หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดเช่นนี้ ไป๋เจิ้นถังก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็เข้าใจเช่นกันสิ่งที่น้องสาวของเขาต้องการ คือให้โอรสของนางกับฮ่องเต้ซิงหลงได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ว่า...นางควบคุมไม่ได้ว่าจะสามารถนั่งบนบัลลังก์นี้ได้นานแค่ไหน และนางก็ไม่อยากดิ้นรนแล้ว!หากพูดเช่นนี้ เขาก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไร“น้องสาว เนื่องจากเจ้าพูดเช่นนี้ พี่ก็สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เจ้าได้ ตอนนี้เจ้าสามารถให้ชางเอ๋อร์เป็นฮ่องเต้ได้ และพวกพี่ยังสามารถช่วยให้เจ้ารักษาตำแหน่งอันสูงส่งของเจ้าไว้ได้ด้วย”“แต่หลังจากที่ตระกูลเซิ่งถูกกำจัด แผ่นดินของต้าเย่จะต้องเป็นของตระกูลไป๋เท่านั้น”“เมื่อถึงเวลานั้น พี่จะให้พวกเจ้า ฮองเฮาสองคนแม่ลูก ได้ใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งและมีเกียรติ”ตอนนี้มีรอยยิ้มจางบนใบหน้าของไป๋เจิ้นถัง ในการเจรจาระหว่างเขากับน้องสาวของเขา ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายชนะการที่น้องสาวมีความคิดเช่นนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่านางไม่อยากต่อสู้อีกต่อไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เจิ้นถังไม่ได้โกหก!...หวังหยวนกำลังดื่มชาอยู่ที่บ้านในหมู่บ้านต้าหวัง ทันใดนั้นหวงเจียวเจียวก็เข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ดวงตาของนางเต็
ผู้นำพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปดักพวกมันกันเถอะ!”หลังจากออกคำสั่งแล้ว ทุกคนก็รีบพากันวิ่งลงจากภูเขาใบหน้าของหวงเจียวเจียวที่ติดตามหวังหยวนมาด้วย เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความไม่สบายใจฉายชัดไปทั่วดวงตาของนาง นางรู้สึกว่ามีอันตรายซ่อนเร้นอยู่มากมายรอบตัวนาง!โชคดีที่มีต้าหู่และทหารเกราะดำหลายสิบคนคอยอยู่เคียงข้าง จึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย“สามี พวกเรา...”ก่อนที่หวงเจียวเจียวจะพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำใบไหม้แห้งดังกรอบแกรบใบหน้าของต้าหู่เคร่งขรึม เขาถอยกลับไปหาหวังหยวนและหวงเจียวเจียวทันที เพื่อเตรียมปกป้องทั้งสองใช้เวลาไม่นานนัก โจรหลายพันคนก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วหวงเจียวเจียวตกใจ นางรีบคว้าแขนเสื้อของหวังหยวน แล้วไปซ่อนอยู่ข้างหลังเขาด้วยความตื่นตระหนกต้าหู่และทหารเกราะดำหลายสิบคนก็ตื่นตัวทันที ทุกคนต่างจ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจังหวังหยวนตกตะลึงเมื่อได้เผชิญหน้ากับพวกโจรอาจเป็นไปได้ว่ามีโจรหน้าใหม่บุกโจมตีเนินเขาในบริเวณนี้ และกำลังวางแผนจะปล้นพวกเขาใช่หรือไม่?เขาจึงถามอย่างสุภาพทันที “พวกเจ้ามาจากหุบเขาโจรแห่งใดกั
ต้าหู่ที่อยู่ด้านข้างเตรียมรับมือ!แต่ฝ่ายตรงข้ามมีคนจำนวนมาก แม้ว่าฝีมือของต้าหู่จะทรงพลังมาก และทหารเกราะดำก็ไม่ได้อ่อนแอเลย แต่ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากกว่าหนึ่งพันคน จำนวนที่แตกต่างกันมากนี้ เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัว!ต้าหู่พาคนไปปกป้องหวงเจียวเจียวและหวังหยวน เพราะเกรงว่าคนเหล่านี้จะมีโอกาสแอบโจมตีอย่างฉับพลันหวังหยวนรู้ดีว่าหากไม่สามารถหลบหนีได้ในครั้งนี้ พวกเขาทั้งหมดจะต้องตายที่นี่เขาจึงแอบพกอาวุธอย่างระเบิดมือไว้ในกระเป๋า พร้อมจะขว้างในช่วงเวลาวิกฤติ!หัวหน้าโจรย่อมไม่รู้ว่าหวังหยวนแข็งแกร่งแค่ไหน สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังทะนงตัวยิ่ง เขามองหวังหยวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดเสียงเย็นชา “หวังหยวน ขอโทษด้วย”“หากจะโทษใครสักคน ก็ต้องโทษตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ ไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองเสียได้ ช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก”“ไป พวกเจ้าไปฆ่าพวกมันให้ข้า ขยับมือเท้าให้คล่องแคล่วกันหน่อย ทำให้พวกเขาตายให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้พวกเขาต้องรู้สึกเจ็บปวด” “ทราบ”คนกลุ่มหนึ่งก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว วิ่งตรงมายังตำแหน่งของหวังหยวน“ยอมตายซะเถอะ อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปล
เซิ่งตงฉยงยกยิ้มเย็นชา ในสถานการณ์รุมสังหารเช่นนี้ ไม่มีทางรอดไปได้อย่างแน่นอนเขาแตะคางตัวเองครุ่นคิดด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “หวังหยวนเป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยม หากอยากจะฆ่าเขา การใช้วิธีธรรมดานั้นไม่ง่ายเลย”“ดังนั้นเราจึงต้องหาทางล่อให้เขาออกจากหมู่บ้านต้าหวังก่อน หลังจากที่เขาออกมา จะได้ฆ่าเขาได้ง่ายขึ้น”“คุณชายใหญ่เซิ่งยังคงมีไหวพริบดีมากเสมอเลยนะขอรับ”รองขุนพลกล่าวชื่นชมเขาทันที “ล่อหวังหยวนออกมา แล้วส่งคนเกือบพันคนไปฆ่าเขา ต่อให้หวังหยวนจะมีปีกบินได้ ก็ไม่อาจหนีพ้น!”เซิ่งตงฉยงยกยิ้ม มองไปในระยะไกลด้วยดวงตาที่ราวกับจะลุกเป็นไฟ แล้วพูดเสียงดัง “ถูกต้อง!”“หวังหยวนภาคภูมิใจในความเฉลียวฉลาด ที่ไม่มีใครเทียบได้ของตนเองงั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้น ข้าอยากเห็นนักว่าเขาจะสามารถฝ่าวงล้อม หาทางรอดชีวิตจากเงื้อมมือของคนเกือบพันคนได้อย่างไร?”“คุณชายใหญ่ ทุกคนที่ท่านมอบหมายไปล้วนเป็นระดับปรมาจารย์กันทั้งนั้น ตราบใดที่พวกเขาได้พบกับหวังหยวน หวังหยวนจะต้องตายแน่นอนขอรับ!”ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยกยิ้ม ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง!“ฮ่าฮ่า หวังหยวนคนนั้
“สิ่งนั้นคล้ายกับประทัด แต่... พลังโจมตีของมันน่าทึ่งมาก ในบรรดาพี่น้องของเราที่ถูกโจมตี คนที่เลวร้ายที่สุดคือแขนขาขาดจากแรงระเบิด บางคนก็ร่างแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…”เมื่อทหารเล่าถึงตรงนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้เห็นนรกความรู้สึกนั้นทำให้เขาหวาดกลัวแทบสิ้นสติ!จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หวังหยวนขว้างอะไรมากันแน่ และเหตุใดพวกเขาถึงถูกระเบิดเช่นนี้!เซิ่งตงฉยงตกใจมากเมื่อได้ฟังเช่นนี้!คนหลายร้อยคนเสียชีวิตพร้อมกันทันที แม้แต่การใช้หน้าไม้ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้!สิ่งนั้นมันคืออะไร?เขานึกถึงข้อมูลที่หวังหยวนมีปืนคาบศิลา ซึ่งมีขนาดเล็ก สร้างขึ้นอย่างประณีตและมีพลังทำลายล้างสูง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาสร้างอาวุธที่ทรงพลังกว่าสิ่งนี้ได้แล้ว?เซิ่งตงฉยงไม่อยากจะเชื่อเลย หวังหยวนเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!“หวังหยวนเอ๋ยหวังหยวน เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจได้จริง ๆ แต่คนของข้ากำลังควบคุมทั้งสองเมืองนี้ ดังนั้นต่อให้เจ้ามีปีกบินหนี ก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้หรอก!”“ส่วนพวกโจรของเจ้าค่อนข้างมีความสามารถ แต่ข้ารู้ข้อมูลหมดแล้ว คนของข้ามีอยู่รอบกายเจ้า หากเจ้ากล้าปรากฏ
เมื่อเสียงประหลาดใจของต้าหู่ดังขึ้น หวังหยวนก็ยกยิ้ม“แม้ว่าจะไม่แน่ใจนัก แต่ก็อาจป้องกันไม่ให้เซิ่งตงฉยงจัดการกับเราได้”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่ก็หัวเราะทันที“พี่หยวน บอกข้ามาเถอะว่าเราควรทำอย่างไร?”หวังหยวนหรี่ตาพูด “กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน!”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็งุนงงเพราะไม่เข้าใจความหมายกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนที่ว่านี้เป็นอย่างไร?มันหมายความว่าอะไร?หวังหยวนไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยกยิ้มมีเลศนัยขณะที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นที่นี่ ลึกเข้าไปในวังหลวง ไป๋เจิ้นถังเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มหลังจากที่เขาจากไปแล้ว ดวงตาของไป๋เหยียนเฟยก็ฉายแววรู้สึกผิดตอนนี้ไป๋หลิงเข้ามาพูดอย่างระมัดระวัง “ฮองเฮา พระองค์... ตอบตกลงแล้วจริงหรือเพคะ? ในกรณีนี้... ไท่จื่อจะควบคุมแผ่นดินได้อย่างไรเพคะ?”นางฟังบทสนทนาอยู่ตลอด จึงรับรู้เงื่อนไขระหว่างพวกเขา พูดตามตรง...มันน่าตกใจมาก!นางคิดว่าฮองเฮาจะไม่มีทางยอมตกลงแต่ไม่คิดเลยว่าฮองเฮาจะยอมตกลงไปแล้ว!“หลิงเอ๋อร์ ตระกูลไป๋ไม่ได้ขออะไรมาก ไม่มีอะไรมากไปกว่าการยอมจำนน เมื่อแผ่นดินสงบลง ลูกชายของข้าจะได้ครองราชย์เป็นฮ่องเต้และมีชีวิตที่มั่ง
ตราบใดที่มีการรบกวนเช่นนี้อยู่ ต้าเย่ก็จะเป็นเหมือนจอกแหนที่ได้แต่ไหลไปตามสายน้ำ เพราะข้อจำกัดของทั้งสามฝ่ายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายสามตัวที่ต่างจับตาดูเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นนี้!“ในเรื่องนี้ เสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวาได้คิดวิธีแก้ปัญหาให้ข้า ซึ่งเป็นทางออกที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าคืออะไร?”ในเวลานี้ไป๋เหยียนเฟยพูดอีกครั้ง อู๋หลิงได้ฟังแล้วก็ตกใจวิธีแก้ปัญหาหรือ?เรื่องนี้ยังสามารถหาทางแก้ไขได้หรือ?มันเป็นสถานการณ์ที่แก้ไขไม่ได้!ต้าเย่ไม่มีกองกำลัง ปัญหาทั้งภายในและภายนอกรุมเร้า แม้ว่าจะสามารถเอาชนะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ แต่ก็ยังมีอีกสองฝ่ายอยู่ข้างนอกอีกหนึ่ง และอยู่ข้างในอีกหนึ่ง กลายเป็นสามเหลี่ยมแห่งหายนะไปแล้ว!แก้ไขได้ยากจริง ๆ!“ฮองเฮาโปรดอธิบายให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”อู๋หลิงรีบพูดด้วยความอยากรู้ว่าพวกเขายังสามารถทำอะไรได้อีกบ้างไป๋เหยียนเฟยได้ยินเช่นนี้จึงกล่าวว่า “วิธีการที่พวกเขาเสนอนั้นง่ายมาก ขอความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋”หลังจากพูดจบ อู๋หลิงขมวดคิ้วทันทีเขารู้เรื่องความบาดหมางระหว่างตระกูลไป๋กับฮองเฮา แล้วตระกูลไป๋จะช่วยได้อย่างไร?เรื่
หลังจากได้ฟังเช่นนี้ อู๋หลิงก็ยิ่งสับสนมากขึ้น!นี่คือ...หมายความว่าอย่างไร?ฮองเฮาพูดเรื่องเหล่านี้เพื่ออะไร?เหตุใดถึงบอกว่านางไม่ผิดหวัง?หรือว่า...นางไม่ได้เห็นด้วยหรือ? แค่ทดสอบเขาเท่านั้นหรือ?“ฮองเฮา พระองค์หมายความว่าอย่างไร?”อู๋หลิงสับสนมากจนรีบถามไป๋เหยียนเฟยได้ยินเช่นนี้จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดตามตรง “อู๋หลิง ข้าไม่เคยทรยศต่อต้าเย่ ไม่เคยทรยศต่อฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ทั้งที่เป็นมาโดยตลอด และในอนาคตตลอดไป แต่ว่า... ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก“ฮองเฮา กระหม่อมยังไม่เข้าใจ”ไป๋เหยียนเฟยสูดหายใจ แล้วพูดว่า “ข้าได้แอบพบกับพี่ชายของข้า และข้อตกลงให้เขายอมช่วยเหลือเรา เมื่อเรื่องนี้สำเร็จและแผ่นดินสงบ ก็จะปล่อยให้เขาเข้ามารับช่วงปกครองต้าเย่ต่อ!”“นี่คือสิ่งที่ข้าสัญญาไว้ แต่... ข้าแกล้งสัญญาเท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”หลังจากพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็ตกใจทันที“นี่... นี่มันคือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่หรือ? ถ้าตระกูลไป๋เข้ามาแทรกแซงราชสำนักแล้ว ก็คงยากที่จะกำจั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก