อู๋หลิงนึกถึงคนหลายคน แต่สุดท้ายเขาก็รู้แล้วว่าควรจะให้ใครมาคอยจับตามองเซิ่งฟางสี่!“เสนาบดีฝ่ายซ้าย หยางเฟิ่งกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”สำหรับหยางเฟิ่งกั๋วนั้น อู๋หลิงเคารพนับถือมากที่สุด!เพราะคนผู้นี้มีต้าเย่อยู่ในใจ ทุกสิ่งที่คิดจึงเป็นไปเพื่อต้าเย่ ไม่เหมือนเสนาบดีฝ่ายขวาที่ยังคิดอยู่ว่าจะเพิ่มอำนาจของตนเองได้อย่างไร!การตัดสินใจหลายอย่างของเสนาบดีฝ่ายขวานั้นช่างไร้สาระ มักเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จนส่งผลให้เส้นทางการเป็นขุนนางของหวังหยวนต้องถูกทำลาย!แน่นอนว่ารากฐานของเรื่องนี้ยังคงเกิดจากความไม่มองการณ์ไกลของฮ่องเต้ซิงหลงด้วย เสนาบดีฝ่ายขวาเพียงแค่ต้องการได้รับความโปรดปราน จึงยกยอปอปั้นโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรมเลยจริง ๆ!แต่หยางเฟิ่งกั๋วไม่ใช่คนเช่นนั้น!สำหรับเรื่องนี้ในตอนนั้น บางคนก็อยู่ฝ่ายเขาแต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ฝ่ายยุยงฮ่องเต้ซิงหลง!แม้ว่าเขาจะถูกต่อว่าแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจเดิม!นี่คือจิตสำนึกที่ข้าราชบริพารควรมี!ไป๋เหยียนเฟยที่ได้ฟังคำตอบก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ“ไม่เลวเลย หยางเฟิ่งกั๋วซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมจริง ๆ คงสามารถจับตาดูเซิ่งฟางส
หลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วพูดจบ นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น!ไป๋เหยียนเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจ นางรีบเดินไปหาหยางเฟิ่งกั๋วด้วยตนเองแล้วยื่นมือออกไป“ข้ารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ทำงานอย่างหนักเพื่อต้าเย่ โปรดรีบลุกขึ้นมาเถิด!”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ หยางเฟิ่งกั๋วก็รู้สึกปลื้มปีติ!“ฮองเฮา ท่าน...”ไป๋เหยียนเฟยฟังแล้วก็ยิ้มก่อนพูดว่า “อันที่จริงนี่แหละคือจุดประสงค์ของการเชิญเจ้ามา”“ตระกูลเซิ่งต้องการสงบศึกและภักดีต่อต้าเย่ของเรา!”หลังจากพูดเช่นนี้หยางเฟิ่งกั๋วก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก!“เยี่ยมมาก! ถ้าตระกูลเซิ่งเข้าร่วมกับเรา เราจะสามารถต่อสู้กับตระกูลไป๋ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“ฮองเฮา ตระกูลเซิ่งทะเยอทะยานมาก เราต้องใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์!”“กระหม่อมขอแนะนำให้เซิ่งฟางสี่อยู่ในราชสำนักและเซิ่งตงฉยงเฝ้าชายแดน ด้วยวิธีนี้เราจึงจะสามารถควบคุมตระกูลเซิ่งได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยางเฟิ่งกั๋วฉลาดมาก ไป๋เหยียนเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะ“เสนาบดีฝ่ายซ้าย คำพูดของเจ้าตรงกับที่ข้าตั้งใจไว้จริง ๆ” “แต่การเก็บเซิ่งฟางสี่ไว้ในราชสำนักนี้ย่อมจะต้องมีตำแหน่งขุนนาง ดังนั้นข้าจึ
ไป๋เหยียนเฟยมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา!บางคนกำลังคิดถึงต้าเย่และบางคนก็กำลังคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง!แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องก็ได้ข้อสรุปแล้ว!ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร ไป๋เหยียนเฟยก็จะไม่สนใจ!“เรื่องนี้ได้รับการสรุปแล้ว หากพวกเจ้าคนใดมีเรื่องจะพูดก็มาพบข้าที่ห้องตำราหลวงได้ตลอดเวลา!”“จบประชุม!”ไป๋เหยียนเฟยจากไปทันที และคำสั่งทั้งสองนี้ก็ถูกประกาศออกไป!ในขณะนี้เซิ่งฟางสี่มีจวนอยู่อาศัยแล้ว ซึ่งเป็นจวนประจำตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้าย โดยปกติแล้วจวนระดับนี้ควรอยู่นอกจวนขุนนางชั้นสูงแต่จวนของเซิ่งฟางสี่นั้น ด้านซ้ายอยู่ติดกับจวนของอู๋หลิง ด้านขวาอยู่ติดกับจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายและได้รับการปกป้องโดยกองทหารรักษาพระองค์สามพันคน!เซิ่งฟางสี่รู้ว่านี่คือวิธีการที่ไป๋เหยียนเฟยใช้เนื่องจากนางยังไม่ค่อยไว้ใจเขาเขารู้มานานแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ใส่ใจมากนักแต่สีหน้าของเขายังคงเผยให้เห็นความสิ้นหวังเช่นเดิม!ขณะนี้ในห้องตำราหลวง คำสั่งแต่งตั้งเซิ่งตงฉยงถูกจัดเตรียมเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ภายในนำคำสั่งไปส่งให้เขา!ไป๋เหยียนเฟยเรียกอู๋หลิง!นางวางแผนจะให้อู๋หลิงไปส่งคำ
อู๋หลิงก้าวเข้ามาพร้อมราชโองการในมือ“เซิ่งตงฉยง รับราชโองการ!”อู๋หลิงกล่าวกับเซิ่งตงฉยงทันทีเซิ่งตงฉยงเหลือบมองอู๋หลิงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก แม้ว่าเขาจะปลอบใจตัวเองมากมายเพียงใด แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก!“ว่าอย่างไร เซิ่งตงฉยง เจ้าคิดจะยืนรับพระราชโองการหรืออย่างไร?”อู๋หลิงเหลือบมองเซิ่งตงฉยงอย่างเย็นชา เขาเข้าใจดีว่าเซิ่งตงฉยงคิดอย่างไร!ชายผู้นี้เปรียบเสมือนเทพสงครามของตระกูลเซิ่งผู้ที่หวังจะพิชิตโลกในอนาคต!แต่บัดนี้กาลเวลาทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว!เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ฟังดังนั้นก็ยกยิ้ม“ไม่บังอาจ เพียงแต่ตกใจเท่านั้น!”“กระหม่อมรับราชโองการ!”เมื่อเซิ่งตงฉยงกล่าวจบก็คุกเข่าลง!แต่การคุกเข่าครั้งนี้ ศีรษะของเขาก้มต่ำแต่ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก!“เซิ่งตงฉยง ข้าจะไม่พูดมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นขุนพลประจำชายแดน ส่วนหยางเซ่อจะเป็นแม่ทัพ ต่อไปนี้การจัดการเมืองชายแดนจะขึ้นอยู่กับหยางเซ่อ”อู๋หลิงกล่าวจบก็ส่งราชโองการให้เขา จากนั้นจึงไปนั่งบนที่นั่งประธานเซิ่งตงฉยงรับราชโองการมาถือไว้โดยไม่เอ่ยคำใด“เซิ่งตงฉยง บิดาของเจ้าในเมืองหลวงยั
เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ฟังคำพูดนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกแม้ว่าเขาจะเกลียดหวังหยวนมาก แต่เซิ่งตงฉยงก็รู้ดีว่าสิ่งที่อู๋หลิงพูดนั้นเป็นความจริง!ความสามารถของหวังหยวนนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบได้!และสิ่งที่ทำให้เซิ่งตงฉยงสงสัยมากที่สุดก็คือเหตุใดเขาจึงไม่มีความคิดที่จะครอบครองแผ่นดิน!ไม่เช่นนั้นตระกูลไป๋คงจะถูกกำจัดไปนานแล้ว!ทั้งสองร่ำสุราด้วยกันเป็นเวลานานและพูดคุยกันมากมายหากไม่นับเรื่องสถานะและปัญหาอื่น ๆ อู๋หลิงและเซิ่งตงฉยงก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน!ทั้งสองเป็นวีรบุรุษในยุคนี้ เมื่อเทียบกับหวังหยวนแล้ว พวกเขาอาจจะหาจุดร่วมกันได้มากกว่า!เพราะพวกเขากับหวังหยวนนั้นแตกต่างกันมาก!แม้แต่ตอนที่อู๋หลิงเผชิญหน้ากับหวังหยวน เขาก็ยังไม่สามารถหาจุดร่วมได้เลย!เพราะในใจของเขา เขาได้มองหวังหยวนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว แล้วเขาจะเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้อย่างไร?ตระกูลไป๋ย่อมรับรู้การเปลี่ยนแปลงในต้าเย่แล้ว!ไป๋เจิ้นถังสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วมองไปยังไส้ศึกด้วยสายตาเย็นชา!“เป็นไปตามคาด ต้าเย่ได้พิชิตตระกูลเซิ่งสำเร็จแล้ว!”“จากนี้ไปตระกูลไป๋ของเราไม่เพียงแค่ต้องเ
“แต่ว่าเมื่อสิ้นตระกูลเซิ่งแล้ว ต้าเย่ก็จะกลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด!”“แม้ว่าจะมีเพียงสามดินแดน แต่ก็ยังคงเป็นหนามยอกอกสำหรับตระกูลไป๋อยู่และการจะดึงหนามนี้ออกก็ยากเหลือเกิน!”หลายคนต่างก็พูดขึ้นมาทีละคนด้วยความชื่นชมในสายตา!“การกระทำของหวังหยวนครั้งนี้ได้ทำให้สถานการณ์ของต้าเย่กลับมาสมดุลอีกครั้ง ข้าคิดว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะว่าตระกูลเซิ่งนั้นอยู่อย่างไม่สงบ ความจริงแล้วการที่สามอาณาจักรเผชิญหน้ากันสามฝ่ายนั้นเป็นสถานการณ์ที่สมดุลมากที่สุด!”“แต่ตระกูลเซิ่งล่ะ? พวกเขาก่อเรื่องอยู่ตลอดเวลา หวังหยวนจึงวางแผนกำจัดตระกูลเซิ่งเพื่อให้ไปรวมเข้ากับต้าเย่!”“เมื่อมองเช่นนี้ต้าเย่คงจะล่มสลายได้ยากเสียแล้ว!”อ๋องหลงซีหัวเราะออกมา โดยมีความชื่นชมฉายแววในดวงตาของเขาเช่นกัน!“หวังหยวนผู้นี้ช่างเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ ครั้งนี้ตระกูลไป๋คงโกรธมากเป็นแน่ ที่ไม่เพียงแต่จะไปทำให้หวังหยวนขุ่นเคืองเท่านั้น แต่ยังได้ส่งตระกูลเซิ่งซึ่งเป็นเสือบาดเจ็บให้กับคู่แข่งอีกด้วย!”“โดยที่ฝ่ายพวกเขาทำมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ได้มาเพียงแค่หนึ่งดินแดน!”“ดูเหมือนฝ่ายพวกเขาจะเป็นอาณาจักรที่แข
ทุกคนที่กำลังยืนอยู่ณ ที่นี้กำลังมองหวังหยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!แม้ว่าดินแดนเดียวจะไม่กว้างใหญ่นัก แต่ก็ดีที่ตั้งแต่นี้ไปจะเป็นแผ่นดินของพวกเขาเอง!หวังหยวนมองทุกคนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“เราได้ครอบครองเมืองหลิงอย่างสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่นี้ไปเราไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนอีกต่อไปแล้ว”“แน่นอนว่า... ย่อมไม่มีใครกล้าดูถูกเราอยู่แล้ว”หวังหยวนพูดประโยคแรกจบก็แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเขาอย่างชัดเจน!เป็นอิสระ!มีอิสรภาพ!ทุกคนรอบกายต่างก็ระงับความตื่นเต้นของตัวเองไว้จึงไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าหวังหยวนยังมีอะไรจะพูดอีก!“ครั้งหนึ่งข้าไม่เคยคิดที่จะครอบครองแผ่นดินแม้แต่แห่งเดียว แต่มีคำกล่าวที่ว่าเสือยิ่งแข็งแกร่ง เขี้ยวก็ยิ่งแหลมคม หลายคนจึงกังวลและหวาดกลัวพวกเรา!”“แม้ว่าพวกเราจะเป็นเสือที่เชื่องแต่ก็ยังมีบางคนที่หวาดกลัวอยู่!”“ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาลงมือจัดการเรา เราก็ควรเป็นเสือดุร้ายที่ครอบครองดินแดนสักแห่งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่กว้างใหญ่นักแต่ก็เพียงพอให้พวกเราอยู่รอด!”“เพียงแต่ว่าดินแดนของเรานั้นค่อนข้างแห้งแล้ง!”“และในเวลานี้ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือพัฒนาด้านการค้า
“คุณชายหวัง ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”หลังจากนั้นหวังหยวนก็มองวังไห่เทียน!“พี่วัง เรื่องจัดตั้งโรงเรียนเอกชนในเมืองหลิงที่ทั้งชายและหญิงสามารถเรียนหนังสือได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ขอให้ท่านและวังฉงโหลวรับผิดชอบร่วมกันได้หรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดประโยคนี้จบ วังไห่เทียนก็ตอบรับโดยไม่ลังเล!นอกจากวังไห่เทียนแล้วยังมีอาจารย์อาวุโสคนอื่น ๆ ที่มีความสุขมากอีกด้วย!สิ่งที่พวกเขาเต็มใจทำมากที่สุดก็คือการสอนหนังสือและให้ความรู้ผู้คน!“ไม่มีปัญหา!”“พี่หยวน ท่านวางใจได้เลย!”วังไห่เทียนและวังฉงโหลวหัวเราะอย่างร่าเริงแล้วพยักหน้าทันที“เกาเล่อ องค์กรเครือข่ายผีเสื้อต้องยังคงดำเนินต่อไป และภายในเมืองหลิงก็ต้องจัดวางสายลับของเราด้วย การเคลื่อนไหวทุกอย่างต้องรายงานทั้งหมด!”เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน เกาเล่อก็พยักหน้าเช่นกันโดยไม่ลังเล!“และให้แจ้งว่าภาษีของเมืองหลิงนั้นเราคิดเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ส่วนอีกเก้าส่วนให้เป็นของราษฎรไป!”“ทุกคนจะได้รับการสนับสนุนด้านการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ หากมีประโยชน์ก็ย่อมมีกำลังใจในการทำต่อ!”สิ่งที่หวังหยวนทำนี้เรียกได้ว่าสร้างความตกใจให้กั
“ยิ่งกว่านั้น พวกข้าก็เหมือนคนที่ทรยศ นำดินแดนของเผ่าตัวเองมาถวายท่าน หากกลับไปเผ่า คงไม่อาจอธิบายกับสมาชิกเผ่าได้!”“ท่านเป็นผู้ปกครอง ย่อมรู้ดีว่าหากสูญเสียใจของผู้คนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”ไท่สื่อลี่จ้องมองหวังหยวน ใบหน้าแสดงความกังวลว่าหวังหยวนจะโกรธอยู่เสมอหวังหยวนโบกมือด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “จริงอย่างที่ท่านว่า แต่ข้าไม่ได้คิดจะปกครองเผ่า เพียงแต่ต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกท่านเท่านั้น!”“ข้าจะคอยช่วยเหลือให้เผ่าของพวกท่านพัฒนาขึ้น ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการก็ง่ายมาก คือหากข้าต้องการความช่วยเหลือ พวกท่านต้องช่วยเหลือข้าโดยไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้ท่านคงเข้าใจแล้วกระมัง?”เป็นเช่นนี้เอง!ไท่สื่อลี่เข้าใจในทันที นี่ช่างเป็นข้อเสนอที่ดี!ตราบใดที่หวังหยวนไม่เข้ามายุ่งเรื่องภายใน แถมยังคอยช่วยเหลือ ใครบ้างจะไม่ยอมร่วมมือด้วย?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าจะรับหน้าที่นี้เอง ประเดี๋ยวข้าจะไปปรึกษากับพวกพ้อง บอกความคิดของท่านให้พวกเขารู้ก่อนนะขอรับ!”“พวกเขาล้วนเป็นคนมีเหตุผล คงจะให้คำตอบที่ท่านพอใจ!”“จะไม่ทำให้ท่านหวังผิดหวังขอรับ!”หวังหยวนตบบ่าไท่สื่อลี่ด้วยความพึงพอใจ เพียงแค่
“ท่านหวัง ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ มีเรื่องใดจะปรึกษาหรือขอรับ?”“หรือว่าข้าเผลอทำสิ่งใดผิดพลาด จนทำให้ท่านไม่พอใจ?”ไท่สื่อลี่มองหวังหยวนด้วยความหวาดหวั่น พลางเอ่ยถามตะกุกตะกักหวังหยวนมีภูมิหลังและอำนาจยิ่งใหญ่ แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังหยวน เขาก็ทำได้เพียงถ่อมตนเหมือนเด็กน้อยเกรงว่าจะทำให้หวังหยวนไม่พอใจ สุดท้ายตนเองก็จะไม่ได้ประโยชน์ ผลลัพธ์ย่อมเป็นไปในทางที่ไม่ดี!หวังหยวนโบกมืออย่างใจเย็น เดินไปข้างกายไท่สื่อลี่ รินสุราให้เขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านไท่สื่อไม่ต้องกังวลหรอก”“ที่ข้าให้ท่านอยู่ต่อ เพราะมีเรื่องอยากปรึกษาหารือด้วย แต่จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ”“ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็จะไม่กระทบความสัมพันธ์ของเรา”หวังหยวนตบบ่าไท่สื่อลี่ พลางกล่าวไท่สื่อลี่พยักหน้า ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านหวังมีเรื่องใดจะปรึกษาหรือขอรับ?”ตอนนี้เขารู้สึกกังวลใจ ไม่สามารถคาดเดาความคิดของหวังหยวนได้ครู่ต่อมา หวังหยวนก็กล่าวตามตรง “แท้จริงแล้วเป็นเรื่องง่ายมาก ที่ข้ามาที่นี่ ไม่เพียงเพื่อช่วยราชวงศ์ต้าเย่เท่านั้น แต่เพื่อช่วยเหลือตัวเองด้ว
แม้แต่ในอากาศยังคงมีกลิ่นคาวเลือด!หวังหยวนเชื่อมั่นในความสามารถของเกาเล่อ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยเจอเจียงเซี่ยวมาก่อน คาดว่าเกาเล่อคงตรวจสอบแล้วว่าไม่ผิดตัว เขาจึงไม่ได้สนใจดูอีก!หวังหยวนกวาดสายตามองกลุ่มคนตรงหน้า ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขณะโบกมือให้ทุกคน แล้วชี้ไปที่ที่นั่งสองข้าง “ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่ใช่เสือดุร้ายกินคน ไม่ต้องเกรงใจกันเกินไป นั่งลงได้เลย!”“ขอบพระคุณท่านหวัง!”ทุกคนกล่าวขอบคุณ แล้วนั่งลงหวังหยวนนั่งบนบัลลังก์ ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่าพวกท่านต่อต้านราชวงศ์ต้าเย่มาตลอด ถึงขั้นจะเอาชีวิตกัน แต่พอได้ยินว่าข้ามาก็ยอมแพ้เลยหรือ?”“หรือว่าชื่อเสียงของข้าเลื่องลือมาก เมื่อรู้ว่าต้องสู้กับข้าจึงยอมสยบเลยงั้นหรือ?”หวังหยวนรู้สึกค่อนข้างภูมิใจหากเรื่องนี้เล่าลือออกไปคงเป็นเรื่องเล่าขานกันเป็นตำนาน!ทุกคนมองหน้ากัน คนที่อยู่ใกล้หวังหยวนที่สุดกล่าว “ใช่แล้ว!”“พวกข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับท่านหวัง ยิ่งกว่านั้น พวกข้ารู้ดีว่าพวกข้ากับท่านหวังต่างชั้นกัน หากเปิดศึก แม้จะใช้ภูเขาเป็นกำแพง ป้องกันทุกวิถีทาง แต่คงไม่สามารถต้านทานได้นาน!”“ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมคาดเดาได
“เมื่อครู่มีกลุ่มคนมา ข้าเข้าไปสอบถามจึงรู้ว่าเป็นหัวหน้าเผ่าใหญ่!”“ตอนนี้พวกเขาได้ฆ่าเจียงเซี่ยวผู้นำพันธมิตรแล้ว และต้องการเจรจาสงบศึกกับพวกเรา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นว่าอย่างไรขอรับ?”เกาเล่อกล่าวด้วยรอยยิ้มศัตรูแตกคอกันเอง ช่างเป็นเรื่องดี!ไม่เพียงแต่ลดการสูญเสียเท่านั้น แต่ยังไม่ทำให้เกิดความแค้นกับชนเผ่าเหล่านี้ด้วย ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการควบคุมดินแดนในอนาคต!ดวงตาของหวังหยวนเป็นประกาย เขารีบเดินไปหาเกาเล่อ แล้วจับมือเขาไว้ด้วยความตื่นเต้น “เจ้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วหรือ? จะมีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”“ไม่มีแน่นอน!”เกาเล่อรีบส่ายหน้า “ก่อนมาที่นี่ ข้าได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ในกลุ่มพันธมิตรนี้ ย่อมรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดีขอรับ!”“ครั้งนี้พวกเขานำหัวของเจียงเซี่ยวมาให้ และเจียงเซี่ยวก็เป็นผู้นำพันธมิตรจริง ๆ!”“หากท่านไม่เชื่อ คุณหนูไป๋คงยืนยันได้ พวกนางสู้รบกับชนเผ่าทางเหนือมาตลอด คงคุ้นเคยกับศัตรูดีใช่หรือไม่?”ขณะที่กล่าว เกาเล่อก็มองไปที่ไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีไม่ลังเล รีบพยักหน้าทันที“ถูกต้อง!”“ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเจียงเซี่ยว เขาไม
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน