Share

บทที่ 400

Author: เซียงปู้อี๋
คำพูดของเย่หนานโจวนั้นดูจะทำร้ายจิตใจคนฟัง แต่สิ่งที่เขาทำกลับไม่ธรรมดา ถึงแม้เย่กรุ๊ปจะทำงานการกุศลมากมาย แต่เย่หนานโจวไม่เคยลงมือทำด้วยตัวเองแบบนี้ เวินหนี่จึงพูดต่อไปว่า

"ไม่ใช่ว่าฉันมาได้คนเดียวหรอกค่ะ แต่ฉันเพิ่งมาถึงคุณก็มาถึงทันทีพร้อมของบริจาค มันบังเอิญเกินไป แต่ถ้าไม่ใช่คุณ งั้นฉันก็ไม่ถามแล้วล่ะ"

เธอยังมีงานอื่นต้องทำ ไม่อยากเสียเวลามาต่อปากต่อคำกับเย่หนานโจว

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจเธออยู่แล้ว

เย่หนานโจวเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเวินหนี่ก็ยิ่งขมวดคิ้ว เขาไม่พอใจเธอมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็ยังทำตัวเย็นชาแบบนี้อีก

"ลุง ลุง!"

ทันใดนั้น เด็กสิบกว่าคนก็วิ่งตรงมาทางนี้

แต่ละคนวิ่งเร็วมาก ไม่กลัวหกล้มเลย

เวินหนี่รู้ว่าพวกเด็ก ๆ กำลังเรียกเย่หนานโจว

เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

เด็ก ๆ พากันเกาะที่กระจกรถ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและขอบคุณ พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ "ขอบคุณลุงค่ะ/ครับ ลุงใจดีจังเลย!"

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หนานโจวได้ใกล้ชิดกับเด็ก ๆ ขนาดนี้

และยังเป็นเด็กสิบกว่าคนที่มารุมล้อมอยู่รอบ ๆ รถของเขา

เขาไม่แน่ใจนักว่าชอบหรือไม่ชอบเด็ก แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ช
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Orawin
เอ็นดู จะปรับความเข้าใจกันได้ตอนไหนเนี่ย
goodnovel comment avatar
พี่ชอบขอ น้องชอบเบิ้ล
คุณลุงเย่หนานโจวง้อป้าเวินให้สำเร็จด้วยนะคะ รออยู่ค่ะคุณนักเขียน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 401

    เมื่อเห็นแบบนั้น เย่หนานโจวก็หน้าเปลี่ยนสี เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดเวินหนี่รีบกอดพวกเด็ก ๆ ไว้ด้วยกันพลางปลอบโยน “โอ๋ ๆ คุณลุงเค้าไม่ใช่หมาป่าตัวร้ายหรอกนะจ๊ะ คุณลุงเขาเป็นคนดี เมื่อกี้เขายังให้ของกับเราด้วยไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องกลัว เด็กร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่จะเท่นะ”เด็ก ๆ ปาดน้ำตาอีกครั้งแต่ยังคงสะอึกสะอื้น “ร้องไห้ไม่ได้ เราเป็นเด็กที่กล้าหาญที่สุด เราจะไม่ร้องไห้!”แต่เมื่อพวกเขาเห็นเย่หนานโจว พวกเขาก็ยังคงทำหน้าตาบูดบึ้งและพยายามที่จะไม่ร้องไห้ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ในใจเหมือนเดิมเย่หนานโจวมองเวินหนี่ เธออ่อนโยนกับเด็ก ๆ มาก อ่อนโยนราวกับสายน้ำเขาอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอสองครั้งและเข้าไปหาเด็ก ๆ อีกครั้งแต่เด็ก ๆ ยังคงหวาดกลัวและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเวินหนี่ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมน เขาไม่คิดว่าเด็ก ๆ จะหวาดกลัวเขาขนาดนี้“ทุกคนรีบเข้าไปเร็ว ถ้าไม่รีบเข้าไป จะมีหมาป่าตัวใหญ่เข้ามาจากข้างนอกนะ!”เมื่อเด็ก ๆ ได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในเวินหนี่เดินตามกลุ่มเด็ก ๆ เข้าไปเย่หนานโจวมองดูด้านหลังของพวกเขา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีหรือร้าย เขาแค่รู้สึกว่าเวินหนี่ดูผ่อนคล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 402

    “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ” เวินหนี่กล่าว“ค่ะ หวังว่าจะได้พบพวกคุณอีกนะคะ” อธิการบดีกล่าวเย่หนานโจวมองไปที่กลุ่มเด็ก ๆ และก่อนจากไป เขาก็ไม่ลืมที่จะถามขึ้นอีกครั้งว่า “จำได้หรือเปล่าว่าควรเรียกพวกเราว่าอะไร?”“พี่ชาย พี่สาว!” เด็ก ๆ ตะโกนขึ้นพร้อมกันด้วยท่าทางที่สุภาพเรียบร้อยมากเย่หนานโจวพูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าไม่เรียกว่าพี่ชาย พี่สาว แล้วเรียกอะไรได้อีก?”“คุณลุง คุณป้า!” เด็ก ๆ เข้าใจแล้วเพราะถูกเขาสอนมามากกว่าสิบครั้ง พวกเขาจำได้เวินหนี่หันไปมองเย่หนานโจว กลยุทธ์ใช้เด็ก ๆ ได้ผลมากสำหรับเขา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หนานโจว“คุณลุง คุณป้า พวกคุณต้องมีความสุขตลอดไปนะครับ!” เด็ก ๆ พูดพร้อมกันเวินหนี่ตกตะลึงและมองดูพวกเขา “พวกเธอหมายถึงอะไร?”“เมื่อกี้คุณลุงบอกว่าคุณป้าเป็นภรรยาของเขา ห้ามเรียกลำดับชั้นมั่ว ๆ ครับ ถ้าไม่เรียกพี่ชาย พี่สาว ก็ต้องเรียกคุณลุงกับคุณป้า จะเรียกคุณลุงคน พี่สาวคนไม่ได้ครับ ” เด็ก ๆ บอกกับเวินหนี่เวินหนี่พูดไม่ออกทันทีในตอนแรก เธอยังไม่รู้ว่าเย่หนานโจวสนใจเรื่องอะไรที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองเหรอแต่ตอนนี้เขาจะยังบอกกับคนอื่นว่าเธอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 403

    “ตอนนี้เราอยู่นอกเมือง หากเธอลงจากรถต้องเดินไปอีกหลายกิโลเมตรถึงจะไปถึงสถานที่ที่คนพลุกพล่าน อย่าหุนหันพลันแล่น การอวดตัวไม่ใช่ความสามารถพิเศษของเธอ!” เย่หนานโจวพูดนิ่ง ๆ พลางเอนตัวไปทางหน้าต่างรถแล้วมองออกไปข้างนอก เวินหนี่มองดูถนนสายนี้ และแน่นอนว่ามันอยู่ในพื้นที่ห่างไกล หากจะเดินก็คงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงและตอนนี้ก็เย็นแล้วด้วย บางทีอาจมีสัตว์ป่าออกมาก็ได้เมื่อคำนึงถึงความปลอดภัย เธอจึงเลิกส่งเสียงเอะอะโวยวายในบางครั้ง ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ก็คือวีรบุรุษรถจอดลงหน้าสถานีโทรทัศน์ เย่หนานโจวมองไปที่ป้ายเหนือสถานีโทรทัศน์แล้วพูดขึ้นเบา ๆ “ดูเหมือนว่าสถานีโทรทัศน์ของเธอต้องการสัมภาษณ์ฉัน”“เหรอคะ?” เวินหนี่ตอบเย่หนานโจวมองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ “แล้วทำไมไม่ใช่เธอ?”เวินหนี่ไม่ได้บอกเขาว่าเธอปฏิเสธ “เรื่องสัมภาษณ์คุณยังมาไม่ถึงฉัน ฉันเข้ามาที่นี่ได้ไม่ถึงสิบวัน สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือจดบันทึกสะท้อนสถานการณ์ทางสังคมเท่านั้น”เย่หนานโจวเชื่อในตอนนี้ แต่เขามาที่นี่เพราะเห็นแก่เธอเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามอย่างเรียบนิ่ง “หากได้สัมภาษณ์ฉัน มันคงจะเป็นประโยชน์กับเธอมาก”เวินหนี่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 404

    “...” ลู่เซินพูดไม่ออกทันทีเวินหนี่มองเย่หนานโจวด้วยความประหลาดใจทำไมเขาถึงพกทะเบียนสมรสติดตัวไปไหนมาไหนด้วยล่ะ?ไม่เข้าใจเขาเลยจริง ๆ!เย่หนานโจวถือมันไว้ในมือก่อนจะแกะมันออกทีละชั้น และในที่สุดตัวหนังสือสีแดงก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาเขาต้องทำให้ลู่เซินได้เห็นอย่างชัดเจน จึงยกมันขึ้นสูงแล้วพูดกับลู่เซินว่า “นี่คือทะเบียนสมรสของผมกับเวินหนี่ คุณลู่ คุณเห็นหรือยัง”ลู่เซินเม้มริมฝีปาก ดวงตาของเขามืดลงเขาสามารถมองเห็นความภาคภูมิใจจากสายตาของเย่หนานโจว ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของเขาราวกับว่าเย่หนานโจวมีความสุขมากที่ทะเบียนสมรสของเขากับเวินหนี่ยังอยู่แต่หากการแต่งงานของเขากับเวินหนี่เป็นเพียงสัญญา เขาควรอยากจะรีบหย่าไม่ใช่เหรอ?ในตอนแรก เขาจะคิดว่าเย่หนานโจวเป็นผู้ชายที่ชอบเอาชนะ เพราะว่าผ่านไปหลายปีแล้วเขาก็ไม่เคยยอมรับเวินหนี่ในฐานะภรรยาของตนเลยตอนนี้เย่หนานโจวกลับทำตัวเป็นเด็กอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใครจะห่อทะเบียนสมรสแน่นขนาดนั้นกัน แล้วเอามาอวดต่อหน้าคนนอกแบบนี้อีก?“ประธานเย่ ยังไงสุดท้ายแล้วการแต่งงานนี้ก็ต้องหย่ากัน” ลู่เซินพูดอย่างสงบนิ่งเย่หนานโจวพูดขึ้น “ใครบอกว่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 405

    เขายกแก้วไวน์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นดื่มเขามีสติอยู่เสมอเขาอยู่ข้างหลังเวินหนี่อย่างมีสติ และยังคงเป็นเพื่อนกับเธออย่างมีสติแม้แต่ตอนที่ยอมรับว่าชอบเวินหนี่ก็เป็นตอนที่เขาดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาอาศัยแอลกอฮอล์เพื่อระบายความปวดร้าวภายในใจแต่เขาก้าวต่อไปไม่ได้อีกแล้วเขารู้ว่าเวินหนี่ชอบเย่หนานโจวเขาไม่อยากให้เธอรู้สึกลำบากใจ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็อยากให้ความเคารพกับเธอมากพอแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พุ่งตัวออกไปเหมือนเย่หนานโจว บางทีผู้ที่ถูกรักคือคนที่ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวล่ะมั้ง เขาอิจฉาเย่หนานโจวที่ได้รับความรักจากเวินหนี่ ลู่เซินยิ้มอย่างขมขื่น เติมไวน์จนเต็มแล้วดื่มหมดในรวดเดียวโทรศัพท์ที่อยู่ถัดจากมือซ้ายของเขายังคงสั่นอยู่เขาเหลือบมองไปด้านข้าง แล้วหันศีรษะกลับมาอีกครั้ง โดยไม่คิดที่จะรับสาย เพียงแค่ดื่มต่อไปไม่หยุดเวินหนี่ออกจากโรงแรมและเตรียมเรียกแท็กซี่กลับบ้านไม่มีแท็กซี่ว่างในบริเวณใกล้เคียง เธอเช็คโทรศัพท์และพบว่ามีคนที่กำลังรอแท็กซี่อยู่มากกว่าสามสิบคนดูเหมือนคงต้องรออีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ได้เมื่อเห็นเย่หนานโจวตามออกมา เวินหนี่จึงไม่หยุดเด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 406

    เย่หนานโจวมองไปรอบ ๆ อย่างละเอียด พื้นที่ทั้งหมดไม่ใหญ่เท่ากับห้องนอนของพวกเขาด้วยซ้ำ เมื่อเดินเข้าไป ข้างในก็มีเพียงข้าวของของเธอเท่านั้ืนเวินหนี่ชอบจัดบ้านอยู่เสมอ บ้านจึงถูกจัดอย่างสะอาดเขาแปลกใจเมื่อเห็นรองเท้าแตะขนนุ่มรูปกระต่ายคู่หนึ่งวางอยู่ที่ประตูเขาเหลือบมองเวินหนี่อีกครั้งเวินหนี่รู้สึกอายเล็กน้อยและรีบเก็บรองเท้าแตะของเธอ “ดูเสร็จหรือยังคะ?”เย่หนานโจวมองไปที่โซฟาสำหรับสองคน และพูดขึ้นเสียงต่ำ “อยู่ที่นี่โอเคหรือเปล่า?”“ก็พอได้ค่ะ”“อะพาร์ตเมนต์เล็กขนาดนี้ เฟอร์นิเจอร์ก็มีไม่ครบ เทียบกับบ้านเราไม่ได้เลย ที่นั่นมีคนคอยรับใช้ด้วย ฉันคิดว่าเธอคงไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่นี่แน่ ๆ” เย่หนานโจวคิดแทนเธอ “ยังไงก็หย่าไม่สำเร็จอยู่ดี กลับไปอยู่ที่บ้านเราดีกว่าไหม”“ตกลงแล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าฉันจะหย่ากับคุณ การที่ฉันย้ายออกมามันไม่ใช่การหนีออกจากบ้านเพราะทะเลาะกับคุณ!” เวินหนี่หวังว่าเขาจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่าทำเหมือนมาเกลี้ยกล่อมเธอแล้วเธอจะยอมกลับไปยังไงอย่างงั้น “ถ้าคุณดูเสร็จแล้ว ก็กลับไปได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ฉันยังต้องทำงาน!”เย่หนานโจวมองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ “เราเป็นสามี

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 407

    “...” ไม่ว่าเย่หนานโจวจะพูดอะไรในตอนนี้ เวินหนี่ก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ และเธอก็เสริมขึ้นว่า “ที่นี่ไม่มีที่ให้คุณวางของ”เย่หนานโจวมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเปิดประตูตู้ทันที เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่เล็ก ๆ อยู่ข้างในจึงพูดขึ้นว่า “ใส่ไว้ตรงนี้ได้ ฉันไม่ถือ!”เขาออกคำสั่งอีกครั้ง “เผยชิง!”“ครับ!”เผยชิงรีบแขวนเสื้อเข้าไปทันที พวกเขาเคลื่อนไหวกันเร็วมาก ราวกับว่าหากลังเลเพียงครู่เดียว ที่นี่ก็กลายเป็นของคนอื่นทันทีจู่ ๆ เวินหนี่ก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอเปลี่ยนไป แล้วก็เหมือนยังไม่ได้เปลี่ยนไป เธอยังไม่ได้หย่า และยังไม่ขีดเส้นความสัมพันธ์ชัดเจนกับเย่หนานโจวกลับกัน เย่หนานโจวได้เพิ่มความพยายามในการแทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเธอไม่นานเผยชิงก็เก็บข้าวของเสร็จและออกไปเมื่อเห็นว่าเวินหนี่เงียบ เย่หนานโจวจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เมื่อกี้เธอไม่ได้กินอะไรเลย หิวไหม? อยากกินอะไรหน่อยหรือเปล่า?”ตอนนี้เวินหนี่โกรธจนกินอะไรลงที่ไหนกัน “ฉันไม่หิว”“ถึงเธอจะไม่หิว แต่เด็กในท้องของเธอก็ต้องกินอะไรบ้าง” เย่หนานโจวรู้ว่าเธอกำลังโกรธเวินหนี่ลูบท้องตัวเองและรู้สึกสบายใจขึ้น เธอกล่าวขึ้นว่า “หาก

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 408

    เธอไม่อยากสนใจเย่หนานโจวแล้ว และกำลังจะจากไป แต่เย่หนานโจวก็หันมาพอดีและเห็นว่าเธออยู่ที่นั่น เขาจึงพูดขึ้นว่า “ใกล้จะเสร็จแล้ว หิวแล้วใช่ไหม?”เวินหนี่ชะงักและเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง “ฉันสนใจแค่ว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับไป”เย่หนานโจวตอบไม่ตรงคำถาม “อีกสิบนาทีกินข้าว”เวินหนี่เห็นเขาหันกลับไปและตั้งใจทำอาหาร ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากเผชิญหน้ากับคำถามของเธอสิบนาทีต่อมา เย่หนานโจวก็ออกมาพร้อมซุปไก่หนึ่งหม้อเขาวางมันลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเช็ดมือด้วยผ้า แล้วมองเวินหนี่ “มานี่สิ เสร็จแล้ว”เวินหนี่มองซุปไก่ที่เขาอย่างตั้งอกตั้งใจทำตั้งสองชั่วโมง ซึ่งเป็นสูตรสำหรับสตรีมีครรภ์ หากไม่บอกคงคิดว่าเขายอมรับเด็กในท้องของเธอแล้วแน่ ๆเวินหนี่เดินเข้าไปเงียบ ๆ และนั่งลงตรงหน้าเขาเย่หนานโจวเปิดฝา ไอน้ำกำลังเดือด และกลิ่นหอมของเนื้อก็ฟุ้งไปในอากาศ “ดูดีเลยใช่ไหม?”เย่หนานโจวพึงพอใจกับผลงานชิ้นเอกของเขามากเขานั่งลงตรงข้ามเวินหนี่เหลือพวกเขาเพียงสองคนที่อยู่ในห้อง และบรรยากาศก็ดูกลมกลืน ถึงขั้นเหมือนภาพลวงตาที่สามีรักใคร่ภรรยาของเขาเวินหนี่ไม่พูดอะไร หยิบช้อนวางลงในชามแล้วถามว่า “เมื่อกี้ฉันเห็น

Latest chapter

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 514

    นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 513

    เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 512

    เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status