“ประธานเย่” มีคนเข้ามาทักทาย พร้อมกับมองเวินหนี่ที่อยู่ข้าง ๆ เขา “เป็นคุณเวินจริง ๆ ด้วย คุณเวินปิดบังความสวยไว้ซะมิดเลยนะครับ วันนี้คุณสวยมาก ทำเอาผมตกตะลึงไปเลย!”ชายคนนั้นเข้ามาจับมือเวินหนี่“ชมเกินไปแล้วค่ะ ฉันแค่อาศัยการแต่งหน้าเท่านั้น สู้คู่ควงข้างกายของคุณไม่ได้เลยค่ะ” โรควิชาชีพของเวินหนี่ทำงาน เธอยิ้มและกำลังจะเอื้อมมือออกไปจับมือของเขาตอบ แต่เย่หนานโจวก็ขวางเอาไว้ “คืนนี้อย่าเป็นทางการกันมากเลย”เวินหนี่หดมือของตัวเองกลับคืนไป ชายคนนั้นไม่ได้ไม่พอใจ เขาเพียงแค่เอ่ยแซว “ประธานเย่กำลังปกป้องสาวน้อยงั้นเหรอครับ?”อีกฝั่ง“ดูสิคะ คู่ควงของประธานเย่ที่แท้ก็คือเลขาของเขานี่เอง ฉันก็คิดว่าจะพิเศษมากแค่ไหนซะอีก!” ผู้ช่วยของจางจื่อฉียิ้มเยาะและจงใจพูดออกมา“ฉันว่าสถานะของเลขายังดูแข็งแกร่งกว่าใครบางคนเสียอีก!”ข้าง ๆ คือลู่ม่านเซิงซึ่งสวมชุดเดรสสำรอง เมื่อเทียบกับความโดดเด่นของเวินหนี่แล้ว เธอด้อยไปกว่าหลายเท่าหลังจากที่เย่หนานโจวประกาศว่าเขาแต่งงานแล้ว เธอก็กลายเป็นตัวตลก หากไม่ใช่เพราะเย่ซูเฟินคอยอยู่ข้าง ๆ คนคงจะหัวเราะเยาะเธอมากกว่านี้ส่วนเวินหนี่ที่ปรากฏตัวต่อ
เวินหนี่ยิ้มมันเจ็บ แสดงว่านี่ไม่ใช่ความฝันเย่หนานโจวกำลังนวดเท้าให้เธอจริง ๆ เย่หนานโจวสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ และนึกว่าตัวเองออกแรงมากเกินไป จึงถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “ฉันทำเธอเจ็บหรือเปล่า?”เวินหนี่ส่ายหัว “เปล่าค่ะ”เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ปลายจมูกของเธอรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้”สำหรับเธอแล้ว ความอ่อนโยนของเขาทำให้เธอประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญอย่างไม่คาดฝันเย่หนานโจวเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอสั่นไหวและดูน่าสงสารเล็กน้อย เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันทำให้เธอเสียใจมามากสินะ”เวินหนี่ส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไรเธอไม่ได้เสียใจเธอเพียงแค่รักเขาแต่ไม่อาจครอบครองได้ก็เท่านั้นเย่หนานโจวนวดเท้าของเธอ อุณหภูมิอบอุ่นบนร่างกายของเขาทำให้ไม่นานเวินหนี่ก็รู้สึกดีขึ้น เธอมุ่งความสนใจไปที่การจ้องมองเขา ดื่มด่ำกับความอ่อนโยนของเขา และประคองสติอยู่ตลอดเวลาสายตาของเธอไล่ไปที่ดวงตาลึกของเขา จมูกคมสัน ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีแดงของเขา…ในขณะนี้ เธออยู่ในอารมณ์หุนหันพลันแล่น และอดไม่ได้ที่จะเรียกออกไป “เย่หนานโจว”เมื่อได้ยิน เย่หนานโจ
“คุณเรียกฉันว่าเลขาเวินเหมือนเดิมเถอะค่ะ” เวินหนี่พูดต่อ “จู่ ๆ เปลี่ยนสรรพนามแบบนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยชิน อีกอย่างยังอยู่ข้างนอกด้วย มีคนจำนวนมากกำลังจับจ้องอยู่”เผยชิงไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงต้องเก็บเรื่องความสัมพันธ์ไว้เป็นความลับ ทั้ง ๆ ที่เป็นสามีภรรยากัน แต่นี่มันคือเรื่องส่วนตัวของพวกเขาและไม่ใช่เรื่องที่จะถามง่าย ๆ เขาเพียงแค่ทำตามคำขอของเวินหนี่ “ครับ เลขาเวิน”เวินหนี่ทานอาหารเสร็จและกำลังจะเข้าไปที่ลานประมูลทันใดนั้น เวินหนี่ก็บังเอิญชนเข้ากับใครบางคน จึงรีบเอ่ยขอโทษด้วยความเคยชิน “ขอโทษที่ชนคุณนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเวิน ขอบคุณสำหรับน้ำมะนาวแก้วนั้นนะคะ”เธอเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าเป็นจางจื่อฉีเวินหนี่จึงเอ่ยทักอย่างสุภาพ “คุณจาง”จางจื่อฉียิ้มเล็กน้อยและจับมือเธออย่างเป็นมิตร “คุณเวิน วันนี้คุณสวยมากเลยนะคะ ไม่แปลกใจเลยที่ประธานเย่จะหลงคุณขนาดนี้”เวินหนี่รีบชี้แจงความสัมพันธ์ของเธอทันที “ไม่ใช่นะคะ คุณจางอย่าเข้าใจผิด ฉันเป็นเพียงเลขาของประธานเย่ และเป็นคู่ควงในงานของเขาเท่านั้น ประธานเย่แต่งงานแล้ว ส่วนฉันเป็นเพียงเลขา จะปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดไม่ได้แล้ว”
ตัวอัญมณีหลักคือ 10 กะรัต โดยรอบ ๆ มีพลอยมากกว่าหนึ่งกะรัตที่ขับให้เด่นเป็นคอลเลกชันที่ควรค่าแก่การสะสมเวินหนี่หันกลับไปมองและเห็นลู่ม่านเซิงมองมาที่เธอพอดี โดยที่มุมปากยกขึ้น ดวงตาแฝงไปด้วยการยั่วยุ สมแล้วที่เธอจะโอ้อวดตั้งแต่เวินหนี่เข้ามาในตระกูลเย่ เย่ซูเฟินไม่เคยซื้ออะไรให้เธอเลยสุดท้ายเย่ซูเฟินชนะการประมูลด้วยการเสนอราคาร้อยห้าสิบล้าน โดยที่ไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิดเดียวอัญมณีถูกนำมาข้างหน้าลู่ม่านเซิง ผู้คนมากมายจ้องมองมา ซึ่งทำให้ลู่ม่านเซิงได้หน้า เธอมีสีหน้าพึงพอใจมาก “สวยมากเลยค่ะ คุณป้ามีสายตาที่เฉียบแหลมจริง ๆ”ดวงตาของเย่ซูเฟินเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ขอแค่เธอชอบ มันก็คุ้มค่า”ลู่ม่านเซิงถือมันไว้ในมือ ผู้คนรอบตัวข้างรู้สึกอิจฉาอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลู่ม่านเซิงเป็นที่รักของคุณผู้หญิงใหญ่ตระกูลเย่จริง ๆ เย่ซูเฟินชื่นชอบเธอปานลูกสาว”“ลูกสาวอะไรกัน เย่ซูเฟินปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นลูกสะใภ้ชัด ๆ”“แต่ประธานเย่บอกว่าเขาแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอจะเป็นลูกสะใภ้ของเย่ซูเฟินได้ยังไง”“ประธานเย่ไม่ได้เปิดเผยนี่นาว่าภรรยาของเขาคือใคร คุณผู้หญิงใหญ่ตระกูลเ
ข้างในคือสร้อยข้อมือหยกเขียวจักรพรรดิ์ที่เธอชอบเวินหนี่เข้ามาและเห็นว่าทุกคนอยู่ที่นั่น จึงเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ “ประธานเย่ เรียกฉันมามีธุระอะไรเหรอคะ?”เย่หนานโจวหันไปมองเธอ “มานี่สิ”เวินหนี่เดินเข้าไปเย่หนานโจวหยิบกล่องขึ้นมาเปิดออก และหยิบสร้อยข้อมือหยกเขียวจักรพรรดิ์ออกมาภายใต้สายตาของพวกเธอทุกคน ก่อนจะสวมใส่ลงบนข้อมือของเวินหนี่ ทันใดนั้นสีหน้าของลู่ม่านเซิงก็เปลี่ยนไปเย่ซูเฟินตกตะลึงและพูดว่า “หนานโจว ลูกจะมอบสิ่งนี้ให้เซิงเซิงไม่ใช่เหรอ?”เย่หนานโจวกล่าว “แค่การปรนเปรอของแม่ ยังไม่พออีกเหรอ?”เย่ซูเฟินเม้มริมฝีปาก รู้สึกไม่พอใจอย่างมากเวินหนี่รู้สึกประหลาดใจ จู่ ๆ มือของเธอก็หนักขึ้นมาก นี่คือหยกเขียวจักรพรรดิ์ในราคาห้าร้อยล้านบาท มันมากเกินไปสำหรับเธอ เธอไม่เคยสวมใส่ของแพงขนาดนี้มาก่อน และรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม “ไม่เป็นไรค่ะ มันแพงเกินไป ถ้าฉันกระแทกมันพังขึ้นมาจะทำยังไง?”เธอรีบถอดมันออกแต่เย่หนานโจวก็จับมือเธอไว้ แล้วพูดอย่างมีความหมาย “ฉันประมูลมาให้เธอ เธอควรรับมันไว้ แล้วอย่าทำหายล่ะ”เวินหนี่มองดูสายตาของเขา ราวว่าสิ่งนี้สำคัญสำหรับเขามากแต่สิ่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เวินหนี่ก็ตกตะลึงทันที เวินหนี่รู้สึกราวกับมีลมพัดขึ้นมาจากฝ่าเท้าทำให้หนาวสั่นไปทั้งร่างกายและสูญเสียความมีชีวิตชีวาไปทันทีคุณอากำลังพูดเรื่องอะไรกัน?เย่หนานโจวแต่งงานกับเธอเพื่อหุ้นของคุณปู่อย่างนั้นเหรอ?ดวงตาของเวินหนี่หม่นหมอง เธอหันกลับไปมองภาพด้านในผ่านช่องประตูแล้วเห็นเพียงเย่จื่อยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโกรธ ส่วนเย่หนานโจวกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา แววตาของเขาไร้คลื่นอารมณ์ใด ๆ“ครับ” เขาตอบเสียงเรียบใบหน้าของเวินหนี่ซีดลง มีเพียงร่องรอยของความตกใจในดวงตาของเธอไม่แปลกใจเลยที่เขาแต่งงานกับเธอ ที่แท้มันก็มีเงื่อนไขแนบมาด้วยนี่เองและไม่แปลกใจเลยที่คืนวันแต่งงานเขาบอกกับเธอว่าเขาจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับเธอและย้ำเตือนให้เธอรู้ถึงสถานะของตัวเองที่แท้เธอก็เป็นเพียงหมากต่อรองของเขามาตั้งแต่ต้นเมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการแล้วก็ค่อยปล่อยเธอไป แบบนั้นถึงได้มีสัญญาสามปีขึ้นมานี่เองเย่จื่อกล่าว “ฉันว่าแล้วว่าแกไม่ใช่คนที่จะยอมคนง่าย ๆ แต่สิ่งนี้มันยุติธรรมสำหรับเวินหนี่เหรอ? แกกำลังทำร้ายเธออยู่นะ”ดวงตาของเย่หนานโจวหม่นหมอง ริมฝีปากบางขอ
...เวินหนี่หอบหายใจพลางปล่อยให้ลมหนาวปะทะร่างกาย แต่เธอก็ไม่รู้ถึงความหนาวเย็นที่กัดกร่อนกระดูกเลย ได้แต่วิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าวิ่งมานานแค่ไหนแล้ว เธอเหนื่อยหอบและหยุดพักอีกครั้งเธอใช้สองมือยันเข่าและน้ำตาของเธอร่วงลงสู่พื้นโดยไม่รู้ตัวในขณะนี้เวินหนี่ตระหนักได้ว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา และน้ำตาอุ่นร้อนก็กลายเป็นความเย็นที่กำลังกรีดใบหน้าของเธออย่างรุนแรงทำไมถึงเป็นแบบนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้เวินหนี่ได้แต่ถามตัวเองในใจว่าทำไมสิ่งดี ๆ ถึงได้กลายเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ความอ่อนโยนและความอบอุ่นของเย่หนานโจวที่ทำให้เธอตกหลุมรัก เป็นเพียงการชดเชยและความรู้สึกผิดของเขาเท่านั้นในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายในคำพูดของลู่ม่านเซิง เย่หนานโจวแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อหลอกใช้เธอเขาไม่ได้สงสารและไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเธอเลยแม้แต่น้อยเวินหนี่นั่ทรุดลงนั่ง รู้สึกหนาวในใจจนต้องกอดตัวเองแน่นด้วยมือทั้งสองข้างตอนนี้เธอต้องการเพียงกระดองเหมือนเต่าเพื่อที่จะได้หดตัวเข้าไป และไม่ต้องได้รับบาดเจ็บแบบนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรเธอแพ้อย่างยับเยินเลยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระท
ปลายสายลังเลเล็กน้อยก่อนตอบว่า “มีคนเห็นคุณเวินอยู่ที่สำนักงาน แต่ไม่มีใครเฝ้าอยู่ที่นั่นตลอดเวลาก็ไม่แน่ใจว่าเธออยู่ที่นั่นตลอดหรือเปล่า”นี่เป็นปริศนา เขาเคยถามเวินหนี่ด้วยความสงสัยมาก่อน ในความทรงจำของเขาเวินหนี่รักษาความสัมพันธ์กับเขาอย่างมีระเบียบแบบแผนมาโดยตลอด ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมีข้อสงสัยมากนักเมื่อคิดย้อนกลับไป เวินหนี่ดูเหมือนจะมีท่าทีลุกลี้ลุกลนในตอนนั้น ผู้หญิงที่สามารถเข้าถึงเขาได้ก็มีเพียงเธอเท่านั้น แต่เขามั่นใจว่าคนที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่ลู่ม่านเซิงเย่หนานโจววางสายโทรศัพท์ ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเดินออกจากห้องทำงานเย่หนานโจวเดินเข้าไปในห้องนอน พบว่าไฟยังเปิดอยู่แต่เวินหนี่กลับไม่อยู่ในห้อง โทรศัพท์ของเธอวางอยู่บนเตียง เขามองหาเธอรอบ ๆ แต่ไม่พบ จึงถามคนรับใช้ว่า “คุณผู้หญิงอยู่ไหน?”คนรับใช้ตอบว่า “เมื่อครู่ยังเห็นคุณผู้หญิงลงไปข้างล่างอยู่เลยค่ะ”เมื่อหาตัวเวินหนี่ในบ้านไม่เจอ และเธอก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย ทำให้เย่หนานโจวรู้สึกกังวล เขารีบโทรศัพท์ออกไป “เวินหนี่หายตัวไป รีบหาตัวเธอให้เจอเร็ว!”…เวินหนี่ลืมตาตื่นขึ้นมา หัวยังรู้สึกมึนงง
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม