เธอไม่อยากสนใจเย่หนานโจวแล้ว และกำลังจะจากไป แต่เย่หนานโจวก็หันมาพอดีและเห็นว่าเธออยู่ที่นั่น เขาจึงพูดขึ้นว่า “ใกล้จะเสร็จแล้ว หิวแล้วใช่ไหม?”เวินหนี่ชะงักและเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง “ฉันสนใจแค่ว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับไป”เย่หนานโจวตอบไม่ตรงคำถาม “อีกสิบนาทีกินข้าว”เวินหนี่เห็นเขาหันกลับไปและตั้งใจทำอาหาร ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากเผชิญหน้ากับคำถามของเธอสิบนาทีต่อมา เย่หนานโจวก็ออกมาพร้อมซุปไก่หนึ่งหม้อเขาวางมันลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเช็ดมือด้วยผ้า แล้วมองเวินหนี่ “มานี่สิ เสร็จแล้ว”เวินหนี่มองซุปไก่ที่เขาอย่างตั้งอกตั้งใจทำตั้งสองชั่วโมง ซึ่งเป็นสูตรสำหรับสตรีมีครรภ์ หากไม่บอกคงคิดว่าเขายอมรับเด็กในท้องของเธอแล้วแน่ ๆเวินหนี่เดินเข้าไปเงียบ ๆ และนั่งลงตรงหน้าเขาเย่หนานโจวเปิดฝา ไอน้ำกำลังเดือด และกลิ่นหอมของเนื้อก็ฟุ้งไปในอากาศ “ดูดีเลยใช่ไหม?”เย่หนานโจวพึงพอใจกับผลงานชิ้นเอกของเขามากเขานั่งลงตรงข้ามเวินหนี่เหลือพวกเขาเพียงสองคนที่อยู่ในห้อง และบรรยากาศก็ดูกลมกลืน ถึงขั้นเหมือนภาพลวงตาที่สามีรักใคร่ภรรยาของเขาเวินหนี่ไม่พูดอะไร หยิบช้อนวางลงในชามแล้วถามว่า “เมื่อกี้ฉันเห็น
เย่หนานโจวขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชา “นี่เป็นเรื่องของเราอย่าพูดถึงคนอื่นได้ไหม?”เวินหนี่หัวเราะเสียงดัง “ตอนที่คุณพัวพันกับลู่ม่านเซิงก็ไม่ได้บอกฉันว่าเธอเป็นคนอื่นนี่ เย่หนานโจว ฉันไม่เข้าใจคุณเลย ฉันช่วยให้พวกคุณสมความปรารถนาทุกอย่างแล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก?”“เธอหมายถึงตั๋วสองใบนี้เหรอ?” เย่หนานโจวหยิบตั๋วที่เวินหนี่ทิ้งไว้ขึ้นมาเธอบอกเองว่าจะไปฝรั่งเศสกับเขา แต่กลับจองตั๋วเครื่องบินให้เขากับลู่ม่านเซิงเธอช่างใจดีจริง ๆ ผลักสามีตัวเองให้คนอื่นเวินหนี่เหลือบมองเขาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณไม่ได้ไปเหรอ?”เย่หนานโจวฉีกตั๋วสองใบนั้นต่อหน้าเธอแล้ววางลงบนโต๊ะ เขาจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชาคู่นั้น “เธอช่วยให้ฉันสมความปรารถนาเพียงเพราะต้องการพาเด็กหนีไปมากกว่า เธอไม่ได้ช่วยฉัน แต่เธอกำลังช่วยตัวเอง ถูกไหม?”เขามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ดูสิ่งที่เธอบอกว่าแม้ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่มีครบทุกอย่าง ก่อนจะเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “เวินหนี่ เธอทำแบบนี้แล้วได้อะไร ได้มาอยู่ในอะพาร์ตเมนต์แคบ ๆ หรือจะได้พบกับพ่อของเด็กที่แอบมาพบเธอ?”“ตั้งแต่ที่เธอจากฉันมา ผู้ชายคนนั้นคงจะไม่เคยมาหาเธอเลยใช่ไหม?” เย่หนานโจวกำมื
พูดจบ เวินหนี่ก็วิ่งเข้าไปในห้องและปิดประตูเพื่อตัดเสียงรบกวนจากภายนอกในขณะนี้ ห้องนั่งเล่นเงียบมาก เย่หนานโจวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สติหลุดลอยอยู่เป็นเวลานาน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเวินหนี่ถึงอยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เธอชื่นชอบอะไรในตัวผู้ชายคนนั้นกันแน่!ผู้ชายคนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอท้อง เขาไม่รู้ว่าเธออาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์แคบ ๆ นี้ และก็ไม่เคยสนใจเธอเลยในเวลาเดียวกัน เย่หนานโจวก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เวินหนี่ก็ไม่เคยพอใจเขาลงมือทำซุปไก่ให้เธอด้วยตัวเอง แต่เธอกลับคิดว่ามันมีพิษและไม่ยอมดื่มแม้แต่อึกเดียวเมื่อมองดูมือตัวเองที่ถูกไฟลวก เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลานัก!พยายามเอาใจผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจ ใบหน้าของเย่หนานโจวเย็นชา เขายืนขึ้นและเดินไปที่ประตูเผยชิงยังคงรออยู่ข้างนอก เขาแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเย่หนานโจวเดินออกมา เขาอยากอยู่กับเวินหนี่ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้ทำไมถึงจะกลับแล้วล่ะ เขาถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ประธานเย่ คุณไม่ไปหาคุณผู้หญิงเหรอครับ?”ใบหน้าของเย่หนานโจวเย็นชา เขาพูดขึ้นเสียงทุ้ม “ไปหาเธอทำไม? ไปหาให้ตัวเองดูโง่หรือไง?”เมื่อพูดแบ
ผู้ชายมักจะมีความดื้อรั้น และจะดูถูกคนที่ถูกคนอื่นเลือกให้ แต่ตอนนี้เขามองเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปเย่หนานโจวสนใจเวินหนี่มาก!“ไม่มีทางเป็นข้อสอง” เย่หนานโจวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอมีคนอื่นอยู่ในใจ และเธอก็มีลูกแล้วด้วย!”หลังจากได้ยินแบบนี้ฮั่วเยี่ยนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งมีลูกแล้ว?เป็นไปไม่ได้“นายแน่ใจเหรอ?”ฮั่วเยี่ยนถามอีกครั้ง“ถ้าฉันไม่แน่ใจ ฉันจะบอกนายไหม?” เย่หนานโจวพูดเสียงต่ำฮั่วเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นอีกครั้ง “นายแน่ใจเหรอว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของนาย”เขาไม่เคยได้ว่าเวินหนี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย“ฉันกับเวินหนี่ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน!” เย่หนานโจวพูดอย่างหนักแน่น“ฉันยอมนายเลยจริง ๆ!” ฮั่วเยี่ยนสรุป “มีภรรยาตัวน้อยที่สวยขนาดนั้นอยู่ข้าง ๆ นายทนได้ยังไงกัน ถ้านายไม่ถูกสวมเขาแล้วใครจะถูกสวมกันล่ะ?”“...” ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดลง “ไสหัวไป!”เขากดวางสายทันทีเพราะไม่งั้นคงโมโหจนทนไม่ไหว เย่หนานโจวสูบบุหรี่เสร็จแล้ว แต่ยังไม่ดับไฟเขามองขึ้นไปชั้นบนโดยไม่รู้ตัวผ่านหน้าต่างรถ ห้องที่เวินหนี่อาศัยอยู่ ไฟยังคงเปิดอยู่ เมื่อกี้ตอนเวินหนี่กลั
เมื่อเวินหนี่ตื่น ในห้องก็ไม่มีใครแต่ตาของเธอยังเปียกชื้นอยู่เธอจำได้ว่าเมื่อคืนทะเลาะกับเย่หนานโจว เมื่อคลำดูพื้นที่ข้าง ๆ มันก็ไม่มีร่องรอยใครนอนอยู่ที่นั่นดูเหมือนว่าเย่หนานโจวจะกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เวินหนี่ลุกขึ้นและรีบไปดูที่ตู้เสื้อผ้า ปรากฏว่าเสื้อผ้าของเขายังอยู่ ซึ่งหมายความว่าเขายังพัวพันกับเธอไม่เลิกอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมากลับไปสงบอีกครั้งเธอเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ และเตรียมตัวไปทำงานเมื่อไปถึงสถานีโทรทัศน์ ก็ได้ยินเจียงเมิ่งเหยาพูดขึ้นเสียงดัง “อย่ามาขวางทางฉัน เรื่องของเธอสำคัญเท่าเรื่องของฉันหรือเปล่า?”วันนี้เหมือนเธอกินระเบิดมายังไงอย่างงั้น“เมิ่งเหยา วันนี้เธอเป็นอะไรไป ถึงเธอจะอารมณ์ไม่ดีก็ใช่ว่าจะเอามาลงที่คนอื่นได้นะ” เพื่อนร่วมงานถูกพูดใส่แบบนั้น แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่พอใจ เจียงเมิ่งเหยาก็เป็นแบบนี้เสมอ เวลาอารมณ์ไม่ดีก็ไม่ถูกใจใครทั้งนั้น เธอมองไปที่เพื่อนร่วมงานคนนั้นแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้อารมณ์ไม่ดี แต่เธอกำลังขวางทางฉันอยู่ การสัมภาษณ์ของฉันมันสำคัญมาก เธอคิดว่าจะมาเสียเวลาเพราะเธอได้งั้นเหรอ?”“ใครจะไม่รู้ว่าการสัมภาษณ์พิเศษเย่หนานโจวของเธอย
เจียงเมิ่งเหยามองไปที่เวินหนี่ ในใจยังคงรู้สึกโกรธ แต่การสัมภาษณ์พิเศษกับเย่หนานโจวจำเป็นต้องได้การช่วยเหลือจากเวินหนี่ อีกอย่าง หากเธอสามารถจัดการเรื่องการสัมภาษณ์เย่หนานโจวได้ เธอถึงจะสามารถกอบกู้ศักดิ์ศรีที่เสียไปกลับคืนมาได้ หลังจากที่หลัวฉีจากไปแล้ว เจียงเมิ่งเหยาก็มาที่โต๊ะทำงานของเวินหนี่ คราวนี้น้ำเสียงของเธอดีขึ้นมาก “เวินหนี่ เรื่องที่ฉันคุยกับเธอเมื่อวานนี้เธอคิดว่ายังไงบ้าง?”“เมื่อวานฉันก็บอกเธอไปแล้ว” เวินหนี่ไม่ได้มองเธอเจียงเมิ่งเหยาอยากจะสถบด่า แต่เธอยังต้องอดกลั้นเอาไว้ก่อน ที่นี่หากใครไม่ไว้หน้าเธอ เธอก็จะไม่ไว้หน้าคน ๆ นั้นเหมือนกัน แต่เวินหนี่นั้นแตกต่างออกไป รอเธอทำโปรเจ็กต์นี้สำเร็จเมื่อไหร่ เธอจะต้องสอนบทเรียนให้กับเวินหนี่แน่เจียงเมิ่งเหยากล่าวต่อ “แล้วแบบนี้ล่ะเธอว่าเป็นไง เธอไปกับฉัน หากเย่หนานโจวยอมให้สัมภาษณ์ เราก็จะได้ผลงานร่วมกัน เธอคงไม่อยากเขียนข่าวในเพจแบบนี้ตลอดไปหรอกใช่ไหม ใครบ้างที่ไม่อยากขยับขยาย ฉันจะให้โอกาสนี้กับเธอ หากเธอติดตามฉันล่ะก็ ฉันเจียงเมิ่งเหยารับประกันได้เลยว่าภายในหนึ่งปีเธอจะได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของฉันแน่!”หลังจากได้ยิ
“พี่เหยา เวินหนี่คนนี้เป็นใครกันคะถึงได้กล้าต่อต้านพี่ ทนงตนคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นจริง ๆ”“ไม่ไว้หน้าพี่แบบนี้ คนในออฟฟิศจะไม่หัวเราะเยาะพี่หรือไง? พี่ต้องสั่งสอนเธอนะคะ!”ผู้ติดตามตัวน้อยของเจียงเมิ่งเหยาเป่าลมใส่หูเธอ“ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรอก!” เจียงเมิ่งเหยาจำขึ้นใจ ดวงตาของเธอดุร้าย “ฉันจะทำให้เธอยอมช่วยฉันเรื่องนี้แต่โดยดี แล้วต้องเป็นฝ่ายมาขอร้องฉันเองด้วย!”ครั้งนี้เวินหนี่ขับรถของบริษัทออกไปข้างนอกเสี่ยวอิ่งมีความสุขมากและพูดขึ้นว่า “พี่เวิน ทำไมพี่ถึงกล้ายั่วยุเจียงเมิ่งเหยาล่ะคะ นอกจากหัวหน้าบรรณาธิการแล้วทุกคนในออฟฟิศต่างก็ต้องสุภาพกับเธอ”เวินหนี่ขับรถออกไป “ฉันไม่ได้ยั่วยุเธอสักหน่อย ฉันแค่พูดความจริง และฉันไม่อยากทำให้ใครขุ่นเคือง”“แต่พี่ทำให้เธอขุ่นเคืองแล้วล่ะค่ะ” เสี่ยวอิ่งกล่าว “เธอต้องพุ่งเป้ามาที่พี่แน่ ๆ”เธอรู้จักนิสัยของเจียงเมิ่งเหยาดี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องประจบประแจงเธอ แต่หากปฏิเสธเธอ และถูกเธอเพ่งเล็งแล้วล่ะก็จบไม่สวยแน่!เวินหนี่พูดขึ้นอีกว่า “ไม่มีใครสามารถอยู่บนที่สูงได้ตลอดไป ตอนนี้เธอรุ่งโรจน์ แต่ไม่รู้จักประพฤติตนและสร้างศัตรูไปทั่ว เ
อธิการบดีพยักหน้าพลางน้ำตาไหล “พวกเขาบอกว่าคุณแตะต้องเค้กของคนอื่น ดังนั้นพวกเขาก็จะแตะต้องเค้กของคุณด้วย คุณห้ามมาที่นี่อีก หากคุณยังมาที่นี่ พวกเขาจะไม่ออมมือให้แล้ว คุณเวิน ไม่ใช่ว่าฉันอยากขับไล่คุณนะคะ เพียงแต่จะให้เด็ก ๆ ได้รับอันตรายไม่ได้”“นี่มันมากเกินไปแล้ว!” เสี่ยวอิ่งพูด “ไม่ว่ายังไง ก็ไม่ควรทำร้ายเด็ก ๆ ตาม มันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว!”“อธิการบดี ขอโทษนะคะ ฉันทำให้คุณซวยไปด้วย” เวินหนี่ไม่คิดอีกฝ่ายจะทำถึงขนาดนี้ ถึงขั้นโจมตีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า“ไม่ค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เด็ก ๆ ก็คงไม่ได้กินเนื้อเร็วขนาดนี้” อธิการบดียังคงรู้สึกขอบคุณ “แต่ว่าคุณมีปัญหากับใครกัน พวกเขาถึงได้ตัดเส้นทางของคุณแบบนี้ ฉันรู้ว่าคุณเวินทำงานในสถานีโทรทัศน์ ถ้าหากต้องการตัดแข้งขาของคุณแบบนี้ นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาต้องการให้คุณอยู่ในสถานีไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ?”“ต้องเป็นเจียงเมิ่งเหยาแน่ ๆ!” เสี่ยวอิ่งพูดขึ้นทันที “พี่ไม่ยอมช่วยเธอ เธอก็เลยใช้วิธีการเหล่านี้เพื่อข่มขู่พี่!”เวินหนี่มองไปที่เสี่ยวอิ่งที่กำลังโกรธจัด “พี่เวินหนี่ เธออยากให้พี่เชื่อฟังเธอ พี่ต้องช่
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ