“แต่...ต้าหวังบอกว่าหากยังไม่กลับต้าหวังจะมาตามที่ตำหนักบูรพา”
ลี่กังเลิกคิ้วสูงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เจิ้งจินเทาไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องเช่นนี้เป็นแน่
“ข้าว่าเจ้ากลับไปก่อนดีกว่า ข้าให้ขันทียกเครื่องเสวยอีกชุดตามไปที่เรือนรับรอง”
“ข้าอิ่มแล้ว แต่ยังไม่อยากกลับ”
หลินฮวาพูดขึ้นดังๆ เมื่อเห็นว่าร่างสูงยืนอยู่ข้างนอกประตูนั้นเป็นของเจิ้งจินเทา พูดยังไม่ทันขาดคำร่างสูงก้าวยาวๆ เข้ามาในตำหนักบูรพา
“อาเล็ก ช้าก่อนอย่าเพิ่งโมโหไป”
เจิ้งลี่กัง เข้าขว้างเจิ้งจินเทาที่ก้าวเท้าเข้าหาหลินฮวา
“ไท่จือนางกำลังจะแต่งเข้าจวนข้า ถือว่าเป็นคนของข้าครึ่งหนึ่งแล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน”
คว้าแขนหลินฮวาลากออกจากตำหนักบูรพาไป
หลินฮวาขืนตัวไว้สุดแรงแต่รูปร่างเมื่อเทียบกันแล้ว อย่างไรจะสู้กำลังเขาได้
“ปล่อยเลยนะ ข้ากำลังจะแต่งแล้วก็ยังไม่ได้รับปากว่าจะแต่ง เช่นนั้นข้ายังไม่ได้เป็นคนของท่าน หากเรื่องที่ท่านข่มเหงกัน รู้ไปถึงฝ่าบาทข้าก็อาจหาข้ออาจปฏิเสธที่จะแต่งได้”ปล่อยมือแต่กลับซ้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน
“เจ้ากล้าหรือ”หลินฮวาตกใจไม่น้อย ขันทีนางในต่างจ้องมอง เจิ้งลี่กังวิ่งตามออกมา
“อาเล็ก ได้โปรดอย่าทำอะไรนาง หลานผิดเอง หลานเป็นคนชวนนาง”
เจิ้งลี่กังรู้ดีว่าหากใครทำให้ เจิ้งจินเทาที่ดังเสือหลับถูกปลุกขึ้นมาผลจะเป็นเช่นไร
“ไท่จือท่านก็ควรกลับไปนอนเสียดึกมากแล้ว เรื่องนี้ข้าบอกแล้วเป็นเรื่องระหว่างข้ากับนาง”
สาวเท้าเดินตัวปลิวกลับไปยังจวนอ๋อง ทั้งๆที่อุ้มหลินฮวาอยู่
เจิ้งลี่กังได้แต่ถอนหายใจ
“ปล่อยนะ”
ยกมือขึ้นทุบตรงกลางอกแต่ไม่มีอาการว่าสะดุ้งสะเทือน
“จะมาข่มเหงกันง่ายๆ ไม่ได้นะ ข้ายังไม่ได้เป็นอะไรกับท่านเสียหน่อย”
“เช่นนั้นข้าคงเร่งทำให้มันเป็นเสีย เจ้าจะได้รู้ว่าคนอย่างข้าหยามไม่ได้”
“อย่านะ”
“ช้าไปแล้ว ทุ่มร่างบางลงบนพื้นหญ้าสีเขียว แม้จะนุ่มเหมือนพรมแต่ทว่าด้วยการที่ถูกทุ่มลงขนาดนั้นหลินฮวากลับรู้สึกจุก ไม่มีใครตามมาสักคนแล้วก็ไม่มีใครอยู่ ที่นั่นสักคนหานห้าวตงก็ล่วงหน้าไปก่อนแล้วหลินฮวาจุกจนพูดไม่ออก ร่างใหญ่กับ โถมเข้าใส่ทั้งตัว
“อย่านะ”
เงื้อมือรอฟาดเข้าใส่แก้มสากเต็มแรง เจิ้งจินเทารวบมือไว้ทั้งสองข้าง กดริมฝีปากที่ปากบาง แต่หลินฮวากลับเม้มปากแน่น
“ปล่อยนะ” ผลักร่างใหญ่ออกห่างแต่ไม่สะทกสะท้าน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าหลุดไปได้จะหนีไปเสียไม่อยู่แต่งกับท่านแล้ว”
เจิ้งจินเทาชะงักงัน ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวขาจากไป
หลินฮวางงงันกลับอาการของเจิ้งจินเทา ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนรับรอง
“เสี่ยวหลิน”บิดาส่งเสียงเข้มดุ ซึ่งนานๆ หลินฮวาจะได้ยินเสียงนี้เสียที
“ท่านพ่อ”
“ลูกทำเรื่อง น่าละอาย ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าจะแต่งเป็นชายารองของต้าหวังเหตุใดต้อง ไปที่ตำหนักบูรพา เรื่องเช่นนี้ทำให้ต้าหวังขายหน้าไม่น้อย”
“ลูกแค่ไปหาอะไรกินแล้วอีกอย่าง ต้าหวังผู้นั้นสั่งไม่ให้มีของกินติดไว้ในห้องเครื่อง เหมือนจงใจกลั่นแกล้งลูก”
“แค่เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ หลินฮวายังไม่สามารถอดกลั้นได้ แล้วต่อจากนี้เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องทุกข์เข็ญกว่านี้จะจัดการเช่นไร”
“ท่านพ่อลูกผิดไปแล้ว”
“พรุ่งนี้ ไปคุกเข่าขออภัยต้าหวังเสีย เจ้าทำให้เขาอับอายตำแหน่งต้าหวังหากจัดการกับคนในปกครองไม่ได้ก็จะถูกครหา หลินฮวาบางเรื่องแข็งไปก็ไม่ได้ ความอ่อนโยนแม้ข้าไม่ได้สอนเจ้าทว่าเรื่องผิดถูกจะสอนให้เจ้ารู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาด้วยตัวเอง”
หลินฮวาก้มหน้านิ่งรู้สึกผิดอย่างแท้จริง เจิ้งจินเทาคงเสียหน้าไม่น้อยที่ปล่อยให้หลินฮวาไปที่ตำหนักบูรพายามค่ำคืนทั้งๆ ที่กำลังจะแต่งเป็นชายารอง เรื่องแบบนี้ เป็นใครก็ไม่อาจยอม นับว่าเจิ้งจินเทาใจเย็นเหลือนเกินแล้ว หลินฮวาคิดน้อยไปจริงๆ ถึงว่าเมื่อครู่เขาถึงมีอาการโมโหมากมายขนาดนั้น
เช้าสดใส เสี่ยวจงเดินหาวมาแต่เช้าภาพที่เห็นคือหลินฮวานั่งคุกเข่าหน้าจวนอ๋อง
รีบลนลาน เข้าไปยังห้องนอนของเจิ้งจินเทา
ที่ยืนมองหลินฮวาอยู่ก่อนแล้วที่ริมหน้าต่าง
“ต้าหวังนาง”
“ปล่อยนาง”
“แต่อากาศเย็นมากเกรงว่านางจะล้มป่วย”สาวเท้ายาวๆ ออกจากห้องไป
หลินฮวายิ้ม ดีใจเมื่อเห็นเจิ้งจินเทาออกมาข้างนอก
“เข้ามาข้างใน”
ลุกขึ้นบิดขี้เกียจขยับแขนขยับขา นับว่าไม่เสียแรงเปล่าเขาหายโกรธแล้ว เดินตามเจิ้งจินเทาเข้าไปในห้องอยู่ๆ เขาก็หยุดชะงักหลินฮวาชนเข้ากับร่างใหญ่เต็มแรง เจิ้งจินเทาหันมามองด้วย แววตาดุดุก่อนจะหันไปปิดประตูลงกลอน แน่นหนาเสี่ยวจงก็ไม่อาจตามเข้าไปได้
“คุกเข่า”
“หา”
“คุกเข่า ห้าชั่วยาม”
“อ้าว ท่านยัง..ไม่หายโกรธอีกหรือ”
“ตอนนี้ยัง แต่หากว่าคุกเข่าจนกว่าข้าจะพอใจก็ไม่แน่”
“แต่ หลินฮวา ..แต่ข้าคุกเข่าตั้งสองชั่วยามแล้วนะอีกทั้งข้างนอกนั่นอากาศหนาว”
“นั่นอย่าไงเล่าหนาวจนอาจป่วย แล้วก็อาจตาย ทำให้ข้าถูกครหาอีกจนได้”
พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ถอดเสื้อคลุม เผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หลินฮวาเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าใจสั่นไหว เจิ้งจินเทาเดินถือเสื้อคลุมมาห่มให้หลินฮวาที่คุกเข่าใช้มือสองข้างถูกันไปมาแก้หนาว แต่เสมองไปเสียทางอื่น
“เสี่ยวจงยกเครื่องเสวย”
หลินฮวาท้องร้องจอกเมื่อคิดได้ว่าตัวเองก็หิวเหมือนกัน
เสี่ยวจงยกเครื่องเสวย ล้วนแต่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย หลินฮวาเผลอกลืนน้ำลายลงคอเจิ้งจินเทาจัดการกับตัวเองเรียบร้อยทั้งสวมอาภรณ์เพียงลำพังและสิ่งต่างๆ ที่มักจะเป็นขันทีควรจะทำให้ หลินฮวาเลือกที่จะก้มหน้าเพราะไม่อยากเห็นภาพที่ทำให้ใจสั่น อีกคนทำเหมือนไม่มีหลินฮวาอยู่ในนั้น นั่งลงบนเก้าอี้ใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใดใด เสี่ยวจงใช้ตะเกียบเงินคีบอาหารขึ้นชิม ก่อนจะผายมือหลินฮวาถอนหายใจกลืนน้ำลายลงคอ เจิ้งจินเทาเหลือบมองหลินฮวาสีหน้าเรียบเฉยลงมือกินทันทีหลินฮวาก้มหน้ามองพื้นตามเดิม เจิ้งจินเทากินไปเพียงน้อยนิด“อิ่มแล้ว เสี่ยวจงยกเครื่องเสวยเก็บ”“อ้าวแล้วข้าล่ะ” ถามเพราะคิดว่าหากเจิ้งจินเทาอิ่มแล้วต้องเรียกให้หลินฮวาไปนั่งกิน แต่กลับเข้าใจผิดอุตส่าห์อดทนรอ“หิว มากหรือไม่”“หิวจะตายอยู่แล้ว”โบกมือให้เสี่ยวจงยกเครื่องเสวยไปเก็บ“เมื่อคืน กินมาจากตำหนักบูรพาเสียมากมาย เมื่อเช้าไท่จือยังให้คนนำเครื่องเสวยส่งมาถึงเรือนรับรอง”“กว่าข้าจะคุกเข่าเสร็จกว่าจะได้กิน”เจิ้งจินเทาลุกขึ้นยืน เดินไปที่เก้าอี้อีกตัว“เครื่องเสวยจวนอ๋องรสชาติเทียบไม่ได้กับเครื่องเสวยที่ตำหนักบูรพา” หลินฮวาถอนหายใจแม้กระท
เช้าสดใสหลินฮวานอนหลับๆตื่นๆ เมื่อคืนนั่งรอ ยิ้มหยันรออะไรกันจนกระทั่งดึกดื่น"ชายารองต้าหวังให้ท่านรีบแต่งตัว วันนี้ต้องยกน้ำชาคารวะฮองเฮา"เสี่ยวถิงสาวใช้ที่นอนเฝ้าหน้าห้องนอน เอ่ยปากเมื่อเห็นว่าหลินฮวาตื่นแล้ว"เฮ้อ ทำไมต้องให้ชายารองไปด้วย"เสี่ยวถิงยิ้ม"ก็แต่งเป็นชายาก็ต้องไปให้ฮองเฮาเห็นหน้าค่าตาในตอนเช้าของคืนเข้าหอ บ้างก็ว่าเพื่อให้เหล่าป้าๆ ทั้งหลายในวังช่วยกันดูว่าชายาจะตั้งครรภ์ไหมเป็นเพราะต้าหวัง แต่งสองชายาพร้อมกันจึงต้องเข้าไปทั้งสองชายา"จะตั้งครรภ์หลินฮวายิ้มจะตั้งได้อย่างไร เจ้าบ่าวยังไม่ย่างกรายด้วยซ้ำไปชุดสีขาวขลิบสีแดงและทองตัดกัน ริมฝีปากสีชาดสีแดงเข้มกับใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มจนเข้มบ่งบอกฐานะและทำให้หลินฮวาดูสวยเกินวัย เสี่ยวถิงยิ้มพิศมองใบหน้าสวยของหลินฮวา"พระชายาของเสี่ยวถิงสวยสดใสที่สุด อย่าทำหน้าเศร้ายิ้มเข้าไว้อย่าให้ใครรู้ว่าต้าหวังไม่ได้แวะมาในคืนเข้าหอ"หลินฮวาถลาเข้ากอดเสี่ยวถิงแน่นกัดฟันกล้ำกลืนความน้อยใจลงไปในอกเสี่ยวถิงกอดตอบ"เสี่ยวอิงยกเครื่องเสวยมาแล้วกินเสียหน่อยแล้วก็ค่อยเข้าวังไม่ต้องรีบเจ้าค่ะป่านนี้ต้าหวังกับชายาเอกยังไม่ตื่นจากบรรทม"สาวใช้นามเ
“ปิงซูเยี่ยนอ่อนหวานงดงาม อีกทั้งได้รับการสั่งสอนฝึกปรือมาอย่างดี”หูซื่อเย่ สาธยายสรรพคุณของชายาเอก“แต่เดิม เจิ้งจินเทาแม้จะเก่งกาจเรื่องการรบพุ่ง แต่ด้านการครองเรือนเกรงว่าจะไม่กล้าอวดอ้าง ฝ่าบาทคล้อยตามให้แต่งชายาเอกและชายารอง ข้าแต่เดิมคิดไตร่ตรองเรื่องชายารอง แต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดให้กังวลนางยังเด็กอีกทั้งเอาใจใครไม่เป็นเจิ้งจินเทาด้วยความเป็นนักรบย่อมต้องการให้มีคนคอยปรนนิบัติต่อแต่นี้ข้าตั้งใจแยกชายารองออกห่างจากต้าหวัง รอวันที่ชายาเอกครองใจต้าหวังเป็นเพียงหนึ่งเดียวในจวนต้าหวัง”“เมื่อนั้นย่อมมีโอกาส ที่จะทำตามแผน ใครสักคนที่เราจะเกรงกลัวหาใช่ ไท่จือแต่เป็นต้าหวังคนนี้ ฝ่าบาทแต่งตั้งเขาเป็นต้าหวังตำแหน่งไท่จือกับต้าหวังไม่ได้ด้อยกว่ากัน ยังมีเขาคอยขวางแผนของเราไม่อาจสำเร็จ”ฮองเฮาเดินลงมาข้างข้างหูซื่อเย่ ยกมือบางกอดรอบลำคอเงยหน้ามองสบตา ด้วยท่าทีออดอ้อนสายตาแสดงความรักเต็มเปี่ยม“ท่านกับข้าจึงจะได้ อยู่ด้วยกันบนบัลลังก์แห่งนี้ไม่ต้องหลบซ่อนเหมือนอย่างเคย”หูซื่อเย่ยกมือขึ้นกอดรอบเอวบาง กดริมฝีปากกับปากบางอย่างไม่อายฟ้าดินความกระหายในรสสวาทพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ใต้บัลลังก์ฮองเฮาจึงเ
ซูเยี่ยน เดินเข้าไปใน ห้องของเจิ้งจินเทาอย่างถือวิสาสะเจ้งจินเทาหย่อนกายลงแช่ในน้ำอุ่น หลับตานิ่งซูเยี่ยนปลดสายรัดเอวปล่อยให้อาภรณ์หลุดร่วงลงไปกองแทบเท้า เหลือเพียงชุดชั้นในบางเบา ค่อยๆหย่อนกายลงในอ่างน้ำอุ่นที่เจิ้งเทานอนหลับตาอยู่"เจ้า"เจิ้งจินเทาสะดุ้งผลักร่างของซูเยี่ยนออกสุดแรง"ท่านพี่"เปลี่ยนสรรพนามเรียกขานเจิ้งจินเทาสะบัดผ้าห่มคลุมกายมิดชิด"ท่านพี่ ท่านพี่ใจร้ายกับซูเยี่ยนเกินไปหรือไม่ ในเมื่อซูเยี่ยนเต็มใจเช่นนี้ท่านพี่ยัง ไม่สนองตอบ คืนเข้าหอซูเยี่ยนต้องกล้ำกลืนนอนสะอื้นทั้งคืน พอเช้าก็ต้อง เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม ท่านเคยจะใส่ใจความรู้สึกนั้นของซูเยี่ยนหรือไม่ ในเมื่อเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว เรื่องแบบนี้ท่านพี่ยังรั้งรอสิ่งใดกัน"ซูเยี่ยนถลาเข้ากอดรอบเอวหนาไว้แน่น เจิ้งจินเทานิ่ง ซูเยี่ยนซ่อนยิ้มสอดมือบางเข้าไปในเสื้อคลุม ลูบไล้ฝ่ามือทั่วอกเปลือยเปล่า“ข้าตอนนี้ยังไม่ต้องการเจ้า”น้ำเสียงพยายามให้เป็นปกติที่สุดแกะมือของซูเยี่ยนออก ก้าวเดินออกจากห้องไปซูเยี่ยนถลาตามออกจากห้องด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งโกรธน้อยใจเสียใจและโดนหักหน้า เจิ้งจินเทาเปิดประตูออกไปข้างนอกภาพตรงหน้า
ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากอย่างอ้อนวอน หลินฮวาขยับตัวแข็งขืนอีกครั้ง ต้องไม่ใช่แบบนี้ ยอมเขาง่ายเกินไปนึกโมโหตัวเองที่อ่อนไหวกับสัมผัสอ่อนโยนของเขาในเมื่อเพิ่งจะ เกลือกลัวหลับนอนมากับชายาเอก แล้วยังมักมากมาหาหลินฮวา อาศัยอ้างว่าต้องการหลินฮวาในยามไหน หลินฮวาก็ต้องยอมเป็นของเขาอย่างนั้นหรือ“ทัพพ่าย คนไม่พ่าย ข้าไม่ใช่เฉลยของท่านตอนนี้เป็นชายารอง คิดจะหักหาญน้ำใจ ยังเรียกตัวเองว่าเป็นบุรุษได้อีกหรือ ในเมื่อข้าไม่ยินยอมท่านก็ควรจะปล่อยข้าไป ไม่ใช่อาศัยที่เพราะข้าไม่อาจขัดขืน หักหาญน้ำใจ ท่านคิดว่ายังจะได้ใจข้าอย่างนั้นหรือ หากท่านได้ข้าไป ก็เพียงแต่ร่างกายก็เท่านั้น”เจิ้งจินเทายิ้มหยัน คลายอ้อมกอดลุกขึ้นนั่ง“ข้าลืมไปเสียสิ้นว่าเจ้าไม่ได้ยินยอมที่จะแต่งกับข้า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเอาตัวรอดก็เท่านั้น ฮ่องเต้แคว้นฉีส่งราชสาสน์มาขอยอมจำนนที่จะเป็นเมืองขึ้นของแคว้นเว่ย แต่มีข้อแม้ว่าต้องส่งตัวเจ้ากับพ่อของเจ้ากลับแคว้นฉี ตอนนี้ข้าเพิ่งจะรู้ว่า ฮ่องเต้แคว้นฉีเองก็หมายมั่นที่จะแต่งตั้งเจ้าเป็นสนมอยู่เหมือนกัน เจ้าคงยินดีเป็นสนมหรือเป็นไท่จือเฟยของไท่จือมากกว่าที่จะเป็นชายารองของข้า ในเมื่อมีตัวเลื
เจิ้งจินเทาถอนริมฝีปากออกจากปากของซูเยี่ยนเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้“ท่านพี่เหตุใดจึงเย็นชานัก”แววตาตัดพ้อ เจิ้งจินเทาผลักร่างบางของซูเยี่ยน ที่กอดเขาให้ล้มลงกับพื้น ซูเยี่ยนมองด้วยสายตาเกลียดชังจวนอ๋องเก้าซูเยี่ยน ซุกอยู่กับอกกว้างของอ๋องเก้าหูซื่อเย่ ลูบไล้แผงอกกว้างอย่างเบามือ“เขาเฉยชาจนน่ากลัว ข้ายังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้”“หรือว่าใจเขาบัดนี้จะอยู่กับหลินฮวาคนนั้นเสียแล้ว”“ช่างเขา ใจเขาจะอยู่กับใครข้าหาสนใจไม่ข้าเพียงแต่ทำตามที่ท่านต้องการ ขอเพียงใจท่านอยู่กับข้าก็พอ”ใบหน้าหวานราวอิสตรีของหูซื่อเย่ยิ้มบางๆ ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของซูเยี่ยน“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเร้นกายมาครั้งนี้ไม่มีใครพบเจอ”ถามเพื่อความแน่ใจเขาตอนนี้ ทำการเช่นนี้ในใจรู้ดีว่าไม่เหมาะสมแต่ หาสนใจไม่ในเมื่อไม่ว่าจะเป็นหญิงงามคนใดที่หูซื่อเย่ต้องการ มักจะลงเอยด้วยการอุ่นเตียงให้เขานึกเห็นร่างบางอ้อนแอ้นริมฝีปากอวบอิ่มยามก้าวเดินพลิ้วไหวดังสายน้ำของหลินฮวา หากได้ร่วมแท่นนอนยามที่อุ่นเตียง ร่างอุ่นดิ้นรนหลบหลีกภายใต้อ้อมกอดของเขาจะเป็นเช่นไร“ซูเยี่ยนรอบคอบเสมอบางอย่างยากจะห้ามใจ ข้าโหยหาท่านยิ่งสิ่งใด เช่นไรจ
“หลินฮวาเจ้านำมันไปเคี่ยวให้ข้า”ไล่หลินฮวาออกจากห้องไป หลินฮวาเดินเข้ามารับเอาห่อย่าจากมือของหูซื่อเย่ ที่จงใจเอื้อมคว้ามือบางของหลินฮวา หลินฮวาเงยหน้ามองหูซื่อเย่เต็มตา กลับพบสายตาโลมเลียมองอยู่ก่อนแล้ว ยิ้มมุมปาก“เป็นข้าที่ต้องไปดูเวลาเจ้าเคี่ยวยาจะดีไม่น้อย” ไม่ยอมปล่อยมือหลินฮวา ยังคงยื้อไว้อย่างนั้น“หาก ท่านอ๋องมัวแต่จับมือหลินฮวาอยู่อย่างนี้ เกรงว่าหลินฮวาคงไม่ได้เคี่ยวยาให้เป็นแน่ ไม่จำเป็นต้องไปดูเพียงแค่บอกวิธีมาก็พอแล้ว หลินฮวาไม่รบกวน”หลินฮวาพุดังๆเหมือนตั้งใจตะโกน หูซื่อเย่รีบปล่อยมือกลัวว่าฮองเฺฮาจะเห็นว่าเขาจับมือหลินฮวาไว้ ฮองเฮามองหูซื่อเย่ด้วยแววตาสงสัยว่าสิ่งที่หลินฮวาพูดจริงหรือไม่“ยานี้ค่อนข้างหายากและมีราคาแพงไม่น้อย ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำมันหลุดมือ”แก้ตัวน้ำขุ่นๆ หลินฮวายิ้ม“ข้า อยากจะสอนเจ้าให้เคี่ยวยา เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกหรือ”สายตายังคงโลมเลีย หลินฮวาถอนหายใจจะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไรดี เฮ้อยังคิดไม่ออกและหนักใจไม่น้อยเจิ้งจินเทา ก้าวเข้ามาคว้าข้อมือของหลินฮวามากำไว้“ฮองเฮา จินเทามีเรื่องบางอย่างกำลังจะทำความเข้าใจกับชายรองเห็นทีต้องขอตัวนางสักวัน”ฮองเฮาหน้าต
“ท่านก็อย่าเพิ่งใจร้อนบนเรือนี่โคลงเคลงเพียงนี้ หลินฮวาเกรงว่าเราสองคนมีหวังจมน้ำตายเป็นแน่”เจิ้งจินเทาเม้มดูดริมฝีปากของหลินฮวาเบาๆ“ฝากเอาไว้ก่อน เจ้าอย่าเผลอก็แล้วกันข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ วันนี้ข้ายอมกินเม็ดบัวไปก่อน”หลินฮวายิ้มบ้าง เจิ้งจินเทาเวลาผ่อนคลายเช่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย หลินฮวารู้สึกว่าการสงบศึกในครั้งนี้ทำให้ทั้งหลินฮวาและเจิ้งจินเทาเปิดใจ จนไม่เหลือความขุ่นเคืองไว้ภายในหลินฮวา หอบเอาฝักบัวไว้เต็มแขน เจิ้งจินเทาพายเรือเทียบฝั่งไม่ยอมลงจากเรือ“อย่าเพิ่งขึ้นจากเรือได้ไหม”“ทำไม”“ข้ากลัวเหลือเกินว่าหากเราสองคน ออกจากที่ตรงนี้ไป ความบาดหมางก็จะกลับมาคงเดิม”หลินฮวารู้สึกว่าใจเริ่มสั่นไหวกับคำพูดของเจิ้งจินเทา“ข้าสัญญาแล้วว่าจะทำเม็ดบัวเชื่อมให้ท่าน เราไปที่เรือนรับรองของท่านพ่อที่นั่นสัญญาสงบศึกก็ยงคงอยู่”เจิ้งจินเทายิ้มกว้าง ขยับตัวก้าวออกจากเรือ ยื่นส่งมือให้หลินฮวาเกาะกุมภาพที่เห็น จะยืนยาวหรือไม่ เจิ้งจินเทาเหลือบตามองมือบางในอุ้งมือของเขา“ท่านพ่อวันนี้ลูกเก็บเม็ดบัวมาฝาก”ต้วนเจี้ยนหลิน มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเป็นสุข ใบหน้าแย้มยิ้มของหลินฮวาไม่บ่อยครั้งที
“ท่านอา ท่านอาหญิงท่านสองคนจะไปจริงๆหรือ”เจิ้งลี่กังสีหน้าเศร้าสร้อยเดินมาส่งจ้งจินเทากับหลินฮวาที่หน้าประตูวัง เสี่ยวจงยืนรีรออยู่ด้านหน้าเกี้ยวหานห้าวตงยืนม้าคอย“ไม่ได้ไปไหน จวนฤดูร้อนของเราอยู่ห่างไปไม่ถึงร้อยลี้ด้วยซ้ำไป”“ท่านอาเล็ก ข้าจะต้องคิดถึงท่านทั้งสองมากแน่ๆ เสด็จพ่อบอกข้าว่าไม่อาจขัดเจตจำนงของท่านอา แต่ข้าเห็นว่าถึงจะไม่มีสงครามแต่ท่านอาก็ยังเป็นแม่ทัพของเราเช่นนั้นควรจะรั้งอยู่ที่นี่ข้าจึงจะสบายใจไม่ต้องกังวลสิ่งใด”“ขอบพระทัยฝ่าบาทยิ่งแล้วข้ากับ ชายาตั้งใจใช้ชีวิตสงบสุขที่นั่น ให้หลินฮวาคลอดอ๋องน้อยอย่างสบายใจครั้งนี้จึงถือว่าพาหวางเฟยไปหย่อนใจ ไท่จือท่านจไม่ต้องกังวลมีอะไรก็ส่งม้าเร็วไปเจิ้งจินเทารับรองจะมาถึงนี่อย่าทันท่วงทีครั้งนี้ข้าได้ให้หานห้าวตงคอยรั้งอยู่ที่จวนอ๋องไร้พ่ายเพื่อคอยอารักขาไท่จือและฝ่าบาท และท่านพ่อภรรยาอีกชั้น” ยกมือขึ้นโอบรอบเอวอวบของหลินฮวาตั้งใจพาหลินฮวาไปพักผ่อนที่จวนริมน้ำเพื่อหาเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง“ไอ้เรื่องความปลอดภัยข้าไม่ห่วงในเมื่อบ้านมืองสงบสุขเพียงนี้ นั่นก็เพราะท่านอาที่ปูทางมาตลอดมาวันนี้ข้าห่วงคือเรื่องที่ข้าจะเหงา หากว่าท่า
เจ้าอย่าใจร้ายกับข้านักเลย“ท่านอาเล็กกกกกก”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูงเจิ้งลี่กังเท้าคางตรงหน้าบนโต๊ะร่างอักษรของเจิ้งจินเทา“ว่าอย่างไรไท่จือ” เสี่ยวจงรีบรินชา เจิ้งจินเทาวางพู่กันลงกอดอกหันมาสนใจเจิ้งลี่กัง“คือข้าได้ยินมาว่า ว่าที่ชายาของท่านอา อือของอาเล็ก นางมีเวทย์มนตร์”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูงหานห้าวตงก้าวขาเข้ามาข้างใน ได้ยินประโยคสุดท้ายพอดีถึงกับขมวดคิ้ว“วันนี้ข้าเลย นำสิ่งนี้มามอบให้กับท่านอา”ยิ้มกว้างสดใส ในทุกครั้งที่อยากเอาใจเจิ้งจินเทา ยังๆไม่ยอมแพ้จากน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ยังไปที่วิหารเทียมฟ้าไปขอวัตถุมงคลมาให้กับเจิ้งจินเทาได้อีก“หมายความว่าอย่างไรเจ้าจะให้ข้าเอาสายสร้อยเส้นนี้ไป ทำอะไร”เจิ้งจินเทาเองก้ขมวดคิ้ว“ก็ว่าที่อาสะใภ้ของข้า นางมีเวทย์มนตร์เปลี่ยนท่านอาเล้กได้เพียงนี้และข้าไปเสาะแสวงหาสิ่งนี้มาเพื่อท่านมีเพียงสร้อยเส้นนี้เท่านั้นที่จะ..ต่อกรกับชายาของท่านข้าเห็นท่านอาเป็นแบบนี้แล้ว ข้าไม่สบายใจท่านแต่ไหนแต่ไรหญิงงามแค่ไหนก็ไม่เคยชายตามองแต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนไป หากไม่ใช่ เวทย์หรือมนตร์ดำแล้วจะเป็นสิ่งใดได้”หานห้าวตงถึงกับปิดปากขำ“ต้าหวางไท่จือดั้นก้นไปถึงวิห
ทำอย่างไรให้เจ้าหันมอง“เสี่ยว จงเก็บเครื่องเสวยเหล่านี้กลับไปเสีย”“เอ่อ เอ่อต้าหวางจะไม่รอ เอ่อ คุณหนูหลินฮวาอีกสักครู่หรือไร”เจิ้งจินเทาถอนหายใจ“ไม่ข้ากำลังจะออกไปแล้วตอนนี้งานราชสำนักกำลังเร่งรัดข้าไม่อาจรอได้หากนางมาก็ให้นางเสวยเพียงลำพังบอกว่าข้าออกไปที่วังหลวงเสียแล้ว”“แต่ แต่ต้าหวาง ท่านก็อย่าใจร้ายกับคุณหนูให้มากอีกหน่อยก็จะแต่งนางแล้ว เอาใจนางหน่อยจะดีไหม ที่นางไที่ตำหนักบุรพาเพราะไท่จือเป้นคนที่เอาใจเก่งแล้วนางก็สำนึกผิดแล้วยอมคุกเข่าแต่ท่านอ๋องท่านเองก็ทำเกินไปหน่อยหักหาญน้ำใจคุณหนูเพียงนั้น....”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูง“เสี่ยวจงเจ้าจงใจว่าข้าว่าข้าไม่เข้าใจการเอาใจหญิงงามอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้ายังแอบดูสิ่งที่ข้าทำกับคุณหนูของเจ้าอย่างนั้นหรือ"คิดถึงรสจูบหวานหอมเมื่อวานหากหลินฮวานางจะยินดีให้เขาจูบรสจูบจะหวานกว่านี้สักกี่เท่ากัน แต่ดูนางเขาสิเห็นเขาเป็นศัตรูตลอดมา“เสี่ยวจงมิบังอาจ แต่เสี่ยวจงอยากจะบอกท่านอ๋องว่าคุณหนูหลินฮวานางยังเด็กเพิ่งจะสิบห้าแล้ว แล้วไท่จือก็อายุไม่อ่อนแก่กว่ากันเท่าไหร่ ฉะนั้นสองคนอาจสนิทสนมกันได้ไม่ยาก ท่านอ๋องท่านก็แค่เอาใจคุณหนูหลินฮวาหน่อยหากว่า
“ไหนว่าเราเข้ามาอยู่ในฐานะแขก ท่านพ่อ เห้นไหมเขา ให้ลูกอดข้าว”“หลินอวาเราในฐานะเชลย ตอนนี้เจ้ากำลังจะเป็นบรรณาการของเขาเช่นนั้นคำพูดของต้าหวางเจ้าต้องคอยเชื่อฟังให้มากไม่มีเขาจึงไม่มีเราในวันนี้”“ท่านพ่อท่านพูดแบบนี้คนแบบนั้นจึงได้ใจ”“หุบปากเจ้าเสียหลินฮวา”เจิ้งจินเทาเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาบริเวณที่พำนักที่ร่มรื่นสงบของหลินฮวาและต้วนเจี้ยนหลิน“ต้าหวาง”หลินฮวาย่อกาย แล้วเดินหลบเข้าข้างในเสียเชอะทำเหมือนว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่หลินฮวานิาทาเขาไว้ ต่อหน้าท่านพ่อของหลินฮวาเป็นเทพสงครามที่องอาจไม่มีให้เสียหน้า“ท่านแม่ทัพ”ประสานมือนอบน้อม หลินฮวาถอนหายใจ คนผู้นี้แสดงกิริยาต่อหน้าบิดาของหลินอวาเสียดิบดีมิน่าเล่าท่านพ่อเลยไม่เคยมองเขาในด้านไม่ดี“เกรงใจไปล้วต้าหวางข้าก็เพียงแค่แม่ทัพที่ไร้ทัพต้าหวางมีสิ่งใดให้รับใช้เชิญว่ามา”เจิ้งจินเทายิ้มบางๆ“ก็…แค่อยากจะแวะมาถามสารทุกข์สุขดิบว่าทั้งต้วนไม่สิ ท่านต้วนหับบุตรีของท่าน อยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”หลินหิวที่นั่งหลบอยุ่ในบ้านขมวดคิ้ว“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องแวะมาเชียวหรือ”สายตาบอกว่าไม่อยากจะเชื่อหลินฮวาเองก้ไำม่เชื่อในสิ่งที่เจิ้งจินเทาพูดมา“อ
“ท่านอาเก้าท่านเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”“แล้วไท่จือเล่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่อย่าบอกนะว่าเราสองคนใจตรงกันมาเพื่อว่าที่ชายาของพี่แปดเหมือนกัน”ไข้าต่างกับท่าน”ปกปิดสิ่งที่ซ่อนไว้ก็เสี่ยวจงบอกเขาว่าวันนี้คุณหนูต้วนจะเข้ามาพบฮองเอาตามพระบรรชาหากอยากพบนางจะต้องมาที่นี่ไม่น่าเชื่อว่าจะพบหูซื่อเย่ที่ออกมาจากส่วนในของตำหนักชิงหนิงกง“ท่านอาเก้าท่านอาเพิ่งจะออกมาจากส่วนใน….”หูซื่อเย่ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่แปลกใจเลย ว่าตำแน่งไท่จือได้มาเพราะโชคช่วย ข้ากับฮองเฮามีเรื่องหารือเรื่องความปลอดถัยในตำหนักชิงหนิงกงข้าจึงต้องตรวจตราทุกซอกมุม”“ท่านลงมือเองเลยหรือปกติข้าเห็นแต่ท่านสั่งการ สั่งการและสั่งการ”“นานแค่ไหนแล้วที่นั่งบนตำหนักบูรพา” สีหน้าและแววตาหยามเหยียดของหูซื่อเย่ทำให้เจิ้งลี่กังกัดฟันแน่น“อาเก้าท่านเองก็เป็นอ๋องมานานเท่าไหร่แล้วเคยออกไปนอกเขตวังหลวงบ้างหรือไม่”“หุบปากเจ้าเสียไท่จือคิดว่านั่งบัลลังก์ตำหนักบูรพาแล้วยิ่งใหญ่เกินใครหรืออย่างไรจึงไม่ต้องนับถือใคร”“ข้านับถือคนที่ควรนับถืออย่างอาเล้กต้าหวางที่น่านับถือกว่าอ๋องบางคนที่เอาแต่สร้างบารมีรวบรวมซ่องสุม”“เจ้าว่าใครซ่องสุม”เจิ้งล
“อย่าๆๆๆทำแบบนี้ท่านอ๋องเก้าท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”ปิงซูเยียนส่งเสียงร้องครางด้วยความกระสันเมื่อหูซื่อเย่งัดเอาทุกกระบวนท่ามาปรนเปรอซูเยี่ยนก็นางมาหาเขาที่จวนอ๋อง เพราะพรุ่งนี้นางจะต้องแต่งเข้าจวนต้าหวังอ๋องไร้พ่ายเจิ้งจินเทาคนนั้น“อ่าาาาาข้าติดใจรสสวาทของเจ้าเสียแล้วซูเยี่ยน เจ้าไม่ต้องแต่งดีไหม”“ไม่แต่งแล้วท่านอ๋องจะให้ซูเยี่ยนอยุ่ในฐานะใดกัน”เอวหนาขยับเร่งจังหวะซู๊ดปากด้วยรู้สึกเสียวกระสันอย่างที่สุด“เจ้าอยาอยากให้ข้ายกเจ้าไว้ในฐานะใดกันเล่าในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าไร้ซึ่งชายาและอำนาจในมือ หากข้าสามารถนั่งบัลลังก์มังกรได้ข้าจะแย่งชิงเจ้ามาจากเจิ้งจินเทาเสียแล้วตำแหน่งฮองเฮาก็ควรมอบให้เจ้าดีไหม”ซูเยี่ยนยิ้ม“ท่านอ๋องท่านไม่ได้ปดข้าใช่ไหม”“ใครกล้าปดเจ้าเจ้ายอมมอบายให้ข้าเพียงนี้ทั้งๆที่พรุ่งนี้จะเข้าหอกับเจิ้งจินเทาเจ้ากลับยอมเป็นคนของข้าซูเยี่ยนข้าเช่นไรจึงจะกล้าไม่ดีกับเจ้า”จูบซอกซอนมือล้วงลึกไปที่หว่างขา กระตุ้นสวาทอีกครั้งไม่เลิกรา“ท่านอ๋องงงงท่านปากหวานเสียจริงข้ามีหรือจะยอมใจแข็งข้าไม่แต่งกับเจิ้งจินเทาดีไหมท่านก็พาข้าหนีไปใช้ชีวิตสองคน”“ไม่ได้ทำเช่นนั้นเราต้องหนีจนตาย ทางที
“ไท่จือท่านแน่ใจหรือว่าเราจะทำแบบนั้นจริงๆ“ทำแบบไหน”เจิ้งลี่กังผู้ใจจดใจจ่อกับการประคองน้ำศักดิ์ตามคำแอบอ้างของหลวงจีนในวัดเทียมฟ้า“ก็แบบว่าเอาน้ำนี่”“หืมมอย่าเรียกน้ำนี่เจ้าไม่ได้ยินที่ไต้ซือพูดหรือไรเสี่ยวจง”เสี่ยวจงพยักหน้าขึ้นลง“ช้่างเถอะจะน้ำอะไรก้ช่างแต่ไท่จือท่าเอาไปสาดใส่ต้าหวางเกรงว่าต้าหวางจะทรงกริ้ว”“กริ้วก็กริ้ว ข้ายอมเพื่อให้ท่าอาหลุดพ้นจากเวทย์มนตร์ของนางจิ้งจอกนั่น”“เสี่ยวจงก้ไม่เห้นว่า คุณหนูหลินฮวาจะเป้นนางจิ้งจอกตรงไนหนางเพิ่ง15ใบหน้างดงามอ่อนเยาว์”“นั่นๆนั่นอย่าไงรเเล่าอ่อนเยาว์ นางเป็นนางจิ้งจอกจึงอ่อนเยาว์”“ไท่จือ ใครอายุ15ก็อ่อนเยาวืทั้งนั้นข้ากับท่านตอน15ก็อ่อนเยาว์”“นางอ่อนเยาว์มากไหม ถ้านางอ่อนเยาว์มากเสดงว่านางคือนางจิ้งจอก”เสี่ยวจงถอนหายใจ“เอาแบบนี้ข้าคิดออกแล้ว”“คิดอะไรออก”“คิดว่าคนที่ต้องเวทย์มิใช่ต้าหวางหากเป็นไท่จือ”“หะ นางมีเวทย์มนตร์แม้กระทั่งข้าที่ไม่เคยเห็นหน้านางยังต้องเวทย์นางหรือไรนางร้ายกาจจริงๆ”“ไท่จือท่านผิดแล้วท่านต้องเวทย์ของหลวงจีนที่วัดเทียมฟ้าต่างหาก”“ข้าไม่เข้าใจข้าจะต้องเวทย์ของไต้ซือได้อย่างไร”“ก็จากที่ดูอะไน ท่านลองเชื
“ต้าหวางท่านอาเล็กข้าได้ยินว่าท่านอา มีสาวสวยเคียงข้่างเช่นนี้นี่เองจึงรีบกลับจวนในทุกวัน”“หืมมม ไท่จือได้ยินมาผิดแล้วหญิงงามสาวสวยคำพูดเพ้อพกของใครกัน”เจิ้งลี่กังเหล่ตา“หืม เช่นนั้นหรือที่ข้าได้ยินมาผิดไปแล้วใช่ไหมตายจริงข้าก้เชื่อคนง่ายด้วยสิ เขาว่ากันว่าอาเล้กไปรับกลับมาคราวนี้ได้บรรณาการชิ้นเอกมาจากแคว้นฉี ข้าเองชื่นชอบหญิงงามอาเล็กหากไม่ว่าอะไร หลานรักคนนี้ขอพบหน้าบรรณาการของท่านสักครั้ง”“ไม่ได้”เสียงเข้มแข็งขัน“อ้าว ทำไมเล่าหญิงงามงามลำพังไร้คนเชยชมชื่นชมเช่นไรจึงเรียกหญิงงาม”“ไท่จือ ท่านมีหญิงงามมากมายให้เชยชม คนนี้ เจิ้งจินเทาบังอาจพูดว่าไม่ได้”เจิ้งลี่กังอมยิ้ม“น่าตื่นเต้นข้าชักอยากจะเห้นหน้านางเข้าจริงๆเสียแล้วว่าจะงดงามเพียงใด จึงทำให้ท่านอาเล็กที่เป็นดั่งครอบครัวจึง กล้าใจแคบกับข้าได้ลงคอ”“ไม่ได้ ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้”เผลอพูดไปด้วยความโมโห เจิ้งลี่กังอ้าปากค้างเสี่ยวจงรีบดึงมือเจิ้งลี่กังไปเสียอีกทาง“เอาจริงๆนะเสี่ยวจงข้าไม่เข้าใจบรรณาการของท่านอาคนนั้นงามล่มสวรรคืเลยรือไรจึงหวงนักหวงหนา“ไท่จือ ต้าหวังไม่ได้หวงท่าน แต่ว่านางนะ เกลียดชังต้าหวังต้าหวังเ้กรงว่าหากไ
ทัพของแคว้นฉี และเหล่าทหารต่างปกป้องท่านแม่ทัพและหลินฮวากระบี่ในมือ ถูกกางกั้น เบื้องหน้าไม่ให้คนของแคว้นเว่ยเข้าถึงตัวแม่ทัพและบุตรีหลินฮวาที่บัดนี้หมดเรี่ยวแรงมือกำกระบี่แน่น ด้วตาตื่ตตระหนกทัพองแคว้นแีแน่แล้วต้องพ่ายแพ้ ใบหย้าขะมุกขมอม กัดฟันยืยหยัดไม่ถอย“ยอมจำนนเสีย”หานห้าวตงตวาดเหล่าทหารของแคว้นฉีไม่กี่สิบนายที่ยืนรายล้อมแม่ทัพกีบหลินฮวาไว้ปกป้องยิ่งชีวิตต้วนเจี้ยนหลิน ทรุดตัวลงกับก้มหน้ามองพื้นดิน“ข้าต้วนเจี้ยนหลิน ยอมจำนนแล้วขอเพียง ปล่อยทหารและราษฎรที่อาศัยที่ชายแดนแห่งนี้ไปเสียอย่าได้ฆ่าแกงกันเลย”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว หลินฮวาทรุดกายลงข้างบิดา ก้มหน้ากัดฟัน“ยอมจำนน มีค่าใดกัน”“ข้ายอมให้ท่านปลิดชีพข้าเพื่อแลกกับชีวิตของทหารและราษฎรทั้งหลาย”“ท่านอ่อง ศึกในครั้งนี้แคว้ยฉีพ่ายแพ้ย่อยยับ แม่ทัพต้วนแห่งแคว้นฉียินดีให้ท่านปลิดชีพเขาเพื่อแลกกับชีวิตของราษฎร และทหาร ที่เหลือเพียงหยิบมือ”ร่างสูงชะลูดก้าวขายาว ๆ ยังค่ายทหารที่มีแต่ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณของกองทัพแคว้นฉี“นำเขากลับแคว้นเว่ยในฐานะเชลย”คำพูดที่หลุดออกจากปากทำเอาเจิ้งจินเทาถอนหายใจด้วยความโล่งอกทุกอย่างลุล่วงไปด้ว