สรุปได้ว่าเรื่องนี้ต้องรายงานต่อราชสำนักเท่านั้น เพราะหมดหนทางแล้ว!เช้าวันรุ่งขึ้นในราชสำนักยามเช้าไป๋เจิ้นถังสวมชุดราชสำนักนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขามองขุนนางที่ทำความเคารพเขา จากนั้นโบกมือพูดว่า “เหล่าขุนนางทั้งหลาย วันนี้มีอะไรจะรายงานหรือไม่?”ผู้พูดคนแรกคือขุนนางชั้นผู้ใหญ่จางที่มีสีหน้าจริงจังมาก เขารีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อรายงาน “ฝ่าบาท จู่ ๆ ก็มีโจรจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อปล้นเส้นทางการค้าพ่ะย่ะค่ะ!”“หลังจากที่ศาลาว่าการเรียนรู้ทราบเรื่องนี้ จึงเริ่มการสอบสวนทันที แต่ไม่พบอะไรเลย สิ่งที่แปลกก็คือเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วอาณาจักรต้าเป่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“อะไรนะ มีคดีเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ?”สีหน้าของไป๋เจิ้นถังเคร่งขรึมมาก เขาขมวดคิ้วพูดว่า “ผลกระทบของเรื่องนี้เลวร้ายยิ่งนัก”“ไป๋ชิงชาง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋เจิ้นถังอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เรื่องนี้จะยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าในการสอบสวน เราจะต้องค้นหาความจริงของเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อหยุดเหตุการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป และให้คำอธิบายแก่ประชาชน”“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”ไป๋ชิงชางเตรียมสอบสวนทันทีหลังจากได้รับคำสั่
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงหยุดข้าล่ะ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะจับพวกมันให้หมด!”ไป๋เฟยเฟยขมวดคิ้วมองไป๋ชิงชาง ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไรสีหน้าของไป๋ชิงชางยังคงเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกชัดเจน “เจ้าอย่าเพิ่งพูด ดูให้ดีก่อน”ไป๋เฟยเฟยนั่งยอง ๆ ด้วยความสงสัย และมองเหตุการณ์ลงมาจากภูเขาอย่างสงสัยแล้วได้เห็นว่าหลังจากกลุ่มโจรปล้นขบวนบรรทุกไม้แล้วก็ไม่ได้มองขบวนของหวังหยวนเลย แต่กลับขนของที่พวกเขาเพิ่งได้มาจากไปจากที่นี่ด้วยความหยิ่งผยอง!ไป๋เฟยเฟยสะดุ้งทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้!นางถามด้วยความไม่เชื่อ “นี่... นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเขาไม่ปล้นขบวนของหวังหยวนล่ะ?”“นั่นแหละที่ข้าสับสน”ไป๋ชิงชางขมวดคิ้วพูด “ต้องจับคนเหล่านั้นก่อน!”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางผุดลุกขึ้นทันที แล้วไล่ล่าพวกโจรไปทางที่เพิ่งหนีไป!เดิมทีพวกเขาต้องการติดตามโจรกลุ่มนี้เพื่อดูว่ากำลังจะไปที่ไหน แต่คนกลุ่มนี้กลับระมัดระวังมาก เมื่อรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม พวกเขาก็ทิ้งของในมือแล้ววิ่งหนีแตกกลุ่มกันไปอย่างบ้าคลั่งทันที!“หยุดนะ!”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางวิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เตะโจรคน
“ได้เจ้าค่ะ”ในขณะนี้หวังหยวนกำลังอาบแดดอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านเขาเขาเองก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วเช่นกัน“พี่หยวน ท่านรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”สีหน้าของเกาเล่อจริงจังมาก ขณะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “โจรเหล่านั้นจงใจปล้นผู้อื่น แต่ไม่ปล้นคาราวานของเรา พวกเขาถูกจัดระเบียบโดยมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจพุ่งเป้าโจมตีเรา”นัยน์ตาของหลี่ซื่อหานก็ฉายแววกังวลเช่นกัน นางลังเลก่อนกล่าวเสริม “และเมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินมาว่ามีกองคาราวานจำนวนมากเริ่มใส่ร้ายเรา พวกเขารู้สึกว่าพวกเราเป็นผู้ยุยงเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง และต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเราแน่นอน!”หวงเจียวเจียวที่อยู่ด้านข้างก็เคร่งเครียดเช่นกันหูเมิ่งอิ๋งรินชาสองสามถ้วยยกมาให้ หลังจากได้ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันก็รู้สึกกังวลในใจ“พี่หยวน ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของคนจากตระกูลเซิ่ง!”สายตาของเกาเล่อดูมั่นใจมาก สีหน้ายังคงหงุดหงิด ขณะพูดด้วยความโกรธ “พวกคนในตระกูลเซิ่งกลุ่มนี้ล้วนทะเยอทะยานมาก!”“พวกเขายังคงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ และจงใจมุ่งเป้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เมื่อมีเสียงเคาะประตู หูเมิ่งอิ๋งรีบวางสิ่งที่นางถืออยู่ทันที แล้วเดินไปเปิดประตูหลังจากเปิดประตูแล้วเห็นไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบโค้งคำนับด้วยความเคารพทันที และพูดอย่างสุภาพ “ฝ่าบาททั้งสองเสด็จมาแล้ว โปรดรีบเข้ามาเถิดเพคะ!”“ต้องขอรบกวนด้วย”ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยเดินเข้าประตูไป พร้อมกับการต้อนรับของหูเมิ่งอิ๋งเมื่อหวังหยวนเห็นทั้งสองคนมาเยี่ยมก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มทันที แล้วพูดอย่างสุภาพ “ข้าเดาว่าพวกท่านทั้งสองคงรู้เรื่องกองคาราวานถูกปล้นแล้วใช่หรือไม่?”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางมองหน้ากัน จากนั้นก้าวเข้ามาพูดกับหวังหยวนอย่างสุภาพ “คุณชายหวัง ท่านพูดถูกแล้ว พวกเรารู้เรื่องนี้จึงมาที่นี่เพื่อพบท่าน และถามว่าท่านมีความคิดเห็นเช่นไร”หวังหยวนบอกให้ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางนั่งลงก่อน จากนั้นรินชาสองถ้วยยื่นให้พวกเขา“ขอบคุณคุณชายหวัง”ไป๋ชิงชางดื่มชา เมื่อหวังหยวนเห็นสีหน้าจริงจังของเขาจึงกล่าวว่า “ไท่จื่อ พูดตามตรงคือข้าได้ตั้งสมมติฐานบางอย่างไว้ในใจแล้ว”“เรื่องนี้อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับตระกูลเซิ่ง”“ท่านพูดถูกแล้ว”ไป๋ชิงชางพยักหน้าและต
จู่ ๆ ขุนนางคนหนึ่งก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วสีหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่งขณะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ช่วงนี้มีคดีปล้นสะดมเกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายที่ ในตอนนี้ไม่มีเบาะแสที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ แต่กระหม่อมได้ทราบข่าวหนึ่งมาพ่ะย่ะค่ะ!”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ฟังดังนั้นสีหน้าของไป๋เจิ้นถังจึงจริงจังขึ้น ขณะถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้?”“เพราะว่ากระหม่อมได้รับข่าวว่ากองคาราวานที่ถูกปล้นในช่วงนี้ได้พบกับกองคาราวานของหวังหยวนด้วย แต่พวกโจรไม่ได้ปล้นกองคาราวานของหวังหยวนเลย เลือกปล้นแต่ของคนอื่นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าของขุนนางคนนั้นจริงจังมาก เขาขมวดคิ้วและพูดต่อว่า “กระหม่อมจึงคิดว่าบางทีหวังหยวนอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าของขุนนางหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาก็เคร่งขรึมมากเมื่อได้ฟังดังนั้น พวกเขาพูดอย่างไม่พอใจ “กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหวังหยวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“หวังหยวนเปิดเส้นทางการค้ามาก่อน และสามารถขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย บางทีเขาอาจไม่พอใจกับการขนส่งสินค้าได้เพียงอย่างเดียว
ตระกูลเซิ่งรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรต้าเป่ย ไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมได้ด้วยซ้ำ!“นายท่าน อาณาจักรต้าเป่ยเริ่มสงสัยในตัวหวังหยวนแล้ว และเริ่มสงสัยว่าพวกเขาทำอะไรขอรับ!”หงซาที่เป็นคนสนิทของเซิ่งตงฉยงพูดด้วยสายตาสาแก่ใจ“หากเกิดความคลางแคลงใจแล้วก็เพียงแค่รอ แล้วพวกเขาจะค่อย ๆ แตกคอกันเอง ไฟแรงทำให้น้ำมันเดือด แต่ไม่อาจล้มเตาได้!”หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบหงซาก็พยักหน้า“เข้าใจแล้วขอรับ เราควรสั่งให้มีการสังหารสักสองสามคนด้วยจะดีกว่า!”หลังจากที่หงซาพูดจบ เซิ่งตงฉยงก็พยักหน้า“ใช่ ตอนนี้มันเป็นเพียงการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ หากมีคนตายไปสักสองสามคน ความสงสัยก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับแล้ว!”“อย่างที่บอกไปแล้วว่าต้องระวังให้ดี เข้าใจหรือไม่?”เซิ่งตงฉยงยกยิ้มโดยไม่รู้เลยว่าภาพที่เขาเห็นตรงหน้า เป็นสิ่งที่หวังหยวนและไป๋ชิงชางจงใจให้เขาเห็นเช่นนั้นต่างหาก!คลางแคลงใจอะไรกัน?มันเป็นเพียงเรื่องตลก!แม้ว่าไป๋ชิงชางจะเคยสงสัยว่าหวังหยวนจะทำเช่นนั้นหรือไม่อยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าเขาก็เลิกสงสัยไปแล้ว!เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ หวังหยวนจะไม่ทำเรื่องไม่สุจริตเช่นนี้
ไป๋เฟยเฟยพูดตรงประเด็นในทันทีหวังหยวนพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเซิ่งเหล่านั้น ตอนนี้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่ตระกูลเซิ่งจะยังมีการเคลื่อนไหวใหม่อีก และมันยากที่จะคาดเดาว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไรใช่หรือไม่?”หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังแล้วก็หัวเราะ“พี่หวัง ไม่อาจซ่อนอะไรจากสายตาของท่านได้เลยจริง ๆ”คราวนี้ไป๋เฟยเฟยมาหาโดยยังคงปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่ เพราะการมาด้วยรูปลักษณ์นี้ ช่วยให้การโต้ตอบกับหวังหยวนสะดวกสบายยิ่งขึ้นเพราะหากนางมาในรูปลักษณ์หญิงสาวก็อาจจะถือว่าตนเองเป็นผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้มีความคิดมากมายในใจได้ต่างจากการมาเช่นนี้ ที่ทำให้วางตัวได้สบายกว่ามาก“การเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งเป็นเพียงการยั่วยุเรา ความขัดแย้งในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความบาดหมางกัน”“ดังนั้นพวกเขาจะดำเนินการหนักกว่าเดิม และอาจบานปลายไปสู่การฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย!”“ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยกระตุ้นให้เราบาดหมางกันได้!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึง!“ความเป็นความตาย! อาจจะเป็น... ความเป็นความตายของคน
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็พยักหน้า“ไม่ทำแน่นอน ข้า ไป๋เฟยเฟย สัญญาด้วยชีวิตว่าข้าจะไม่ทำให้พี่หวังต้องตกอยู่ในอันตราย!”สิ่งที่ไป๋เฟยเฟยพูดเป็นความจริง!และนางยังเชื่อด้วยว่าพ่อและพี่ชายของนางจะไม่ทำเช่นนั้นด้วย!แต่ว่า...จุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะยืนยันด้วยว่าตระกูลไป๋จะทำอะไรกับเขาหรือไม่!หากพวกเขาคิดไม่ซื่อจริง ๆ หวังหยวนก็ต้องตอบโต้เช่นกัน!อันที่จริงหวังหยวนก็กำลังคิดถึงเรื่องประเภทนี้อยู่เพราะท้ายที่สุดแล้ว การใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจก็ไม่ต่างจากการใกล้ชิดเสือ ใช่ว่าแค่คนเดียวอิ่ม แล้วทั้งครอบครัวจะอิ่มด้วย!มีพี่น้องมากมายติดตามเขาอยู่ และเขาควรคิดถึงเหล่าพี่น้องให้มากกว่านี้!แน่นอนว่ายังมีภรรยาทั้งสามของเขาอีกด้วย!“เช่นนั้นก็ดี”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ไป๋เฟยเฟยจากไปแล้ว หญิงสาวทั้งสามก็มองหวังหยวนด้วยความรู้สึกกังวล“สามี ท่านอยากทำเช่นนี้จริงหรือ? แม้ว่าตระกูลไป๋จะไม่ทำ แต่ว่า... แน่นอนว่าพวกเขากลัวเรา!”“แล้วถ้าพวกเขาเสแสร้งล่ะ...”หวังหยวนได้ฟังแล้วก็ย่อมเข้าใจดี หลังจากหัวเราะเบา ๆ เขาก็พูดว่า “ความจริงแล้วข้าไม่ได้อยา
“ยิ่งกว่านั้น พวกข้าก็เหมือนคนที่ทรยศ นำดินแดนของเผ่าตัวเองมาถวายท่าน หากกลับไปเผ่า คงไม่อาจอธิบายกับสมาชิกเผ่าได้!”“ท่านเป็นผู้ปกครอง ย่อมรู้ดีว่าหากสูญเสียใจของผู้คนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”ไท่สื่อลี่จ้องมองหวังหยวน ใบหน้าแสดงความกังวลว่าหวังหยวนจะโกรธอยู่เสมอหวังหยวนโบกมือด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “จริงอย่างที่ท่านว่า แต่ข้าไม่ได้คิดจะปกครองเผ่า เพียงแต่ต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกท่านเท่านั้น!”“ข้าจะคอยช่วยเหลือให้เผ่าของพวกท่านพัฒนาขึ้น ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการก็ง่ายมาก คือหากข้าต้องการความช่วยเหลือ พวกท่านต้องช่วยเหลือข้าโดยไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้ท่านคงเข้าใจแล้วกระมัง?”เป็นเช่นนี้เอง!ไท่สื่อลี่เข้าใจในทันที นี่ช่างเป็นข้อเสนอที่ดี!ตราบใดที่หวังหยวนไม่เข้ามายุ่งเรื่องภายใน แถมยังคอยช่วยเหลือ ใครบ้างจะไม่ยอมร่วมมือด้วย?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าจะรับหน้าที่นี้เอง ประเดี๋ยวข้าจะไปปรึกษากับพวกพ้อง บอกความคิดของท่านให้พวกเขารู้ก่อนนะขอรับ!”“พวกเขาล้วนเป็นคนมีเหตุผล คงจะให้คำตอบที่ท่านพอใจ!”“จะไม่ทำให้ท่านหวังผิดหวังขอรับ!”หวังหยวนตบบ่าไท่สื่อลี่ด้วยความพึงพอใจ เพียงแค่
“ท่านหวัง ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ มีเรื่องใดจะปรึกษาหรือขอรับ?”“หรือว่าข้าเผลอทำสิ่งใดผิดพลาด จนทำให้ท่านไม่พอใจ?”ไท่สื่อลี่มองหวังหยวนด้วยความหวาดหวั่น พลางเอ่ยถามตะกุกตะกักหวังหยวนมีภูมิหลังและอำนาจยิ่งใหญ่ แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังหยวน เขาก็ทำได้เพียงถ่อมตนเหมือนเด็กน้อยเกรงว่าจะทำให้หวังหยวนไม่พอใจ สุดท้ายตนเองก็จะไม่ได้ประโยชน์ ผลลัพธ์ย่อมเป็นไปในทางที่ไม่ดี!หวังหยวนโบกมืออย่างใจเย็น เดินไปข้างกายไท่สื่อลี่ รินสุราให้เขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านไท่สื่อไม่ต้องกังวลหรอก”“ที่ข้าให้ท่านอยู่ต่อ เพราะมีเรื่องอยากปรึกษาหารือด้วย แต่จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ”“ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็จะไม่กระทบความสัมพันธ์ของเรา”หวังหยวนตบบ่าไท่สื่อลี่ พลางกล่าวไท่สื่อลี่พยักหน้า ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านหวังมีเรื่องใดจะปรึกษาหรือขอรับ?”ตอนนี้เขารู้สึกกังวลใจ ไม่สามารถคาดเดาความคิดของหวังหยวนได้ครู่ต่อมา หวังหยวนก็กล่าวตามตรง “แท้จริงแล้วเป็นเรื่องง่ายมาก ที่ข้ามาที่นี่ ไม่เพียงเพื่อช่วยราชวงศ์ต้าเย่เท่านั้น แต่เพื่อช่วยเหลือตัวเองด้ว
แม้แต่ในอากาศยังคงมีกลิ่นคาวเลือด!หวังหยวนเชื่อมั่นในความสามารถของเกาเล่อ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยเจอเจียงเซี่ยวมาก่อน คาดว่าเกาเล่อคงตรวจสอบแล้วว่าไม่ผิดตัว เขาจึงไม่ได้สนใจดูอีก!หวังหยวนกวาดสายตามองกลุ่มคนตรงหน้า ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขณะโบกมือให้ทุกคน แล้วชี้ไปที่ที่นั่งสองข้าง “ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่ใช่เสือดุร้ายกินคน ไม่ต้องเกรงใจกันเกินไป นั่งลงได้เลย!”“ขอบพระคุณท่านหวัง!”ทุกคนกล่าวขอบคุณ แล้วนั่งลงหวังหยวนนั่งบนบัลลังก์ ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่าพวกท่านต่อต้านราชวงศ์ต้าเย่มาตลอด ถึงขั้นจะเอาชีวิตกัน แต่พอได้ยินว่าข้ามาก็ยอมแพ้เลยหรือ?”“หรือว่าชื่อเสียงของข้าเลื่องลือมาก เมื่อรู้ว่าต้องสู้กับข้าจึงยอมสยบเลยงั้นหรือ?”หวังหยวนรู้สึกค่อนข้างภูมิใจหากเรื่องนี้เล่าลือออกไปคงเป็นเรื่องเล่าขานกันเป็นตำนาน!ทุกคนมองหน้ากัน คนที่อยู่ใกล้หวังหยวนที่สุดกล่าว “ใช่แล้ว!”“พวกข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับท่านหวัง ยิ่งกว่านั้น พวกข้ารู้ดีว่าพวกข้ากับท่านหวังต่างชั้นกัน หากเปิดศึก แม้จะใช้ภูเขาเป็นกำแพง ป้องกันทุกวิถีทาง แต่คงไม่สามารถต้านทานได้นาน!”“ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมคาดเดาได
“เมื่อครู่มีกลุ่มคนมา ข้าเข้าไปสอบถามจึงรู้ว่าเป็นหัวหน้าเผ่าใหญ่!”“ตอนนี้พวกเขาได้ฆ่าเจียงเซี่ยวผู้นำพันธมิตรแล้ว และต้องการเจรจาสงบศึกกับพวกเรา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นว่าอย่างไรขอรับ?”เกาเล่อกล่าวด้วยรอยยิ้มศัตรูแตกคอกันเอง ช่างเป็นเรื่องดี!ไม่เพียงแต่ลดการสูญเสียเท่านั้น แต่ยังไม่ทำให้เกิดความแค้นกับชนเผ่าเหล่านี้ด้วย ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการควบคุมดินแดนในอนาคต!ดวงตาของหวังหยวนเป็นประกาย เขารีบเดินไปหาเกาเล่อ แล้วจับมือเขาไว้ด้วยความตื่นเต้น “เจ้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วหรือ? จะมีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”“ไม่มีแน่นอน!”เกาเล่อรีบส่ายหน้า “ก่อนมาที่นี่ ข้าได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ในกลุ่มพันธมิตรนี้ ย่อมรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดีขอรับ!”“ครั้งนี้พวกเขานำหัวของเจียงเซี่ยวมาให้ และเจียงเซี่ยวก็เป็นผู้นำพันธมิตรจริง ๆ!”“หากท่านไม่เชื่อ คุณหนูไป๋คงยืนยันได้ พวกนางสู้รบกับชนเผ่าทางเหนือมาตลอด คงคุ้นเคยกับศัตรูดีใช่หรือไม่?”ขณะที่กล่าว เกาเล่อก็มองไปที่ไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีไม่ลังเล รีบพยักหน้าทันที“ถูกต้อง!”“ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเจียงเซี่ยว เขาไม
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน