็นพี่น้องของข้า ข้าหวังให้พี่น้องของข้ามีความสุข”“หากวันนี้เจ้าไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อพี่น้องของข้า พูดตามตรงข้าก็จะฆ่าเจ้า แม้ว่าพี่น้องของข้าจะเกลียดข้า ข้าก็ไม่สนใจ”“แต่ข้าเห็นได้ว่าเจ้าเองก็มีความรู้สึกต่อพี่น้องของข้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่าควรจะต่อสู้เพื่อพวกเจ้าทั้งสอง!”“สิ่งที่เจ้ากังวลก็คือตระกูลเซิ่ง”“ผู้ที่ตระกูลเซิ่งส่งมาในครั้งนี้ตายหมดแล้ว ไม่มีใครรอดชีวิต ดังนั้นความเป็นความตายของเจ้าจึงไม่มีใครรู้!”เมื่อหวังหยวนพูดจบ หงหยิ่งก็ตกใจแต่ก็ยังคงลังเล“ข้า... ข้า...”นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ส่วนหวังหยวนยกยิ้ม“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรหรอก ข้ารู้ว่าเ
พูดตามตรงว่าเมื่อได้ยินหวังหยวนบอกว่าจะไม่ฆ่านาง เพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องกับเฉินอวิ๋นจื้อ!นางไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็ยังไม่ค่อยเชื่อ!แต่ตอนนี้...นางเชื่อแล้ว!เขาจะให้นางไปที่หมู่บ้านต้าหวัง ที่นั่นไม่ใช่ดินแดนของเขาหรอกหรือ?นางเป็นยอดฝีมือ แม้ว่าเฉินอวิ๋นจื้อจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่คุ้นเคยกับทักษะการต่อสู้ของนาง หากนางตั้งใจจะจัดการกับหวังหยวนและคนอื่น ๆ อันที่จริงก็มีโอกาสมาก!แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังพูดเช่นนี้อีก แสดงให้เห็นว่าเขาคิดอย่างไร!“ท่าน... ท่านไม่กลัว... ว่าข้าจะทำร้ายท่านหรือ?”หงหยิ่งตกใจและอดไม่ได้ที่จะถามหวังหยวนหัวเราะและอดไม่ได้ที่จะตอบว่า “กลัวสิ แน่นอนว่ากลัว”“ในเมื่อกลัว แล้วเหตุใดจึงมีเมตตากับข้าเช่นนี้ หากข้าทำให้ท่านผิดหวังล่ะ?”หงหยิ่งถามขึ้นหวังหยวนได้ยินเช่นนั้นก็เพียงแค่ยิ้มแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังหรอก เจ้าทำให้ตัวเองผิดหวังต่างหาก!”“หากเจ้าฆ่าข้า ฆ่าพวกข้าทุกคน สิ่งที่เจ้าจะได้รับก็คือชีวิตแบบเดิม หรือแม้แต่เจ้าฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็ออกจากหมู่บ้านต้าหวังไม่ได้ และเจ้าจะต้องตาย!”“ทั้ง ๆ ที่สามารถใช้ชีวิตอย่าง
ขณะนี้ หวงเจียวเจียวและหวังหยวนกำลังนอนอยู่บนเตียง หวงเจียวเจียวถามด้วยรอยยิ้ม“สามี วันนี้ท่านช่าง... มีเมตตาเหลือเกิน”หวงเจียวเจียวพูดจบ หวังหยวนก็นิ่งอึ้งไปก่อนถามว่า“เป็นอะไรไป? เจ้าจะว่าข้าเสแสร้งหรือไร?”หวงเจียวเจียวรีบส่ายหน้า “ไม่ ไม่ ไม่ คนอื่นอาจเสแสร้ง แต่สามีไม่เคยเป็นเช่นนั้น!”“สิ่งที่ท่านพูด ท่านย่อมทำได้เสมอ... ข้า... ซาบซึ้งใจนัก”หวงเจียวเจียวหน้าแดง ซบลงบนอกของหวังหยวน“หืม แม่ตัวแสบ คืนนี้ยังไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำเลยไม่ใช่หรือ? สามีมาแล้ว!”หวังหยวนเห็นหวงเจียวเจียวเป็นเช่นนี้ก็กระโจนเข้าใส่นางทันทีในขณะนี้ความสุขสมล่องลอยไปทั่วทั้งห้อง เสียงแห่งความสุขก็ดังไปทั่ว“โอ๊ย... เมื่อวานนี้เพิ่งจะ...”หวงเจียวเจียวจะสู้ แต่ไม่นานก็พ่ายแพ้!คืนนี้จะเป็นค่ำคืนแห่งความหฤหรรษ์โดยแท้!นอกจากทั้งสองแล้ว หงหยิ่งและเฉินอวิ๋นจื้อที่อยู่ในห้องก็กำลังเร่าร้อน!“เรา... เป็นสามีภรรยากันแล้ว...”“คืนแต่งงานยังไม่ได้เข้าหอ... วันนี้จึง...”เฉินอวิ๋นจื้อกอดหงหยิ่งแล้วพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาหงหยิ่งไม่ลังเลเลย การต่อสู้ระหว่างทั้งสองครั้งนี้หนักหน่วงกว่าของหวังหยวนเสียอีก!
เมื่อเจ้ากระทรวงกรมพระคลังจ้าวจือจิ้งพูดเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็แฝงไปด้วยความลังเลหวังหยวนมองเขาและพูดว่า “ใต้เท้าจ้าว จะไม่มีใครกล้าคิดร้ายกับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรอกใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวจือจิ้งก็ถอนหายใจ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เรื่องเช่นนี้พูดยากพ่ะย่ะค่ะ...แต่เมื่อมีท่านอ๋องเสด็จมาด้วยก็คงไม่มีใครกล้าแตะต้อง”“แต่ว่า...หลิงหนานมีเศรษฐีอยู่มากมาย นายอำเภอในท้องถิ่นก็อยู่ห่างไกลจากราชสำนัก และพวกเขาก็มีกำลังคนมากมาย ดังนั้น... จึงไม่ง่ายนักที่จะจัดการ!”สิ่งที่จ้าวจือจิ้งกังวลก็คือเรื่องนี้!หากเงินนี้สามารถแจกจ่ายกระจายออกไปสู่มือของผู้ประสบภัย ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้!แต่กลัวว่า...หลายคนจะไม่ยอมทำงาน!เพราะเมื่อไม่เห็นผลประโยชน์ก็ไม่ยอมทำงาน!หวังหยวนก็เข้าใจดี จึงพยักหน้าแล้วยกยิ้ม“เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าบางงานจะไม่ง่ายนักที่จะดำเนินการ”“เช่นนั้นดีแล้ว เอาเงินช่วยเหลือของเราออกมาหนึ่งในสามก่อน แล้วให้แก่เจ้าเมืองและเศรษฐีในท้องถิ่น บอกพวกเขาว่าจะมีเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมในภายหลัง และเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีผลประโยชน์!”“ให้พวกเขาช่วยเราจัดการเรื่องนี้ก่
เมื่อหวังหยวนพูดจบแล้ว หวงเจียวเจียวก็หัวเราะออกมาทันที ความจริงแล้วนางก็คาดหวังเช่นกัน อยากรู้จริง ๆ ว่าหวังหยวนจะทำให้คนกลุ่มนี้ที่กล้ากินเสบียงบรรเทาทุกข์ของราชสำนักคายเสบียงเหล่านั้นออกมาและชดใช้ได้อย่างไร!คณะเดินทางมุ่งหน้าสู่หลิงหนาน ใช้เวลาประมาณสามวันก็มาถึง!เพียงแต่ว่าก่อนที่จะมาถึง สองตระกูลใหญ่แห่งหลิงหนาน รวมถึงเจ้าเมืองหลิงหนานก็ทราบข่าวการมาของหวังหยวนล่วงหน้าแล้วในเวลานี้พวกเขามารวมตัวกันเพื่อคิดหาวิธีรับมือหวังหยวน!“ท่านเจ้าเมือง คนที่ชื่อว่าอ๋องเป่ยหลิงจะมาแล้ว ครั้งนี้เราจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร?”ในศาลาแห่งนี้ บัดนี้เฉียนทงที่เป็นหัวหน้าตระกูลเฉียนซึ่งเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่เอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น โอวหยางซานผู้เป็นหัวหน้าตระกูลโอวหยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่เช่นกันก็ยิ้มเยาะ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “จะจัดการอย่างไรได้ นอกจากจะใช้วิธีเดิม ในหลิงหนานแห่งนี้ สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล พวกเขาจะทำอะไรเราได้? ตราบใดที่เราไม่ยอม ในบรรดาชาวบ้านยากจนเหล่านั้นจะมีใครกล้ารับเสบียงบรรเทาทุกข์สักชิ้นบ้าง?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉียนทงก็หัวเราะออกมาเบา
“ฮ่าฮ่า พูดได้ตรงประเด็นมาก เคารพเชื่อฟังแต่ไม่ฟังคำสั่ง! เฉียบแหลม เฉียบแหลม!”หลี่ว์ไฉหลิงก็หัวเราะออกมา ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์จึงรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร!ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งเข้ามารายงาน “ใต้เท้า คาราวานของหวังหยวนใกล้จะเข้าเมืองหลิงหนานแล้วขอรับ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ในห้องก็เปลี่ยนสีหน้า“เร็วเกินไปจริง ๆ! ไปกันเถิด พวกเราต้องไปต้อนรับ!”หลังจากที่หลี่ว์ไฉหลิงพูดจบก็พาคนทั้งสองเดินออกไปด้านนอกขณะเดียวกัน หวังหยวนและคณะก็อยู่ห่างจากเมืองหลิงหนานไม่ถึงสิบกิโลเมตรแล้ว อีกเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะเข้าเมืองได้จู่ๆ จ้าวจือจิ้งก็พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พวกเราต้องเตรียมตัวอะไรบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวจือจิ้งหวั่นเกรง!เขารู้ดีว่าเจ้าของที่ดินและเศรษฐีเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด บางเรื่องไม่ง่ายที่จะจัดการเลย หากขัดขวางพวกเขา อาจจะ...ถึงแก่ชีวิตได้!เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ“ใต้เท้าจ้าว ท่านวางใจเถิด เชื่อข้าเถิดแล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”เมื่อหวังหยวนพูดจบ จ้าวจือจิ้งก็รีบพูดว่า “ท่านอ๋อง ที่นี่คือหลิงหนาน พวกเรามีคนเพียงไม่กี่สิบคน หากเกิดการ
“ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของท่าน!”“ถือเสียว่าข้าขอขมาลาโทษ!”หวังหยวนเย้ยหยัน หรือว่าเจ้าผู้นี้คิดว่าเงินทองซื้อได้ทุกอย่าง?หวังหยวนเตะเข้าที่ข้อมือของเขา ตั๋วเงินปลิวว่อน ผู้คนที่มุงดูต่างกรูกันเข้ามาแย่งชิง!สถานการณ์ช่างอลหม่าน!เฉินเทียนรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ!เงินจำนวนมากถูกคนอื่นแย่งชิงไปหมดแล้วหรือ?ในใจเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?“ท่านผู้นำ จะจัดการกับมันอย่างไรดีขอรับ?”เกาเล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว“พาตัวเขาไปหาตระกูลเฉิน ข้าอยากรู้ว่าเฉินเจิ้นหนานผู้นี้มีความสามารถมากเพียงใด!”“ถึงกล้าปล่อยให้ลูกชายอาละวาดในเมืองอู่เจียง!”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชาหากเขามาไม่ถึงที่นี่คงไม่ยุ่งเรื่องวุ่นวายของชาวบ้านเช่นนี้ แต่ในเมื่อเขามาถึงเมืองอู่เจียงแล้ว ที่นี่ก็เป็นเขตของเขา เมื่อพบเจอคนพาล ย่อมไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ!เหงื่อเม็ดโตหยดลงมาจากหน้าผากของเฉินเทียนไม่หยุดขอเพียงไม่เอาชีวิตเขาก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ว่าหวังหยวนจะมีความสามารถล้นฟ้าหรือไม่ เมื่อไปถึงตระกูลเฉิน หวังหยวนย่อมไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน!ในเมืองอู่เจียง ไม่มีใครไม่ให้เกียรติ
เฉินเทียนที่เพิ่งถูกหวังหยวนสั่งสอนวิ่งนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งมา ปรากฏว่าเขาพาบ่าวไพร่มาล้อมพวกหวังหยวนไว้เกาเล่อมองไปที่หวังหยวน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยเห็นเฉินเทียนมาก่อน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มาหาเรื่องพวกเขาหรือว่าเป็นเพราะหวังหยวน?แต่หวังหยวนเพิ่งมาถึงเมืองอู่เจียง จะสร้างศัตรูเร็วเช่นนี้เลยหรือ?หวังหยวนไม่ได้อธิบาย เพียงแต่จ้องมองไปที่เฉินเทียนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีเวลาสนใจเจ้า รีบไสหัวไปซะ!”“ไม่เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ได้ยินเช่นนั้น เฉินเทียนไม่เพียงไม่กลัว กลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!เขาชี้หน้าหวังหยวนแล้วกล่าวเยาะเย้ย “สมองเจ้าโดนลาเตะมาหรือ?”“เจ้าดูสิว่าที่นี่คือที่ใด!”“ดูฐานะของข้าด้วย!”“ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิน!”“ในเมืองอู่เจียง นอกจากสามตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่ผู้ว่าราชการเมือง เมื่อเจอข้าก็ยังต้องพูดจาด้วยความเคารพ!”“เจ้าเป็นใครไม่ทราบ?”สีหน้าของเกาเล่อพลันเปลี่ยนไปทั่วทั้งใต้หล้ามีสักกี่คนที่กล้าพูดกับหวังหยวนเช่นนี้ ช่างบังอาจนัก!ในพริบตาก็เห็นเขาวิ่งไปหาเฉินเทียนอย่างรวดเร็ว และเตะเข้าที่หน้าอกของเฉินเทียน!เฉินเ
แม้แต่หวังหยวนก็ไม่กล้ากระโดดลงมาจากชั้นสามโดยง่าย !แต่เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะประเมินแม่นางหรูเยียนต่ำเกินไป นางกลับเหาะหนีไปต่อหน้าต่อตา!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“ดูท่าต้องหาวิธีอื่นแล้ว!”หวังหยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็เตรียมลงไปชั้นล่างอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็จำใบหน้าของแม่นางหรูเยียนได้แล้ว แค่บอกกล่าวกับเกาเล่อ ต่อไปก็ยังสามารถตามหาตัวนางได้นางคิดหนี มีหรือจะง่ายดาย?ไม่มีทางหนีรอดพ้นฝ่ามือของเขาไปได้!หวังหยวนตัดสินใจแน่วแน่ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างในขณะนี้แม่นางหรูเยียนกระโดดลงมาจากชั้นสาม และกำลังหลบอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งโชคดีที่นางเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาและใบหน้ายังคลุมด้วยผ้าขาว ไม่มีใครจำนางได้ จึงไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ“ข้าจำเจ้าได้ หวังหยวนใช่หรือไม่?”“เจ้ารอข้าก่อนเถิด!”“ฟ้ายังมีตา วันหน้าข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า!”“ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าแล้วก้มหัวขอขมาข้า!”“เพื่อให้เจ้ารู้ว่า การบังอาจรุกรานข้ามีผลเช่นไร!”แม่นางหรูเยียนพูดต่ออีกสองสามประโยค จากนั้นไม่เอ่ยคำใดอีก เดินลึกเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว!ในเมืองอู่เจียง หวังหยวนมีอำนาจล้นฟ้า หากเขาต้อ
“เจ้าช่างสมควรตายจริง ๆ...” แม่นางหรูเยียนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหวังหยวนที่ดูจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่น นางก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธไว้นางครุ่นคิดด้วยความลังเลชั่วครู่ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ว่ามาเถิด ท่านปรารถนาจะรู้เรื่องใดจากข้า?”หวังหยวนเผยยิ้มมุมปาก “ไม่ยากเลย ข้าเพียงต้องการรู้ที่ตั้งของพรรคทมิฬเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งสิ้น”“เจ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพรรคทมิฬมากและเชื่อมั่นในความสามารถของสาวกพรรคทมิฬ ต่อให้เจ้าจะบอกที่ตั้งแก่ข้า เจ้าก็คงมั่นใจว่าเบื้องบนย่อมรับมือได้ ดังนั้นการเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่มีผลอะไรไม่ใช่หรือ?” แม่นางหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะวางแผนโจมตีพรรคทมิฬ! หากเขารู้ที่ตั้งฐานทัพของพรรคทมิฬ พรรคทมิฬคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขาเป็นแน่! ยิ่งช่วงนี้สาวกพรรคทมิฬได้ออกอาละวาดทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้าด้วย ไม่ใช่แค่หวังหยวน แม้แต่ราชวงศ์ต้าเย่และต้าเป่ยต่างก็ต้องการกำจัดพรรคทมิฬให้สิ้นซาก!หวังหยวนและคนเหล่านั้นต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันหากพวกเขาร่วมมือกัน พรรคทมิฬคงถึงคราวต้องลำบาก...
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”