สรุปได้ว่าเรื่องนี้ต้องรายงานต่อราชสำนักเท่านั้น เพราะหมดหนทางแล้ว!เช้าวันรุ่งขึ้นในราชสำนักยามเช้าไป๋เจิ้นถังสวมชุดราชสำนักนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขามองขุนนางที่ทำความเคารพเขา จากนั้นโบกมือพูดว่า “เหล่าขุนนางทั้งหลาย วันนี้มีอะไรจะรายงานหรือไม่?”ผู้พูดคนแรกคือขุนนางชั้นผู้ใหญ่จางที่มีสีหน้าจริงจังมาก เขารีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อรายงาน “ฝ่าบาท จู่ ๆ ก็มีโจรจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อปล้นเส้นทางการค้าพ่ะย่ะค่ะ!”“หลังจากที่ศาลาว่าการเรียนรู้ทราบเรื่องนี้ จึงเริ่มการสอบสวนทันที แต่ไม่พบอะไรเลย สิ่งที่แปลกก็คือเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วอาณาจักรต้าเป่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“อะไรนะ มีคดีเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ?”สีหน้าของไป๋เจิ้นถังเคร่งขรึมมาก เขาขมวดคิ้วพูดว่า “ผลกระทบของเรื่องนี้เลวร้ายยิ่งนัก”“ไป๋ชิงชาง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋เจิ้นถังอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เรื่องนี้จะยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าในการสอบสวน เราจะต้องค้นหาความจริงของเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อหยุดเหตุการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป และให้คำอธิบายแก่ประชาชน”“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”ไป๋ชิงชางเตรียมสอบสวนทันทีหลังจากได้รับคำสั่
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงหยุดข้าล่ะ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะจับพวกมันให้หมด!”ไป๋เฟยเฟยขมวดคิ้วมองไป๋ชิงชาง ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไรสีหน้าของไป๋ชิงชางยังคงเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกชัดเจน “เจ้าอย่าเพิ่งพูด ดูให้ดีก่อน”ไป๋เฟยเฟยนั่งยอง ๆ ด้วยความสงสัย และมองเหตุการณ์ลงมาจากภูเขาอย่างสงสัยแล้วได้เห็นว่าหลังจากกลุ่มโจรปล้นขบวนบรรทุกไม้แล้วก็ไม่ได้มองขบวนของหวังหยวนเลย แต่กลับขนของที่พวกเขาเพิ่งได้มาจากไปจากที่นี่ด้วยความหยิ่งผยอง!ไป๋เฟยเฟยสะดุ้งทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้!นางถามด้วยความไม่เชื่อ “นี่... นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเขาไม่ปล้นขบวนของหวังหยวนล่ะ?”“นั่นแหละที่ข้าสับสน”ไป๋ชิงชางขมวดคิ้วพูด “ต้องจับคนเหล่านั้นก่อน!”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางผุดลุกขึ้นทันที แล้วไล่ล่าพวกโจรไปทางที่เพิ่งหนีไป!เดิมทีพวกเขาต้องการติดตามโจรกลุ่มนี้เพื่อดูว่ากำลังจะไปที่ไหน แต่คนกลุ่มนี้กลับระมัดระวังมาก เมื่อรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม พวกเขาก็ทิ้งของในมือแล้ววิ่งหนีแตกกลุ่มกันไปอย่างบ้าคลั่งทันที!“หยุดนะ!”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางวิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เตะโจรคน
“ได้เจ้าค่ะ”ในขณะนี้หวังหยวนกำลังอาบแดดอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านเขาเขาเองก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วเช่นกัน“พี่หยวน ท่านรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”สีหน้าของเกาเล่อจริงจังมาก ขณะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “โจรเหล่านั้นจงใจปล้นผู้อื่น แต่ไม่ปล้นคาราวานของเรา พวกเขาถูกจัดระเบียบโดยมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจพุ่งเป้าโจมตีเรา”นัยน์ตาของหลี่ซื่อหานก็ฉายแววกังวลเช่นกัน นางลังเลก่อนกล่าวเสริม “และเมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินมาว่ามีกองคาราวานจำนวนมากเริ่มใส่ร้ายเรา พวกเขารู้สึกว่าพวกเราเป็นผู้ยุยงเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง และต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเราแน่นอน!”หวงเจียวเจียวที่อยู่ด้านข้างก็เคร่งเครียดเช่นกันหูเมิ่งอิ๋งรินชาสองสามถ้วยยกมาให้ หลังจากได้ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันก็รู้สึกกังวลในใจ“พี่หยวน ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของคนจากตระกูลเซิ่ง!”สายตาของเกาเล่อดูมั่นใจมาก สีหน้ายังคงหงุดหงิด ขณะพูดด้วยความโกรธ “พวกคนในตระกูลเซิ่งกลุ่มนี้ล้วนทะเยอทะยานมาก!”“พวกเขายังคงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ และจงใจมุ่งเป้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เมื่อมีเสียงเคาะประตู หูเมิ่งอิ๋งรีบวางสิ่งที่นางถืออยู่ทันที แล้วเดินไปเปิดประตูหลังจากเปิดประตูแล้วเห็นไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบโค้งคำนับด้วยความเคารพทันที และพูดอย่างสุภาพ “ฝ่าบาททั้งสองเสด็จมาแล้ว โปรดรีบเข้ามาเถิดเพคะ!”“ต้องขอรบกวนด้วย”ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยเดินเข้าประตูไป พร้อมกับการต้อนรับของหูเมิ่งอิ๋งเมื่อหวังหยวนเห็นทั้งสองคนมาเยี่ยมก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มทันที แล้วพูดอย่างสุภาพ “ข้าเดาว่าพวกท่านทั้งสองคงรู้เรื่องกองคาราวานถูกปล้นแล้วใช่หรือไม่?”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางมองหน้ากัน จากนั้นก้าวเข้ามาพูดกับหวังหยวนอย่างสุภาพ “คุณชายหวัง ท่านพูดถูกแล้ว พวกเรารู้เรื่องนี้จึงมาที่นี่เพื่อพบท่าน และถามว่าท่านมีความคิดเห็นเช่นไร”หวังหยวนบอกให้ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางนั่งลงก่อน จากนั้นรินชาสองถ้วยยื่นให้พวกเขา“ขอบคุณคุณชายหวัง”ไป๋ชิงชางดื่มชา เมื่อหวังหยวนเห็นสีหน้าจริงจังของเขาจึงกล่าวว่า “ไท่จื่อ พูดตามตรงคือข้าได้ตั้งสมมติฐานบางอย่างไว้ในใจแล้ว”“เรื่องนี้อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับตระกูลเซิ่ง”“ท่านพูดถูกแล้ว”ไป๋ชิงชางพยักหน้าและต
จู่ ๆ ขุนนางคนหนึ่งก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วสีหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่งขณะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ช่วงนี้มีคดีปล้นสะดมเกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายที่ ในตอนนี้ไม่มีเบาะแสที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ แต่กระหม่อมได้ทราบข่าวหนึ่งมาพ่ะย่ะค่ะ!”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ฟังดังนั้นสีหน้าของไป๋เจิ้นถังจึงจริงจังขึ้น ขณะถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้?”“เพราะว่ากระหม่อมได้รับข่าวว่ากองคาราวานที่ถูกปล้นในช่วงนี้ได้พบกับกองคาราวานของหวังหยวนด้วย แต่พวกโจรไม่ได้ปล้นกองคาราวานของหวังหยวนเลย เลือกปล้นแต่ของคนอื่นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าของขุนนางคนนั้นจริงจังมาก เขาขมวดคิ้วและพูดต่อว่า “กระหม่อมจึงคิดว่าบางทีหวังหยวนอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าของขุนนางหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาก็เคร่งขรึมมากเมื่อได้ฟังดังนั้น พวกเขาพูดอย่างไม่พอใจ “กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหวังหยวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“หวังหยวนเปิดเส้นทางการค้ามาก่อน และสามารถขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย บางทีเขาอาจไม่พอใจกับการขนส่งสินค้าได้เพียงอย่างเดียว
ตระกูลเซิ่งรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรต้าเป่ย ไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมได้ด้วยซ้ำ!“นายท่าน อาณาจักรต้าเป่ยเริ่มสงสัยในตัวหวังหยวนแล้ว และเริ่มสงสัยว่าพวกเขาทำอะไรขอรับ!”หงซาที่เป็นคนสนิทของเซิ่งตงฉยงพูดด้วยสายตาสาแก่ใจ“หากเกิดความคลางแคลงใจแล้วก็เพียงแค่รอ แล้วพวกเขาจะค่อย ๆ แตกคอกันเอง ไฟแรงทำให้น้ำมันเดือด แต่ไม่อาจล้มเตาได้!”หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบหงซาก็พยักหน้า“เข้าใจแล้วขอรับ เราควรสั่งให้มีการสังหารสักสองสามคนด้วยจะดีกว่า!”หลังจากที่หงซาพูดจบ เซิ่งตงฉยงก็พยักหน้า“ใช่ ตอนนี้มันเป็นเพียงการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ หากมีคนตายไปสักสองสามคน ความสงสัยก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับแล้ว!”“อย่างที่บอกไปแล้วว่าต้องระวังให้ดี เข้าใจหรือไม่?”เซิ่งตงฉยงยกยิ้มโดยไม่รู้เลยว่าภาพที่เขาเห็นตรงหน้า เป็นสิ่งที่หวังหยวนและไป๋ชิงชางจงใจให้เขาเห็นเช่นนั้นต่างหาก!คลางแคลงใจอะไรกัน?มันเป็นเพียงเรื่องตลก!แม้ว่าไป๋ชิงชางจะเคยสงสัยว่าหวังหยวนจะทำเช่นนั้นหรือไม่อยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าเขาก็เลิกสงสัยไปแล้ว!เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ หวังหยวนจะไม่ทำเรื่องไม่สุจริตเช่นนี้
ไป๋เฟยเฟยพูดตรงประเด็นในทันทีหวังหยวนพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเซิ่งเหล่านั้น ตอนนี้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่ตระกูลเซิ่งจะยังมีการเคลื่อนไหวใหม่อีก และมันยากที่จะคาดเดาว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไรใช่หรือไม่?”หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังแล้วก็หัวเราะ“พี่หวัง ไม่อาจซ่อนอะไรจากสายตาของท่านได้เลยจริง ๆ”คราวนี้ไป๋เฟยเฟยมาหาโดยยังคงปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่ เพราะการมาด้วยรูปลักษณ์นี้ ช่วยให้การโต้ตอบกับหวังหยวนสะดวกสบายยิ่งขึ้นเพราะหากนางมาในรูปลักษณ์หญิงสาวก็อาจจะถือว่าตนเองเป็นผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้มีความคิดมากมายในใจได้ต่างจากการมาเช่นนี้ ที่ทำให้วางตัวได้สบายกว่ามาก“การเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งเป็นเพียงการยั่วยุเรา ความขัดแย้งในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความบาดหมางกัน”“ดังนั้นพวกเขาจะดำเนินการหนักกว่าเดิม และอาจบานปลายไปสู่การฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย!”“ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยกระตุ้นให้เราบาดหมางกันได้!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึง!“ความเป็นความตาย! อาจจะเป็น... ความเป็นความตายของคน
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็พยักหน้า“ไม่ทำแน่นอน ข้า ไป๋เฟยเฟย สัญญาด้วยชีวิตว่าข้าจะไม่ทำให้พี่หวังต้องตกอยู่ในอันตราย!”สิ่งที่ไป๋เฟยเฟยพูดเป็นความจริง!และนางยังเชื่อด้วยว่าพ่อและพี่ชายของนางจะไม่ทำเช่นนั้นด้วย!แต่ว่า...จุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะยืนยันด้วยว่าตระกูลไป๋จะทำอะไรกับเขาหรือไม่!หากพวกเขาคิดไม่ซื่อจริง ๆ หวังหยวนก็ต้องตอบโต้เช่นกัน!อันที่จริงหวังหยวนก็กำลังคิดถึงเรื่องประเภทนี้อยู่เพราะท้ายที่สุดแล้ว การใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจก็ไม่ต่างจากการใกล้ชิดเสือ ใช่ว่าแค่คนเดียวอิ่ม แล้วทั้งครอบครัวจะอิ่มด้วย!มีพี่น้องมากมายติดตามเขาอยู่ และเขาควรคิดถึงเหล่าพี่น้องให้มากกว่านี้!แน่นอนว่ายังมีภรรยาทั้งสามของเขาอีกด้วย!“เช่นนั้นก็ดี”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ไป๋เฟยเฟยจากไปแล้ว หญิงสาวทั้งสามก็มองหวังหยวนด้วยความรู้สึกกังวล“สามี ท่านอยากทำเช่นนี้จริงหรือ? แม้ว่าตระกูลไป๋จะไม่ทำ แต่ว่า... แน่นอนว่าพวกเขากลัวเรา!”“แล้วถ้าพวกเขาเสแสร้งล่ะ...”หวังหยวนได้ฟังแล้วก็ย่อมเข้าใจดี หลังจากหัวเราะเบา ๆ เขาก็พูดว่า “ความจริงแล้วข้าไม่ได้อยา