“ได้เจ้าค่ะ”ในขณะนี้หวังหยวนกำลังอาบแดดอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านเขาเขาเองก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วเช่นกัน“พี่หยวน ท่านรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”สีหน้าของเกาเล่อจริงจังมาก ขณะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “โจรเหล่านั้นจงใจปล้นผู้อื่น แต่ไม่ปล้นคาราวานของเรา พวกเขาถูกจัดระเบียบโดยมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจพุ่งเป้าโจมตีเรา”นัยน์ตาของหลี่ซื่อหานก็ฉายแววกังวลเช่นกัน นางลังเลก่อนกล่าวเสริม “และเมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินมาว่ามีกองคาราวานจำนวนมากเริ่มใส่ร้ายเรา พวกเขารู้สึกว่าพวกเราเป็นผู้ยุยงเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง และต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเราแน่นอน!”หวงเจียวเจียวที่อยู่ด้านข้างก็เคร่งเครียดเช่นกันหูเมิ่งอิ๋งรินชาสองสามถ้วยยกมาให้ หลังจากได้ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันก็รู้สึกกังวลในใจ“พี่หยวน ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของคนจากตระกูลเซิ่ง!”สายตาของเกาเล่อดูมั่นใจมาก สีหน้ายังคงหงุดหงิด ขณะพูดด้วยความโกรธ “พวกคนในตระกูลเซิ่งกลุ่มนี้ล้วนทะเยอทะยานมาก!”“พวกเขายังคงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ และจงใจมุ่งเป้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เมื่อมีเสียงเคาะประตู หูเมิ่งอิ๋งรีบวางสิ่งที่นางถืออยู่ทันที แล้วเดินไปเปิดประตูหลังจากเปิดประตูแล้วเห็นไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบโค้งคำนับด้วยความเคารพทันที และพูดอย่างสุภาพ “ฝ่าบาททั้งสองเสด็จมาแล้ว โปรดรีบเข้ามาเถิดเพคะ!”“ต้องขอรบกวนด้วย”ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยเดินเข้าประตูไป พร้อมกับการต้อนรับของหูเมิ่งอิ๋งเมื่อหวังหยวนเห็นทั้งสองคนมาเยี่ยมก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มทันที แล้วพูดอย่างสุภาพ “ข้าเดาว่าพวกท่านทั้งสองคงรู้เรื่องกองคาราวานถูกปล้นแล้วใช่หรือไม่?”ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางมองหน้ากัน จากนั้นก้าวเข้ามาพูดกับหวังหยวนอย่างสุภาพ “คุณชายหวัง ท่านพูดถูกแล้ว พวกเรารู้เรื่องนี้จึงมาที่นี่เพื่อพบท่าน และถามว่าท่านมีความคิดเห็นเช่นไร”หวังหยวนบอกให้ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางนั่งลงก่อน จากนั้นรินชาสองถ้วยยื่นให้พวกเขา“ขอบคุณคุณชายหวัง”ไป๋ชิงชางดื่มชา เมื่อหวังหยวนเห็นสีหน้าจริงจังของเขาจึงกล่าวว่า “ไท่จื่อ พูดตามตรงคือข้าได้ตั้งสมมติฐานบางอย่างไว้ในใจแล้ว”“เรื่องนี้อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับตระกูลเซิ่ง”“ท่านพูดถูกแล้ว”ไป๋ชิงชางพยักหน้าและต
จู่ ๆ ขุนนางคนหนึ่งก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วสีหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่งขณะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ช่วงนี้มีคดีปล้นสะดมเกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายที่ ในตอนนี้ไม่มีเบาะแสที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ แต่กระหม่อมได้ทราบข่าวหนึ่งมาพ่ะย่ะค่ะ!”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ฟังดังนั้นสีหน้าของไป๋เจิ้นถังจึงจริงจังขึ้น ขณะถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้?”“เพราะว่ากระหม่อมได้รับข่าวว่ากองคาราวานที่ถูกปล้นในช่วงนี้ได้พบกับกองคาราวานของหวังหยวนด้วย แต่พวกโจรไม่ได้ปล้นกองคาราวานของหวังหยวนเลย เลือกปล้นแต่ของคนอื่นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าของขุนนางคนนั้นจริงจังมาก เขาขมวดคิ้วและพูดต่อว่า “กระหม่อมจึงคิดว่าบางทีหวังหยวนอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”สีหน้าของขุนนางหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาก็เคร่งขรึมมากเมื่อได้ฟังดังนั้น พวกเขาพูดอย่างไม่พอใจ “กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหวังหยวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“หวังหยวนเปิดเส้นทางการค้ามาก่อน และสามารถขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย บางทีเขาอาจไม่พอใจกับการขนส่งสินค้าได้เพียงอย่างเดียว
ตระกูลเซิ่งรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรต้าเป่ย ไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมได้ด้วยซ้ำ!“นายท่าน อาณาจักรต้าเป่ยเริ่มสงสัยในตัวหวังหยวนแล้ว และเริ่มสงสัยว่าพวกเขาทำอะไรขอรับ!”หงซาที่เป็นคนสนิทของเซิ่งตงฉยงพูดด้วยสายตาสาแก่ใจ“หากเกิดความคลางแคลงใจแล้วก็เพียงแค่รอ แล้วพวกเขาจะค่อย ๆ แตกคอกันเอง ไฟแรงทำให้น้ำมันเดือด แต่ไม่อาจล้มเตาได้!”หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบหงซาก็พยักหน้า“เข้าใจแล้วขอรับ เราควรสั่งให้มีการสังหารสักสองสามคนด้วยจะดีกว่า!”หลังจากที่หงซาพูดจบ เซิ่งตงฉยงก็พยักหน้า“ใช่ ตอนนี้มันเป็นเพียงการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ หากมีคนตายไปสักสองสามคน ความสงสัยก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับแล้ว!”“อย่างที่บอกไปแล้วว่าต้องระวังให้ดี เข้าใจหรือไม่?”เซิ่งตงฉยงยกยิ้มโดยไม่รู้เลยว่าภาพที่เขาเห็นตรงหน้า เป็นสิ่งที่หวังหยวนและไป๋ชิงชางจงใจให้เขาเห็นเช่นนั้นต่างหาก!คลางแคลงใจอะไรกัน?มันเป็นเพียงเรื่องตลก!แม้ว่าไป๋ชิงชางจะเคยสงสัยว่าหวังหยวนจะทำเช่นนั้นหรือไม่อยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าเขาก็เลิกสงสัยไปแล้ว!เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ หวังหยวนจะไม่ทำเรื่องไม่สุจริตเช่นนี้
ไป๋เฟยเฟยพูดตรงประเด็นในทันทีหวังหยวนพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเซิ่งเหล่านั้น ตอนนี้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่ตระกูลเซิ่งจะยังมีการเคลื่อนไหวใหม่อีก และมันยากที่จะคาดเดาว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไรใช่หรือไม่?”หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังแล้วก็หัวเราะ“พี่หวัง ไม่อาจซ่อนอะไรจากสายตาของท่านได้เลยจริง ๆ”คราวนี้ไป๋เฟยเฟยมาหาโดยยังคงปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่ เพราะการมาด้วยรูปลักษณ์นี้ ช่วยให้การโต้ตอบกับหวังหยวนสะดวกสบายยิ่งขึ้นเพราะหากนางมาในรูปลักษณ์หญิงสาวก็อาจจะถือว่าตนเองเป็นผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้มีความคิดมากมายในใจได้ต่างจากการมาเช่นนี้ ที่ทำให้วางตัวได้สบายกว่ามาก“การเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งเป็นเพียงการยั่วยุเรา ความขัดแย้งในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความบาดหมางกัน”“ดังนั้นพวกเขาจะดำเนินการหนักกว่าเดิม และอาจบานปลายไปสู่การฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย!”“ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยกระตุ้นให้เราบาดหมางกันได้!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึง!“ความเป็นความตาย! อาจจะเป็น... ความเป็นความตายของคน
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็พยักหน้า“ไม่ทำแน่นอน ข้า ไป๋เฟยเฟย สัญญาด้วยชีวิตว่าข้าจะไม่ทำให้พี่หวังต้องตกอยู่ในอันตราย!”สิ่งที่ไป๋เฟยเฟยพูดเป็นความจริง!และนางยังเชื่อด้วยว่าพ่อและพี่ชายของนางจะไม่ทำเช่นนั้นด้วย!แต่ว่า...จุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะยืนยันด้วยว่าตระกูลไป๋จะทำอะไรกับเขาหรือไม่!หากพวกเขาคิดไม่ซื่อจริง ๆ หวังหยวนก็ต้องตอบโต้เช่นกัน!อันที่จริงหวังหยวนก็กำลังคิดถึงเรื่องประเภทนี้อยู่เพราะท้ายที่สุดแล้ว การใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจก็ไม่ต่างจากการใกล้ชิดเสือ ใช่ว่าแค่คนเดียวอิ่ม แล้วทั้งครอบครัวจะอิ่มด้วย!มีพี่น้องมากมายติดตามเขาอยู่ และเขาควรคิดถึงเหล่าพี่น้องให้มากกว่านี้!แน่นอนว่ายังมีภรรยาทั้งสามของเขาอีกด้วย!“เช่นนั้นก็ดี”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ไป๋เฟยเฟยจากไปแล้ว หญิงสาวทั้งสามก็มองหวังหยวนด้วยความรู้สึกกังวล“สามี ท่านอยากทำเช่นนี้จริงหรือ? แม้ว่าตระกูลไป๋จะไม่ทำ แต่ว่า... แน่นอนว่าพวกเขากลัวเรา!”“แล้วถ้าพวกเขาเสแสร้งล่ะ...”หวังหยวนได้ฟังแล้วก็ย่อมเข้าใจดี หลังจากหัวเราะเบา ๆ เขาก็พูดว่า “ความจริงแล้วข้าไม่ได้อยา
ไป๋เฟยเฟยพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ นี่เป็นความคิดของหวังหยวนอย่างแน่นอน เขาต้องการทราบว่าตระกูลเซิ่งต้องการทำอะไรกันแน่ และจะใช้โอกาสนี้จัดการตระกูลเซิ่งให้ได้ในคราวเดียว!”ไป๋ชิงชางได้ฟังดังนั้นจึงพยักหน้า“เช่นนั้นนำเรื่องนี้ไปหารือกับท่านพ่อก่อนดีหรือไม่?”เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง และเขาไม่กล้าตัดสินใจตามลำพัง เขาจึงอยากคุยกับพ่อของเขาโดยเร็วที่สุด!“ดีเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้ต้องปรึกษาหารือกันให้ดี!”ไป๋เฟยเฟยกล่าว จากนั้นไป๋ชิงชางก็ไปพบไป๋เจิ้นถังเพื่อแจ้งเรื่องเดียวกันนี้เมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังแล้ว ปฏิกิริยาของเขาก็เหมือนกับไป๋ชิงชางในตอนแรก คือเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!แต่กลับมีบางอย่างแปลก ๆ ผุดขึ้นมาในใจของไป๋เจิ้นถัง!“หากทำเช่นนี้ได้จริง ก็จะเผยให้เห็นข้อบกพร่องของตระกูลเซิ่งอย่างแน่นอน…”หลังจากที่ไป๋เจิ้นถังพูดจบ ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางก็ยกยิ้มเช่นกัน!“ใช่แล้วขอรับท่านพ่อ เมื่อตระกูลเซิ่งเปิดเผยข้อบกพร่องออกมา เราก็จะจัดการกับพวกเขาได้ง่ายขึ้นมาก!”ไป๋ชิงชางหัวเราะ ใครจะคิดว่าพวกเขาจะแสร้งทำจริง ๆ!จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็จะง่ายขึ้น แล้วไป๋ชิงชางก็เริ่มว
หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบเซิ่งฟางสี่ก็พยักหน้า“ดี เช่นนั้นก็แจ้งให้เมืองหวงทราบได้เลย”เซิ่งฟางสี่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ตระกูลไป๋และหวังหยวนกำลังแตกคอกัน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา!เกรงว่าจะไม่มีโอกาสที่ดีเช่นนี้อีกแล้วในชีวิต!ในเวลานี้หวังหยวนมาถึงวังหลวงของตระกูลไป๋แล้วจริง ๆ!หวังหยวนเข้าไปในเมืองหลวงพร้อมกับการประโคมข่าวครั้งใหญ่ว่าทันทีที่เขาเข้าไป เขาก็ถูกราชองครักษ์เข้าจับกุมเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของวังหลวง!ไม่มีใครเข้ามาพบเจอเขาได้!ซึ่งหวังหยวนไม่ได้คัดค้านและไม่มีอะไรจะพูดไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยรีบมาหาเขาในทันที“พี่หวังต้องลำบากเสียแล้ว”ไป๋ชิงชางพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนหวังหยวนก็เพียงแค่ยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ“สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ไม่ได้ลำบากเลยสักหน่อย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็รีบพูดว่า “พี่หวัง เราได้ส่งกองกำลังทั้งหมดของเราไปคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งแล้ว!”“แต่ตอนนี้ยังไม่มีผล!”“แต่... เราพบว่าตระกูลเซิ่งได้เริ่มตระเตรียมเสบียงอาหารกันแล้ว!”หวังหยวนฟังแล้วก็ยกยิ้ม“ดูเหมือนว่าตระกูลเซิ่งกำลังจะยกทัพ! ตามที่เราคาดไว้ พวกเขากำล
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น